ปฏิญญาค่าแค้น - ตอนที่ 174 รู้สึกไม่ปลอดภัย
คาดเดาว่าคนโปรดคนใหม่ของผู้เฒ่าเผยเก๋อในระยะนี้ คงมีเรื่องราวให้กังวลใจค่อนข้างมาก จึงส่งผลให้การรับประทานอาหารและการนอนหลับมีปัญหาเล็กน้อย สีหน้าเลยไม่สู้ดีเท่าใดนัก ส่วนทารกในครรภ์ยังถือว่าปกติดี หลินหลันจ่ายยาให้แก่นางยาดังกล่าวมีฤทธิ์ช่วยให้จิตใจสงบและช่วยบรรเทาอาการแน่นหน้าอก ท้องอืดและอาเจียนเป็นต้น นอกจากนั้นยังกำชับนางให้พักผ่อนมากๆ แล้วจึงเก็บอุปกรณ์การตรวจรักษาก่อนออกมาพร้อมเผยจื่อชิ่ง
“เจ้าบอกท่านแม่ของเจ้าให้ทำใจให้สบายได้เลย แม่นางท่านนี้ตั้งครรภ์เด็กผู้หญิง” หลินหลันกล่าวขึ้นระหว่างเดิน
“จริงหรือ” ดวงตาเผยจื่อชิ่งลุกวาวทันที แต่แล้วก็หมองหม่นลงอีกครั้ง “เช่นนั้นท่านพ่อข้าคงผิดหวัง”
หลินหลันเอ่ยปลอบ “หากท่านพ่อเจ้ารู้สึกผิดหวังกลับเป็นเรื่องดีเสียอีก เพราะนั่นแสดงว่าท่านพ่อเจ้าเพียงแค่ต้องการบุตรชายไว้สืบทอดวงศ์ตระกูลเท่านั้น ไม่ได้ชอบพอแม่นางท่านนี้จริงจัง”
เผยจื่อชิ่งกล่าวด้วยสีหน้ากลัดกลุ้ม “ก็คงทำได้เพียงปลอบใจตนเองเช่นนี้แล้วละ”
หลังเดินพ้นลานบ้านนางจึงเห็นว่าหลี่หมิงอวินกำลังรออยู่ ทั้งสองกล่าวร่ำลาเผยจื่อชิ่งแล้วมุ่งหน้าไปร้านยา ฝูอานและโม่จื่อโหยวกำลังตรวจนับวัตถุดิบยาที่เพิ่งส่งมาถึง ขณะที่อวี้หลงและหยินหลิ่วกำลังช่วยกันลำเลียงยาเข้าตู้ยาขนาดใหญ่ ทุกคนกำลังยุ่งวุ่นวายจัดสิ่งของให้เข้าที่เข้าทาง หลินหลันเดินวนจนทั่วร้านแต่กลับไม่เห็นเหวินซานและตงจึจึงเอ่ยถามหยินหลิ่วว่าสองคนนี้หายไปไหนเสียแล้วถึงได้ไม่มาช่วยกันสักหน่อย
หยินหลิ่วตอบว่าเหวินซานไปหาท่านพ่อของเขาที่ร้านผ้าไหมตระกูลเยี่ย ตงจึจึงติดตามไปร่วมดื่มน้ำชาด้วยเสียแล้ว
“หยินหลิ่ว เจ้าพักมือจากงานแล้วไปเรียกพวกเขากลับมาหาข้าทีสิ มาช่วยกันรีบทำให้เสร็จจะได้รีบพักผ่อน” หลินหลันสั่ง
หยินหลิ่วเห็นด้วยอย่างยิ่ง นางขานรับแล้วเตรียมออกไป ทว่าหลี่หมิงอวินกลับยกมือขึ้นห้าม กล่าว “เดี๋ยวข้าไปเองแล้วกัน! จะได้ถือโอกาสดูด้วยว่าท่านลุงอยู่หรือไม่”
หลี่หมิงอวินหายไปไม่นานก็กลับมาพร้อมกับตงจึ
“เหวินซานช่วยท่านพ่อของเขานับสินค้าจวนจะเสร็จแล้ว ข้าเลยบอกเขาว่าพอเรียบร้อยดีก็ให้รีบตามมา ส่วนเจ้าเด็กนี่อยู่ทางนั้นเกะกะมือเท้าเปล่าๆ ก็เลยหิ้วเขากลับมาก่อน” หลี่หมิงอวินกล่าวพลางชำเลืองตามองตงจึ เจ้าเด็กคนนี้ ทุกคนกำลังยุ่งหัวปั่นเขากลับกล้าดีมัวไปคุยกับสาวใช้สองคนอย่างออกรสออกชาติอยู่ได้
ตงจึหัวเราะหน้าระรื่นพลางม้วนแขนเสื้อขึ้น “พี่ฝูอาน เดี๋ยวข้าช่วยเจ้าเอง…”
หลินหลันมองหมิงอวินพลางส่ายหน้า หลี่หมิงอวินกระแอมขึ้นสองครั้ง “ฤดูใบไม้ผลิมาถึงแล้ว คือว่า…เจ้าก็คงรู้ดีอยู่แล้วเช่นกัน”
หลินหลันโยนสมุดบัญชีลอยละลิ่ว “ข้าไม่รู้อันใดทั้งนั้น ช่วยข้าจดบันทึกบัญชีหน่อยแล้วกัน ข้าจะไปช่วยศิษย์พี่รองตรวจผู้ป่วย”
“ให้ข้าจดบัญชี? มิใช่ว่ามีผู้ดูแลบัญชีอยู่แล้วหรอกหรือ” หลี่หมิงอวินส่งเสียงตะโกนขณะถือสมุดบัญชีไว้ในมือ
หลินหลันไม่แม้แต่จะเหลียวกลับมามอง “วันนี้วันหยุดของผู้ดูแลบัญชี”
หลี่หมิงอวินเปิดสมุดบัญชีอย่างเศร้าสร้อยพลางบ่นอุบ “ผู้ดูแลบัญชีนี่ก็ช่างเข้าใจเลือกวันหยุดเสียจริง”
หยินหลิ่วและอวี้หลงปิดปากหัวเราะคิกคัก
ทุกคนร่วมแรงร่วมใจกันจนเวลาผ่านไปกว่าครึ่งชั่วโมงถึงเป็นอันตรวจนับและจัดวัตถุดิบยาเข้าที่เข้าทางอย่างเป็นระเบียบเสร็จสิ้นถึงตอนนั้นเหวินซานก็กลับมาพอดี เขากล่าวว่านายท่านใหญ่เพิ่งกลับเข้ามาและวานเขามาบอกว่าวันงานของเยี่ยซินเอ๋อร์กำหนดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เป็นวันที่ห้าเดือนห้า
“กำหนดแล้วหรือ! กำหนดแล้วก็ดี เยี่ยมไปเลย หมิงอวิน เห็นทีว่าพวกเราต้องเตรียมของขวัญแสดงความยินดีแล้วสินะ”ได้ยินข่าวนี้ หลินหลันอารมณ์ดีอย่างยิ่ง เมื่อถึงเดือนห้าจะเป็นอันครบหนึ่งปีที่เยี่ยซินเอ๋อร์ถูกกักบริเวณ ไม่รู้ว่านางตาสว่างขึ้นแล้วหรือไม่ หรือว่าจะอาลัยอาวรณ์หนักกว่าเดิม แต่ไม่ว่านางจะคิดอย่างไร ขอเพียงแต่งงานออกเรือนไปแล้วก็คงทำอันใดต่อหมิงอวินไม่ได้อีก
หลี่หมิงอวินกล่าวด้วยรอยยิ้มจางๆ “เจ้าเป็นนายหญิง เรื่องของขวัญพวกนี้เจ้าจัดการเถอะ”
“ได้สิ ไม่มีปัญหา ข้ารับประกันว่าจะมอบของขวัญชิ้นโตให้เปี่ยวเหม่ย” หลินหลันกล่าวด้วยความสะใจ
หยินหลิ่วและอวี้หลงแอบถอนหายใจอย่างโล่งอก เมื่อเปี่ยวเสี่ยวเจี่ยะออกเรือนไปแล้วก็จะได้ไม่รบกวนนายน้อยอีก
ทุกคนพากันกลับจวนด้วยความสุขใจ ทันทีที่พ้นประตูเข้าไปผู้เฝ้าหน้าประตูก็บอกกล่าว “เอ้อร์เส้าเหยีย นายท่านให้ไปพบที่ห้องหนังสือหลังกลับมาถึงจวนขอรับ”
หลี่หมิงอวินพยักหน้าแล้วเอ่ยถามเขา “คุณชายใหญ่กลับมาแล้วหรือไม่”
“กลับมาตั้งนานแล้วขอรับ อยู่ที่ห้องหนังสือของนายท่านเช่นกันขอรับ!”
หลินหลันกล่าว “เช่นนั้นเจ้ารีบไปเถอะ! เดี๋ยวข้ากลับไปเรือนหลั้วเซี๋ยจายก่อน”
ผู้เฝ้าประตูกลับกล่าวขึ้นมาว่า “เอ้อร์เส้าหน่ายนายขอรับ เหล่าไท่ไทให้ท่านไปพบที่โถงจาวฮุยเช่นกันขอรับ”
เอ่อ! มีเรื่องมากมายเพียงนี้เชียว? ทั้งสองมองอีกฝ่ายอย่างเห็นอกเห็นใจ ผู้หนึ่งเดินตรงเข้าไปด้านในโดยมีหยินหลิ่วติดตาม อีกผู้หนึ่งเดินมุ่งไปยังห้องหนังสือส่วนนอกทางด้านขวาโดยมีตงจึเป็นผู้ติดตาม ส่วนเหวินซานและอวี้หลงหันหน้ามองกันเลิ่กลั่ก เมื่อไม่ต้องติดตามไปด้วยพวกเขาไปจึงทำได้เพียงกลับไปก่อน
เมื่อหลินหลันไปถึงโถงจาวฮุย เป็นจังหวะเดียวกับที่แม่จู้ออกมาจากด้านในพอดิบพอดีนางจึงเอ่ยถาม “แม่จู้ ท่านรู้หรือไม่ว่าท่านย่าเรียกข้ามาพบด้วยเรื่องอะไร”
แม่จู้ถอนหายใจกล่าว “เดิมทีอยากเรียนเชิญเอ้อร์เส้าหน่ายนายกลับมาตั้งแต่ช่วงบ่ายแล้วเจ้าค่ะ”
หลินหลันตระหนกตกใจเล็กน้อย “สรุปแล้วเกิดเรื่องอันใดขึ้นหรือ”
“เดิมทีเป็นเรื่องน่ายินดี ทว่ายามนี้กลับเป็นเรื่องวุ่นวายเสียแล้วเจ้าค่ะ” แม่จู้เล่าสถานการณ์คร่าวๆหลินหลันถึงรับรู้ว่าช่วงกลางวันที่นางไม่อยู่ ได้พลาดละครดีๆ ฉากหนึ่งไปเสียแล้ว
เรื่องราวมีอยู่ว่า วันนี้ตอนที่หลิวอี๋เหนียงรับประทานอาหารกลางวันจู่ๆ ก็เกิดอาการพะอืดพะอมและอาเจียนออกมาไม่หยุด นายท่านใหญ่ก็ไม่อยู่บ้าน เจี่ยนชิวจึงไปหาแม่มดชราให้นางช่วยเชิญหมอมาสักคน เมื่อเชิญหมอมาตรวจอาการเป็นที่เรียบร้อยก็ได้ความว่าอนุภรรยาหลิวตั้งครรภ์แล้ว แม่มดชราได้รับข่าวคราวนี้จึงเป็นลมล้มพับไป
แม่มดชราจะไม่ถึงขั้นเป็นลมล้มพับไปได้อย่างไรหรือ ในเมื่อเรื่องของอวี๋เหลียนเพิ่งเกิดขึ้นไปหมาดๆ แล้วอนุภรรยาหลิวก็ดันตั้งครรภ์ขึ้นมาอีก หากการปลิดชีพผู้คนไม่ใช่เรื่องผิดกฎหมาย เดาว่ายามนี้นางคงเตรียมมีดไปเชือดคนแล้วแน่นอน
หลินหลันแสร้งกล่าวอย่างเป็นห่วงเป็นใย “เช่นนั้นยามนี้ฮูหยินเป็นอย่างไรบ้าง อยู่ด้านในด้วยหรือไม่”
แม่จู้ส่ายหน้า “ฮูหยินอยู่ที่โถงหนิงเฮ๋อนู่นเจ้าค่ะ! เหล่าไท่ไทไปปลอบประโลมนางอยู่ครึ่งค่อนวันเพิ่งจะกลับมาไม่นานนี้เองเจ้าค่ะ เรื่องในบ้านนี้วุ่นวายไปหมด ดังนั้นเหล่าไท่ไทจึงเรียกเอ้อร์เส้าหน่ายนายมาพบหน่อยเจ้าค่ะ”
หลินหลันครุ่นคิดอย่างถี่ถ้วน การเรียกให้นางมาพบอย่างมากก็คงให้นางช่วยผดุงครรภ์ของอนุภรรยาหลิวและช่วยรักษาอาการปวดสมองของแม่มดชราอะไรทำนองนั้น ส่วนเรื่องอื่นๆ นางก็คงไม่อาจช่วยเหลืออะไรได้ หรือต่อให้ช่วยได้ นางก็ขี้เกียจจะช่วยเช่นกัน ในเมื่อนางแทบอดใจรอที่จะได้เห็นความวุ่นวายไม่ไหวยิ่งวุ่นวายมากเท่าใดยิ่งดี ทำให้แม่มดชราโกรธเกรี้ยวจนจุกอกตายไปเลยจะเป็นการดีที่สุด
“เช่นนั้นข้าจะเข้าไปพบเดี๋ยวนี้ละ”
แม่จู้กล่าว “เอ้อร์เส้าหน่ายนายรีบเข้าไปเถอะเจ้าค่ะ! บ่าวจะไปสั่งการทางห้องครัวสักหน่อยให้ช่วยทำอาหารอ่อนๆ ไว้ให้เหล่าไท่ไท”
หลินหลันคิดว่าหญิงชราก็คงกลัดกลุ้มไม่แพ้กัน แต่เห็นว่าหญิงชรากลับมีสีหน้าปกติดีและดูเหมือนจะมีความดีใจเล็กน้อยด้วยซ้ำ เมื่อเห็นนางเข้ามาก็รีบเอ่ยปากเรียกให้เข้าไปนั่งลงทันที
“ข้าเรียกเจ้ามาเพราะมีเรื่องสำคัญเร่งด่วน เมื่อช่วงกลางวันเจ้าไม่อยู่บ้าน จู่ๆ หลิวอี๋เหนียงเกิดไม่สบายขึ้นมาก็เลยต้องเรียนเชิญหมอผู้หนึ่งมาตรวจดูอาการ ผลปรากฏว่านางตั้งครรภ์แล้ว ซึ่งนี่นับว่าเป็นเรื่องน่ายินดีอย่างยิ่ง ตระกูลหลี่ของพวกเรามิขาดเหลืออันใดทั้งสิ้นยกเว้นก็แต่ผู้สืบทอดวงศ์ตระกูลบางตาไปหน่อย จะว่าไปแล้ว นี่ก็เป็นน้ำพักน้ำแรงของเจ้า หากมิใช่เจ้าช่วยปรับสมดุลร่างกายของหลิวอี๋เหนียงให้แข็งแรงขึ้น นางก็คงไม่อาจตั้งครรภ์ได้รวดเร็วปานนี้ ย่าเลยอยากถามไถ่เจ้าว่า อาการป่วยก่อนหน้าของหลิวอี๋เหนียงหายเป็นปลิดทิ้งแล้วหรือไม่” หญิงชราเอ่ยถาม
หลินหลันประหลาดใจกับหญิงชราท่านนี้เสียจริง แม้แต่แม่จู้ยังเห็นใจแม่มดชราอยู่ไม่น้อย ทว่าหญิงชราไม่เพียงไม่เอ่ยถึงเรื่องที่แม่มดชราเป็นลมล้มพับไป แต่ยังให้ความสนใจเพียงหลานที่อยู่ในครรภ์ของอนุภรรยาหลิวเท่านั้น…นี่ช่างใจจืดใจดำเสียจริง
หลินหลันฉีกยิ้มเล็กน้อย “ร่างกายของหลิวอี๋เหนียงเดิมทีก็ไม่มีอันใดร้ายแรงเจ้าค่ะ เพียงแต่มดลูกได้รับผลจากร่างกายถูกความเย็นมากเกินไปจึงไม่อาจตั้งครรภ์ได้โดยง่าย ยามนี้ในเมื่อตั้งครรภ์แล้ว จึงเป็นที่แน่นอนว่าคงหายปกติดีแล้วเจ้าค่ะ”
หญิงชราเผยท่าทีโล่งอกอย่างเห็นได้ชัด นางกล่าวยิ้มๆ“เช่นนั้นข้าก็สบายใจแล้วล่ะละ หลังจากนี้ฝากเจ้าช่วยดูแลสุขภาพของหลิวอี๋เหนียงให้มากๆ หน่อย เพื่อจะได้มั่นใจว่าเด็กผู้นี้จะเกิดมาอย่างสมบูรณ์แข็งแรง”
หลินหลันค้อมตัวลงเบื้องหน้าเล็กน้อย “หลานจะพยายามสุดแรงกายแรงใจแน่นอนเจ้าค่ะ”
หญิงชราเผยรอยยิ้มก่อนถอนหายใจออกมา “ระยะนี้เกิดเรื่องไม่ดีมากมาย ในที่สุดก็มีเรื่องดีๆ เกิดขึ้นมาบ้างเสียที”
หลินหลันแอบครุ่นคิดอย่างเงียบๆ เจ้าดีใจ ทว่าแม่มดชรากลับใกล้จะเป็นบ้าแล้วกระมัง
“ทว่า…หลานเกรงว่าท่านแม่จะไม่ดีใจน่ะสิเจ้าคะ!” หลินหลันกล่าวแผ่วเบา
หญิงชราขมวดคิ้วทันที “ไม่หรอก หากนางมิรู้จักอดทนแล้วนางยังจะเป็นนายหญิงใหญ่ของบ้านได้อย่างไรกัน”
เมื่อกลับมาถึงเรือนหลั้วเซี๋ยจายปรากฏว่าหมิงอวินกลับมาถึงก่อนหน้าเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“ท่านพ่อเรียกเจ้าไปด้วยเรื่องอันใดหรือ”
“ท่านย่าเรียกเจ้าไปด้วยเรื่องอันใดหรือ”
ทั้งคู่เอ่ยถามขึ้นพร้อมกันอย่างน่าประหลาดต่างคนต่างตะลึงงันไปชั่วครู่ก่อนหัวเราะขึ้นมา
หมิงอวินกล่าว “เจ้าบอกเล่ามาก่อนเถอะ!”
หยินหลิ่วชงน้ำผึ้งมาให้นายหญิงสะใภ้รอง “เอ้อร์เส้าหน่ายนายเจ้าคะ ข้าน้อยไปจัดโต๊ะอาหารยามนี้เลยนะเจ้าคะ?”
หลินหลันยกมือขึ้นโบกมือ “ไปเถอะ! ข้าก็หิวแล้วเช่นกัน”
หลินหลันดื่มน้ำเข้าไปหนึ่งอึกแล้วจึงกล่าว “หลิวอี๋เหนียงตั้งครรภ์แล้ว ท่านย่าเลยให้ข้าช่วยดูแลร่างกายของนางให้มากๆ หน่อย”
หลี่หมิงอวินเอนกายพิงพนักเก้าอี้อย่างผ่อนคลาย มือข้างหนึ่งพาดอยู่บนที่พักแขน ส่วนอีกข้างเคาะอยู่บนโต๊ะเบื้องหน้าเป็นจังหวะ มุมปากเหยียดยิ้มหยัน “ตอนที่ท่านแม่ตั้งครรภ์ข้า มิเห็นว่านางจะเอาใจใส่ถึงเพียงนี้เลย”
ความเย็นชาแต่ละอย่างที่หญิงชราปฏิบัติต่อมารดาของหมิงอวินในตอนแรก นางเคยได้รับฟังมาบ้างแล้วเช่นกัน หากมิใช่เพราะทุกวันนี้หมิงอวินโดดเด่นเป็นใหญ่เป็นโต เกรงว่าหญิงชราก็คงไม่เห็นหมิงอวินในสายตา อีกทั้งพ่อหลี่ผู้ไร้ยางอายก็คงไม่คอยให้ท้ายอย่างทุกวันนี้เช่นกัน เฮ้อ…ความนึกคิดของหญิงชราผู้นี้ช่างเป็นอะไรที่เข้าใจอย่างง่ายดายยิ่งนัก
“คาดว่าครานี้แม่มดชราคงได้โกรธจนคลั่งอีกแล้วกระมัง” หลี่หมิงอวินกล่าวอย่างไม่แยแส
“มิได้คลั่ง แต่เป็นลมล้มพับไปเลยต่างหาก” หลินหลันกล่าว
หลี่หมิงอวินเลิกคิ้วมองนาง ทันใดนั้นก็อมยิ้มขึ้น “นางในตอนนี้ได้พบเจอมรสุมรุมเร้าของจริงแล้วสินะ!”
หลินหลันยกมือขึ้นโบกปัด “เรื่องนี้เอาไว้ก่อนแล้วกัน ข้ามีคำถามอยากถามเจ้า”
“เจ้าว่ามาสิ” หลี่หมิงอวินมองหน้าด้วยรอยยิ้มน้อยๆ ทำทีราวกับล้างหูเตรียมรอฟัง“ถ้าหาก…ถ้าหากข้า ในอนาคตข้างหน้าข้าไม่มีบุตรชายให้จะทำอย่างไรหรือ เจ้าจะรับอนุภรรยาเช่นกันหรือไม่” คำถามนี้หลินหลันอยากถามมาตั้งเนิ่นนานแล้ว จนวันนี้ถูกเรื่องของเผยฮูหยินสะกิดมันขึ้นมาอีกครั้ง
หลี่หมิงอวินรู้ดีว่าคำถามประเภทนี้ตอบอย่างสะเปะสะปะไม่ได้ ในเมื่อหลินหลันมีความนึกคิดถึงขั้นนี้ขึ้นมา หากไม่รีบช่วยขจัดมันให้โดยเร็ว ความคับข้องในใจของนางนี้ก็จะตราตรึงอยู่ตลอดไป หลี่หมิงอวินหุบยิ้ม แววตาหนักแน่น เขาโน้มตัวเข้ามาแล้วกอบกุมมือนางเอาไว้ “คำถามนี้ ข้าคิดว่าเรื่องมีบุตรชายหรือไม่มีโชคชะตาจะเป็นตัวกำหนด ข้าไม่อาจไปร้องขอหรือเคี่ยวเข็ญได้ มีก็ดีไม่มีก็มิเป็นไร ข้าขอเพียงเจ้า แค่ข้ากับเจ้าสองคน ได้ครองรักกันอย่างลึกซึ้งไปชั่วชีวิต”
หลินหลันไม่รู้สึกมั่นใจเท่าใดนัก “ตอนนี้เจ้าก็พูดดีได้ รอเวลานานเข้า ความรักก็คงจืดจางลงไปเช่นกัน พอเจ้าอายุมากแล้ว มิแน่ว่าคงไม่คิดเช่นนี้แล้ว”
หลี่หมิงอวินหัวเราะเบาๆ “เช่นนั้นก็ง่ายจะตาย ข้าจะร่างสัญญาไว้ให้เจ้าฉบับหนึ่ง หากในภายภาคหน้าข้าใช้ข้ออ้างที่ว่าไร้ผู้สืบทอดสกุลเพื่อต้องการรับอนุภรรยาเข้ามา ทรัพย์สมบัติของตระกูลหลี่ทั้งหมดให้ตกเป็นของเจ้าแต่เพียงผู้เดียว แล้วเจ้าก็ขับไล่ข้าออกจากบ้านไปได้เลย”
สองดวงตาคู่งามของหลินหลันเป็นประกายขึ้นทันที “เจ้าพูดจริงหรือ”
หลี่หมิงอวินยืดตัวตรงดิ่งและกล่าว “บุรุษพูดคำไหนคำนั้น”
หลินหลันวางถ้วยน้ำชาลงดังตึง แล้วลุกขึ้นวิ่งไปยังห้องหนังสือ เพียงชั่วพริบตานางก็กลับมาพร้อมกับกระดาษและพู่กัน “เช่นนั้นพวกเราก็มาเขียนสัญญากันเถอะ!”
หลี่หมิงอวินมองสีหน้าพึงพอใจอย่างยิ่งของนางก็รู้สึกหมดคำบรรยาย “เอาจริงหรือ…”
“หรือว่าเจ้าแค่พูดปลอบใจข้า?” หลินหลันมุ่ยปาก แสดงท่าทีระทมทุกข์อย่างยิ่ง
“จะได้อย่างไรกัน” หลี่หมิงอวินกล่าวขึ้นทันควัน “ข้าจะแค่พูดปลอบเจ้าได้อย่างไรกัน หากเขียนสัญญาแล้วทำให้เจ้าสบายใจได้ ให้ข้าเขียนเป็นสิบๆ ฉบับข้าก็ยินดี”
หลินหลันแสร้งแสดงสีหน้าน่าสงสารต่อไป “ข้าเองก็มิใช่ว่าไม่เชื่อใจเจ้า เพียงแต่เจ้าก็รู้ดีว่ารอบกายข้ามีตัวอย่างเช่นนี้ให้เห็นมากมายเหลือเกิน จึงทำให้ข้ารู้สึกไม่ปลอดภัยเท่าใดนัก”
หลี่หมิงอวินถลกแขนเสื้อ “ข้าจะเขียนให้ เช่นนี้เจ้าก็จะได้มิต้องคิดให้วุ่นวายใจอีกแล้ว”
หลินหลันกรีดร้องด้วยความยินดีอยู่ภายในใจ เมื่อมีสัญญานี้แล้วก็ไม่ต้องเกรงว่าภายภาคหน้าเขาจะกลับคำ ในฐานะสตรีอย่าได้ริใจอ่อนเกินไปเป็นอันขาด ต้องรู้จักเหลือทางหนีทีไล่ไว้ให้ตนเองด้วย หากไม่อาจรั้งหัวใจของบุรุษเอาไว้ได้ เช่นนั้นก็รั้งทรัพย์สินทั้งหมดของเขาเอาไว้เสีย เมื่อเขาสิ้นเนื้อประดาตัวแล้ว การปกครองเขาก็จะมิใช่เรื่องยากเย็นอีกต่อไป