ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก - บทที่ 481 เขาโรคา
บทที่ 481 เขาโรคา
“ยาขจัดพิษ…รึ”
เฉินเฉียงเองก็ยังต้องนึกสงสัยเมื่อได้ยิน
เพราะเหตุนี้รึเปล่าที่วิหารศักดิ์สิทธิ์ตามตัวเขาอยู่
“ไม่ว่าจะด้วยเหตุอันใดก็ตาม เทพเงินตรา พวกเราจะเชื่อในการตัดสินใจทำธุรกิจของเจ้า เจ้าเองก็คอยติดตามข่าวสารเอาไว้แล้วกัน”
“เจิ้งยี่กับเม่ยซิน พวกเจ้าเองก็อยู่ที่นี่ไปก่อนแล้วกัน”
หลังจากพูดคุยกันหมดสิ้น เฉินเฉียงก็ได้ออกจากหอการค้าเหมันต์จันทราและมุ่งตรงไปเขาโรคา
ที่ริมเขตของเขาโรคา เฉินเฉียงได้บินมาถึงด้วยความเร็วที่ไม่มากนัก ก่อนที่จะนำป้ายคำสั่งของผอ.จ้งออกมาไว้ในมือ นี่ทำให้กำแพงเขตแดนที่เป็นหมอกสีเทาจางหายไปแทบจะในทันที น นี่ทำให้เฉินเฉียงบินพุ่งตรงไป
“ใครกัน”
ในทันทีที่สิ้นเสียง ร่างหกร่างก็ได้ปรากฏล้อมรอบเขาไว้
เฉินเฉียงบอกได้ด้วยการมองเพียงปราดเดียวว่าทั้งหกคนนี้เป็นคนของหอกองโจรหมาป่า
เฉินเฉียงไม่ได้พูดสิ่งใดออกมา ทำเพียงนำมือไปไพล่หลังเอาไว้ รอรับฟังคำพูดจากทั้งหกคน
“เป็น ผอ.จ้งนี่เอง เชิญเข้ามา”
เท่าที่มอง ทั้งหกคนน่าจะอายุประมาณสามสิบปีและดูเหมือนล้วนแล้วมาจากสำนักเต๋าสวรรค์ชั้นฟ้าทั้งหมดทั้งสิ้น นี่จึงทำให้พวกเขาจดจำผอ.จ้งได้เพียงเห็นในแวบแรกและโค้งคำนับอย่าง เคารพ
ศิษย์สำนักเต๋าสวรรค์ชั้นฟ้านั้นล้วนแล้วถูกส่งเข้าไปประจำอยู่ในวิหารศักดิ์สิทธิ์ในทุกๆปีอย่างไม่ว่างเว้น ในฐานะที่เขาเป็นผอ.สำนัก ต่อให้ไม่มีเรื่องของระดับบ่มเพาะเข้ามาเกี ยวข้อง เพียงแค่สถานะผอ.สำนักก็เทียบเท่ากับผู้คุมหอทั้งสี่ได้แล้ว
เฉินเฉียงพยักหน้ารับก่อนจะพูดออกมา “เมื่อไม่กี่วันก่อนตอนที่ข้าออกไปตามจับคนทรยศของวิหารศักดิ์สิทธิ์หลิวเซียนนั้น ข้าได้ยินมาว่าคนจากวิหารศักดิ์สิทธิ์นั้นฝากข้อความเอาไว ว้ให้ข้ามาที่นี่ พวกเจ้ารู้หรือไม่ว่ามีเรื่องอันใด”
“ไอ๊ยะ ท่านผอ.จ้ง เรื่องพวกนั้นเป็นคำสั่งจากเบื้องสูง เบื้องล่างเช่นพวกข้านั้นจะรู้ได้ยังไงกัน”
“แต่การที่มีคนของที่นี่ถ่อไปถึงที่สำนักได้นั้น ยังไงซะก็ต้องผ่านการได้รับอนุญาตจากหอหลักก่อนอยู่แล้ว ข้าว่าท่านไปถามที่หอหลักโดยตรงจะดีกว่า”
หอหลัก…เรอะ
เฉินเฉียงที่เสียเวลามาที่นี่ในครั้งนี้เป็นเพราะต้องการมาสังเกตการณ์หอหลักของวิหารศักดิ์สิทธิ์อยู่แล้ว
…..เพียงแต่ว่าเขานั้นไม่รู้ว่าหอหลักตั้งอยู่ที่ใด
“อืม ก็จริง เอาอย่างนี้แล้วกัน ใครสักคนในพวกเจ้าเดินไปหอหลักกับข้าหน่อยแล้ว ข้ามีเรื่องราวที่จะถามไถ่”
ด้วยการที่ทั้งหกนั้นมีตำแหน่งอยู่เบื้องล่างสุดของหอกองโจรหมาป่า หน้าที่ของพวกเขานั่นก็คือการยืนเฝ้าเขตแดนเอาไว้
และด้วยการที่วิหารศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สถิตอยู่ในใจผู้คนบนโลกปีศาจ มีหรือที่พวกเขาจะกล้าเดินเอ้อระเหยลอยชายไปทั่ว
ถึงแม้มันจะเป็นงานที่ง่ายแสนง่าย แต่มันก็ช่วยไม่ได้ที่พวกเขาจะรู้สึกซ้ำซากจำเจจนเบื่อหน่าย
นี่จึงทำให้เมื่อพวกเขาได้ยินคำพูดของเฉินเฉียง ทุกคนต่างก็รีบเร่งแย่งกันทำ
ยังไม่รวมถึงเรื่องที่ว่าพวกเขานั้นอาจจะได้สานสายสัมพันธ์อันดีกับผอ.จ้งได้ นี่ย่อมถือได้ว่าเปิดทางในอนาคตของตนเองไว้ได้อย่างแน่นอน
หลังจากแย่งกันไปมา ในที่สุด เฉินเฉียงก็ได้กลายเป็นผู้ที่ตัดสินใจ และเขาก็ได้เลือกชายร่างผอมแห้งแต่ปราดเปรียวประดุจลิงกัง
เหตุผลหลักๆที่เขาเลือกชายคนนี้นั้น เพราะเขาได้ยินในระหว่างการพูดคุยว่าคนคนนี้มีชื่อว่า…หลิวเสี่ยวหลัน
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ชายคนนี้เองก็เป็นถึงอดีตศิษย์ของสำนักเต๋าสวรรค์ชั้นฟ้า มีหรือที่เขาจะปล่อยโอกาสที่เป็นไปได้นี้ให้ผ่านเลยไป
และกับคนรูปร่างนิสัยเช่นนี้ ตราบใดที่พวกเขาได้รับตำแหน่งที่ใหญ่โต พวกเขายินดีทำทุกอย่างเพื่อให้ได้มันมา
หรือจะให้พูดอีกอย่างก็คือ ยามใดที่หมดประโยชน์ เขาก็สามารถถีบหัวส่งเข่นฆ่าได้ราวกับเหลือบไรที่บินผ่านมา
เฉกเช่นในครั้งนี้
เฉินเฉียงในตอนนี้เดินเคียงข้างหลิวเสี่ยวหลันราวกับสนิทสนมกันดี แต่ในความจริงนั้น เป็นเขาที่คอยเดินตามอย่างไม่ห่างกาย
แต่กับหลิวเสี่ยวหลันนั้น เขารู้สึกราวกับได้รับการให้เกียรติอย่างที่สุด
“เสี่ยวหลัน” คำพูดเล็กๆน้อยๆได้หลุดออกมาจากปากของเฉินเฉียง
“ท่านผอ. ศิษย์ออกจากสำนักมานานถึงเก้าปี แต่ท่านนั้นยังจดจำชื่อของศิษย์ได้ ศิษย์ผู้นี้รู้สึกประทับใจยิ่งนัก”
เฉินเฉียงยิ้มออกมาอย่างสุขุม “เสี่ยวหลัน ข้านั้นล้วนแล้วแต่เอาใจใส่ศิษย์ทุกคนที่ได้เข้าร่วมกับวิหารศักดิ์สิทธิ์ ไม่อย่างนั้นข้าจะยอมให้พวกเจ้าเข้ามาทำไมกัน ใช่ไหมล่ะ ”
“อ้อ เสี่ยวหลัน เจ้าในตอนนี้เข้าร่วมกับหอกองโจรหมาป่าอยู่สินะ นี่เจ้าต้องคอยยืนเฝ้ากำแพงเขตแดนแบบนี้อยู่ตลอดเลยรึ”
เมื่อหลิวเสี่ยวหลันได้ยินก็อดไม่ได้ที่จะถอดถอนลมหายใจออกมา “ท่านผอ.อาจจะยังไม่รู้ แต่พวกเรานั้นได้เคยถูกส่งออกไปภายนอกมามากมายหลายครั้งแล้ว”
“แต่นึกไม่ถึงว่าเมื่อไม่นานมานี้ได้มีคู่ผู้บ่มเพาะลึกลับที่คอยตระเวนไปทั่วทั้งโลกปีศาจและจัดการคนของวิหารศักดิ์สิทธิ์ ราวกับว่าพวกมันว่างงานเลยหาเรื่องหาราวกับพวกเรา นี่จึ งทำให้งานของพวกเราติดขัด และเพื่อไม่ให้สายสัมพันธ์ที่พวกเรามีกับคนทั่วไปต้องหมางเมินกันไปยิ่งกว่านี้ ท่านผู้คุมหอจึงยกเลิกภารกิจทั้งหมด นี่จึงทำให้พวกข้าต้องตกมาอยู่ในสภ ภาพนี้”
“ไหนจะเรื่องที่หลิวเซียนที่เป็นคนทรยศของวิหารศักดิ์สิทธิ์นั่นอีก ทางวิหารศักดิ์สิทธิ์เองก็ส่งคนออกไปไล่ล่าอยู่หลายครั้งหลายหน แต่พวกเราก็ยังไม่ได้ข่าวคราวอันใด นี่ทำให ห้พวกเราต้องปวดหัวยิ่งนัก”
“ท่านผอ. เชิญทางนี้ครับ”
เมื่อพูดจบ หลิวเสี่ยวหลันก็ได้ผายมือไปอีกทาง และเดินเคียงคู่เฉินเฉียงไปตามทางเดินที่ทอดยาว
เฉินเฉียงก็เดินตามหลิวเสี่ยวหลันไปอย่างไม่ห่างเดินเคียงคู่กันไปตามทางเดินนี้
เฉินเฉียงเดินเคียงคู่กับหลิวเสี่ยวหลันพลางพูดคุยไปด้วยพร้อมกับปลดปล่อยกระแสจิตสำรวจพื้นที่โดยรอบ
“ในเมื่อพวกเจ้ายากที่จะได้ออกไป แล้วการที่อยู่แต่ในนี้ไม่ได้ดีกว่าหรอกรึ”
“จะว่าอย่างนั้นก็ไม่ใช่ซะทีเดียวหรอกครับ” หลิวเสี่ยวหลันส่ายหัวไปมาในทันที “ข้าเองได้ยินมาว่าคนจากหอปรุงยานั่นวุ่นวายอย่างมาก ข้าได้ยินมาว่าพวกเขากำลังพัฒนาอะไรบางอย่างท ที่เรียกว่าไวรัสนะ”
“ไวรัสรึ” เฉินเฉียเมื่อได้ยินก็ถึงกับใจเต้นในทันที “ทำไมแผนกปรุงยาไม่มุ่งเน้าการปรุงยาแล้วต้องไปสนใจทำไวรัสอะไรนั่นด้วยล่ะ”
“ศิษย์ผู้นี้เองก็ไม่อาจรู้ได้ และสิ่งที่ข้าได้ยินมานี้ก็เป็นเพียงเรื่องราวที่ผ่านเข้าหูมาเมื่อสองวันก่อนเพียงเท่านั้น”
“ท่านผอ. พวกเรามาถึงกันแล้ว ด้วยสถานะอันต่ำต้อยของศิษย์นั้นไม่อาจร่วมทางกับท่านไปได้มากกว่านี้แล้ว”
เมื่อพูดจบ หลิวเสี่ยวหลันก็ได้ผายมือไปที่ตึกหนึ่งที่อยู่ห่างออกไปร้อยกว่าเมตรเห็นจะได้ ด้วยท่าทางที่แสดงออกอย่างเสียดายอย่างจับใจ
เฉินเฉียงก็พยักหน้ารับและเดินตรงไปที่ตึกดังกล่าว
ตึกนี้มีสีขาวน้ำนมโอ่อ่ามีพื้นที่ครอบคลุมประมาณหนึ่งตารางกิโลเมตร แต่มีพื้นที่ตึกเพียงยี่สิบเมตรเห็นจะได้
ในทันทีที่เฉินเฉียงได้ปรากฏ ชายวัยกลางคนที่ดูเคร่งขรึมก็ได้เดินออกมาจากข้างในตึก
“ผอ.จ้ง ในที่สุดเจ้าก็มาสักที ไม่กี่วันก่อนหลิวซินได้ไปหาเจ้าที่สำนักแต่ก็ไม่ได้พบเจอ เขาไม่มีทางเลือกจึงได้กลับมาก่อน ท่านผู้คุมหอเองก็บ่นถึงเจ้าอยู่หลายครั้งหลายคราแล้ว ว”
“โอ้ ท่านผู้คุมหอก็อยู่รึ พาข้าไปได้เลย”
เมื่อพูดจบ เฉินเฉียงก็เดินเข้าไป
แต่เป็นตอนนี้ที่ชายผู้นี้ได้ยื่นมาหยุดเฉินเฉียงที่อยู่ในรูปลักษณ์ผอ.จ้งเอาไว้ ก่อนจะพูดออกมาด้วยท่าทางที่ไม่อยากจะเอ่ย “ข้าต้องขอโทษจริงๆ แต่ท่านผู้คุมหอสั่งออกมาว่าไม ม่มีใครที่จะได้เข้าไปโดยไม่ได้รับการอนุญาตก่อน”
“ผอ.จ้ง เจ้าเองก็รอสักครู่แล้วกัน เดี๋ยวข้านั้นจะไปพาหลิวซินมาหา”
เฉินเฉียงเมื่อได้ยินก็รู้สึกจนปัญญา แต่นั่นก็มีเพียงทางเดียวก็คือเขาต้องรออยู่ที่นี่เพียงเท่านั้น ในระหว่างนี้เขาจึงใช้กระแสจิตสอดส่องพื้นที่โดยรอบ
ดูเหมือนว่าเจ้าของหอที่เขาคิดว่าเป็นฮั่นจุยน่าจะที่ตึกตึกนี้
แต่ในทันทีที่กระแสจิตของเขาพุ่งเข้าไปในอาณาเขตของตึก เขาก็พบว่าตึกนี้มีกำแพงเขตแดนที่ทรงพลังกางกั้นเอาไว้
และดูเหมือนว่าประตูนี้จะเป็นทางเข้าออกเดียวของกำแพงเขตแดนนี้
ในตอนนี้เองที่ชายวัยกลางคนที่มีอายุประมาณสี่สิบปีได้เดินเข้ามาหาเฉินเฉียงที่อยู่ในรูปลักษณ์ผอ.จ้ง พร้อมกับชายวัยกลางคน คนก่อนหน้า
“ผอ.จ้ง เจ้ากลับมาแล้วรึ เมื่อสองวันก่อนข้าไปที่สำนักเต๋าสวรรค์ชั้นฟ้าเพื่อพบเจ้า แต่ข้ากลับพบว่าเจ้านั้นไล่ตามหลิวเซียนไป” หลังจากชายคนนี้มาถึง เขาก็รีบเร่งกล่าวออกมารา าวกับต้องการสรรเสริญในความกล้าหาญของเฉินเฉียงที่อยู่ในรูปลักษณ์ผอ.จ้ง
คนผู้นี้สมควรจะเป็นคนที่ชื่อหลิวซิน
เฉินเฉียงที่อยู่ในรูปลักษณ์ผอ.จ้งก็แสร้งถอดถอนลมหายใจออกมาแล้วพูดต่อ “ไอ้หลิวเซียนผู้นี้มันช่างลูกเล่นแพรวพราวนัก หลังจากข้าไล่ตามมันไปได้สองวัน ข้าผู้นี้ในที่สุดก็ปล่ อยมันหลุดออกไปจากเงื้อมมือ เออใช่ แล้วท่านผู้ตรวจการ ท่านไปหาข้าทำไมรึ”
ถึงแม้หลิวซินผู้นี้ดูๆไปแล้วจะอยู่รุ่นราวคราวเดียวกับผอ.จ้ง แต่ด้วยการที่เขานั้นเรียกชื่อผอ.จ้งมาตรงๆ นี่แสดงว่าทั้งสองแม้จะไม่ถึงขั้นอาฆาตมาดร้าย แต่ก็คงไม่ได้สนิทสนมอะ ะไรกันมากมาย เฉินเฉียงจึงตัดสินใจเรียกคนผู้นี้โดยใช้ชื่อตำแหน่งแทน
และเป็นอย่างที่เขาคิดเอาไว้ หลิวซินไม่ได้มีอาการผิดสังเกตแต่อย่างใดกลับกัน เขากลับแสดงออกมาด้วยท่าทางเคร่งขรึมขึ้นมา