ผู้กล้าเหนือกาลเวลา - บทที่ 820 เขาลูกที่หนึ่ง
บทที่ 820 เขาลูกที่หนึ่ง
มองไกลๆ ท้องฟ้าพื้นดินต้องห้ามครืนครัน หอกที่ราวกับเป็นมังกรบินพุ่งออกไปจากตรงหน้าสวี่ชิง เปล่งจ้าประกายดำทลายโลก พลังไร้เทียมทาน ราวกับสามารถบดขยี้ทุกสรรพสิ่ง
และยังพัดกวาดทะเลเพลิงบนดิน เกาะกลุ่มเป็นผืนทอแผ่นฟ้า
ผ่าอากาศออกด้วยความเร็วราวกับดาวหาง
ยังมีเส้นวิญญาณที่มาจากบนยอดเขา เวลานี้ก็ไล่ตามไปในพริบตา เข้าสนับสนุนบนตัวหอกยาวเช่นเดียวกับทะเลเพลิง ทำให้หอกเล่มนี้ แผ่ประกายแหลมคมออกมาอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
ทำให้คนไม่อาจหลบเลี่ยง และไม่อาจต้านทาน!
ผู้บำเพ็ญเผ่านภาคิมหันต์คนนั้น หน้าเปลี่ยนสีอย่างหมดจด
“กลิ่นอายนี้…นี่มันอาวุธต้องห้าม!”
ความแข็งแกร่งของชนเผ่า ทำให้ความสามารถการรับรู้รวมถึงความสมบูรณ์ทางประวัติศาสตร์มีมากขึ้น ดังนั้นจังหวะแรก ผู้บำเพ็ญเผ่านภาคิมหันต์คนนี้จึงมองออกถึงที่มาของหอก
การรับรู้นี้ ทำให้ในใจเขาปั่นป่วน สมองปรากฏอัสนีตะลึงฟ้า
แต่ตอนนี้เขามาคิดมากไม่ได้ ความรู้สึกวิกฤตเป็นตายอันรุนแรง ทำให้เลือดเนื้อทั้งตัวเขากำลังสั่นสะเทือน ความรู้สึกแห่งความตาย แผ่ซ่านไปทั้งตัวเขาจากด้านในสู่ด้านนอก และจากด้านนอกสู่ภายใน
เขาอยากจะเลี่ยงหนี แต่กลับทำไม่ได้ และสัญชาตญาณแห่งชีวิตทำให้เขาเข้าใจว่า การเผชิญหน้ากับหอกทำลายล้างที่เข้ามา ถ้าตนเองถอยเพียงก้าวเดียว จะถูกพลังอำนาจสะกดจิตใจเอาไว้
และหากถูกอำนาจเข้ากดดัน ตนเองคงได้ตายอย่างไม่ต้องสงสัย
เพราะหอกเล่มนี้ ฟ้าดินไม่ยอมรับ วิถีสวรรค์ไม่ยินยอม หนึ่งในอาวุธต้องห้ามที่โบราณที่สุดของแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์ เป็นตัวตนที่ต้องถูกสะกดไว้ในวิชาเผ่าจักรพรรดิ
เผชิญหน้ากับอาวุธเทพโบราณเช่นนี้ ถ้ายิ่งหวาดกลัว ก็จะยิ่งถูกทำลายอย่างรวดเร็ว
ดังนั้นผู้บำเพ็ญเผ่านภาคิมหันต์นี้สองตาจึงแดงก่ำในพริบตา เปล่งเสียงคำราม กระอักเลือดสดออกมา ก่อตัวเป็นวิชาต้องห้ามโลหิต
วิชานี้กลายเป็นหมอกเลือดในพริบตา ก่อตัวเป็นทรงโค้งหน้าตัวเขา ขณะที่ปกป้องด้านหน้า ก็ยังเห็นหมอกเลือดปั่นป่วนขึ้นมา ด้านในปรากฏใบหน้าของเผ่าต่างๆ จำนวนนับพัน ส่งเสียงคำรามต่ำขึ้นพร้อมกัน แต่ละใบหน้าเผาไหม้อย่างสุดกำลัง
แต่แค่นี้ยังไม่พอ
ดังนั้นในช่วงเวลาสำคัญ พลังกายเนื้อของผู้บำเพ็ญนภาคิมหันต์คนนี้จึงปะทุขึ้นรอบด้าน สองมือใหญ่โตขึ้นมาในพริบตา ยกขึ้นกดไปด้านหน้า
แสงสีทอง แผ่ซ่านออกมาฉับพลันบนตัวเขา กลายเป็นเกราะแสง ก่อตัวเป็นการป้องกันชั้นที่สอง
ยังมีแสงขาวอีกสาย บินออกมาจากหน้าผากเขาอย่างรวดเร็ว ก่อตัวเป็นวิชาดวงชะตา แปรเป็นเทวรูปองค์หนึ่ง ยืนตระหง่านขึ้นด้านหลังเขา
เทวรูปนี้รูปร่างมนุษย์ แต่ทั่วร่างเต็มไปด้วยขนนก สีขาวทั้งตัว ให้ความรู้สึกศักดิ์สิทธิ์ เวลานี้เทวรูปยกสองแขนขึ้นอยู่ในท่ากอด กอดผู้บำเพ็ญนภาคิมหันต์ไว้ด้านใน
เผชิญหน้าอย่างสุดกำลัง!
พูดแล้วเหมือนยาวนาน แต่อันที่จริงล้วนเกิดขึ้นในจังหวะสะเก็ดไฟเท่านั้น พริบตาต่อมา หอกยาวสีดำก็แตกสลายเป็นความว่างเปล่า
มาถึงแล้ว!
ยิ่งใหญ่ทรงพลัง เสียงหวีดหวิวราวฟ้าร้อง แทงเข้ามาที่หมอกสีเลือดเบื้องหน้าผู้บำเพ็ญนภาคิมหันต์
จังหวะที่กระทบกัน ปราณหมอกครืนครัน ปะทุอย่างรุนแรง คิดจะต่อต้านพลานุภาพหอก แต่กลับทำไม่ได้ ใบหน้าทั้งหมดด้านในต่อให้เผาไหม้ก็ยังไม่อาจช่วยอะไรได้
ชั่วพริบตาแต่ละใบหน้าก็ส่งเสียงครวญแหลม เหมือนเป็นขี้เถ้าที่ถูกสายลมหอกยาวพัดเป่าจนสลายไป
และที่สลายไปด้วย ยังมีปราณหมอกสีเลือดนี้ด้วย ทั้งหมดหายไป ต้านทานไม่ได้เลยแม้แต่น้อย
ผู้บำเพ็ญนภาคิมหันต์ถูกพลังย้อนกลับมาทำร้ายในร่างกายทันที ใบหน้าซีดขาว มุมปากหลั่งเลือดสด แต่นี่สำหรับเขาแล้วแค่เพิ่งเริ่มต้น
พริบตาต่อมา หอกยาวสีดำก็แทงเข้าไปยังการป้องกันชั้นที่สองของผู้บำเพ็ญคนนี้ บนเกราะสีทองนั่น
มีเสียงสนั่นโถมฟ้าดังตูมขึ้นมา
เกราะแสงสีทองพังทลาย มีรอยแยกมหาศาลลามออกไป ยืนหยัดได้แค่หนึ่งอึดใจ ก็แตกกระจายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย พังทลายลงมา
ผู้บำเพ็ญนภาคิมหันต์หน้าขาวซีด ขณะที่เลือดสดกระอักออกมาอย่างไม่อาจควบคุมได้ หอกยาวสีดำนำการสังหาร ประกาศพลานุภาพที่ไม่อาจต้านทานได้ด้วยพลังที่แข็งแกร่ง แทงเข้าไปยังเทวรูปสีขาวที่แปรมาจากวิชาดวงชะตาของผู้บำเพ็ญเผ่านภาคิมหันต์ท่ามกลางเสียงหวีดหวิวที่ดังกึกก้อง
พลังและอำนาจที่น่าสะพรึง ถูกปล่อยออกมาจากตัวหอกยาว
ไฟสีดำ เส้นวิญญาณสีแดง อาวุธต้องห้ามที่ทำลายได้ทุกสรรพสิ่ง การปะทะและทำลายล้างที่สอดประสานขึ้นมาด้วยกันของพวกมัน แม้ไม่ใช่ว่าไม่อาจถูกสกัดทาน แต่เห็นได้ชัด…ว่าผู้บำเพ็ญนภาคิมหันต์คนนี้ไม่อยู่ในนั้น!
ดังนั้นจากเสียงสนั่นหูแทบดับที่ลั่นไปทั้งพื้นที่ต้องห้าม เทวรูปดวงชะตาของผู้บำเพ็ญนภาคิมหันต์คนนั้น ก็แตกเป็นชิ้นๆ ราวกับเครื่องเคลือบ
เริ่มจากแขน จากนั้นก็ลำตัว ถัดไปคือศีรษะ แปรเป็นชิ้นส่วนมหาศาลพัดหมุนไปด้านหลัง เผยให้เห็นตัวผู้บำเพ็ญนภาคิมหันต์
สีหน้าของเขา ยังหยุดอยู่ที่ความสะพรึงก่อนหน้านี้ และยังไม่ทันได้แปรเปลี่ยน หอกยาวสีดำก็ปรากฏที่หน้าอกของเขา
ทะลวงเข้าไป
แทงทะลุผิวหนัง ทะลวงเลือดเนื้อ ผ่านไปด้านหลัง
แทง…จนทะลุ!
แต่กลับยังไม่ได้พุ่งออกไป
และด้วยแรงปะทะที่เหลืออยู่ จึงพาร่างของผู้บำเพ็ญนี้พุ่งไปตามทิศทางที่หอกพุ่งไป ร่วงไปบนฟากฟ้า
ร่างของผู้บำเพ็ญนภาคิมหันต์นี้ แม้ว่าก่อนหน้านี้จะดูสูงส่งแค่ไหน เวลานี้ก็เหมือนตุ๊กตาผ้าที่ถูกเล่นจนรุ่งริ่งตัวหนึ่ง ยับเยินจนไม่อาจควบคุมตนเองได้
กระทั่งอึดใจต่อมา ฟากฟ้าก็ครืนครัน หอกยาวสีดำพัดผู้บำเพ็ญคนนี้ตอกปักเอาไว้บนท้องฟ้า!
เป็นสิ่งที่ไม่น่าเชื่อ ท้องฟ้าว่างเปล่าไม่มีวัตถุที่เป็นจริง ดังนั้นจึงไม่อาจถูกหอกปักไว้บนนั้นได้เหมือนยอดเขา แต่ตรงหน้า…มันเป็นเช่นนั้นแล้ว
ท้องฟ้า เมื่ออยู่ต่อหน้าหอกยาวนี้ ก็ราวกับกลายเป็นตัวตนที่มีอยู่จริงขึ้นมา
ดังนั้นพอเงยหน้ามองไป จะเห็นผู้บำเพ็ญนภาคิมหันต์คนนั้น ถูกตอกเอาไว้กลางอากาศ เลือดสดไหลมาตามบาดแผล อาบไปทั้งร่างหยดหยาดลงสู่พื้นดิน
สีหน้าเขาดูอ่อนล้าและขมขื่น สองตาเขาค่อยๆ สูญสิ้นกำลังที่จะเปิดเปลือกตาไว้ แต่เขายังคงออกแรงลืมตาโพลง มองยังสวี่ชิงที่สีหน้าเรียบเฉยบนพื้นดิน
ร่างนี้ เขาจะไม่มีวันลืมเลือน
ก่อนหน้านี้ เขาคิดว่าผู้บำเพ็ญอ้วนท้วมที่ลงมือตอนแรกคนนั้น จะเป็นคนที่แกร่งที่สุดในสองคนนี้ และเป็นตัวตนที่ลึกลับที่สุด
ถึงอย่างไรที่สามารถทนรับวิชาเก้าลมปราณของนภาคิมหันต์ได้ ตัวตนนี้จะต้องมีความลับอยู่
ทว่าตอนนี้ เขาไม่คิดเช่นนั้นแล้ว
คนที่แกร่งที่สุด…เป็นคนที่ปล่อยหอกนี้ออกมาต่างหาก
“อาวุธต้องห้าม…”
ผู้บำเพ็ญนภาคิมหันต์นี้พูดพึมพำ ท้ายสุดจึงจ้องมองสวี่ชิงอย่างลึกซึ้ง จากนั้นจึงหลับตาลง
ร่างกายตอนนี้ ปรากฏรอยแตกนับไม่ถ้วน รอยแตกทั้งหมดเริ่มมาจากที่หน้าอก หลังจากแผ่ออกไปทั่วทั้งตัว ก็เริ่มแตกสลาย
เสียงครืนสุดท้าย กายเนื้อของเขาแปรเป็นชิ้นๆ นับร้อย ร่วงหล่นลงบนพื้นดิน
คล้ายกับว่าดับสลายทั้งกายและจิตวิญญาณ
เห็นเป็นเช่นนี้ แต่พริบตาต่อมา สวี่ชิงก็ร้องเอ๊ะขึ้น หอกยาวสีดำถูกดึงออกมาอย่างฉับพลันจากบนฟากฟ้า
และตอนนี้เอง เลือดเนื้อที่ร่วงลงมาจากฟากฟ้าเหล่านั้น ก็ปรากฏการเปลี่ยนแปลงประหลาดขึ้น!
พวกมันระเบิดคลื่นพลังส่งข้ามขึ้นมาในพริบตานี้
พวกมัน กำลังเคลื่อนย้าย
“ยังหนีไปแบบนี้ได้ด้วย นี่คือวิชาใหม่ของคิมหันต์หรือ ข้าต้องเรียนรู้เสียหน่อย”
นายกองพอเห็นฉากนี้ ดวงตาก็เปล่งประกายขึ้นทันที จู่ๆ ก็อ้าปากขึ้น สูดรับอย่างรุนแรงไปทางเลือดเนื้อที่เริ่มเลือนรางเหล่านั้น
และบนพื้นเองก็มีเงาดำ ที่เหมือนจะรออยู่นานแล้ว พุ่งออกไปฉับพลันในตอนนี้เช่นกัน
เจ้าเงาที่กางแผ่มาจนถึงที่นี่นั่นเอง
มันกับนายกอง ต่างฝ่ายต่างลงมือขึ้นพร้อมกัน
หอกยาวสีดำเองก็บินออกไปพร้อมกันด้วย ความเคยชินของสวี่ชิง ก็คือถ้าจะเอาให้ตายก็ต้องเอาให้ตาย จะเหลือรอดไว้ไม่ได้
และการระเบิดขึ้นของพลังทั้งสามฝ่าย ทำให้ประสิทธิภาพการส่งข้ามของเลือดเนื้อเหล่านี้ เป็นไม่ได้ขึ้นมา
ชั่วพริบตา ก็มีเลือดเนื้อสี่ส่วน ภายใต้แรงดูดมหาศาลของนางกอง จึงถูกดึงออกจากการส่งข้ามตรงมาที่ปากของนายกอง
และการลงมือของเจ้าเงา ก็ยิ่งแปลกประหลาดไปอีก ส่งเสียงงึมงำลอดออกมา
“สามวิญญาณหล่อเลี้ยงเก้าปราณผันแปรห้าธาตุเจาะรูเจ็ดดาว วิญญาณสรรพชีวิตค้ำยันแสงดาราสามฉื่อ ความมืดมิดคือข้าที่ว่างเปล่า
เสียงนี้เดี๋ยวสูงเดี๋ยวต่ำ เดี๋ยวช้าเดี๋ยวเร็ว หลังจากรวมเข้าด้วยกัน ก็ทำให้ประดยคนี้เต็มไปด้วยความรู้สึกประหลาด
ภายใต้การรบกวนนี้ ก็มีเลือดเนื้อสองส่วน เผาไหม้ขึ้นชั่วพริบตากลายเป็นเปลวเพลิง ถูกแยกออกมาจากการส่งข้าม ผสานเข้าไปในร่างเจ้าเงา
ส่วนที่เหลือ หอกยาวสีดำของสวี่ชิงพุ่งหวีดหวิวออกไป ไฟดำแผ่ลาม ขณะที่เส้นวิญญาณพันล้อม ก็แผดเผาทิ้งทั้งหมด
เลือดเนื้อทั้งหมดตอนท้าย ไม่มีชิ้นไหนที่หนีไปได้ ทั้งหมดสลายหายไปจากฟ้าดิน
หลังจากที่รอบด้านเงียบลง นายกองทางนั้นก็เคี้ยวไปสองสามคำ มองไปทางสวี่ชิง
“คนนี้เป็นแค่ร่างแยก”
เจ้าเงาทางนั้นเองก็ส่งคลื่นอารมณ์ออกมา บอกกับสวี่ชิงว่า มันยังสัมผัสถึงกลิ่นอายของอีกฝ่ายได้ในอาณาเขตระดับหนึ่ง
“ไม่เป็นไร ครั้งหน้าที่เจอค่อยจัดการแล้วกัน”
สวี่ชิงเอ่ยขึ้นแผ่วเบา หันหน้ายกมือขวาขึ้น กดลงไปบนเขาต้องห้ามสีเลือดข้างๆ อีกครั้ง ยกขึ้นเบาๆ
ตัวภูเขาส่งเสียงครืนครัน และเจ้าเงาทางนั้นตอนนี้ก็แผ่ซ่านไปทั่วพื้นที่ต้องห้าม จากการเคลื่อนไหวของสวี่ชิง มันเองก็เริ่มระเบิดครั้งสุดท้าย กลืนกินอย่างบ้าคลั่ง
พื้นที่ต้องห้ามสั่นสะเทือน เสียงโอดครวญค่อยๆ อ่อนแอลง ความรู้สึกต่อต้านค่อยๆ ลดลง
พอมองออกไป สภาพของพื้นที่ต้องห้ามผืนนี้ก็ยิ่งจืดจางลง เลือนรางลงเรื่อยๆ ตำแหน่งชายขอบสลายหายไปแล้ว
แต่ความเร็วนี้ก็ไม่ได้เร็วนัก สวี่ชิงทนไม่ไหว กางเส้นวิญญาณออกไปสนับสนุนเจ้าเงา
ระหว่างขั้นตอนนี้ นายกองทำได้แค่มอง รู้สึกเกินคาดหน่อยๆ แต่ก็ไม่ได้ถาม เพราะเขาเวลานี้ กำลังย่อยเลือดเนื้อคิมหันต์อย่างสุดกำลัง ค้นหาวิชาที่สามารถทำลายการส่งข้าม
จนผ่านไปสองชั่วยาม เจ้าเงากลืนกินเสร็จสิ้น
รอบๆ ตัวสวี่ชิงกับนายกองทั้งหมดกลายเป็นความว่างเปล่า
มีเพียงเขาลูกนี้ ที่ลอยอยู่เหนือพื้นหนึ่งฉื่ออย่างเดียวดาย
พื้นที่ต้องห้ามทั้งหมดหายไปแล้ว!
พื้นดินเป็นสีเทาทั้งผืน
ในสีเทานี้ มีเงาดำกลุ่มหนึ่ง ขยับเลื้อยราวกับแม่น้ำไหล แผ่ไปทางสวี่ชิง ท้ายสุดก็กลับไปอยู่ใต้เท้าของสวี่ชิง ส่งเสียงเรอออกมา จากนั้นก็คายเปลวไฟสีน้ำตาลขนาดเล็บมือดวงหนึ่งออกมา
เปลวไฟนี้ ลอยอยู่เบื้องหน้าสวี่ชิง มืดสว่างสลับกัน ประเดี๋ยวก็พองออกประเดี๋ยวก็หดตัว ดูเหมือนไม่มั่นคงเอามากๆ
ท้องฟ้าเคลื่อนไหวเพราะมัน ดำมืดอย่างรวดเร็ว เสียงฟ้าร้องลอดเข้ามาในทันที สายอัสนีหลายสายแหวกว่ายอยู่ภายใน ราวกับถูกดึงดูด แผ่กระจายออกภายนอก
ขณะเดียวกัน พลังจิตวิญญาณที่ยิ่งใหญ่ราวมหาสมุทรวูบหนึ่ง ก็แผ่ออกมาจากในตัวเจ้าเงาของสวี่ชิง
“นายท่าน…อิ่ม…”
สวี่ชิงพยักหน้า เก็บไฟสีน้ำตาลนั้นลงมาอย่างระมัดระวัง เขารู้ถึงที่มาไฟดวงนี้อย่างชัดเจน และรู้ถึงความอันตรายของมัน
หลังจากเก็บลงไป สวี่ชิงโบกมือขวา ภูเขาต้องห้ามสีเลือดลูกนั้นลอยขึ้นกลางอากาศครืนครัน ลอยอยู่เหนือศีรษะเขา
“อาชิงน้อย ยุงยังอยู่ไหม ปล่อยออกมาหน่อย เมื่อครู่ข้ายังรู้สึกเจ็บอยู่เลย ประสิทธิภาพยังต้องสนับสนุนเพิ่มเข้าไปอีก”
นายกองเหลือบมองเจ้าเงาของสวี่ชิง
สวี่ชิงหันหน้า มองไปทางนายกองที่อ้วนตุ๊ต๊ะ
“ศิษย์พี่ใหญ่ เทพชั้นสูงซิงเหยียนบอกกับข้า ว่าขั้นตอนแรกของการออกล่าครั้งใหญ่ คือการย้ายภูเขา…”