พ่อจอมผยอง / คุณพ่อสายเปย์ - บทที่ 109 คนบงการเบื้องหลัง
บทที่ 109 คนบงการเบื้องหลัง
ในขณะเดียวกันอู๋เล่ยก็เลยใช้โอกาสนี้ในการประกาศซะเลย เขาประกาศว่าในช่วงใกล้ๆนี้ทางซูเปอร์มาร์เก็ตจะมากิจกรรมโปรโมชั่นพิเศษครั้งใหญ่ มีบัตรกำนัลมอบให้มากมาย วันเวลาจะถูกกำหนดอย่างแน่นอนในอีกวันสองวันข้างหน้า
ถึงแม้เมื่อสักครู่จะมีเสียงเซ็งแซ่รอบด้าน แต่วิธีการจัดการของอู๋เล่ยก็ทำให้ทุกคนยินยอมได้ ถึงแม้ว่าจะมาหาเรื่องแต่ก็ไม่มีอะไรที่จะพูดได้
และยิ่งมีการได้เปรียบแบบนี้ เหล่าผู้ชมทั้งหลายก็ส่งเสียงร้องคาดหวังอย่างเหนือความคาดหมาย
สำหรับวิธีแก้ปัญหาของอู๋เล่ยนี้ ลู่เฉินเองก็ลอบพยักหน้าเบาๆ หลังจากนั้นก็เรียกอู๋เล่ยไปที่ห้องทำงานด้วยกัน
“พี่เฉิน ผมสงสัยว่าเรื่องนี้มีคนจงใจหาเรื่องพวกเรา” ภายในห้องทำงาน อู๋เล่ยขมวดคิ้วพูด
เขาเพิ่งจะคิดแสดงฝีมือออกไป คาดไม่ถึงว่าจะต้องเจอเรื่องแบบนี้ สำหรับเขาแล้ว การไม่มีความสงสัยคือความพินาศของการต่อสู้
“อืม กะจะเล่นงานฉันน่ะ นายวางใจทำกิจกรรมโปรโมทของนายต่อไป ฉันจะทำให้มันกลับไปเป็นเหมือนอย่างเดิมเอง” ลู่เฉินพยักหน้า แล้วก็หยิบโทรศัพท์มือถือส่งให้กับซ่งไห่ไป
“วันนี้นายเอาคนมาที่ซูเปอร์มาร์เก็ตเยอะหน่อยนะ ฉันเดาว่าไม่กี่วันนี้คงจะมีคนมาสร้างความวุ่นวายที่ซูเปอร์มาร์เก็ต ถึงตอนนั้นนายก็ช่วยเหลืออู๋เล่ยผู้จัดการซูเปอร์มาร์เก็ตให้ดี ในเวลาเดียวกันก็ต้องตรวจสอบให้ฉันด้วยว่าใครเป็นคนอยู่เบื้องหลังทำเรื่องพรรค์นี้” ลู่เฉินพูดออกมาตรงๆ
“คุณลู่เฉิน แล้วทางบ้านวังล่ะครับ ช่วงหลายวันนี้คนของผมส่วนมากสนุกอยู่กันที่สถานที่ก่อสร้างของบ้านวัง ไม่เล่นงานบ้านวังแล้วเหรอครับ?” ซ่งไห่สอบถาม
“มันกี่วันมาแล้ว คนของนายก็กลับมาได้แล้ว ให้คนของตู้เฟยไปแทน” ลู่เฉินบอก
สำหรับเรื่องของบ้านวังแน่นอนว่าไม่มีทางหยุด แต่ถ้าหากยังเป็นกลุ่มคนเดิมๆตลอด มันง่ายที่จะทำให้บ้านวังตรวจสอบพบในที่สุด
ลู่เฉินยังไม่อยากเผชิญหน้ากับบ้านวังเร็วอย่างนั้น
เขาเตรียมตัวทำให้บ้านวังถูกไฟลนก่อนแล้วค่อยเผชิญหน้า
“รับทราบ ผมจะจัดการตามนี้ครับ” ซ่งไห่พูดแล้วก็ค่อยวางสายโทรศัพท์
ลู่เฉินโทรศัพท์ไปหาตู้เฟยอีกรอบ บอกกล่าวแผนการของเขาอย่างชัดเจน
“เฉิน พี่เฉิน พี่ พี่กำลังสู้กับบ้านวังซิง?” อู๋เล่ยที่ฟังลู่เฉินคุยโทรศัพท์เงียบๆก็มองลู่เฉินอย่างตื่นเต้น
บ้านอู๋ของเขาถูกบ้านของวังซิงลงมือทำให้บ้านแตกสาแหรกขาด แค้นครั้งนี้ทำให้เขาเป็นดั่งขอทานมาสองปี ไม่มีวันไหนที่ลืมได้ลง
“อืม แต่ที่ฉันหาเรื่องบ้านวัง ก็ไม่ใช่แค่ช่วยนายแก้แค้น พวกเขาเองก็เคยทำร้ายฉันเหมือนกัน” ลู่เฉินพยักหน้า ก่อนหน้านี้ยังคิดที่จะปิดบังอู๋เล่ย ในเมื่อเขามีปฏิกิริยาโต้ตอบกลับแล้ว ถ้าอย่างนั้นก็ไม่จำเป็นต้องปิดบังแล้ว
แต่เขาเองก็ไม่อยากให้อู๋เล่ยใส่อารมณ์มากเกินไป ก็เลยบอกไปว่าไม่ใช่แค่ช่วยเขาแก้แค้น
แต่จริงๆแล้วที่ลู่เฉินต้องการก้าวข้ามบ้านวัง เพื่อที่จะช่วยอู๋เล่ยแก้แค้นจริงๆ
ในส่วนของความคิดที่จะทุบตีหลินอี้จุนของวังเหวินเสวี่ย เขาได้ทำให้วังเหวินเสวี่ยกลายเป็นขันทีไปแล้ว และสำหรับการท้าทายกวนตีนของวังซิงทั้งหลายแหล่ เขาไม่เคยเก็บมาใส่ใจอยู่แล้ว
และไม่กี่วันต่อมา เซิ่งซื่อซูเปอร์มาร์เก็ตก็มีคนมาก่อกวนไม่หยุด ล้วนเป็นคนที่ต้องการจะขอคืนสินค้า ซ้ำยังอยู่ในช่วงที่คนเยอะที่สุดด้วย
นี่เป็นบททดสอบใหญ่ที่มอบให้กับอู๋เล่ย และก็มอบผลกระทบด้านลบที่แย่มากให้กับเซิ่งซื่อซูเปอร์มาร์เก็ตด้วยเช่นกัน ทำให้กิจการของเซิ่งซื่อซูเปอร์มาร์เก็ตไม่ดีเหมือนแต่ก่อน จำนวนคนน้อยลงมากกว่าครึ่ง
แต่ในวันที่สี่ ในขณะที่ลู่เฉินหัวร้อนสองครั้งแล้ว ซ่งไห่ก็หาคนที่อยู่เบื้องหลังพบ
“คุณลู่เฉิน วันนี้เป็นวันที่ให้ผมจับไอ้หมาเวรตัวนั้นได้แล้ว แต่เขาไม่ยอมบอกว่าคนเบื้องที่ให้เงินเขาคือใคร คุณจะจัดการเขายังไง?” เมื่อเจอตัวคนบงการ ซ่งไห่ก็รีบโทรศัพท์หาลู่เฉินสอบถามทันที
“เอาโลเคชั่นให้ฉัน ฉันจะไปดูเอง” ลู่เฉินพูดแล้วก็วางโทรศัพท์ เขาจะไปดูว่าใครเป็นคนบงการกัน
ในเวลาอันรวดเร็วลู่เฉินก็ได้รับโลเคชั่นที่ซ่งไห่ส่งในวีแชท เขาเปิด A6 (เอหก) แล้วก็รีบไปทันที
ซ่งไห่ระมัดระวังเป็นอย่างยิ่ง เขารู้ว่าคนแบบนี้ ลู่เฉินไม่มีทางปล่อยไปเขาไปแน่นอน ดังนั้นหลังจากที่จับเขาได้แล้ว ก็พาเขามาที่สถานที่ร้างห่างไกลผู้คน
นี่คือโรงงานที่ถูกทิ้งร้าง มาถึงด้านนอกโรงงาน ลู่เฉินก็เห็นว่าซ่งไห่ได้ให้ลูกน้องสองคนรอที่นั่นอยู่แล้ว
ลูกน้องสองคนนี้แน่นอนว่าไม่ใช่หลินตงและชิจิน เจ้าสองคนนั้นเองก็พาคุณกลุ่มหนึ่งมาเพื่อรับฟังคำสั่งของตู้เฟย
“คุณลู่เฉิน หมาตัวนั้นปากแข็งมาก ต่อยจนจะตายแล้วก็ไม่ส่งเสียงสักแอะ บอกแค่ว่าไม่ยอมบอกว่าท่อน้ำเลี้ยงคือใคร” ซ่งไห่บอก
จริงๆแล้วเขากลัวว่าจะทุบอีกฝ่ายจนตาย ไม่อย่างนั้นเขามีวิธีจัดการแน่นอน
“คุณลู่เฉิน”
“คุณลู่เฉิน”
ลูกน้องสองคนเองก็เรียกอย่างร้อนรน
“อืม พาฉันเข้าไปดู” ลู่เฉินพยักหน้า เดินนำเข้าไปในโรงงานร้าง
“คุณลู่เฉิน นั่นคือเขา” เดินเข้ามาในห้องๆหนึ่ง ซ่งไห่ก็ชี้ไปยังชายคนนึงที่หมดสภาพอยู่ตรงมุมหนึ่ง
ชายนั้นถูกมัดเชือกแน่นที่สองมือ ทั้งร่างล้วนเต็มไปด้วยเลือด แสดงถึงก่อนหน้านี้ที่ซ่งไห่ให้คนลงมือก็ค่อนข้างโหดร้าย
มองเห็นชายคนนั้นแวบเดียว ลู่เฉินก็รู้สึกว่ามีใบหน้าที่คุ้นเคย แต่ทว่าเขาก็จำอีกฝ่ายได้อย่างรวดเร็ว
ถึงแม้บนใบหน้าอีกฝ่ายจะมีเลือดอาบ แต่ลู่เฉินก็ยังจำได้ว่าเขาคือชายที่ชื่อว่า ตี๋ฟู่ คนที่กำลังตามจีบน้องสาวของภรรยาเขาอยู่
ในเวลาเดียวกันเขาก็เป็นผู้ช่วยของจั่วชิงเฉิง. ผู้จัดการทางการตลาดของกลุ่มเครื่องประดับ หยุนเฟย
“คุณลู่เฉิน พวกเรานาบเหล็กร้อนเข้าที่อกของดีหรือไม่ครับ ผมไม่เชื่อว่าในตอนนั้นเขายังจะปากแข็งได้อยู่” ซ่งไห่พูดอย่างโหดเหี้ยม
“ไม่ต้องหรอก เขาเป็นคนของจั่วชิงเฉิง” ลู่เฉินส่ายหน้า คิดถึงเมื่อก่อนตอนที่เขาทายว่าจั่วชิงเฉิง จะเป็นศัตรูกับเขา เพียงแค่ไม่มีหลักฐาน ก็ยังคงฟันธงไม่ได้ แต่ในเวลานี้กลับกระจ่างแจ้งแล้ว
แน่นอนว่าเป็นเพราะเขาได้สัญญาเส้นทางแร่ดิบที่เดิมควรจะเป็นของบ้านจั่ว . บ้านจั่ว ก็คงจะแก้แค้นเขาล่ะมั้ง
“บ้านจั่ว? คุณลู่เฉิน คุณมีเรื่องกับบ้านจั่ว เหรอครับ?” ซ่งไห่พูดอย่างตกตะลึง
ถึงแม้ลู่เฉินจะเป็นคุณชายใหญ่บ้านลู่ แต่ทว่าอำนาจของกลุ่มแกรนด์ไฮแอทจวินเยวี่ยที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในยวี่โจวที่เป็นของบ้านลู่ก็หายไปแล้ว เขาไม่คิดว่าลู่เฉินคนเดียวกระเทียมลีบจะสามารถต่อกรล้มบ้านจั่ว ได้
บ้านจั่วเป็นหนึ่งในตระกูลใหญ่ดั้งเดิมของยวี่โจวเชียวนะ
ใช่แล่ว เขาตอนนี้ยังไม่รู้ว่าลู่เฉินได้สร้างอุทยานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ลู่เฉินไม่ได้สนใจซ่งไห่ แต่กลับเดินไปทางตี๋ฟู่
ในเวลานี้ตี๋ฟู่เองก็มองดูลู่เฉิน ใบหน้ามีรอยยิ้มเยาะตนเอง
“ผมเพิ่งจะรู้ว่าตัวเองก็โง่อยู่หน่อยๆ” ตี๋ฟู่พูดเสียงหัวเราะเยาะตัวเอง
“ใช่ นายนี่โง่อยู่แน่นอน รู้อยู่แล้วว่าคนที่จับนายมาคือคนของฉัน ฉันก็จะเห็นนายแน่นอน นายก็ไม่บอกว่าท่อน้ำเลี้ยงเบื้องหลังของนายคือใคร คนอย่างนายตีไปก็ไม่ช่วยอะไร” ลู่เฉินพูดเสียงเรียบ
ถ้าเปลี่ยนเป็นเขาโง่เขลาแบบนี้ แน่นอนว่าจะต้องรีบบอกตัวตนเขาออกไปอย่างรวดเร็ว
เพราะลู่เฉินกับเขา อีกทั้งยังมีจั่วชิงเฉิง ล้วนนับว่าเป็นคนกันเองแล้ว จะปิดบังอะไรได้ล่ะ
“พี่ลู่ พี่รู้ว่าคุณจั่วชิงเฉิง ต้องการแก้แค้นพี่ เรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับผม ผมเพียงแค่เป็นคนรับผิดชอบหาคนให้เขาไปก่อเรื่องเท่านั้นเอง” ในเวลานี้ ในที่สุดตี๋ฟู่ก็แก้ต่างให้ตัวเอง
ลู่เฉินไม่พูดอะไน ฟังตี๋ฟู่พูดต่อ “พี่ลู่ ผมรู้่ว่าเรื่องนี้ผมทำได้ไม่ดี ยังคงให้พี่คิดถึงในส่วนของอี้เจีย ปล่อยผมไปเถอะ จั่วชิงเฉิงต่างหากที่คู่ควรต่อสู้กับพี่ ผมเป็นแค่หมากตัวเล็กๆ”
ลู่เฉินยังคงไม่พูดอะไร
สำหรับตี๋ฟู่เริ่มที่จะว้าวุ่นแล้ว เขาก่อนหน้านี้ก็ถูกทำร้ายไม่เบา ไม่อยากโดนชกต่อยอีกรอบแล้วจริงๆ
“พี่ลู่ ขอโทษจริงๆ ผมผิดไปแล้ว ผม…”
ลู่เฉินมองตี๋ฟู่อย่างเหยียดหยาม แล้วก็พูดกับซ่งไห่ “เอากระบองเหล็กให้ฉัน”
ได้ยินคำพูดของลู่เฉิน ตี๋ฟู่ก็เปลี่ยนเป็นใบหน้าซีดขาวในทันใด