พ่อจอมผยอง / คุณพ่อสายเปย์ - บทที่ 239 หนอนบ่อนไส้
บทที่ 239 หนอนบ่อนไส้
“หลี่หงเหม่ยใช่ไหม?” เมื่อเห็นคนพวกนั้นแล้วไม่มีอะไรอยากจะพูด วังเหว่ยจึงหันไปมองหลี่หงเหม่ยที่กำลังสับสนทำตัวไม่ถูก
“ประ ประธานหน้าวัง” หลี่หงเหม่ยมองไปที่วังเหว่ยด้วยความรู้สึกผิดและลู่เฉินไม่อยู่ในใจของดู
ไม่มีความมั่นใจเลย
“ไม่ต้องกังวลไปหรอกหลี่หงเหม่ย ไม่มีใครกล้ารังแกเธออีกแล้วล่ะ เธอดูสิ คนที่รังแกเธอในวันนี้ถูกฉันไล่ออกไปหมด ” เมื่อเห็นหลี่หงเหมยรู้สึกประหม่า วังเหว่ยจึงพูดกล่อมเธอด้วยน้ำเสียงที่ผ่อนคลาย
หลี่หงเหม่ย ตกใจมากกับเรื่องนี้
เธอคิดไม่ถึงเลยว่าลู่เฉินจะทำแบบนี้ เขาบอกว่าจะไล่คนที่รังแกเธอออกไปให้หมด แล้วเขาก็ทำมันจริงๆ
ผู้มีพระคุณลู่ความสัมพันธ์อะไรกับประธานวังกัน? ทำไมประธานวังถึงต้องฟังผู้มีพระคุณลู่ขนาดนี้ด้วย?
หลี่หงเหม่ยในใจกำลังคุ่นคิดเรื่องนี้ และความตื่นเต้นก็ค่อยๆคลายลง
“ค่ะ ขอบคุณค่ะประธานวัง” หลี่หงเหม่ยพยักหน้าและเธอก็เริ่มเป็นธรรมชาติมากขึ้น
“หลี่หงเหม่ยคุณบอกฉันได้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่?” วังเหว่ยถามอย่างใจเย็นเมื่อเขาสังเกตุเห็ยว่าท่าทางของหลี่หงเหม่ยดูผ่อนคลายลงบ้างแล้ว
ถึงแม้ว่าเขาจะทำตามคำขอของลู่เฉินโดยไม่มีเงื่อนไขใดๆก็ตาม แต่เขาก็อยากรู้ว่าวันนี้เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ เรื่องอะไรกันที่ทำให้ลู่เฉินหงุดหงิดได้อย่างนี้
หลี่หงเหม่ยลังเลอยู่ครู่หนึ่ง และมองไปที่ผู้หญิงคนอื่น ๆ ผู้หญิงเหล่านี้ก็เคยร้ายกับเธอมาก่อนเธอก็เลยยังรู้สึกกลัวอยู่ เธอคิดว่าคนพวกนี้จะรังแกเธอในอนาคต
“ไม่ต้องกังวลหรอก ต่อไปไม่ว่าจะเป็นใคร ถ้าเขากล้ากลั่นแกล้งเธอ ไม่ว่าจะร้ายแรกหรือไม่ ฉันก็จะไล่พวกเขาออกเอง ” วังเหว่ยให้กำลังใจหลี่หงเหม่ยอีกครั้ง
หลี่หงเหม่ยพยักหน้าและในที่สุดเธอก็อธิบายเรื่องราวทั้งหมดในวังเหว่ยฟัง
และหยูลี่ยังตบเสี่ยวเป่าตั้งสองสามครั้ง ตบจจนมุมปากของเขาเลือดออก
และหลังจากนั้นหยูลี่ก็บอกอีกว่านี่เป็นเพราะเธอกับเสี่ยวจื่อเหิง
ร่วมมือกันเพื่อไล่เธอออกจากบริษัท
เธอเล่าเรื่องราวเหล่านี้ทั้งหมดโดยไม่พลาดเลยแม้แต่คำเดียว
เมื่อฟังหลี่หงเหม่ยพูดจบแล้ว ในที่สุดวังเหว่ยก็ได้รู้แล้วว่าทำไมลู่เฉินถึงไม่ได้ไล่หยูลี่กับเสี่ยวจื่อเหิงออกเท่านั้น แต่ยังรู้ถึงสาเหตุที่ทำให้เพื่อนร่วมงานชายพวกนี้ถูกไล่ออกไปด้วย
เพราะตอนที่หยูลี่ทำร้ายเสี่ยวเป่า พวกเขาไม่เพียงแต่ไม่มีความเห็นอกเห็นใจใด ๆไม่ห้ามปราม แถมยังยุยงปลุกปั่นอยู่ข้างๆอีก แน่นอนว่าพวกคนแบบนี้คงปล่อยให้อยู่ในบริษัทพวกเขาไม่ได้
แม้ว่าพวกเขาจะเป็นเพียงพนักงานธรรมดา แต่ถ้านิสัยของพวกเขาไม่ดีพอ พวกเขาก็ไม่มีคุณสมบัติที่จะทำงานให้กับเทคโนโลยีอี้ฉีอีกต่อไป
หลังจากที่ออกมาจากเทคโนโลยีอี้ฉี ลู่เฉินก็ตรงไปที่ Sakura Club
พอรถจอด ลู่เฉินกำลังจะเปิดประตูรถออก ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกได้ถึงอันตรายที่กำลังคืบคลานเข้ามา ด้วยสัญชาตญาณเขาจึงรีบม้วนตัวไปหลบข้างๆ
ปัง!
ในขณะที่ลู่เฉินม้วนตัวหลบออกไป กระสุนก็โดนเข้ากับประตูรถ หลังจากเกิดประกายไฟ ประตูรถของเขาก็มีรอยของกระสุนทะลุผ่าน
ลู่เฉินเกิดตกใจมาก เขาไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่านี้มันเกิดอะไรขึ้น
และนี่คือพื้นที่อิทธิพลของตู้เฟยใครกันกล้าโจมตีเขาที่นี่?
ลู่เฉินมีท่าทีงงงวย แต่ยังไม่ก็ยังไม่กระโตกกระตากไป เมื่อเขาพิจารณาจากวิถีกระสุนแล้ว เขาก็เดาทิศทางของอีกฝ่ายได้ทันที
เขาใช้รถสองสามคันที่นั่นเป็นเกาะกำบัง และลู่เฉินก็ค่อยๆย่องช้าๆไปตามทิศทางนั้น
ไม่นาน พอเขาค่อยๆย่องไปที่รถคันที่สี่ เขาก็เห็นชายชุดดำคนหนึ่ง ในมือกำลังถือปืนอยู่เล็งไปทางรถของเขา
เมื่อเห็นอีกฝ่ายมีท่าทีระมัดระวังมาก ลู่เฉินก็แอบหัวเราะในใจ ถึงแม้ว่าผู้ชายคนนี้จะเป็นนักฆ่า แต่เขาก็ไม่ใช่นักฆ่าที่มีฝีมือมากพอ
ถ้าเขาเป็นนักฆ่าที่มีฝีมือละก็หลังจากที่พลาดแล้วครั้งหนึ่ง เขาจะล่าถอยโดยเร็วที่สุด
แต่นักฆ่าคนนี้ยังคิดที่จะลงมือครั้งที่สองอีกแน่นอน
ลู่เฉินไม่ให้เขาได้มีโอกาสทันลงมือ เขาแอบใช้ฝ่ามือของเขาฟันลงที่ลำคอของนักฆ่า ทำให้เขาสลบไป
หลังจากเก็บปืนในมือของนักฆ่าแล้ว ลู่เฉินก็ลากเขาตรงเข้าไปในห้องส่วนตัวที่เขานัดกับตู้เฟยไว้ก่อนหน้านี้
เพราะเขาไม่ไปที่ตึกแกรนด์ไฮแอทเป็นประจำ ดังนั้นพอเขาผลักประตูเข้าไปก็พบว่าตู้เฟย และคนอื่น ๆ รออยู่ข้างในแล้ว
พอเห็นในมือของลู่เฉินกำลังลากผู้ชายคนหนึ่งเข้ามา ก็ต่างรู้สึกตกใจกันเล็กน้อย
“นี้มันอะไรกัน?” ตู้เฟยถามลู่เฉินด้วยความสงสัย
“นักฆ่าที่มันจะมาฆ่าฉันไงล่ะ มันซุ่มอยู่ในพื้นที่ของนาย ฉันอยากรู้เหมือนกันว่านี้มันคืออะไร” ลู่เฉินพูด
นักฆ่าในพื้นที่ของตู้เฟยพยายามจะฆ่าลู่เฉิน เขาไม่ต้องคิดอะไรให้มากเขาก็รู้ว่าต้องเป็นคนของตู้เฟยแน่นอนที่ทำให้ข่าวที่เขาจะมาหาตู้เฟยในวันนี้รั่วไหลออกไป
Sakura Club ปกติแล้วทุ่มหนึ่งถึงจะเปิด แต่ตอนนี้ยังเป็นเวลาเช้าอยู่ แล้วทำไมกันนักฆ่าคนนี้ถึงมารออยู่ก่อนแล้ว
ไม่ต้องให้ลู่เฉินสงสัยหรอก ตู้เฟยเองก็คิดว่าเขากำลังเลี้ยงหนอนบ่อนไส้ไว้อยู่
ใบหน้าของตู้เฟยดูสุขุม เขากวาดสายตาไปรอบโต๊ะ พูดขึ้นเสียงแข็ง ”มีแค่พวกแกห้าคนเท่านั้นที่รู้ว่าลู่เฉินเป็นใคร อย่าให้ฉันพูดมาก ใคร! ยอมรับซ่ะดีๆ แต่ถ้าฉันรู้ด้วยตัวเองละก็ ไม่ใช่แค่แกคนเดียวแน่นอนที่ต้องรับผิดชอบ คนในครอบครัวของแกก็ต้องรับผิดชอบด้วย
ถึงแม้ว่าจะเคยบอกครอบครัวจะไม่เป็นอันตรายก็ตาม แต่ Sakura Club ก็เป็นกองกำลังใต้ดินและตู้เฟยก็เป็นคนที่โหดร้ายมากๆเช่นเดียวกัน เมื่อเขาบอกว่าเขาจะทำร้ายครอบครัวของพวกเขาแล้ว แปลว่าเขาทำได้แน่นอน
ตู้เฟย มีผู้ช่วยที่เขาเชื่อใจได้อยู่ทั้งหมดห้าคน
ก็จะมี หูเปียว จางเหว่ย เจิงซิน จ้าวฉวน และหลิวอี้
ทั้งห้าคนนี้ดูเผินๆเหมือนจะเข้ากันได้ดี แต่ในความเป็นจริงแล้วมีบางอย่างแอบแฝงอยู่
ตำแหน่งของตู้เฟยในยวี่โจวนั้นสูงขึ้นเรื่อย ๆ และเขาได้กลายเป็นผู้นำของกองกำลังใต้ดินใน ยวี่โจว ทั้งห้าคนนี้ได้ติดตามตู้เฟยไปมาตลอดผ่านความเป็นความตายร่วมกันมา แน่นอนว่าพวกเขาหวังที่จะได้รับความเชื่อใจจากตู้เฟยมากขึ้น
ขอเพียงได้รับความไว้วางใจจากตู้เฟยเท่านั้น พวกเขาถึงจะมีโอกาสหลุดจากการครอบงำได้
ในเวลานี้พวกเขาทั้งห้ามองไปที่นัยตาอันแสนเลือดเย็นของตู้เฟยและพวกเขาก็กลัวที่จะพูดอะไรออกมา
ที่ตู้เฟยนั่งสามารถในตำแหน่งนี้ได้ ก็อาศัยความสามารถและความแข็งแกร่งที่แท้จริงของเขาและไม่มีใครที่จะไม่กลัวเขา
“ฉันไม่สนว่าจะเป็นใครในหมู่พวกแก ขอเพียงแค่ยืนขึ้นยอมรับด้วยตัวเอง และให้คำอธิบายที่สมเหตุสมผลกับฉัน ฉันจะไม่ฆ่าแก” ลู่เฉินมองไปที่คนทั้งห้าและพูดขึ้น
คนของตู้เฟย มีเพียงแค่พวกเขาทั้งห้าคนเท่านั้นที่รู้จักตัวตนของเขา และนหนอนบ่อนไส้จะต้องอยู่ในกลุ่มพวกเขาอย่างแน่นอน
สำหรับ Three Heroes of the Water Margin พูดอย่างเคร่งขรึมว่าพวกเขาเป็นคนของลู่เฉิน หลิวจื่อซิ่วก็เป็นคนของลู่เฉินพวกเขาก็ไม่สามารถทรยศต่อลู่เฉินได้เช่นกัน
“ฉันจะให้เวลาแกหนึ่งนาที หลังจากหนึ่งนาทีผ่านไป ถ้ายังไม่มีใครคิดที่จะออกมายอมรับกับฉัน ฉันจะเริ่มสอบสวนด้วยตัวเอง” ตู้เฟยกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ทุ้ม
ในฐานะผู้นำกองกำลังใต้ดินในยวี่โจว เขามีวิธีการมากมายในการตรวจสอบพวกหนอนบ่อนไส้ไม่จำเป็นต้องให้เขาจัดการเองด้วยซ้ำ คนของเขาก็จะตรวจสอบให้เขาได้อย่างชัดเจนโดยใช้เวลาแค่นิดเดียว
เมื่อเวลาผ่านไปทั้งห้าคนก็เริ่มรู้สึกกังวล
แต่มีหนึ่งในห้าคนนี้ที่ชื่อจางเหว่ย เขามีท่าทีดูประหม่า เพราะมีเหงื่อออกอาบหน้าผากของเขา
แม้ว่าหูเปี่ยวและอีกคนอื่นจะรู้สึกประหม่าเช่นเดียวกัน แต่พวกเขาก็สงบมากกว่าจางเหว่ยมาก
“ยังเหลือเวลาอีกห้าวินาที ถ้าถึงเวลานั้นอย่าโทษฉันที่ไม่ให้โอกาสพวกแกน่ะ” ตู้เฟยมองไปที่นาฬิกาจับเวลาและพูดด้วยน้ำเสียงทุ้ม
ทันใดนั้น จางเหว่ยก็คุกเข่าลงต่อหน้าลู่เฉิน
“คุณชายลู่ ผมขอโทษครับ เพราะพวกมันจับแม่ผมไปและข่มขู่ผมกับแม่ ผมไม่มีทางเลือกจริงครับ” จางเหว่ยพูดด้วยเสียงสั่นเครือ
“พวกมันเป็นใคร”
ลู่เฉินได้โกรธแม้แต่น้อย เขาถามอย่างใจเย็น