พ่อจอมผยอง / คุณพ่อสายเปย์ - บทที่ 411 การคว่ำบาตรในตำนานมาถึงแล้ว
บทที่ 411 การคว่ำบาตรในตำนานมาถึงแล้ว
“เอาล่ะ ให้เสี่ยวเฉินพิจารณาดูก่อน เสี่ยวเฉิน แกไปทำธุระเถอะ แต่ยังไงเรื่องนี้แกจะต้องคิดให้ดีดีล่ะ ยังเหลือเวลาอีกสามเดือนกว่าจะถึงปีใหม่ พอถึงวันเซ่นไหว้บรรพบุรุษ แกจะต้องกลับไปเคารพบรรพบุรุษให้ได้ พวกเราไปก่อนนะ”
สีหน้าลู่เฉินเปลี่ยนไปมาก ด้วยความตั้งใจจะต่อสู้ของลู่หมิง ลู่จือสิงจึงรีบลุกขึ้นออกตัว
พอเขาพูดจบก็บังคับให้ลู่เห้าและลู่หมิงออกไป
“อาสาม ทำไมไม่ให้ผมสั่งสอนเจ้าเด็กนั่นสักหน่อย ผมเห็นมันแล้วหงุดหงิดชะมัด!” หลังจากที่ออกจากคฤหาสน์ ลู่หมิงก็พูดอย่างไม่สบอารมณ์
“ที่นี่เป็นถิ่นของมัน อีกอย่างฉันก็เห็นว่าสองคนนั้นที่อยู่ข้างมันเป็นนักศิลปะการต่อสู้ชั้นสูง หากพลาดไป พวกเราจะเสียเปรียบเอาได้” ลู่จือหมิงส่ายหน้า
“งั้นเราจะยอมแพ้ไปทั้งอย่างนี้น่ะเหรอ?” ลู่หมิงกล่าวด้วยความไม่พอใจ
“ยอมแพ้?”
ลู่จือหมิงหัวเราะ “ตอนนี้บริษัทเทคโนโลยีอี้ฉีเป็นบ่อเงินบ่อทอง ทรัพย์สมบัติของลู่เฉินก็ร่ำรวยระดับประเทศ ตระกูลลู่ของพวกเราควบคุมเศรษฐกิจที่ตกต่ำของประเทศพรูลันเซียมานานหลายปี ถ้าได้ทรัพย์สินของลู่เฉินมา จะทำให้สถานการณ์ทางเศรษฐกิจของประเทศพรูลันเซียคลี่คลายได้อย่างแน่นอน”
“งั้นพวกเราจะต้องรอจนถึงวันปีใหม่จริงๆน่ะเหรอ?” ลู่หมิงถามด้วยความสงสัย
“อืม พวกแกก็อย่าเพิ่งสบประมาทลู่เฉินนักเลย มันเก่งกาจมาก พวกเรากลับไปวางแผนเรื่องนี้กันดีดี พอถึงวันปีใหม่ เราจะต้องให้ลู่เฉินยกบริษัทเทคโนโลยีอี้ฉีมาอย่างว่าง่าย วันนี้ก็แค่มาลองเชิงมันเท่านั้นเอง” ลู่จือสิงยิ้มเยาะ
ลู่หมิงกับลู่เห้าได้ยินดังนั้นก็พยักหน้าด้วยแววตาสว่างไสว
……
หลังจากพวกลู่จือสิงจากไป ลู่เฉินก็ไปหาท่านหยุนและเล่าเรื่องวันนี้ให้ท่านหยุนฟัง
การวิเคราะห์ของท่านหยุนคล้ายกับการคาดเดาของเขา
ตระกูลลู่จะต้องอิจฉาตาร้อนอย่างแน่นอน แล้วคิดหมายปองบริษัทเทคโนโลยีอี้ฉี
แต่พวกเขาเชื่ออย่างสนิทใจว่าพ่อของลู่เฉินไม่รู้เรื่องนี้อย่างแน่นอน ในขณะเดียวกันก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร
จริงๆแล้วท่านหยุนก็รู้ดีว่าลู่เทียนสิงไม่ได้สนใจตำแหน่งผู้นำครอบครัว
หากเขาต้องการตำแหน่งผู้นำครอบครัวจริงๆ เขาคงไม่หนีออกจากครอบครัวไปเมื่อยี่สิบกว่าปีก่อน แล้วทิ้งครอบครัวไว้ เพราะด้วยความสามารถของเขา เขาจะต้องเป็นผู้นำครอบครัวได้อย่างแน่นอน
ดังนั้นพวกเขาจึงคิดว่าลู่เทียนสิงไม่ได้ตกอยู่ในอันตรายอยู่ในตระกูลลู่
เมื่อแน่ใจแล้วว่าพ่อตัวเองไม่ได้มีเรื่องอะไร ลู่เฉินจึงไม่ได้กังวลเรื่องนี้อีก
ถึงแม้ลู่จือสิงจะบอกให้กลับไปตอนวันปีใหม่ ทว่ารอจนพวกเขามาตอนนั้นก็ค่อยว่ากัน
อย่างไรก็ตามเขาก็ไม่ได้มีปัญหากับการไปเคารพบรรพบุรุษ แต่การที่ตระกูลลู่หมายปองบริษัทเทคโนโลยีอี้ฉีของเขานั้น เขาไม่มีทางยอมได้ อย่างมากที่สุดก็ตัดความสัมพันธ์กับตระกูลลู่ทั้งหมด
นิทรรศการหุ่นยนต์อัจฉริยะซีรีส์ YQ ประสบความสำเร็จอย่างมากและยังสามารถดึงดูดผู้ค้ากว่า 400 รายจากทั้งในและต่างประเทศให้เข้าร่วมนิทรรศการได้ ในเรื่องของสมรรถนะ คุณภาพรวมไปถึงราคาล้วนห่างชั้นกับหุ่นยนต์อัจฉริยะต่างๆที่วางขายอยู่ในตลาดในตอนนี้ในทุกๆด้าน ตอนนี้ผู้ค้ามากกว่าครึ่งยินดีที่จะสั่งซื้อสินค้าทันที
แต่ลู่เฉินยังคงวางโมเดลไว้เหมือนเดิม พวกเขามีหน้าที่ในการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ จากนั้นก็ให้สมาชิกรายใหญ่ของสหพันธ์ธุรกิจเป็นตัวแทนผลักดันสินค้าจัดจำหน่าย
แม้ว่าการทำแบบนี้จะทำให้ได้เงินน้อยลงไปมาก แต่สิ่งที่บริษัทเทคโนโลยีอี้ฉีต้องการในเวลานี้ไม่ใช่เงิน แต่เป็นการอุ้มค่าไถ่สหพันธ์ธุรกิจทั้งหมดด้วยความสัมพันธ์ทางอำนาจ
สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่าคือสามารถส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจของยวี่โจวได้
สำหรับการเปิดตัวผลิตภัณฑ์เทคโนโลยีชั้นนำของบริษัทเทคโนโลยีอี้ฉีครั้งนี้ ไม่มีใครตื่นเต้นไปกว่าสมาชิกรายใหญ่ของสหพันธ์ธุรกิจ
เนื่องจากเครื่องยนต์อเนกประสงค์เมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมาทำรายได้ให้พวกเขาเป็นจำนวนมหาศาลและได้มากขึ้นเรื่อยๆ ตอนนี้บ่อเงินบ่อทองก็ผุดออกมาอีกแล้ว
ในเวลานี้เหล่าสมาชิกสหพันธ์ธุรกิจก็เข้าใจแล้วว่าการที่ลู่เฺฉินจัดตั้งกลุ่มสหพันธ์ธุรกิจนี้ ถือว่าเป็นโชคดีสำหรับพวกเขาอย่างมาก
แต่บรรดานักธุรกิจที่ไม่ได้เข้าร่วมสหพันธ์ธุรกิจ โดยเฉพาะสามตระกูลใหญ่อย่างตระกูลจาง จั่ว หลิว ที่จ้องตาเป็นมันต่างก็เกลียดลู่เฉินอยู่ไม่น้อย โดยเฉพาะตระกูลจั่ว เนื่องจากพวกเขาได้พิสูจน์แล้วว่าจั่วชิงเฉินเสียชีวิตด้วยน้ำมือของลู่เฉิน จึงไม่มีความเป็นไปได้ที่จะญาติดีกับลู่เฉิน เมื่อเห็นว่าบริษัทเทคโนโลยีอี้ฉียังคงเปิดตัวผลิตภัณฑ์ชั้นนำออกมาไม่หยุดหย่อน อีกทั้งสหพันธ์ธุรกิจที่ลู่เฉินจัดตั้งสร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำ พวกเขาก็นึกอิจฉาตาร้อนจนแทบระเบิด
นับวันบริษัทเทคโนโลยีอี้ฉียิ่งแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ลู่เฉินเองก็ยิ่งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ โอกาสที่ตระกูลจั่วอย่างพวกเขาจะได้แก้แค้นก็แทบจะไม่มีเลยสักนิด
นอกจากนี้ยังมีตระกูลหวังซึ่งเดิมทีพวกเขามีโอกาสที่จะสั่นคลอนสถานะของสี่ตระกูลใหญ่ แต่เป็นเพราะพวกเขาได้ไปล่วงเกินลู่เฉินเข้าจึงโดนลู่เฉินเล่นงานอยู่หลายครั้ง ทั้งยังทำให้ความแข็งแกร่งของตระกูลหวังถอยลงไปหลายระดับภายในหนึ่งปีที่ผ่านมา
ยิ่งไปกว่านั้นสิ่งที่ทำให้พวกเขาหมดหวังก็คือพวกเขายื่นสมัครเข้าร่วมกลุ่มสหพันธ์ธุรกิจซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่กลับโดนลู่เฉินปฏิเสธอย่างไร้ความปรานี
แม้ลู่เฉินจะไม่ได้พูดอย่างชัดเจนว่าจะกดตระกูลหวังของพวกเขา แต่สมาชิกในสหพันธ์ธุรกิจก็ไม่เต็มใจที่จะร่วมมือกับตระกูลหวังของพวกเขาแม้แต่คนเดียวไปโดยปริยาย ด้วยเหตุเหล่านี้จึงทำให้ตระกูลหวังกลายเป็นคนชายขอบยิ่งขึ้น และความแข็งแกร่งของตระกูลก็ถูกกดทับโดยสมาชิกสหพันธ์ธุรกิจ
กล่าวได้ว่าตอนนี้ความเป็นอยู่ของตระกูลหวังค่อนข้างลำบาก
เหตุผลหลักที่ลู่เฉินไม่ฆ่าตระกูลหวังนั้นเป็นเพราะต้องการทิ้งตระกูลหวังไว้ให้อู๋เหล่ยแก้แค้น
อู๋เหล่ยเป็นเพื่อนนักศึกษาที่ดีที่สุดของเขาในรั้วมหาวิทยาลัยและเป็นหนึ่งในเพื่อนไม่กี่คนที่จริงใจกับเขาตอนที่เขาเติบโตอยู่ที่ยวี่โจว
หลังจากที่เขาส่งมอบธุรกิจซูเปอร์มาร์เก็ตให้กับอู๋เหล่ย อู๋เหล่ยก็ไม่ได้ทำให้เขาผิดหวัง ตอนนี้ในแต่ละเก้าเขตหลักของยวี่โจวมีไม่ต่ำกว่าหนึ่งสาขา โดยมีน้องเมียอย่างหลินอี้เจียและลูกพี่ลูกน้องของเธอแบ่งกันไปทำหน้าที่เป็นผู้จัดการร้านซูเปอร์มาเก็ตสาขาย่อย ซึ่งรูปแบบการพัฒนาในอนาคตเป็นไปในแง่ดี
ในฐานะที่เป็นประธานกรรมการของซูเปอร์มาเก็ตในเครือทั้งหมด อู๋เหล่ยจึงกลายเป็นหนึ่งในบุคคลที่มีชื่อเสียงในเมืองยวี่โจว และในเวลาต่อมาเขาจะต้องทำลายตระกูลหวังให้ย่อยยับด้วยเงื้อมมือของตัวเอง
หลังจากวันหยุดวันชาติสิ้นสุดลง ลู่เฉินก็มาที่สหพันธ์ธุรกิจและเรียกประชุมสมาชิกทั้งหมดเพื่อจัดประชุมโปรโมตการเปิดตัวหุ่นยนต์อัจฉริยะซีรีส์ YQ
การเปิดตัวหุ่นยนต์อัจฉริยะซีรีส์ YQ แสดงให้เห็นถึงอีกก้าวที่ยิ่งใหญ่ของอารยธรรมมนุษย์ ลู่เฉินให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับการโปรโมตนี้
หลังจากการประชุม เฉินชูหรันผู้เป็นตัวแทนของตระกูลเฉินในการเข้าประชุมก็เข้าพบลู่เฉินเป็นการส่วนตัว
“เครื่องยนต์อเนกประสงค์ที่ตงอิ๋งและประเทศMมีปัญหานิดหน่อยน่ะค่ะ นักการเมืองบางคนในประเทศพวกเขาต่อต้านผลิตภัณฑ์ของเรามากถึงขนาดบังคับให้ผู้ค้าหลายรายในประเทศฉีกสัญญากับเรา” เฉินชูหรันกล่าว
ตระกูลเฉินของเธอทำหน้าที่เป็นช่องทางในต่างประเทศเป็นหลัก ปัญหาการคว่ำบาตรนี้ไม่ใช่สิ่งที่ตระกูลเฉินจะแก้ไขได้
“จะเริ่มคว่ำบาตรเราตอนนี้เลยไหม? หรือพวกเขาไม่ต้องการตลาดหัวเซี่ยของพวกเราแล้ว?” ลู่เฉินขมวดคิ้ว เนื่องจากทั้งสองประเทศนี้เป็นประเทศรถยนต์ขนาดใหญ่ และทางหัวเซี่ยเองก็เป็นตลาดรถยนต์ที่ใหญ่ที่สุดของพวกเขา หากทั้งสองประเทศต่อต้านบริษัทเทคโนโลยีหัวเซี่ยของพวกเขาเพียงเพราะผลประโยชน์ส่วนตัวเพียงเล็กน้อยก็ถือว่าเป็นการกระทำที่โง่มาก
“พวกเขาคงไม่ได้คิดอะไรมากมายและก็ไม่ได้ตรวจสอบผลกระทบของเครื่องยนต์อเนกประสงค์ด้วย” เฉินชูหรันคาดเดา
“อืม ฉันจะไปพบปะนักการเมืองที่ตงอิ๋งก่อนแล้วค่อยว่ากัน” ลู่เฉินคิดได้สักพัก
“ฉันไปด้วย” เฉินชูหรันมองลู่เฉินด้วยความคาดหวัง
ลู่เฉินคิดได้สักพักก็พยักหน้า “ได้ งั้นเธอจองตั๋วเครื่องบินด้วย”