ผู้กล้าเหนือกาลเวลา - บทที่ 818 อาชิงน้อย เจ้ากำลังทำอะไรอยู่
บทที่ 818 อาชิงน้อย เจ้ากำลังทำอะไรอยู่
“อาชิงน้อย มัวแต่ยืนอึ้งทำไม ตอนที่เราเข้ามาในพื้นที่ต้องห้าม ข้าสัมผัสได้ถึงร่องรอยของเผ่านภาคิมหันต์ คงมีคนครอบครองพื้นที่ต้องห้ามแห่งนี้เป็นทรัพย์สินส่วนตัวนะ”
นายกองอดทนอาการคันและบวมตามร่างกาย เงยหน้ามองไปทางสวี่ชิง
“เร็วเข้าสิ ข้าจะบอกให้นะอาชิงน้อย ความรู้สึกนี้สบายมาก ยิ่งรุนแรงเท่าไร ก็แสดงว่าผลจากการเสริมความแข็งแรงแก่ร่างกายสมบูรณ์แบบมากยิ่งเท่านั้น
“ตอนนั้นข้าเสียเปรียบในด่านแรกของมหกรรมล่าเหยื่อนภาคิมหันต์ เจ้ารู้หรือไม่ว่าเหตุใดถึงต้องเรียกว่าฟ้าถล่มปฐพี เพราะไม่ว่าพลังบำเพ็ญจะอยู่ขั้นใด ทุกคนล้วนถูกกดทับภายใต้ม่านฟ้าในระยะแสนลี้รอบเขาเทวะ
“นี่คือข้อแรก และในด่านนี้จะมีความเจ็บปวดที่ไม่อาจพรรณนาได้ต่างๆ นานา จากภายในสู่ภายนอก จากภายนอกสู่ภายใน สรุปคือมันจะผุดขึ้นมาบนร่างกายในรูปแบบต่างๆ ที่ทำให้เจ็บปวดจนก้าวขาแทบไม่ออก
“ตอนนั้นข้าผอมเกินไป ไม่ได้เตรียมพร้อมกายเนื้อมากมาย เจ็บจนข้าเกือบสิ้นสติ แต่ข้าเห็นบางคนที่ร่างกายกำยำกับพวกผู้บำเพ็ญยักษ์ พวกนั้นได้เปรียบในด่านนี้มาก
“ดังนั้นต่อมาข้าจึงเริ่มคิดหาวิธี ในที่สุดข้าก็พบพื้นที่ต้องห้ามแห่งนี้ตอนนั้น หากทนพิษของพวกยุงกลายพันธุ์ที่นี่ได้ ก็จะเสริมสร้างร่างกายได้ในระยะเวลาสั้นๆ
“และจะทำให้ความรู้สึกเจ็บปวดค่อยๆ หายไป เหมาะกับด่านแรกมาก น่าเสียดายที่ชาตินั้นข้าตายอย่างน่าอนาถ ไม่มีโอกาสเลย
“เชื่อข้าเถอะ อาชิงน้อย”
นายกองพูดไปพลางโคจรพลังบำเพ็ญ ในที่สุดยุงรอบตัวเขาก็ร่วงลงมาตายเป็นกองๆ เห็นได้ชัดว่าตายเพราะพิษของตัวเอง
แต่นายกองกลับดื้อดึง ยังไม่พอใจกับสภาพตอนนี้ จึงดึงดูดยุงที่บินผ่านมาอีกฝูงใหญ่…
เมื่อเห็นเช่นนี้ สวี่ชิงนึกถึงลำดับของมหกรรมล่าเหยื่อที่จิ้งจอกดินเหนียวบอกกับเขา เทียบกับคำพูดของนายกองแล้ว สวี่ชิงรู้สึกว่า…คำพูดของจิ้งจอกดินเหนียวอาจจะน่าเชื่อถือกว่าเล็กน้อย
ส่วนนายกอง สวี่ชิงรู้สึกว่าเขาอาจยึดติดกับประสบการณ์ในตอนนั้นมากเกินไป ไม่รู้ว่ากฎเกณฑ์ได้เปลี่ยนไปแล้ว ถึงอย่างไรเผ่ามนุษย์ก็อยู่ไกลจากแผ่นดินนภาคิมหันต์ ค่อนข้างปิดกั้นข่าวสารระหว่างกัน
หากต้องการทราบข้อมูลล่วงหน้านั้นจะลำบากในระดับหนึ่ง เว้นแต่จะใช้กลุ่มเผ่าช่วยสืบหา
สวี่ชิงจึงอ้าปาก ตั้งใจจะบอกนายกองเกี่ยวกับข้อมูลที่ได้รับจากจิ้งจอกดินเหนียว แต่ใขณะที่เขากำลังจะพูด นายกองก็ยกมือโยนขวดยามา ตกอยู่ตรงหน้าสวี่ชิง
“อย่าหาว่าศิษย์พี่ใหญ่ไม่รักเจ้านะ อาชิงน้อย นี่คือความรักของข้า เจ้าเปิดมันแล้วจะดึงดูดยุงได้เหมือนข้า
“แล้วก็กลิ่นแปลกๆ ในขวดนั่น ข้าเตรียมไว้ให้เจ้าโดยเฉพาะ ข้าดึงดูดยุงตัวเมีย เจ้าดึงดูดยุงตัวผู้ ฮี่ๆ”
นายกองที่ตัวบวมฉึ่ง ขยิบตาให้สวี่ชิง ทำท่าทางเจ้าเล่ห์ แต่เปลือกตาของเขาเองก็บวมเป่งเช่นกัน ขยิบตาได้ครั้งหนึ่ง ก็ลืมตาไม่ขึ้นแล้ว…
สวี่ชิงมองขวดยา จากนั้นก็มองนายกอง หยิบขวดยามาเก็บไว้ กลืนคำพูดที่กำลังจะพูดออกไป เขาไม่คิดจะบอกความจริงกับนายกองแล้ว
แต่หันกายมุ่งหน้าไปทางภูเขาต้องห้ามสีเลือด เขาเงยหน้าขึ้นไปบนยอดเขาจากเชิงเขา สูดหายใจเข้าลึกๆ ยกมือขวาขึ้น วางลงบนหินผา
พลังบำเพ็ญทั้งหมดระเบิดออกมาทันที ก่อตัวเป็นกลิ่นอายน่าครั่นคร้าม ปกคลุมยอดเขา ทำให้ภูเขาต้องห้ามแห่งนี้สั่นสะเทือน ยิ่งมีเสียงครืนครันดังลั่น
ยุงบนนั้นต่างตกใจ บินออกมาเป็นฝูงใหญ่ บดบังท้องฟ้า ทำให้พื้นที่ต้องห้ามที่มืดมนอยู่แล้ว ยิ่งดำมืดกว่าเดิม
เสียงหึ่งๆ ดังขึ้นทันที ชวนให้อกสั่นขวัญแขวน
ภาพนี้อยู่ในสายตาของนายกอง พอสังเกตเห็นว่าสวี่ชิงไม่ได้ดึงดูดยุงมา นายกองก็อดแปลกใจไม่ได้
“อ้าว เจ้าจะทำอะไรน่ะ”
สวี่ชิงไม่พูดอะไร บัดนี้เขาโคจรพลังบำเพ็ญ ไหมวิญญาณสองล้านเส้นในร่างกายก็พุ่งออกมาจากร่างกายเป็นเส้นๆ อย่างรวดเร็ว
มองไกลๆ ไหมวิญญาณเหล่านี้เหมือนจะเชื่อมกับท้องฟ้า ดึงดูดสายฟ้าหลายสาย ในที่สุดก็ก่อตัวเป็นคลื่นวน โอบรอบภูเขาแห่งนี้ กลายเป็นพลังมหาศาล
ราวกับฝ่ามือขนาดใหญ่ ก่อตัวขึ้นจากความว่างเปล่า จับภูเขาลูกนี้เอาไว้แล้วกระชากมันอย่างแรง
ตั้งใจจะยกมันขึ้นมาจากพื้น
พื้นดินสั่นสะเทือน พื้นที่ต้องห้ามครืนครัน ตัวภูเขาสั่นไหว
นายกองอยากเบิกตาให้กว้าง แต่ทำไม่ได้ ในใจก็โหมซัด ยิ่งมีความสงสัยตามมา
เขากำลังจะเอ่ยปาก ทว่าเสียงครืนครันดุจฟ้าผ่าจากภูเขาลูกนี้ดังขึ้นยิ่งกว่าเดิม ขณะภูเขาที่สั่นสะเทือนอย่างรุนแรง ถูกไหมวิญญาณสองล้านเส้นกระชากขึ้น แยกจากพื้นดิน
ถูกยกขึ้นสูงถึงเจ็ดชุ่น!
ของเหลวสีดำคล้ายโลหิตไหลออกมาจากช่างว่างระหว่างภูเขาและพื้นดิน และหากนอนหมอบกับพื้นแล้วมอง จะเห็นว่าระหว่างภูเขาและพื้นดินมีเส้นใยเลือดเนื้อสีดำอยู่มากมาย
ยิ่งมีกระดูกอีกบางส่วน
นี่ไม่ใช่ภูเขา หากแต่เป็นกายเนื้อ กายเนื้อของพื้นที่ต้องห้าม!
สวี่ชิงคล้ายครุ่นคิด การค้นพบนี้ทำให้เขาน่าประหลาดใจเล็กน้อย
และภูเขาในพื้นที่ต้องห้ามมีน้ำหนักมากกว่าภูเขาด้านนอกมาก หลังจากที่สวี่ชิงสัมผัสรับรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับพื้นที่ต้องห้ามก็เพิ่มขึ้นเล็กน้อย
อีกทั้งภูเขาลูกนี้ยังมีแรงกดดันอยู่ การยกมันขึ้นจึงยากไม่น้อย
ประกอบกับไอพลังประหลาดบนนั้นยังแผ่ซ่านออกมาอย่างเข้มข้นเนื่องจากถูกยกขึ้น
และที่สำคัญที่สุดคือความสัมพันธ์ระหว่างภูเขาลูกนี้กับพื้นที่ต้องห้าม มันเป็นส่วนหนึ่งของพื้นที่ต้องห้าม การนำมันออกไป เปรียบเสมือนกับการเฉือนเนื้อคนทั้งเป็น
ตอนนี้เพิ่งจะยกขึ้นเพียงเล็กน้อย ทั้งพื้นที่ต้องห้ามก็เหมือนจะกลับมามีชีวิตอีกครั้ง จากต้นไม้ใบหญ้า จากไอพลังประหลาดและหินผาทั้งหมด จากฟ้าดินนี้ ต่างส่งแรงผลักไสและแรงอาฆาตอย่างรุนแรง
พื้นดินก็กำลังพลิกตลบ ซากสิ่งมีชีวิตที่ตายในพื้นที่ต้องห้ามตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันต่างคืบคลานออกมาจากด้านใน พุ่งเข้าใส่สวี่ชิงและนายกองอย่างโหดเหี้ยม
มัน ไม่ยอมยกให้!
เหมือนทั้งพื้นที่ต้องห้ามจะมีจิตสำนึกของตัวเอง พุ่งเป้าไปที่สวี่ชิง ลมที่พัดผ่านพลันโหมแรงขึ้นฉับพลัน ภายในมีเสียงเล็กแหลมที่ไม่รู้ว่าเป็นเสียงลมหรือเสียงพูด
“ออกไป!
“ออกไปเดี๋ยวนี้!
“ตายซะ!!”
เสียงเหล่านี้ ทำให้สายตาของสวี่ชิงยิ่งเย็นชา
แรงกดดัน เขาทนได้ น้ำหนัก เขาใช้ไหมวิญญาณรับได้
ไอพลังประหลาด เขาไม่สนใจได้ ส่วนความสัมพันธ์ระหว่างภูเขาลูกนี้กับพื้นที่ต้องห้าม…
‘ถ้าไม่อยากให้ เช่นนั้นก็เอาไปด้วยทั้งหมดนี่แหละ’
สวี่ชิงสายตาเย็นยะเยือก เรียกเจ้าเงาที่กำลังเล่นวิ่งไล่จับมา แล้วสั่งการกับมัน
“กลืนกินพื้นที่ต้องห้ามนี่เสีย!”
เจ้าเงาก็รอคำสั่งนี้อยู่ตั้งนานแล้ว หากเป็นมันในอดีตจะไม่สนใจเรื่องพวกนี้ จะกินก็ต่อเมื่อหิว แต่เมื่อเจอสวี่ชิง มันหวาดกลัวมากเสียจนไม่กล้าขัดขืนแม้แต่น้อย
มันจึงกล้าแค่วิ่งไล่และทรมาน ไม่กล้ากลืนกินก่อน มันกลัวว่าหากทำผิด จะถูกลงโทษอีก
ดังนั้นตอนนี้หลังจากได้รับคำสั่งจากสวี่ชิง เจ้าเงาที่กำลังทรมานหมอกเลือด พลันรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา อารมณ์ของมันถูกปลุกเร้า กลายเป็นเงาขนาดใหญ่ ตั้งขึ้นจากพื้นดินทันใด
ราวกับม่านสีดำทมิฬ
มองเห็นพื้นที่ต้องห้ามบนม่านนี้ได้!
ในพื้นที่ต้องห้ามแห่งนั้นมีป่าไม้อยู่ผืนหนึ่ง ลึกเข้าไปในป่านั้น มีต้นไม้ประหลาดต้นหนึ่งยืนต้นสูงตระหง่าน
ที่กิ่งไม้มีโลงศพสีดำแขวนอยู่ กำลังแกว่งไปมา เป็นรูปแบบแรกที่เจ้าเงาปรากฏให้เห็นคือต้นไม้เงา
โลงศพเปล่าที่แขวนบนกิ่งไม้กำลังแกว่งไกวราวกับลูกตุ้มขนาดใหญ่ นอกจากนี้ยังมีเสียงเล็บข่วนบนแผ่นไม้และเสียงพึมพำดังขึ้นไปทั่วทิศทาง
พริบตาต่อมา ดวงตาทุกคู่ก็ลืมตาขึ้นพร้อมกัน
ไม่ใช่แค่หินหนืดของต้นไม้นี้ ม่านทมิฬนี้ในพื้นที่ต้องห้าม ดวงตานับไม่ถ้วนต่างลืมตาขึ้นทันใด เปล่งแสงแดงฉาน ประกายความโลภ ปากขนาดใหญ่บนม่านนั้นอ้ากว้าง
ส่งกลิ่นอายเน่าเปื่อย
ไล่ตามหมอกเลือดที่กำลังหนีอย่างรวดเร็ว
เสียงครวญครางน่าเวทนาดังก้องในพื้นที่ต้องห้ามแห่งนี้ทันที การสั่นไหวของพื้นที่ต้องห้ามทั้งหมดรุนแรงขึ้น ปนเสียงเคี้ยวที่น่าขนลุกเลาๆ
ทุกครั้งที่เสียงดังขึ้น ล้วนเป็นเสียงของการกลืนกิน
และในขณะที่กำลังกลืนกินอยู่นั้น เจ้าเงาที่กลายเป็นม่าน ก็ตกลงมาใหม่ แผ่ขยายไปรอบๆ ทุกแห่งหนที่มันเคลื่อนผ่านไปล้วนถูกปกคลุม
ไม่ว่าจะเป็นต้นไม้หรืออสูรร้าย ไม่ว่าจะยังมีชีวิตหรือตาย ทั้งหมดอยู่ในอาณัติการปกคลุม ให้ความรู้สึกคลุมเครือ
ใต้เงานั้น ผืนดินกำลังเปลี่ยนสีอย่างรวดเร็ว ค่อยๆ กลายเป็นสีเทา ไร้ชีวิตชีวาทว่าก็ไร้กลิ่นอายของความตาย สีเทานั้นเหมือนกับสีพื้นโลก
เหมือนกับก้อนเนื้อที่ถูกกลืนกินลงไปชิ้นหนึ่ง
พื้นที่ต้องห้ามส่งเสียงครืนครัน ลมโหมแรงขึ้น ขณะที่ส่งเสียงหวีดหวิวก็เหมือนเสียงครวญครางด้วยความเจ็บปวด กึกก้องไปทั่วพื้นที่ต้องห้าม
จากการที่เจ้าเงาแผ่ขยายออกไป เสียงครวญครางก็รุนแรงขึ้น
ภาพนี้ ทำให้นายกองตกใจ
“นี่มัน…
“อาชิงน้อย เรายอมโดนยุงกัดแค่สองสามแผลก็พอแล้ว เจ้า…เหตุใดต้องเก็บพื้นที่ต้องห้ามนี้ไปด้วย”
สวี่ชิงไม่ตอบ เมื่อรับรู้ว่าเจ้าเงากำลังแผ่ขยายและกลืนกินพื้นที่ต้องห้ามแห่งนี้ ก็กดมือที่วางอยู่บนก้อนหินอีกครั้ง ทันใดนั้นภูเขาก็ส่งเสียงเลื่อนลั่น แล้วค่อยๆ ยกตัวขึ้นอีกเจ็ดชุ่น
ไหมวิญญาณที่โอบรอบออกแรงดึงมากขึ้น กลายเป็นระลอกคลื่น กวาดซากศพที่พุ่งเข้ามาจากทุกทิศทาง ทำให้พวกมันแตกสลาย กระเด็นออกไปหลายร้อยจั้ง
พื้นที่ต้องห้ามกำลังถูกหลอม ภูเขาต้องห้ามกำลังถูกย้ายออกไป
และในตอนนั้นเอง เจ้าเงาก็ส่งระลอกคลื่นอารมณ์มาเตือนสวี่ชิงล่วงหน้า ตามมาด้วยแสงสีฟ้าที่สว่างวาบขึ้นในดวงตาของนายกอง เขาขยับร่างกายอันใหญ่โตของตนหันมองข้างหลัง
ที่ด้านหลังของพวกเขา มีรุ้งกินน้ำกำลังพุ่งมาจากอีกด้านหนึ่งของพื้นที่ต้องห้ามอย่างรวดเร็ว
กลิ่นอายอันแข็งแกร่ง คลื่นพลังระดับหวนสู่อนัตตาขั้นหนึ่ง กลายเป็นดาวหางมายานับพันหมื่น รายล้อมรุ้งกินน้ำราวกับฝนดาวตก
ภายในมีรูปร่างสูงใหญ่ร่างหนึ่ง
รูปร่างนี้คล้ายกับเผ่ามนุษย์ แต่กำยำกว่าอย่างเห็นได้ชัด ตัวสูงเกือบสองจั้งเหมือนยักษ์
เส้นผมยาวสีทอง พลิ้วไหวไปตามสายลม ฉายความสูงส่งออกมา
ดวงตาก็เป็นสีทองให้ความรู้สึกสูงส่ง และม่านตาแตกต่างจากเผ่ามนุษย์ เป็นม่านตาแนวตั้ง เหมือนกับดวงตาของมังกร
กลิ่นอายที่แผ่ออกมา ในด้านเลือดลมเด่นชัดยิ่ง เข้มข้นยิ่ง ตามมาด้วยแรงกดดันน่าครั่นคร้ามและพลังต่อสู้ที่เหนือกว่าในระดับเดียวกันเผ่าพันธุ์อื่นอย่างชัดเจน ราวกับภูเขาไฟที่กำลังจะปะทุ
ยิ่งแฝงสายโลหิตฟ้าประทานเลาๆ ไอพลังประหลาดรอบข้างถูกสกัดกั้น เห็นได้ชัดว่าการต้านทานจากการรุกรานเหนือกว่าเผ่าพันธุ์ส่วนใหญ่
“เผ่านภาคิมหันต์!”
นายกองตาเป็นประกาย เลียริมฝีปาก