พ่อจอมผยอง / คุณพ่อสายเปย์ - บทที่ 248 ไปชิปปิ้งจีน
บทที่ 248 ไปชิปปิ้งจีน
ไม่ช้าก็ถูกสมาคมหินธรรมชาติออกไปประกาศผ่านทางสื่อเรื่องที่ลู่เฉินเป็นตัวแทนยวี่โจวไปร่วมงานแข่งพนันหินที่จงไห่ ในขณะที่แนะนำลู่เฉิน พวกเขาก็ได้นำเรื่องในการประชุมที่จัดขึ้นอย่างมโหฬารโบราณที่เอาชนะเจ่อนซีประกาศออกมาด้วย
ในเวลานั้น เหล่าผู้คนที่ชอบของของโบราณ ชอบเพชร หยก ต่างพากันรอคอย พ่อค้าอัญมณีและคนรักของเก่าจำนวนมากแสดงความตั้งใจที่จะติดตามไปยังชิปปิ้งจีนเพื่อเป็นสักขีพยานชัยชนะของลู่เฉิน
การแข่งขันอัญมณีชิปปิ้งจีนจะเริ่มต้นในวันที่20เดือนมิถุนายน ยังเหลือเวลาอีก2วัน
ในสองวันนี้ ลู่เฉินก็ไม่เคยหยุดตามหาฉีฉีเลย
แต่ฉีฉีราวกับไม่ได้อยู่ในยวี่โจว เขาใช้กำลังคนทุกอย่างที่มี แต่ก็มาได้เบาะแสอะไรเลย
และในขณะที่เขากำลังเตรียมตัวเดินทางไปชิปปิ้งจีนนั้น เขาได้รับสายแปลกหนึ่ง อีกฝ่ายบอกผ่านทางโทรศัพท์ว่าเขาจะต้องคว้าแชมป์ให้ยวี่โจวในครั้งนี้ให้ได้
ไม่มีความกดดันต่อลู่เฉินเลย การแข่งขันอัญมณีแนวหน้าประเทศคือหยุนลาว และความแข็งแกร่งของเขาไม่ได้อยู่ภายใต้หยุนลาวเลย เขาเชื่อว่าหยุนลาวจะไม่เข้าร่วมการแข่งขันที่น่าเบื่ออย่างนี้อย่างแน่นอน เพียงแค่หยุนลาวไม่มา เขาก็มีความมั่นใจอย่างมากที่จะคว้าแชมป์
ทันใดนั้นลู่เฉินได้ส่งเลขเบอร์โทรศัพท์ให้กับเสี่ยวซัวจุน ผลลัพธ์เหมือนตรั้งก่อนเลย
หวงยาวจุนทางฝ่ายสมาคมหินธรรมชาติได้ไปชิปปิ้งจีนพร้อมกับลู่เฉิน แต่ลู่เฉินแปลกใจคือคนที่ไปพร้อมพวกเขาด้วยยังมีอีกคน
คนคนนั้นก็คือเพื่อนรักของเฉินจือหราน หลานหลิน
“คุณลู่ พวกคุณไม่รังเกียจที่จะไปชิปปิ้งจีนกับฉันด้วยกันใช่ไหม” หลานหลินยิ้มพูด
เขาจะไปรังเกียจอะไรได้ แต่วสงสัยว่าทำไมหลานหลินถึงอยู่ในยวี่โจวตลอด ทำอะไร
เพื่อนรักของเฉินจือหราน คงไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอนเลย เขาจำได้ว่าครั้งแรกที่เขาเจอหลานหลิน นั้นมันในงายของเฉินจือหราน ผ่านมาก็สักพักแล้ว
แน่นอน บางทีเธออาจจะแอบหนีมารอบที่สองก็เป็นไปได้ อาจจะมาบริษัทพัฒนาอะไรต่างๆก็ได้ ฉะนั้นลู่เฉินจึงไม่ได้คิดมากอะไร
“อาจารย์หวง นี่คือตั๋วเครื่องบิน เตรียมตัวขึ้นเครื่องเถอะ” หลานหลินหยิบตั๋วออกมาสามใบ แล้วนำทั้งสองใบของหวงยาวจุนกับลู่เฉิน ให้หวงยาวจุน
ลาถึงเพิ่งรู้ว่าที่แท้แล้วหลานหลินเป็นคนจองตั๋ว
เขายังคิดซะว่าทั้งหมดนี้สมาคมหินหยาบแห่งชาติเป็นคนจัดการ
หลังจากที่ขึ้นเครื่อง ในขณะที่หลานหลินเข้าห้องน้ำ หวงยาวจุนก็ได้อธิบายกับลู่เฉิน: “การแข่งขันครั้งนี้ นอกจากคุณหลานเป็นคนสนับสนุนแล้ว หากเราได้แชมป์ นอกจากนี้เธอยังให้การสนับสนุน 10 ล้านหยวนให้กับสมาคมหินหยาบของเราในนามของตระกูลหลาน
“ตระกูลหลานอยู่ในยวี่โจว?” ลู่เฉินถาม
“ไม่ใช่ ตระกูลหลานในเมืองหลวง แต่ผมได้ยินมาว่าพวกเขาดูเหมือนอยากจะเปิดร้านขายเครื่องประดับในยวี่โจว” หวงยาวจุนสะบัดศีรษะแล้วพูด
ลู่เฉินพยักหน้า งั้นถ้าเป็นแบบนี้ก็คงจะใช่
ตระกูลหลานอยากจะมาเปิดร้านเครื่องประดับในยวี่โจว พอถึงเวลานั้นก็ใช้สมาคมหินหยาบมาช่วยพวกเขาโปรโมท ดีกว่าการจ้างดารามาโฆษณาแน่นอน
เพราะไม่ว่ายังไงอาจารย์หวงยาวจุนพวกเขาทั้งสามคนก็อยู่ในสมาคมหินหยาบ ชื่อเสียงดังกว่าดาราหลายคนด้วยซ้ำ
“พักผ่อนก่อนเถอะ”หวงยาวจุนเห็นลู่เฉินไอยากจะคุยต่อ จึงพูด
ลู่เฉินพยักหน้า จากนั้นก็พิงเบาะแล้วหลับไป หวงยาวจุนเองก็เช่นกัน
ไม่ช้า หลานหลินก็เดินออกมาจากห้องน้ำ เห็นว่าคนนั่งแถวหน้าของลู่เฉินและหวงยาวจุนคุยกันเสียงดัง จึงเข้าไปพูด: “ขอโทษทีนะคะ เพื่อนทั้งสองของหนูกำลังพักผ่อนอยู่ รบกวนเบาเสียงลงหน่อยได้มั้ยค่ะ?”
น้ำเสียงและการแสดงออกของเธอสุภาพมาก แต่สองคนนั้นเหมือนจะไม่พอใจที่หลานหลินออกมาขัดจังหวะพวกเขา
คนที่นั่งอยู่ตรงหน้าลู่เฉินเป็นสาวหนึ่งหญิงหนึ่งกำลังหนุ่มสาว ดูการแต่งตัวของทั้งสองแล้ว น่าจะเป็นลูกหลานของเศรษฐี
“เราคุยกันเกี่ยวอะไรกับคุณ?” ใครระบุว่าไม่สามารถสนทนาบนเครื่องบินได้? อีกอย่าง หากคุณเห็นว่าเสียงดังเกินไป คุณก็ซื้อเครื่องบินส่วนตัวเลยดิ” ผู้หญิงยังถือว่าสวยแต่นิสัยค่อนข้างที่จะไม่ผ่าน
เธอมองหลานหลิน แม้ว่าหลานหลิงจะสวมแว่นกันแดดปีกกว้างไว้ แต่ดูแล้วก็ไม่เห็นแต่งกายในแบรนด์ใหญ่จากต่างประเทศเลย ทันใดนั้นก็รู้สึกได้เลยว่าหลานหลินก็แค่คนธรรมดาเท่านั้นเอง
“ฉันแค่อยากให้พวกคุณเบาเสียงลงหน่อยก็เท่านั้น” หลานหลินพูดต่อ
ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมามองหลานหลิน แล้วเยาะเย้ย: “แบบนี้หละ พอยัง?”
เขาจงใจเพิ่มเสียงขึ้นดัง นัยน์ตาเต็มไปด้วยการเยาะเย้ย
หลานหลินยังคงให้เกียรติ แต่หญิงสาวคนนั้นดันลุกขึ้นมา จ้องตาหลานหลินพร้อมกับพูดว่า: “หากคุณไม่มีปัญญาที่จะซื้อเครื่องบินส่วนตัวได้ งั้นก็หุบปาก ที่นี้ไม่ต้องการให้คุณมาสาระแน”
หลานหลินขมวดคิ้ว แต่ด้วยความที่แว่นตากันไว้ สองคนนั้นจึงมองไม่เห็น ต่อมาชายหนุ่มได้พูดต่อ: “เซี่ยยี่ นี่คุณก็มองหล่อนดีไปนา. เธอคิดว่าใครๆก็มีปัญญาซื้อเครื่องบินส่วนตัวเหรอ? อย่าไปสนใจหล่อนเลย เราคุยของเรากันต่อ”
ผู้ชายชื่อตี๋จวิน เป็นคนชิปปิ้งจีน บ้านเขาและเซี่ยยี่เปิดบริษัท ฐานะบ้านรวย ชอบดูถูกคน
และเขากำลังจีบเซี่ยยี่อยู่ และแน่นอนว่าต้องทำตัวดีต่อหน้าเธออยู่แล้ว ฉะนั้นเขาไม่มีทางเชื่อฟังหลานหลิน
และเขากำลังจีบเซี่ยยี่อยู่ และแน่นอนเขาก็ต้องทำตัวดีๆต่อหน้าเซี่ยยี่
“จริงด้วย จะเถียงอะไรกับยัยนี่ ไร้สาระ” เซี่ยยี่เยาะเย้ย แล้วนั่งลง ไม่แคร์ที่หลานหลินพูดเลยสักนิด
“ ฉันแค่อยากให้พวกคุณเบาเสียงสนทนากันหน่อยแค่นี้มันยากมากเลยหรอ?” หลานหลินขมวดคิ้วพูด
“ พูดมากว่ะ อยากโดนกูต่อยหรือไง? มึงอย่าคิดว่าเป็นผู้หญิงแล้วกูจะไม่กล้าต่อยนะโว๊ย?”
ตี๋จวินเกิดไม่โอเคขึ้นมา เขารู้สึกว่าหลานหลินกำลังหาเรื่องอยู่ พวกเขาคุยสนทนากันแล้วไง ใครระบุว่าบนเครื่องบินหำสนทนากัน?
และที่สำคัญก็คือ เขากำลังจีบเซี่ยยี่อยู่ จะให้อ่อนแอต่อหน้าเซี่ยยี่ได้ไง
รังเกียจพวกเขาเสียงดัง?
หาเรื่องชัดๆ
ตี๋จวินยืนขึ้น จ้องหน้าหลานหลิน
หลานหลินตกใจหมด จากนั้นก็ถอยหลังไปสองก้าว ด้วยความตกใจ แว่นตาก็ได้ตกลงไปที่พื้น
เมื่อเห็นใบหน้าที่แท้จริงของหลานหลิน ตี๋จวินตะลึงไปเลยทันที
ถึงแม้ว่าเซี่ยยี่สวยก็จริง แต่เมื่อเทียบกับหลานหลินแล้ว ราวกับเจ้าหญิง และ คนรับใช้
และแน่นอนว่า หลานหลินเป็นเจ้าหญิง ผู้หญิงที่เขากำลังจีบอยู่นั้นคือคนรับใช้
ทันใดนั้น ความโกรธเกรี้ยวบนหน้าตี๋จวินก็ได้หายไป หัวใจเต้นแรงขึ้นมา
ผู้หญิงสวยอย่างหลานหลิน เขาคงเจอมาไม่มากสินะ
ในขณะที่หลานหลินกำลังจะก้มตัวลงไปเก็บแว่น ก็ได้มีมือหนึ่งที่เก็บแว่นขึ้นมาก่อนเธอ
“ขอบคุณค่ะ” หลานหลินรับแว่นมา แล้วพูดด้วยเสียงเบา
“คุณไม่เป็นไรใช่มั้ย?” ลู่เฉินถาม
ตอนแรกเขาเองก็ไม่อยากจะสนใจเรื่องนี้ และไม่มีอารมณ์ที่จะไปสนใจด้วย
แต่ที่หลานหลินมีปัญหากับคนสองคนนี้ ก็เพราะอยากให้เขาและหวงยาวจุนได้พักผ่อนดีๆ ฉะนั้นเมื่อเห็นว่าชายหนุ่มลุกขึ้นมาขู่หลานหลิน เขาจึงจำเป็นต้องไปช่วย