ปฏิญญาค่าแค้น - ตอนที่ 105 สารภาพรัก
หลี่หมิงอวินยังไม่เข้าบ้านในทันทีหลังจากกลับมาถึงแล้ว เขาให้จิ่นซิ่วเรียกหยินหลิ่วออกมาถามไถ่
หยินหลิ่วไม่รู้จะอธิบายออกไปอย่างไร นางบอกได้เพียงสถานการณ์อาจไม่สู้ดีนัก
หลี่หมิงอวินด้วยความหวั่นใจจึงเดินป้วนเปี้ยนไปมาอย่างลังเลอยู่ด้านนอกพักใหญ่
ตงจึที่มองดูสถานการณ์อยู่ถึงกับยกมือขึ้นปิดปากแอบหัวเราะคิกคัก เอ้อร์เส้าเหยียกลัวเมียสินะ!
“เอ้อร์เส้าเหยียขอรับ ท่านมัวเดินไปเดินมาอยู่ตรงนี้ ข้ารับใช้ในจวนพากันมองหมดแล้วนะขอรับ…” ตงจึกลั้นหัวขณะกล่าวเตือน
หลี่หมิงอวินเงยหน้าขึ้นมองถึงได้พบว่าบรรดาสาวใช้ที่เดินผ่านมาทางนี้ต่างมองมาที่เขาเป็นตาเดียว หลี่หมิงอวินขมวดคิ้ว หลังจากนั้นเขาจึงเดินมือไพล่หลังเข้าเรือนหลั้วเซี๋ยจายไป
หลินหลันซึ่งกำลังนั่งคำนวณบัญชีอยู่ภายในห้องเพื่อดูว่าตั้งแต่นางเข้ามาบ้านหลังนี้ ตระกูลเยี่ยช่วยสมทบเงินให้เป็นจำนวนเท่าไหร่แล้ว ซึ่งเงินเหล่านี้จะต้องทวงคืนจากแม่มดชราให้ได้
หยินหลิ่วเดินลับๆ ล่อๆ ออกไปแล้วก็เดินลับๆ ล่อๆ กลับมา ซึ่งทั้งหมดนั่นอยู่ในสายตาของหลินหลันมาโดยตลอด นางจึงเอ่ยถามอย่างส่งเดช “เอ้อร์เส้าเหยียกลับมาแล้วหรือ”
หยินหลิ่วกล่าวอย่างเก้ๆ กังๆ “น่าจะกลับมาแล้วกระมังเจ้าคะ!”
หลินหลันชายตามองนาง “หยินหลิ่ว โกหกไม่เป็นก็อย่าได้โกหก ดูเจ้าเข้าสิ ขนาดใบหูยังแดงก่ำหมดแล้ว”
หยินหลิ่วยกมือขึ้นจับใบหูทันที “จริงหรือเจ้าคะ”
หลินหลันขี้เกียจจะใส่ใจนาง “ไปส่องกระจกดูเองสิ” หลังจากนั้นนางก็ก้มหน้าดีดลูกคิดต่อไปดั่งเดิม
“เอ้อร์เส้าเหยียกลับมาแล้วเจ้าค่า…” เสียงหวานของจิ่นซิ่วดังขึ้นจากด้านนอก
ตามมาด้วยใครคนหนึ่งแหวกม่านเดินเข้ามา หลินหลันเงยหน้าขึ้นมอง คนผู้นั้นคล้ายจะเดินมาด้อมๆ มองๆ แถวเบื้องหน้าของนางแต่แล้วก็เดินเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้า
ชั่วครู่ถัดมา เขาเดินหน้าเลิศตาลอยเข้ามาแล้วหยุดยืนอยู่ด้านข้างมองดูนางคิดคำนวณบัญชี
“เป็นแม่บ้านแม่เรือนที่ไม่เลวเลยหนิ!” หลี่หมิงอวินจงใจเอ่ยชมนาง
หลินหลันหันหน้าไปมองพร้อมกับกรอกตามองบนใส่เขา “มิใช่เจ้าบอกว่าข้าซื่อบื้อหรอกหรือ”
ใบหน้าอันหล่อเหลาของหลี่หมิงอวินแต่งแต้มด้วยรอยยิ้ม เขาหย่อนตัวลงนั่งอย่างสบายๆ โดยมือหนึ่งพาดไว้กับที่พักแขนของเก้าอี้ไม้เนื้อดี ส่วนอีกมือถือถ้วยน้ำชาขึ้นมาจิบอย่างละเมียดละไม ก่อนจะกล่าวขึ้น “เจ้าเป็นคนประเภทน้ำนิ่งไหลลึกต่างหากล่ะ”
ชิ ทีตอนนี้ดันเปลี่ยนคำพูดหน้าตาเฉย “แต่เมื่อคืนที่เจ้าเมา เจ้าไม่ได้พูดเช่นนี้เสียหน่อย” หลินหลันเอ่ยด้วยน้ำเสียงปนอารมณ์ขุ่นเคือง
หลี่หมิงอวินเลิกคิ้วอย่างสงสัย “อ่อ? แล้วข้าพูดอะไรออกมาหรือ”
หลินหลันทำแก้มป่อง “เจ้าด่าข้าซื่อบื้อ”
หลี่หมิงอวินแสดงสีหน้าเหลือเชื่อ “ไม่ม้าง! ข้าด่าเจ้างั้นหรือ”
“ก็ใช่น่ะสิ” หลินหลันถลึงตาใส่เขาอย่างหงุดหงิด นางได้ยินกับหูตนเองแท้ๆ ยังกล้ามาปฏิเสธอีก
หลี่หมิงอวินกลับถอดถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ที่แท้เรื่องที่นางต้องการคิดบัญชีกับเขาก็คือเรื่องนี้นี่เอง เล่นเสียเขาไม่เป็นอันสงบสุขตลอดทั้งวัน หลี่หมิงอวินมองนางที่กำลังหูหน้าตาแดงด้วยอารมณ์โกรธ เสมือนดอกท้อที่ผลิบาน ณ หมู่บ้านหยวนตงยังไงอย่างงั้น เขาอดไม่ได้ที่จะกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงอันแสนนุ่มนวล “ก็เจ้าซื่อบื้อจริงๆ นี่”
เดิมทีคิดว่าเขาจะปฏิเสธ แต่คาดไม่ถึงเลยว่าเขาจะยอมรับและยังเอ่ยว่านางซื่อบื้อด้วยน้ำเสียงอบอุ่นกระชากใจเช่นนี้
“ในเมื่อเจ้าดูถูกว่าข้าซื่อบื้อ งั้นเจ้าก็ไปหาผู้ที่มีปัญญาล้ำเลิศมาเองแล้วกัน” หลินหลันกล่าวอย่างหงุดหงิด
มุมปากของหลี่หมิงอวินกระตุกขึ้นเล็กน้อย นัยน์ตาของเขาแปรเปลี่ยนไปเป็นลึกลับซับซ้อน “ก็ได้! งั้นเจ้านำสัญญาฉบับนั้นออกมา เราสองยุติสัญญากันเสียตอนนี้เลย”
ครานี้ถึงทีหลินหลันต้องตกอยู่ในสภาวะตกตะลึงบ้างแล้ว ‘ยุติสัญญา’ คำนี้ไม่ต่างจากคลื่นลูกใหญ่ที่ซัดเข้ามากะทันหัน จนทำให้นางถึงกับสมองเบลอไปหมดและเริ่มไม่เข้าใจว่านี่มันเรื่องอะไรกัน นางทำผิดตรงไหน ทำไม่ดีตรงไหนหรือ ก็แค่เจรจาเรื่องเงินเดือนเท่านั้นเองถึงกับต้องผลักไสไล่ส่งกันเลยหรือ นางอุตส่าห์คิดแผนการต่อกรกับแม่มดชราไว้แล้วมากมาย แต่จะไม่ได้ใช้มันแล้วงั้นหรือ หากนางจากไป แล้วผู้ใดจะเข้ามาช่วยเหลือเขา
“เจ้าพูดจริงหรือ” หลินหลันเอ่ยถามภายใต้อาการสงบนิ่งทว่าในใจของนางกลับสับสนยุ่งเหยิงไปหมด
หลี่หมิงอวินพยักหน้าภายใต้สีหน้าเคร่งขรึมอย่างเด่นชัด
หลินหลันทำเพียงพยักหน้าแล้วปลดกระเป๋าเงินที่บริเวณสายคาดเอวก่อนจะหยิบสัญญาที่อยู่ในนั้นออกมาแล้วยื่นมันไปเบื้องหน้าเขา นางมองไปยังดวงหน้าอันหล่อเหลาอย่างไร้ที่ตินี้ นัยน์ตาคู่นั้นฉายความเด็ดเดี่ยวอย่างเด่นชัด มีคำพูดหมื่นล้านและอารมณ์อันวุ่นวายสับสนภายในใจมากมาย ทว่าไม่รู้จะเอื้อนเอ่ยออกไปอย่างไร กว่าครึ่งปีที่ผ่านมานี้ นางทุ่มเทความนึกคิดและจิตใจให้แก่เขาเพียงผู้เดียว คอยดูแลเขา ปกป้องเขา สู้รบเคียงบ่าเคียงไหล่เขา ปลูกฝังมิตรภาพอันลึกซึ้งระหว่างสหายผู้ปฏิวัติ แม้ว่าภาระหน้าที่จะยากเย็นและหนักอึ้ง ทว่านางกลับไม่เคยย่อท้อ เพราะในยามที่นางต้องการความช่วยเหลือก็จะมีเขาที่เสนอตัวเข้ามาเคียงข้างอยู่ร่ำไป เช่นนั้นนางจึงยิ่งควรช่วยเรียกร้องความยุติธรรมให้แก่เขา นางคิดไว้แล้วว่าเมื่อเรื่องราวเป็นอันสำเร็จนางก็จะจากไป แต่คาดไม่ถึงว่าจะมาล้มเลิกกลางคันกันเช่นนี้ นางรู้ดีว่าท้ายที่สุดเขาทั้งสองจะต้องแยกจากกัน ถึงตอนนั้นต่างคนก็ต่างได้รับในสิ่งที่ตนเองปรารถนาโดยไม่ต้องมานั่งเสียใจภายหลัง กลับไม่คาดคิดเลยว่า พอต้องยุติสัญญากันจริงๆ ในใจของนางดันเต็มไปด้วยความรู้สึกเสียใจมากขนาดนี้ มันรู้สึกแย่มากจริงๆ หลี่หมิงอวิน การที่นางชื่นชอบในเงินทองแล้วมันเป็นยังไงหรือ เขาก็รู้จักตัวตนของนางเช่นนี้มาตั้งแต่แรกแล้วมิใช่หรือไร หลี่หมิงอวินทำแผนการชีวิตของนางกลับตาลปัตรวุ่นวายไปหมด จนนางถึงกับทำอะไรไม่ถูก…
หลินหลันยิ่งคิดยิ่งเสียใจ นอกจากความเสียใจ นอกจากความขุ่นเคือง นอกจากทำอะไรไม่ถูก นอกจากอับอาย กลับมีความรู้สึกเจ็บปวดหัวใจอันรุนแรงอย่างบอกไม่ถูก ใช่แล้ว นางกำลังรู้สึกเจ็บปวดหัวใจเข้าแล้ว เป็นใครกันที่เคยเอ่ยไว้ว่าห้ามทอดทิ้งกันไปอย่างง่ายดาย คำปฏิญาณตนในตอนแรกนั่น ทว่าพอเวลาผ่านไปไม่นาน เขาดันตัดสินใจยุติสัญญาด้วยเรื่องเล็กจิบจ๊อยเช่นนี้
ทันใดนั้นดวงตาคู่สวยของนางก็เริ่มเลือนรางโดยไม่รู้ตัว เจ้าทึ่ม ไปตายซะไป! เชิญเจ้าต่อกรกับพ่อผู้ไร้ยางอายและแม่มดชราไปเองเลย หลังจากนี้คงถูกพวกเขาเล่นงานจนไม่เหลือชิ้นดี…
หลี่หมิงอวินมองดูดวงตาของนางที่กำลังเอ่อคลอด้วยหยาดน้ำสีใส เขาหยิบเอาสัญญาในมือของนางมาแล้วเดินไปยังด้านข้างโต๊ะหนังสือ ก่อนจะหยิบสัญญานั่นโยนทิ้งลงกระถางเต่าไฟ กระดาษนั่นถูกชโลมด้วยเปลวเพลิงที่ลุกโชยก่อนจะค่อยๆ ดับมอดกลายเป็นขี้เถา
หลังจากนั้นเขาจึงเดินกลับมาแล้ววางมือลงบ่าทั้งสองข้างของหลินหลัน หลินหลันรู้สึกเพียงหัวใจของตนเองได้ดับมอดลงไปแล้วเช่นกัน ในที่สุดก็ได้เข้าใจคำที่ว่าท้อแท้สิ้นหวังมันเป็นเช่นไร ช่างไม่ต่างจากการยืนอยู่ลำพังบนพื้นทะเลทรายแห้งแล้งเอาเสียเลย
หลินหลันสะบัดตัวหนีและก้มหน้ามองไปที่ปลายเท้าของตนเอง นางไม่อยากให้เขามองเห็นน้ำตาแห่งความผิดหวังของตน
นางถอยหนีโดยมีเขาขยับตามเข้ามาไม่ห่าง จนกระทั่งจนมุมขอบเตียงไร้ซึ่งพื้นที่ให้ขยับถอยได้อีก
“แม้ยังไม่ถึงกำหนดและภาระหน้าที่ยังไม่เป็นอันเสร็จสมบูรณ์ ทว่าเรื่องยุติสัญญาเจ้าเป็นคนเอ่ยออกมา ดังนั้นค่าตอบแทนเพื่อแยกย้ายกันจะต้องจ่ายมาเต็มจำนวนเช่นเดิม รีบจ่ายเงินมาแล้วข้าจะจากไปทันที…” หลินหลันอยากเอ่ยจบเรื่องนี้อย่างใจเย็น แต่สุดท้ายกลับไม่อาจฝืนกลั้นความรู้สึกเอาไว้ได้ ตาทึ่มผู้นี้ รังแกนางเกินไปแล้ว
มือของเขาสัมผัสลงไปที่บ่าทั้งสองของนางอีกครั้ง ซึ่งครั้งนี้ เขาไม่เปิดโอกาสให้นางได้ดิ้นหลุดออกไปอย่างครั้งแรก “ไม่มีสัญญาแล้วแต่ทะเบียนสมรสยังอยู่ หลังจากนี้เราไม่มีความเกี่ยวข้องเชิงผู้ร่วมภารกิจกันอีก เราเป็นเพียงคู่สามีภรรยากันเท่านั้น” เขากล่าวด้วยน้ำเสียงอันนุ่มนวล อบอุ่นและแน่วแน่
หลินหลันตกตะลึง เงยหน้าขึ้นทันทีทันใดพร้อมกับหยาดน้ำตาที่หลินไหลลงมาเป็นสายธาร นางจ้องมองหน้าเขาอย่างสับสน
เขาประคองใบหน้าของนางเอาไว้แล้วใช้ปลายนิ้วมือช่วยปาดหยาดน้ำตาให้แก่นางอย่างอ่อนโยน แสงประกายในดวงตาคู่นั้นแฝงเอาไว้ซึ่งความเจ็บปวดหัวใจ “เจ้าเด็กซื่อบื้อ ตอนนี้เข้าใจความนึกคิดของข้าแล้วหรือยัง”
หลินหลันตกอยู่ในสภาวะมึนงงและสับสนไปหมด นางค่อยๆ ไตร่ตรองหลังฟื้นคืนจากอาการตกตะลึงจนสติหลุดไปชั่วครู่ ที่เขาเอ่ยว่าหลังจากนี้เขาและนางไม่มีความเกี่ยวข้องเชิงผู้ร่วมภารกิจกันอีกแล้ว เป็นเพียงคู่สามีภรรยากันเท่านั้น เขานำทรัพย์สินทั้งหมดในบ้านมอบให้แก่นางและเขายังเอ่ยอีกว่าต้องการเท่าไหร่ก็เอาไปได้เลย เขาเอ่ยว่า…หลินหลัน เจ้าเป็นคนซื่อบื้อ…นี่ถือว่าเป็นการสารภาพรักของเขางั้นหรือ แต่ว่า จะเป็นไปได้อย่างไรกัน ในเมื่อนางไม่ได้มีความสามารถเก่งกาจรอบด้านแต่อย่างใด ภูมิหลังของนางก็มิใช่ผู้รากมากดี ยิ่งไปกว่านั้นนางมิใช่หญิงสาวที่หน้าตาสระสวยขนาดที่ว่ามิอาจมีใครเทียบเคียง ในคราบชีวิตนี้ นางเป็นเพียงสาวบ้านนอกที่หน้าตาธรรมดาๆ ผู้หนึ่งก็ว่าได้
“แต่ว่า…ทำไมถึงเป็นข้า” หลินหลันเอ่ยถามเพื่อหาคำตอบให้ตนเอง นางไม่คิดเลยแม้แต่นิดเดียวว่าหลี่หมิงอวินจะชอบนาง
“แล้วทำไมจะเป็นเจ้าไม่ได้ นอกจากเจ้าแล้วยังมีผู้ใดที่จะมุ่งมั่นตั้งใจเพื่อข้าอยู่ตลอดเวลา ยังมีผู้ใดที่สามารถรักเดียวใจเดียวกับข้าได้ถึงเพียงนี้” เขากล่าวภายใต้รอยยิ้มกรุ้มกริ่ม
“เหตุใดจะไม่มี เจ้าเพียบพร้อมเสียขนาดนี้ มีบุตรสาวตระกูลผู้สูงศักดิ์ตั้งมากมายชื่นชอบเจ้า พวกนางจะต้องมุ่งมั่นตั้งใจต่อเจ้า ทำดีต่อเจ้าอย่างแน่นอนเช่นกัน พอพวกเจ้าศึกษาดูใจกันไปนานๆ ก็จะมีใจรักเดียวใจเดียวต่อกัน…” หลินหลันกล่าว
“แต่ข้าชอบที่เจ้าเป็นเช่นนี้ เรื่องความรู้สึก มิใช่ว่าผู้ใดมีความเพียบพร้อมก็จะดีเลิศกว่าผู้อื่น ต้องดูที่ความเหมาะสมเข้ากันได้ต่างหาก ข้าคิดว่าพวกเราเหมาะสมกัน เหมาะสมกันอย่างมากเลยล่ะ” น้ำเสียงอันนุ่มนวลของเขาเต็มไปด้วยความเสน่หา
เมื่อสบดวงตาเข้ากับดวงตาอันแสนอบอุ่นของเขา หลินหลันรู้สึกดั่งตกอยู่ในห้วงแห่งความฝัน เป็นความรู้สึกที่ดีเสียกว่าการได้ล่องลอยไปบนรถไฟเหาะจากพื้นพสุธาสู่ดินแดนสวรรค์ เรื่องนี้มันรวดเร็วและฉับพลันจนนางไม่ทันตั้งตัว จึงเกิดอาการสับสนเล็กน้อย “แต่ว่า…แต่ว่า…”
หลี่หมิงอวินเลิกคิ้วหนึ่งข้างขณะมองนาง
“แต่ว่า การที่เจ้าชอบข้า ไม่ได้หมายความว่าข้าจะต้องชอบเจ้าเช่นกันหนิใช่ไหม” หลินหลันปาดคราบน้ำตาที่ยังหลงเหลือบนใบหน้า ตาทึ่มนี่ เพิ่งทำร้ายความรู้สึกนาง คนผีทะเล
หลี่หมิงอวินถึงกับชะงัก หรือเป็นเขาหลงใหลนางอยู่ฝ่ายเดียวงั้นหรือ เมื่อนึกได้เช่นนี้ มันทำให้เขารู้สึกผิดหวังอย่างมาก
“คนอย่างเจ้าข้อเสียกองโตเท่าภูเขา ข้าไม่อยากชอบเจ้าหรอก” หลินหลันขอเล่นงานคืน โทษฐานความโกรธเมื่อครู่ที่ยังไม่จางหาย
หลี่หมิงอวินยิ้มเจื่อนและกล่าวออกไป “งั้นเจ้าว่ามาเลย ข้ามีข้อเสียอะไร ข้าปรับปรุงแก้ไขก็ได้มิใช่หรือ”
“ไม่ได้ เจ้ารูปลักษณ์หล่อเหลาเกินไป ง่ายต่อการดึงดูดสาวน้อยสาวใหญ่” หลินหลันพยายามครุ่นคิด แต่แล้วก็คิดออกเพียงเหตุผลเดียวเท่านั้น
หลี่หมิงอวินรู้สึกขมขื่นใจ เกิดมารูปลักษณ์หล่อเหลานี่มันเป็นความผิดของข้าด้วยหรือ
“งั้นจะให้ทำเช่นไร ให้ข้าทำลายหน้าตา?” เขาเอ่ยถาม
หลินหลันส่ายหน้าทันทีทันใด “หากเจ้าเปลี่ยนไปอัปลักษณ์แล้วข้าก็ไม่ชอบเจ้าอยู่ดี”
หลี่หมิงอวินเงยหน้ามองด้านบน “งั้นเจ้าต้องการให้ข้าทำอย่างไร ข้าเคยรับปากเจ้าไว้แล้วด้วยว่าจะไม่รับอนุภรรยาหรือกระทั่งนางบำเรอก็ตาม”
“เจ้ายังใจร้ายใจดำมาก มักทำให้ข้าโมโหอยู่เรื่อย” หลินหลันมุ่ยปาก
“เมื่อไหร่กัน เจ้าไตร่ตรองให้ดีๆ เสียก่อน นอกเสียจากเมื่อครู่ ข้าเคยทำให้เจ้าโกรธด้วยหรอ นี่ข้าก็ยอมเจ้าอยู่นี่ไง เมื่อครู่มันเป็นสถานการณ์ที่สำคัญยิ่ง ดังนั้นถึงได้ใช่วิธีการเด็ดขาดเช่นนั้น” หลี่หมิงอวินกล่าวด้วยความหดหู่ใจ
หลินหลันลองครุ่นคิด ดูเหมือนว่าจะเป็นเช่นนั้นจริงๆ ด้วย พอได้ไตร่ตรองดูแล้ว หลี่หมิงอวินผู้นี้ไร้ซึ่งข้อเสียใดๆ ทั้งรูปลักษณ์กิริยาสง่างาม มีความรอบครอบละเอียดอ่อน ความสามารถเก่งกาจ หน้าที่การงานในอนาคตรุ่งโรจน์ หากอยู่ในยุคปัจจุบัน เขาคงไม่ต่างจากหนุ่มหล่อผู้ร่ำรวย ประหนึ่งคู่แต่งงานซึ่งเป็นดั่งเพชรล่ำค่า แม้ว่าบางครั้งเขาจะชักสีหน้าบึ้งตึงใส่กันบ้าง แต่นั่นก็เป็นการเพิ่มอรรถรสให้ชีวิตอีกรูปแบบ… เขาช่างเป็นบุรุษที่สมบูรณ์แบบจริงๆ นั่นแหละ!
“ก็ได้! งั้นข้าจะลองเปิดใจศึกษาดูใจกับเจ้าดู หากเจ้ากล้ารังแกข้าอีก หรือมีความสัมพันธ์กับผู้หญิงอื่น ข้าก็จะ…”
เมื่อหลี่หมิงอวินได้ยินนางตอบรับ เขาจึงกล่าวด้วยรอยยิ้มโดยไม่ทันรอให้นางเอ่ยจบ “ขอเชิญภรรยาของข้ารอดูได้เลย” จริงอย่างที่จื่ออวี้ว่า สำหรับคนที่ไม่รู้ใจของตนเอง ควรพูดอย่างตรงไปตรงมาถึงจะเป็นการดีที่สุด
ทางด้านนอก สาวใช้จำนวนหนึ่งกำลังยืนสนทนากัน
“หยินหลิ่ว เจ้าไปบอกกล่าวทีสิ! ขืนรอต่อไปมีหวังอาหารได้เย็นฉืดหมดแล้ว” ป๋ายฮุ่ยกล่าว
หยินหลิ่วมุ่ยปาก “ข้าไม่ไป พวกเจ้าก็เห็นว่าวันนี้เอ้อร์เส้าหน่ายนายอารมณ์ไม่ดี เวลาแบบนี้ข้าไม่ขอไปยุ่งด้วยหรอก”
จิ่นซิ่วกล่าว “พวกเขาจะมีปากเสียกันขึ้นมาไหม”
อวี้หลงเขกเข้าไปที่หน้าผากของจิ่นซิ่ว “เรื่องของผู้เป็นนายยังจะกล้าเอามาพูดคุยกันอีก เดี๋ยวเถอะแม่โจวจะได้ลงโทษเจ้าจนได้”
จิ่นซิ่วแลบลิ้นอย่างทะเล้นและกล่าวด้วยรอยยิ้มซุกซน “พวกเราก็แค่เป็นห่วงผู้เป็นนายเท่านั้นเอง”
อวี้หลงมองนางอย่างตำหนิ “อย่ามัวไร้สาระกันอยู่ รีบไปบอกกล่าวเร็วเข้า”
ท้ายที่สุดยังคงเป็นหยินหลิ่วที่ถูกผลักไสให้รับหน้าที่นี้ หยินหลิ่วทำได้เพียงจำใจไปบอกกล่าว “เอ้อร์เส้าหน่ายนายเจ้าคะ อาหารทำไว้เรียบร้อยแล้วนะเจ้าคะ จะให้จัดโต๊ะเลยไหมเจ้าคะ”
หลินหลันที่นั่งอยู่ในห้อง กรอกตามองบนอย่างเซงๆ หลี่หมิงอวินเขี่ยปลายจมูกของนางอย่างเอ็นดูภายใต้ใบหน้ายิ้มระรื่น “ข้าไปเปิดประตูเอง เจ้ารีบเช็ดน้ำตาเร็วเข้า มิเช่นนั้นพวกนางคงได้เข้าใจว่าข้ารังแกเจ้าเข้าแล้วจริงๆ ”
หลินหลันบ่นอุบอิบ “เดิมทีเจ้าก็รังแกข้าจริงๆ หนิ”
หลี่หมิงอวินหันหลังให้นางแล้วเดินไปเปิดประตู ระหว่างนั้นเองหลินหลันฉีกยิ้มสดใสและชูหนึ่งกำปั้นขึ้นมา เย้! ครั้งนี้ได้กำไรแล้ว…