พ่อจอมผยอง / คุณพ่อสายเปย์ - บทที่ 433 การบังคับใช้กฎของท่านอาวุโส
บทที่ 433 การบังคับใช้กฎของท่านอาวุโส
“ท่านน้อยพวกเขาคงทำตามกฎของตระกูล เมื่อถึงเวลานั้นคุณท่านไม่สามารถช่วยท่านได้ แม้ว่าเขาไม่ได้เป็นผู้นำครอบครัวแต่ในใจของคุณท่านตระกูลมาที่หนึ่ง เขาอาจจะไม่ช่วยท่าน” ระหว่างทางลู่จงพูดด้วยความกังวล
“กฎของตระกูล? ที่แท้ลู่หมิงแกล้งยั่วยุพวกเราเป็นเพราะเขามีเหตุผล?” หลินอี้จุนพูดด้วยความไม่สบายใจ
“เป็นกฎของตระกูลหรือไม่อยู่ที่กำปั้นใครใหญ่พูดแล้วก็เป็นไปตามนั้น ถ้ากำปั้นคุณแข็งแกร่งพอคุณพูดก็จะเป็นไปตามนั้น กฎของตระกูลถ้าคุณใช้เครื่องมือแล้วกำปั้นไม่แข็งแกร่งพอ กฎของตระกูลจะลงโทษเครื่องมือของคุณ” ลู่เฉินยิ้มพร้อมพูดขึ้น
หลินอี้จุนพยักหน้า แน่นอนว่านางเข้าใจคำพูดของลู่เฉิน เพียงแต่นางยังคงไม่สบายใจ
เห็นชัดว่าลู่หมิงมายั่วยุก่อนให้ทำร้ายเขาเพื่ออะไร
พวกเขาเห็นลู่เฉินกลับมาอาจจะเห็นว่าคุกคามต่อสถานะของพวกเขาถึงได้แกล้งเข้ามาหาเรื่องให้ทำร้ายเขา
แต่เมื่อเห็นลู่เฉินมีสีหน้าเหมือนเท้าอยู่ที่หน้าอก นางก็ไม่พูดอะไรอีก
นางเชื่อใจลู่เฉิน
เมื่อเห็นลู่เฉินมีท่าทางไม่ดี ลู่จงจึงไม่ได้พูดอะไรอีก นำลู่เฉินไปที่ห้องรับแขกอย่างเงียบๆ
ไม่นานก็มาถึงห้องรับแขกก็เห็นผู้อาวุโสท่านหนึ่งอายุหกสิบกว่ากำลังพูดคุยกับลู่เทียนสิง ด้านหลังของผู้อาวุโสมีวัยรุ่นร่างกายกำยำยืนอยู่เจ็ดแปดคน
วัยรุ่นเหล่านั้นท่าทางสุขุมสีหน้าเคร่งขรึม
พวกเขาคือคนจากห้องดำเนินการลงโทษมีหน้าที่ลงโทษผู้น้อยในตระกูลที่ทำผิดกฎของตระกูล
เรือนลงโทษมีท่านอาวุโสห้าลู่ไห่อิงเป็นผู้ดูแล
อย่างน้อยในหนังสือพิมพ์จำนวนมากพวกเขาก็เห็นลู่เฉินแล้ว
แม้ว่ารูปในหนังสือพิมพ์จะมีความแตกต่างแต่พวกเขาแค่เห็นครั้งแรกก็รู้ทันทีว่าเป็นลู่เฉิน
“ลู่เฉิน นายรู้ความผิดใช่ไหม” ลู่ไห่อิงเห็นแววตาของลู่เฉินที่มองมาอย่างไม่ให้ความสำคัญ เกิดความไม่ชอบใจจึงตบโต๊ะและพูดอย่างกระโชกโฮกฮาก
“คุณคือ?” ลู่เฉินเอ่ยถามขึ้นพร้อมหันไปมองลู่ไห่อิง
“ท่านนี้คือปู่ห้าผู้รับผิดชอบห้องดำเนินการลงโทษของตระกูลเรา ที่แท้มันเกิดอะไรขึ้น” ลู่เทียนสิงมองไปยังลู่เฉิน
“ที่แท้คือปู่ห้า ปู่ห้าท่านเป็นเหมือนปู่ของผม ท่านเตรียมให้พลังที่แข็งแกร่งกับหลานใช่ไหม หรือว่าตระกูลลู่ต้องให้ผมทำความเคารพบรรพบุรุษถึงจะเป็นหลานได้?” ลู่เฉินไม่ได้ตอบคำพ่อของเขาแต่กลับมองลู่ไห่อิงด้วยใบหน้าเยาะเย้ย
ลู่ไห่อิงไม่ถามถูกผิดก็ถามถึงความผิดของเขาเห็นได้ชัดว่ายืนอยู่ข้างลู่หมิง
ในเมื่อลู่ไห่อิงยืนอยู่ข้างลู่หมิงแล้วทำไมเขาต้องไว้หน้าลู่ไห่อิง
ลู่ไห่อิงไม่ใช่ปู่แท้ๆ ของเขา ถึงแม้เป็นปู่แท้ๆ ของเขาก็ไม่สามารถทำให้กรอบรูปเอียงได้
“บังอาจ ไปตบปากเขาเดี๋ยวนี้!” ลู่ไห่อิงลู่ไห่อิงโกรธมากจึงส่งเสียงดังและลุกขึ้นยืน
เขาเป็นผู้บังคับใช้กฎของห้องดำเนินการลงโทษของตระกูล วัยรุ่นในตระกูลคนไหนที่ไม่กลัวเขาบ้าง ลู่เฉินเพิ่งกลับมาก็กล้าขัดแย้งกับเขา นับว่าไม่ไว้หน้าเขาเลย
เมื่อได้ยินลู่ไห่อิงพูดเสียงดังวัยรุ่นที่อยู่ด้านหลังเขาก็เดินไปหาลู่เฉินด้วยสีหน้าดุดัน
ลู่เทียนสิงกลับขมวดคิ้ว เมื่อลู่เฉินไม่ฟังเขาเขาก็หมดหนทาง
“ไม่เคารพท่านอาวุโสห้า ลิ้นของท่านยาวสามหาวหวังว่าครั้งหน้าความจำของท่านจะยาวขึ้น” วัยรุ่นเดินมาข้างหน้าลู่เฉินกล่าววาจาอันเยือกเย็นจากนั้นยกมือขึ้นจะตบหน้าลู่เฉิน
แต่ขณะที่เขากำลังยกมือหลินตงก็ก้าวมาอยู่ข้างหน้าและจับข้อมือของเขา
“ปล่อยมือเดี๋ยวนี้!” วัยรุ่นผู้นั้นสีหน้าเปลี่ยน เขาต้องการดึงมือออก ทันใดนั้นเขาก็พบว่าใบหน้าของเขาเป็นสีแดงและเอามือออกจากมือของหลินตงไม่ได้
ลู่ไห่อิงเห็นเหตุการณ์ดังกล่าวสีหน้าก็เปลี่ยนทันที คิดไม่ถึงว่าบอดี้การ์ดของลู่เฉินจะแข็งแกร่งเช่นนี้
ที่สำคัญคือท่าทีของลู่เฉิน
ถ้าลู่เฉินไม่อนุญาตบอดี้การ์ดผู้นั้นจะกล้าลงมือหรือ
“ลู่เฉิน นายคิดจะต่อต้านหรือ” ลู่ไห่อิงสีหน้าขุ่นมัวถึงขีดสุด
“ปู่ห้าพูดอะไร ต่อต้าน? ผมต่อต้านอะไร ตระกูลลู่มีอะไรให้ผมไปต่อต้าน? หรือว่าเป็นประเทศพรูลันเซีย” ลู่เฉินแกล้งถามขึ้น แววตาเต็มไปด้วยความเยาะเย้ย
เขาไม่มีความรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของตระกูลลู่ คิดไม่ถึงว่าไม่ว่าผู้ใหญ่หรือเด็กต่างทยอยกันมาหาเรื่องทำให้ความรู้สึกสงสารและความรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งที่มีอยู่น้อยนิดของเขากลับกลายเป็นศูนย์
ตระกูลลู่แบบนี้กลับมาแล้วมีความหมายอะไร
เมื่อไม่ต้องการก็ช่างเถอะ
“นาย! เด็กเวร!” ลู่ไห่อิงโกรธจนสั่นไปทั้งตัว คิดไม่ถึงว่าลู่เฉินจะเห็นตระกูลลู่อยู่ในสายตา
“ลู่เฉินอย่าทำตัวไร้เหตุผล” ลู่เทียนสิงทนไม่ได้จึงพูดขึ้น
แต่ในใจเขารู้สึกผิดต่อลู่เฉินจึงไม่ได้พูดอะไรมาก
ตอนนี้ลู่เฉินมีพลังไม่น้อยเพียงแต่คนแก่คร่ำครึในตระกูลมองไม่เห็น
เขารู้อยู่ว่าคนแก่คร่ำครึเหล่านี้คิดจะหาอุบายเอาชนะบริษัทเทคโนโลยีอี้ฉี แต่สาเหตุที่เขายังกล้าให้ลู่เฉินกลับมาเคารพบรรพบุรุษ
เพราะว่าเขาเชื่อว่าลู่เฉินต้องสามารถได้รับเป็นผู้สืบทอดตำแหน่งผู้นำครอบครัว
ในใจของเขา เขารู้สึกว่าตำแหน่งผู้นำตระกูลลู่สำคัญกว่าบริษัทเทคโนโลยีอี้ฉี ถึงจะต้องมอบบริษัทเทคโนโลยีอี้ฉีให้ตระกูลลู่ แต่เมื่อผ่านไปไม่กี่ปีหลังจากที่เขามอบตำแหน่งผู้นำครอบครัวให้ลู่เฉินทุกสิ่งทุกอย่างก็จะได้กลับมา
ลู่เฉินยักไหล่ จากนั้นส่งสายตาให้หลินตง หลินตงปล่อยมือของวัยรุ่นผู้นั้น
วัยรุ่นผู้นั้นมองหลินตงอย่างโหดเหี้ยมแต่นัยน์ตายังคงมีความกลัวอยู่
“ลู่เฉิน เพราะว่านายให้ลูกน้องคุณทำร้ายลู่หมิง ตีจนกระดูกมือของลู่หมิงหัก ดังนั้นกลุ่มท่านอาวุโสได้ตัดสินว่านายต้องได้รับการลงโทษจากตระกูล” ลู่ไห่อิงมองลู่เฉิน สูดหายใจเข้าลึกๆ ไม่อยากเสียเวลากับเรื่องที่ลู่เฉินไม่ไว้หน้าเขา
เขายังดูออกว่าลู่เฉินเป็นคนใจร้อนไม่ดูหน้าอินทร์หน้าพรหม
ลู่เฉินมองลู่ไห่อิงด้วยความสุขุมรอเขาพูดต่อ เขาอยากดูว่ากฎตระกูลกากๆ นั้นแท้จริงแล้วจะลงโทษเขาอย่างไร
“กลุ่มท่านอาวุโสได้ตัดสินแล้ว นายต้องรับโทษตามนี้
ข้อที่หนึ่ง มอบทรัพย์สมบัติทั้งหมดให้กับตระกูล
ข้อที่สอง ให้ฆ่าลูกน้องที่ลงมือทำร้ายคนผู้นั้น
กฎของตระกูลไม่ว่าใครก็ตามไม่สามารถฝ่าฝืนได้!”
ลู่ไห่อิงมองลู่เฉินพูดด้วยเสียงทุ้มลึกและมีพลัง
คำพูดของเขาที่พูดออกมาทำให้หลินอี้จุนรู้สึกชา
มอบทรัพย์สมบัติทั้งหมดของลู่เฉินให้ตระกูลเท่ากับต้องการให้ลู่เฉินมอบบริษัทเทคโนโลยีอี้ฉีให้กับตระกูล ไม่มีบริษัทเทคโนโลยีอี้ฉีแล้วลู่เฉินอยู่ที่ตระกูลลู่ยังจะมีความมั่นใจอะไร
เงื่อนไขที่สอง หลินตงไปทำร้ายจนมือของลู่หมิงหักถึงกับต้องฆ่าหลินตง เรื่องเห็นได้ชัดว่าตระกูลลู่ถือดีขนาดไหน
แน่นอนว่าไม่คิดที่จะให้ลู่เฉินกลับไปให้เกิดเรื่องอีก
หลินตงจิตใจก็เดือดพลุ่งพล่าน คิดไม่ถึงว่าตระกูลลู่จะเหี้ยมขนาดนี้
เขามองไปยังลู่เฉินด้วยจิตใต้สำนึก
ตู้เฟยก็มองไปที่ลู่เฉินด้วยจิตใต้สำนึก
พวกเขาแม้ไม่เชื่อว่าลู่เฉินจะยอมรับการลงโทษจากตระกูลลู่แต่ในใจยังเต้นตึกตัก