ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1575 เข้าป่าหมอกพิษ
มู่เฉียนซีเผยรอยยิ้มบาง แล้วกล่าว “หากฆ่าเจ้า! มันก็น่าเสียดายแย่!”
น่าเสียดาย? เหตุใดต้องเสียดาย?
หมาป่าวายุคลั่งกรีดร้องด้วยความหวาดกลัว “จะ…เจ้าจะทำอะไร? ข้าเป็นหมาป่าบริสุทธิ์นะ! ถึงแม้ตัวตาย…ข้าก็ไม่ยอมก้มหัวให้!”
สีหน้าของมู่เฉียนซีดำคล้ำขึ้น “เจ้ากำลังคิดอะไรของเจ้าอยู่?”
“ดูเหมือนเจ้าจะมีสมุนไพรวิญญาณอยู่ไม่น้อย! ก่อนตายจงส่งมอบมันออกมาเสียดี ๆ !”
“จะ…เจ้ารู้ได้อย่างไร?”
“ก็เจ้าพูดเองนี่นา! ยังจะมาถามข้าอีกว่าข้ารู้ได้อย่างไร”
“จะ เจ้า…เจ้าไม่ใช่มนุษย์แน่ ๆ มิฉะนั้นแล้วจะฟังออกได้อย่างไร!”
“อย่ามาพูดจาให้มากความ ในเมื่อมีก็จงนำออกมา!” กระบี่มังกรเพลิงพิฆาตวิญญาณได้จ่อไปยังศีรษะของหมาป่าหมาป่าวายุคลั่ง
ความรู้สึกอันตรายของพิฆาตวิญญาณที่แผ่ซ่านออกมาจากกระบี่มังกรเพลิงพิฆาตวิญญาณนั้น ทำให้หมาป่าวายุคลั่งขนลุกขนชันไปทั้งตัวด้วยความหวาดกลัว มันกล่าว “จะ…เจ้าอย่าได้ทำอะไรซี้ซั้ว ขะ…ข้าจะนำออกมาให้ประเดี๋ยวนี้ ตามข้ามา!”
ทว่าเจ้าหมาป่าตัวนี้ได้รับบาดเจ็บสาหัส ยามเดินเหินก็เชื่องช้าเป็นอย่างยิ่ง ทำให้มู่เฉียนซีรำคาญใจเป็นที่สุด
“เดินช้าเกินไปแล้ว!”
ประกายแสงสีเงินที่วาบผ่านไปเมื่อครู่ ไม่ใช่ประกายแสงของอาวุธลับที่ใช้สังหารหมาป่าดำไปหรอกหรือ?
หรือว่าคนผู้นี้ไม่พอใจที่มันเดินช้า และไม่คิดอยากได้ของล้ำค่าแล้วจึงจะสังหารมันทิ้ง
ในที่สุด ก็จะได้หลุดพ้นเสียที!
ฟึ่บ! เข็มยาพุ่งเข้าปักลำตัวของมัน และในขณะที่มันกำลังคิดว่าจะต้องจากโลกนี้ไปแล้วนั้น บาดแผลตามลำตัวของมันกลับฟื้นฟูขึ้นมาในระดับหนึ่งอย่างน่าอัศจรรย์
มันไม่ได้ล้มลง ในทางกลับกันยังสามารถเดินได้เร็วขึ้นอีกด้วย
นะ…นี่มัน…
มู่เฉียนซีกล่าว “มัวยืนอึ้งอะไรของเจ้า? ยังไม่รีบนำทางไปอีก”
“ได้!”
มู่เฉียนซีทำให้หมาป่าวายุคลั่งตกตะลึงเป็นอย่างยิ่ง มันจึงไม่กล้าคิดไม่ซื่อแม้แต่น้อย!
เมื่อเดินทางมาถึงรังที่ถูกพรางไว้เป็นอย่างดี หมาป่าวายุคลั่งก็ได้นำของล้ำค่าทุกชิ้นยกให้มู่เฉียนซีไปทั้งหมด
ในเมื่อความตายใกล้เข้ามาในอีกไม่ช้า สิ่งของเหล่านี้ล้วนไม่มีความหมายกับมันอีกต่อไป และมันก็ทำได้เพียงรอความตายเท่านั้น
เมื่อมู่เฉียนซีเก็บสิ่งของล้ำค่าเสร็จเรียบร้อยแล้ว นางจึงกล่าว “ออกไป!”
หมาป่าวายุคลั่งก็เดินออกไปแต่โดยดี จากนั้นมันก็หลับตาลง และรอคอยความตาย!
ในห้วงเวลานั้นเอง สายลมหนาวก็พัดโชยเข้ามา
สีหน้าของมู่เฉียนซีก็เปี่ยมล้นไปด้วยความเคร่งขรึม เมื่อเงาดำโอบล้อมเข้ามา ปัง! หมาป่าวายุคลั่งก็ได้ลอยคว้างออกไปด้วยแรงเตะของมู่เฉียนซี
ไม่ได้ถูกฟันตาย แต่ถูกเตะจนกระเด็น หมาป่าวายุคลั่งไม่เข้าใจแม้แต่น้อยว่ามู่เฉียนซีคิดจะทำอะไรกันแน่?
หรือว่ามนุษย์ผู้นี้จะเปลี่ยนใจ! คิดอยากทรมานมันไปอย่างช้า ๆ แทน
ปัง! ครั้นร่างของมันตกกระทบลงบนพื้น หมาป่าวายุคลั่งก็ค่อย ๆ ลืมตาขึ้น ก่อนจะพบว่าผืนป่าแห่งนี้มีหมอกสีดำปกคลุมไปทั่วแล้ว
ฟู่ ฟู่ ฟู่! หมอกค่อย ๆ แผ่ซ่านไปทั่ว ทำให้ขนของมันค่อย ๆเปื่อยยุ่ย หมาป่าวายุคลั่งรีบถอยหนีไปอย่างรวดเร็ว นี่มันอันตรายมาก!
นะ…นี่มัน…ป่าหมอกพิษ!
ป่าหมอกพิษปรากฏแล้ว มนุษย์ผู้นั้นแย่แน่!
หมาป่าวายุคลั่งรู้สึกสับสนเป็นอย่างยิ่ง ที่มนุษย์ผู้นั้นถีบมันจนลอยคว้างออกไปไกล ก็ไม่ได้มีเจตนาที่จะสังหารมัน แต่เป็นเพราะ…เป็นเพราะต้องการช่วยชีวิตมันต่างหาก!
เหตุใดนางถึงต้องทำเช่นนี้ด้วย หมาป่าวายุคลั่งไม่เข้าใจเลยแม้แต่น้อย!
ในเวลานี้มู่เฉียนซีตกอยู่ท่ามกลางป่าหมอกพิษแล้ว ในที่สุดนางก็ได้พบเจอมันเข้าแล้วจริง ๆ
การที่นางเตะหมาป่าวายุคลั่งตัวนั้นจนลอยคว้างออกไป นับว่าเป็นเรื่องง่ายราวกับปลอกกล้วยเข้าปาก อย่างไรเสียของล้ำค่าที่เจ้านั่นยกให้นางก็เป็นของล้ำค่าที่สั่งสมมานานหลายปี และนางก็รู้สึกพอใจเป็นอย่างยิ่ง นางจึงไม่คิดจะสังหารมันแต่อย่างใด
มู่เฉียนซีใช้พลังวิญญาณเป็นเกราะต้านทานหมอกพิษเหล่านี้ นางค้นพบแล้วว่าที่คนเหล่านั้นพูดมาล้วนถูกต้อง หมอกพิษเหล่านี้สามารถย่อยสลายพลังวิญญาณได้
มู่เฉียนซียังคงหยุดชะงักอยู่ที่เดิม นางรีบสาดยาน้ำออกไปทั่วบริเวณ เพื่อไม่ให้หมอกพิษเหล่านั้นเข้ามาใกล้ได้
จากนั้นนางก็ได้นำหม้อเทพปาฮวางชิงมู่ออกมา แล้วเริ่มกลั่นยาเพื่อใช้รับมือกับหมอกพิษเหล่านี้
มีเพียงยากำจัดหมอกพิษเท่านั้นจึงจะได้ผล ถึงยามนั้นนางก็จะสามารถค้นหาสิ่งของล้ำค่าในสถานที่แปลกประหลาดแห่งนี้ได้สะดวก
เมื่อป่าหมอกพิษปรากฏ ก็มีผู้คนจำนวนไม่น้อยที่หลุดเข้าไปในป่า บ้างก็เสียสติ บ้างก็ล้มตาย บ้างก็พยายามป้องกันตัวเองจากหมอกพิษอย่างสุดชีวิต บ้างก็กำลังเสาะหาของล้ำค่าด้วยความตื่นเต้น!
มู่เฉียนซีใช้เวลาในการกลั่นยาไปไม่น้อย สุดท้ายแล้วก็สามารถกลั่นยาออกมาได้สำเร็จ เมื่อนำมาใส่ในขวดพ่นยาแล้ว นางก็นำมาฉีดพ่นตามร่างกายในทันที
ยาที่มู่เฉียนซีกลั่นนี้ มีกลิ่นสมุนไพรอ่อน ๆ และมันก็แผ่ซ่านไปทั่วทั้งร่างของนาง
มู่เฉียนซีก้าวเดินต่อไปเบื้องหน้า กลิ่นสมุนไพรอ่อน ๆ นี้ก็ได้กลายเป็นเกราะที่ครอบคลุมไปรอบ ๆ ตัวของมู่เฉียนซี ทำให้หมอกพิษเหล่านั้นไม่อาจเข้าใกล้นางได้
ตอนนี้มู่เฉียนซีสามารถขยับเขยื้อนเดินเหินไปท่ามกลางหมอกพิษได้ตามอำเภอใจแล้ว
เนื่องจากหมอกพิษเข้าปกคลุม ทำให้สมุนไพรวิญญาณของสถานที่แห่งนี้กลายเป็นของไร้ค่าไปโดยสิ้นเชิง ไม่อาจนำมาใช้ประโยชน์ได้อีก แล้วข่าวลือที่ว่าภายในป่าหมอกพิษนี้มีสิ่งของล้ำค่าซ่อนอยู่ มันหมายความว่าอย่างไรกัน?
เมื่อมู่เฉียนซีสามารถเดินเหินอยู่ท่ามกลางหมอกพิษได้อย่างอิสระเช่นนี้ ก็ทำให้กลุ่มคนที่ได้พบเจอนางต่างรู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างยิ่ง
“จะ…เจ้าหยุดประเดี๋ยวนี้! เจ้ามีวิธีพิเศษที่ใช้กันหมอกพิษนี้ใช่หรือไม่? รีบบอกข้ามาเดี๋ยวนี้”
มู่เฉียนซีรู้สึกว่าเสียงนี้นั้นช่างคุ้นหูเสียเหลือเกิน คล้ายว่านางจะเคยได้ยินเสียงนี้จากในโรงเตี๊ยมที่ผู้คนเหล่านั้นกำลังสนทนากันอยู่
ไม่แปลกใจเลยที่พวกเขากล้าเข้ามาในป่าหมอกพิษโดยไม่คิดเกรงกลัว เป็นเพราะหญิงสาวที่เดินนำอยู่เบื้องหน้า ได้คล้องสร้อยคอที่เป็นอาวุธป้องกันศักดิ์สิทธิ์ไว้นี่เอง
เพียงแต่การใช้อาวุธป้องกันศักดิ์สิทธิ์อย่างสิ้นเปลืองในสถานการณ์เช่นนี้ ก็ไม่รู้ว่าจะป้องกันได้อีกนานเท่าใด พวกเขาเองก็ร้อนใจ บัดนี้เมื่อพบวิธีที่ได้ผลแน่นอนกว่า พวกเขาย่อมต้องการที่จะได้มันมา!
บุรุษหนุ่มคนอื่น ๆ ต่างก็ทอดมองไปยังมู่เฉียนซีแล้วกล่าว “แม่นาง หากแม่นางมีวิธีจริง ๆ ได้โปรดบอกพวกเราเถิด! พวกเรายินดีจ่ายหยกซวนเป็นการตอบแทน”
“พวกข้าขอไม่ปิดบังเจ้า พวกเราเป็นศิษย์ที่ออกมาฝึกตนจากสำนักกองกำลังระดับสี่! ไม่ว่าจะเป็นหยกซวนชั้นดี หรืออาวุธศักดิ์สิทธิ์แบบใดก็ล้วนมีครบครัน!”
ถึงแม้พวกเขาจะสาธยายไปมากมายเพียงใด สีหน้าของมู่เฉียนซีก็ยังคงเรียบเฉยอยู่ดังเดิม
นางตอบกลับไปเพียงว่า “แต่ข้าไม่ต้องการ!”
จากนั้นนางก็เดินต่อไปเบื้องหน้าโดยไม่นึกสนใจคนเหล่านี้อีก นางไม่จำเป็นจะต้องมาเสียเวลากับคนเหล่านี้
หญิงสาวอาภรณ์ชมพูได้พุ่งเข้ามาขวางเบื้องหน้ามู่เฉียนซีไว้ แล้วกล่าว “เจ้ามีของดีเช่นนี้ ไม่คิดจะนำออกมาแบ่งปันบ้างเลยหรือ? นี่เจ้าคิดจะมองดูพวกเราตายไปต่อหน้าต่อตาหรืออย่างไร? พวกเราเป็นถึงศิษย์ของสำนักกองกำลังระดับสี่เชียวนะ!”
“แล้วมันอย่างไรล่ะ?”
“ที่เจ้าไม่ยอมมอบให้พวกเรา เป็นเพราะเจ้าไม่พอใจกับสิ่งของที่พวกเราเสนอให้ใช่หรือไม่! เจ้าบอกมาได้เลยว่าเจ้าต้องการสิ่งใด แล้วจงบอกวิธีป้องกันหมอกพิษกับเรา”
มู่เฉียนซีเหลือบมองไปยังสร้อยที่คล้องอยู่บนคอของนางแล้วกล่าว “สร้อยคอเส้นนั้นดูเหมือนจะไม่เลวนะ! หากเจ้าอยากรู้จริง ๆ ละก็ นำสร้อยเส้นนั้นมาแลกเสียสิ!”
หญิงสาวอาภรณ์ชมพูกล่าวด้วยความคับแค้นใจ “เจ้าฝันไปเสียเถอะ!”
“เช่นนั้นก็ช่างมันเถอะ!”
เดิมทีมู่เฉียนซีเองก็ไม่ได้ต้องสร้อยคอเส้นนั้นแต่อย่างใด เพียงแต่นางจงใจกล่าวออกไปก็เท่านั้น
จากนั้นร่างสีม่วงก็ได้พุ่งปรี่ออกไปด้วยความรวดเร็ว นางไม่อยากเสวนากับคนเหล่านี้ให้เปลืองเวลาอีก!
“หยุดเดี่ยวนี้นะ!” หญิงสาวอาภรณ์ชมพูกล่าวด้วยความโกรธเป็นอย่างยิ่ง
มู่เฉียนซีแสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน แล้วหายลับไปต่อหน้าพวกเขาอย่างรวดเร็ว
“มันน่าโกรธนัก! มันน่าโกรธนัก! นางถือดีมาจากไหน? รีบไปจับตัวนางมาให้ข้าเดี๋ยวนี้!”
“ศิษย์น้อง! กว่าป่าหมอกพิษจะปรากฏได้ไม่ใช่เรื่องง่าย สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้คือการหาของล้ำค่านะ! จะมามัวเสียเวลากับคนที่ไม่มีความสำคัญเช่นนั้นไม่ได้!”
“ใช่แล้ว! วิธีที่นางใช้ก็ไม่รู้ว่าจะอยู่ได้นานเท่าใด บางทีอาจจะสลายหายไปในอีกไม่ช้าก็ได้ แล้วนางก็จะกลายเป็นเพียงซากศพ อย่างไรเสียอาวุธศักดิ์สิทธิ์ที่ทางเจ้าสำนักมอบให้ก็ล้ำเลิศที่สุด มันจะต้องช่วยให้พวกเราออกจากป่าหมอกพิษนี้ไปได้อย่างแน่นอน ศิษย์น้องไม่จำเป็นจะต้องไปโกรธคนตายหรอก!”
คนเหล่านี้ล้วนรู้จักอุปนิสัยของหญิงสาวอาภรณ์ชมพูผู้นี้เป็นอย่างดี ใช้เวลาไม่นานก็สามารถเกลี้ยกล่อมได้สำเร็จ
ขณะที่พวกเขากำลังเสาะหาของล้ำค่าอยู่นั้น พวกเขาก็ถูกสัตว์ร้ายของป่าหมอกพิษล้อมโจมตี ก่อนจะตะโกนกันเสียงดังลั่น “วิ่ง! ศิษย์น้อง พวกเราต้องหนีเดี๋ยวนี้!”
ขณะที่พวกเขากำลังวิ่งหนีกันอยู่นั้น พวกเขาก็ได้พบเจอกับมู่เฉียนซีอีกครา หญิงสาวอาภรณ์ชมพูกล่าว “นั่นมันเจ้าคนไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงนี่ นางยังไม่ตาย พวกเราต้องล่อสัตว์ร้ายไปหานาง ให้พวกมันขย้ำนางเสีย เช่นนี้ข้าจึงจะหายแค้นได้!”