ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล) - ตอนที่ 22 :ทำไมไม่แอบมีความสุขอยู่คนเดียว
ตอนที่ 22 :ทำไมไม่แอบมีความสุขอยู่คนเดียว
มีจักรยานย่อมเดินทางได้สะดวกยิ่งขึ้น เจียงเสี่ยวไป๋ใช้เวลาครึ่งชั่วโมงก็เดินทางมาถึงเจียงวาน
หลังออกจากเส้นทางถนนลูกรังมา ระหว่างทางกลับบ้านยังต้องใช้เส้นทางขึ้นเนินเขาอีกพักหนึ่ง เจียงเสี่ยวไป๋ปั่นจักรยานไม่ไหวแล้วจึงเดินเข็นรถจักรยานกลับแทน
เมื่อวาน เขาซื้อของมากมายและกลับถึงบ้านในตอนมืด ฉะนั้นจึงไม่มีใครเห็นเขา
แต่ตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงวัน ทั้งยังเป็นเวลาที่ทุกครอบครัวกินอาหารกลางวันกัน
เพราะมีรถจักรยาน เจียงเสี่ยวไป๋จึงไม่ได้นำพวกเนื้อใส่ถุงกระสอบไว้ แต่เขาเอาวางไว้ในตะกร้าหน้ารถ จะได้ไม่อับอยู่ในถุงกระสอบ
เขาเข็นจักรยานไปตามทางและดึงดูดความสนใจของผู้คนมากมาย
“เจียงเสี่ยวไป๋ไปเอารถจักรยานใครมาน่ะ? ใครหนอช่างกล้าให้เขายืม ไม่กลัวเขาไม่คืนหรือไง ? ”
“ดูเหมือนเขาจะขนของกลับมามากมายเลยนะ”
“อื้ม ไม่เห็นหรือไงว่าตะกร้าหน้ารถของเขามีเนื้อวางอยู่ด้วย น่าจะหลายชั่งอยู่นะ”
“เมื่อวานเขาเพิ่งมีเรื่องชกต่อยกับนักเลงเฉินไป วันนี้ยังซื้อเนื้อมามากมายขนาดนี้แล้ว เขาไปหาเงินมากมายมาจากไหน ? ”
“จะไปสนใจทำไมว่าเขาไปหาเงินมาจากไหน เขาไม่ได้มายืมเธอหรือไม่ได้ขโมยของจากบ้านเธอเสียหน่อย แค่นี้เธอก็สบายใจได้แล้ว”
“เอ๊ะ ลองคิดดูสิว่าเมื่อก่อนเจียงเสี่ยวไป๋ดีแต่เอาเงินไปกิน ดื่ม เที่ยวจนหมด ฉันไม่เคยเห็นเขาเอาอะไรกลับมาบ้านเลย แต่คราวนี้อะไรดลใจให้เขาซื้อของกลับมาบ้านมากมายขนาดนี้กันนะ?”
“เมื่อวานเขาก็บอกแล้วไม่ใช่หรือว่าเขาจะแก้ไขความผิดพลาดเพื่อมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น”
“ฉันไม่เชื่อเขาหรอก คนแบบนี้อ้าปากก็เห็นลิ้นไก่แล้ว”
“ทำไมต้องพูดแบบนั้นด้วย เราเป็นญาติพี่น้องกันทั้งยัง การที่เขายอมเปลี่ยนแปลงตัวเองเป็นเรื่องดี”
“ฮึ่ม เพื่อนหวังให้เพื่อนได้ดี ญาติหวังแต่ให้ญาติจน เขาจะดีหรือไม่ดีแล้วไม่เกี่ยวอะไรกับฉันสักหน่อย”
“ใช่แล้ว ๆ เวลาเขามีเนื้อกินก็ไม่เห็นเขาจะเรียกเธอไปกินซุปเลยนี่”
“……”
เจียงเสี่ยวไป๋เดินจากไปแล้ว ชาวบ้านที่อยู่ในบ้านของตนถึงได้กล้านินทาเขาลับหลัง ไม่มีใครกล้าพูดต่อหน้าเขา
“เมียจ๋า ผมกลับมาแล้ว”
เจียงเสี่ยวไป๋เข็นจักรยานไปที่ลานโล่งริมร่องน้ำแล้วตะโกนเสียงดัง
การทักทายบอกกล่าวคนในครอบครัวเวลาไปไหนหรือเพิ่งกลับมาถือเป็นประเพณีอย่างหนึ่งในชนบท ไม่อย่างนั้นคนในครอบครัวจะไม่รู้ว่าคุณไปที่ไหน
ทว่าคนที่อ้าปากทีก็เรียก ‘เมียจ๊ะ เมียจ๋า’ อย่างเจียงเสี่ยวไป๋นี้ไม่มีใครเหมือนแล้วจริง ๆ
“กลับมาแล้วก็กลับมาสิ คุณจะตะโกนเรียกฉันเสียงดังไปทำไม ! ”
หลินเจียอินทนไม่ไหวแล้วจริง ๆ ทั้งยังอายที่เขาเอาแต่เรียกเธอว่า ‘เมียจ๋า’ ไม่ขาดปากแบบนี้ เธอจึงต้องดุเขาไปปราดหนึ่ง
“นี่ผมกำลังรายงานเมียทันทีที่ผมกลับถึงบ้านเชียวนะ”
ดูเหมือนเจียงเสี่ยวไป๋จะยังไม่รู้ตัว เขายังคงติดเรียกเธอว่า ‘เมีย’ เช่นเคย
“คุณไปเอารถจักรยานมาจากไหน ? ”
“ทำไมซื้อของมามากมายขนาดนี้ ? ”
หลังจากดุเจียงเสี่ยวไป๋จบ หลินเจียอินถึงได้สังเกตว่ามีของสามถุงใหญ่บรรทุกมาบนจักรยานด้วย
อืม ยังไม่นับเนื้อหมูและกระดูกหมูชิ้นโตในตะกร้าหน้า
แม่เจ้า เขาคงไม่ได้ใช้เงิน 50 หยวนหมดแล้วใช่ไหม ?
หลินเจียอินมองสิ่งของเหล่านี้ ในใจของเธอแทบจะหลั่งเลือดออกมาด้วยความเสียดายเงิน
“จักรยานของหวังผิงน่ะ”
“ผมไม่ได้ซื้อของไร้สาระเสียหน่อย มีแต่ของใช้ในบ้านกับวัตถุดิบที่ผมจะใช้เปิดร้านทั้งนั้น”
ในเมื่อเมียถามมาแบบนี้ เขาจะไม่อธิบายให้ชัดเจนไม่ได้
เมียถามต้องอธิบายให้ชัดเจน
เขาอยากกลายเป็นคนดีในสายตาของเธอ และยังอยากพลิกตัวจับเธอกดลงใต้ร่างร่วมร้องเพลงรักให้ชีวิตมีความสุขโดยเร็ว
หลินเจียอินมองค้อนเขา
เชื่อก็บ้าแล้ว เนื้อและกระดูกหมูชิ้นโตพวกนั้นเป็นของใช้จำเป็นในครอบครัวด้วยหรือไง ?
นี่ยังถือว่าเป็นของที่มองเห็นด้วยตานะ ใครจะไปรู้ว่าเขาจะซื้อของไร้สาระอะไรใส่กระสอบพวกนั้นกลับมาด้วย
เฮ้อ รู้งี้ไม่น่าให้เงินเขาไปเยอะขนาดนั้นเลย
“ว้าว ป่าป๊ากลับมาแล้ว”
ตอนนี้ หนูน้อยวิ่งออกจากบ้านและตะโกนอย่างตื่นเต้นเมื่อเห็นเจียงเสี่ยวไป๋
“เจ้าหญิงน้อยของพ่อ คิดถึงพ่อไหม ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋เห็นลูกสาวก็เข้าไปหยอกเธอทันที
เขาไม่เจอเจ้าตัวเล็กแค่ครึ่งวันก็คิดถึงเธอแล้ว
อืม แน่นอนว่าเขาคิดถึงเมียเหมือนกัน เพียงแต่เมียไม่ยอมทำหน้าดี ๆ ใส่เขาเลย
สมแล้วที่เป็นลูกสาว ช่างออดอ้อนอะไรแบบนี้
“คิดค่ะ”
หนูน้อยพยักหน้าอีกครั้ง
“คิดอะไรนะ ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋แกล้งถามต่อ
“คิดอยากให้ป่าป๊าเอาของอร่อยที่ซื้อมาให้หนูแล้ว”
เอ่อ……
แทงใจดำเข้าเต็ม ๆ
จู่ ๆ เจียงเสี่ยวไป๋ก็รู้สึกเจ็บปวดใจขึ้นมา
เห็นท่าทีของเจียงเสี่ยวไป๋ที่เหมือนหมาหงอย หลินเจียอินกลับแอบหัวเราะคิก ๆ อยู่ด้านข้าง
ผมรู้สึกแย่ คุณยังจะมาหัวเราะอีกนะ
เดิมทีก็เจ็บใจอยู่แล้ว นี่เมียยังเอามีดมาแทงใจซ้ำอีก
ไอ้หยา เจ็บใจยิ่งกว่าเดิมอีก
ทว่าเวลาเมียหัวเราะก็สวยจริง ๆ เหมือนกันนะ
นี่เป็นครั้งแรกที่เจียงเสี่ยวไป๋ได้เห็นรอยยิ้มของเมียตั้งแต่กลับมาเกิดใหม่
“เมียจ๋า เวลาคุณหัวเราะแล้ว ! ”
หืม ? ……
หลินเจียอินมีสีหน้าเย็นชาขึ้นมาทันที เธอหันหลังเดินกลับเข้ามาในห้อง
เอ่อ……
เอาแล้วไง ซวยแล้ว
เจียงเสี่ยวไป๋เสียใจมากจนเกือบจะตบหน้าตัวเอง
เมียเราหัวเราะยังสวยขนาดนี้ ทำไมถึงไม่แอบดู แอบมีความสุขอยู่คนเดียว ? จะพูดออกมาทำไมกัน !
“ป่าป๊า ป่าป๊าเอาของอร่อยอะไรกลับมาฝากหนูคะ ? ”
หนูน้อยเห็นว่าป่าป๊าเอาแต่สนใจหม่าม๊า ไม่ยอมสนใจเธอ ในใจของเธอรู้สึกไม่พอใจขึ้นมา เธอจึงไปเขย่าชายเสื้อของเจียงเสี่ยวไป๋แล้วถามเขาอย่างน่าสงสาร
เฮ้อหยา เขาจะยอมปล่อยให้เจ้าหญิงน้อยของตนเองรู้สึกน้อยใจได้อย่างไร ?
เจียงเสี่ยวไป๋รีบหยิบกล่องบิสกิตกับถุงแอปเปิ้ลออกมาจากกระสอบ
“ว้าว นี่คืออะไรคะ ? ”
“มันสวยจังเลย”
หนูน้อยถือแอปเปิ้ลสีแดงไว้ด้วยความดีใจ
ในพื้นที่ชิงโจวไม่ได้ปลูกแอปเปิ้ล มีแค่ลูกพีช พลัม ลูกแพร์ และผลไม้อื่น ๆ เท่านั้น ฉะนั้นเจียงชานจึงไม่เคยเห็นแอปเปิ้ลมาก่อน
“นี่คือแอปเปิ้ล”
เจียงเสี่ยวไป๋พูดด้วยรอยยิ้ม
“อร่อยไหม ? ”
“อร่อย ! ”
ได้ยินป่าป๊าบอกว่าอร่อย หนูน้อยอ้าปากก็จะกัดแอปเปิ้ลกินแล้ว
“เอาเข้าบ้านไปให้แม่ของลูกล้างก่อน ค่อยกิน”
เจียงเสี่ยวไป๋รีบห้าม แล้วพูดต่ออีกว่า “ผลไม้ต้องล้างให้สะอาดก่อนถึงกินได้”
“ได้ค่ะ”
หนูน้อยตอบรับ จากนั้นหยิบเอาแอปเปิ้ลอีกลูกออกมาจากในถุงตาข่าย แล้วพูดอย่างน่ารักว่า “หนูเอาไปให้หม่าม๊าด้วยดีกว่า”
พูดแล้วเธอก็ถือแอปเปิ้ลวิ่งกระโดดโลดเต้นเข้าไปในบ้าน
เจียงเสี่ยวไป๋ส่ายหน้า เขาย้ายของ ที่ซื้อมาเข้าไปไว้ในบ้าน เขายังไม่สนใจกระสอบใส่พริกแห้ง แต่เอาเนื้อและของอย่างอื่นที่ซื้อมาไปวางไว้บนโต๊ะไม้แปดเซียนของเขา
หลินเจียอินล้างแอปเปิ้ลให้เจียงชานแล้ว เธอเดินเข้าไปในห้องโถงเพื่อดูของที่เจียงเสี่ยวไป๋ซื้อมา
“คุณซื้อแปรงสีฟันกับยาสีฟันมาด้วยหรือ ? ”
ก่อนที่เธอจะแต่งงานกับเจียงเสี่ยวไป๋ ฐานะความเป็นอยู่ของครอบครัวเธอค่อนข้างดี เธอจึงมีนิสัยชอบแปรงฟันตั้งแต่เด็ก สองปีแรกหลังจากแต่งงาน เจียงเสี่ยวไป๋ทำงานเป็นครูในโรงเรียนประถมเมืองชิงซาน รายได้ของเขาค่อนข้างมั่นคง เธอจึงเคยซื้อยาสีฟัน แต่ต่อมาเจียงเสี่ยวไป๋ติดการพนัน ครอบครัวไม่มีแม้แต่ข้าวจะกิน เธอจึงไม่เคยได้ซื้อยาสีฟันอีกเลย
พอไม่ได้แปรงฟันทุกวัน แต่ใช้น้ำเปล่าบ้วนปากเท่านั้น ทำให้เธอมักจะรู้สึกเหมือนขาดอะไรไป
อีกอย่างตอนนี้ชานชานอายุ 4 ขวบกว่าแล้ว หนูน้อยควรรักษาสุขภาพฟัน ถึงวัยที่ควรแปรงฟันแล้ว
อืม ตอนนี้มีเงินแล้ว ซื้อยาสีฟันกับแปรงสีฟันก็ไม่ใช่เรื่องไร้สาระอะไรใช่ไหม ?
“จากนี้ไป ครอบครัวเราจะแปรงฟันทุกเช้าเพื่อให้ปากหอมสดชื่น” เจียงเสี่ยวไป๋พูด
“อืม ! ”
คราวนี้หลินเจียอินไม่ได้ปฏิเสธ แต่กลับตอบรับอืมอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
เจียงเสี่ยวไป๋จึงคิดเองว่าเขาตัดสินใจถูกแล้ว
หลินเจียอินยังเห็นกระดาษสีขาวสองสามห่อ มันดูนุ่มราวกับสำลี ซึ่งเธอเองก็ไม่เคยเห็นมาก่อน
“นี่คือกระดาษชำระ”
เจียงเสี่ยวไป๋อธิบายพลางโน้มตัวเข้าไปใกล้หลินเจียอิน แล้วพูดกระซิบข้างหูเธอเบา ๆ ว่า “ต่อไปนี้ใช้กระดาษชำระเช็ดมือทุกครั้งหลังใช้มือนะ” จากนั้นก็ทำท่าทางประกอบ
หลินเจียอินเขินจนหน้าแดง