พ่อจอมผยอง / คุณพ่อสายเปย์ - บทที่158 เฉินจื่อหรานซื้อรถให้
บทที่158 เฉินจื่อหรานซื้อรถให้
ต้าปอลั่งและพรรคพวกอีกสี่คนก็มองดูลู่เฉิน
“ แกมันก็แค่ไอ้กระจอกจนๆคนนึง คิดว่าตัวเองมีอะไรดี ถึงกล้าสู้กับฉันอย่างนั้นเหรอ?” ต้าปอลั่งพูดออกมาอย่างไม่ไยดี
“ก็นั่นน่ะสิ เมื่อกี้ก็บอกไปแล้วไม่ใช่เหรอว่าไม่ให้เข้ามา ก็ลองเข้ามาสิ!” ผู้หญิงผมสั้นเยาะเย้ยถากถางลู่เฉิน
“ไปกันเถอะ เสียเวลากับคนแบบนี้ไม่มีประโยชน์อะไรหรอก” วัยรุ่นอีกคนหนึ่งที่ไม่ได้เอ่ยปากพูดก่อนหน้านี้มองมาทางลู่เฉินด้วยสายตาดูถูกและเดินหันหลังกลับเข้าโรงแรมไป
ในสายตาของเขา อย่างพวกเขาจึงจะเรียกว่าคนมีตังค์ จะเสียเวลาไปกับคนกระจอกๆทำไมกัน
“นี่แก หัดจำใส่สมองไว้บ้างนะว่าถ้าเจอคนอย่างพวกเราก็ควรจะเข้ามาประจบประแจงเอาไว้ เพราะคนอย่างพวกเราไม่ใช่คนที่แกจะมาล้อเล่นได้ง่ายๆ” หนึ่งในพวกเขาก้าวออกมาแล้วพูดกับลู่เฉินอย่างดูถูก
เมื่อเห็นว่าลู่เฉินไม่พูดอะไร ต้าปอลั่งก็ยิ่งน่ารังเกียจเหยียดหยามเขา เธอชายตามองไปที่ลู่เฉินแวบหนึ่งและเตรียมตัวจะเดินเข้าไป
หากไม่ใช่เพราะก่อนหน้านี้ ลู่เฉินไม่เห็นพวกเธอในสายตา เธอเองก็คงไม่รู้สึกรังเกียจลู่เฉินแบบนี้
ในขณะที่ลู่เฉินคล้ายจะพูดอะไรบางอย่างออกมา ก็มีรถยนต์หรูราคาคันหนึ่งจอดตรงมาจอดข้างๆพวกเขา
บรรดาผู้รักรถล้วนรู้ดีว่ารถคันนี้คือ LI760 รุ่น Limited
เป็นหนึ่งในรถเบนซ์ที่มีราคาแพงที่สุด ตามปกติแล้วจะผลิตเพียงครึ่งปีต่อหนึ่งคัน อีกทั้งนำเข้ามาภายในประเทศค่อนข้างน้อย
ขนาด 6.0T 544แรงม้า สามารถวิ่งได้เร็วสุด 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง รูปลักษณ์ภายนอกดูหรูหราสง่างาม พื้นที่รถค่อนข้างกว้างใหญ่ ไม่ว่าจะขับไปที่ใดล้วนดึงดูดสายตาผู้คน
แม้ว่าราคาเพียงท่านละ 30 กว่าล้าน แต่ก็ต้องรอถึงครึ่งปีจึงจะซื้อได้ บางทีรอมากกว่าครึ่งปียังไม่สามารถได้มา
ต้าปอลั่งเองเมื่อเห็นรถหรูหาดูยากแบบนี้ก็เกิดความประหลาดใจและหยุดดูว่าใครกันนะที่ขับมา
รถราคาคันละ 30 กว่าล้าน แน่นอนว่าแพงกว่าปอร์เช่ของพวกเธออีก และคนที่สามารถซื้อรถแบบนี้ได้ก็คงมีหน้ามีตาในสังคมไม่น้อย
เมื่อรถคันนั้นหยุดลงก็พบชายวัยกลางคนคนหนึ่งเดินลงมา
เขามองดูซ้ายขวาและกำลังจะหยิบโทรศัพท์ออกมาแต่บังเอิญเห็นลู่เฉินเข้าเสียก่อน
“อ้าวคุณลู่ อยู่นี่เองเหรอครับ ผมกำลังจะโทรหาคุณอยู่พอดี” ชายผู้นั้นรีบเดินมาหาลู่เฉินและเอ่ยทักทาย
ลู่เฉินพยักหน้า เขารู้สึกคุ้นหน้าชายผู้นี้ คับคล้ายคับคลาว่าเป็นคนบ้านตระกูลเฉิน ก่อนหน้านี้เหมือนเขาจะเคยเห็นในงานวันเกิดของนายท่านเฉิน
“คุณหนูใหญ่บอกว่าวันนี้คุณจะมาร่วมงานเลี้ยงที่นี่ จึงให้ผมขับรถนำมาให้ คุณหนูใหญ่บอกว่ารถคันนี้นำมาจากเมืองหลวงจึงทำให้เสียเวลาดำเนินการอยู่ถึง 2 วัน ขอให้คุณลู่โปรดอย่าถือสา” ชายวัยกลางคนผู้นั้นเอ่ยขอโทษ
“รถคันนี้ให้ผมเหรอ?” ลู่เฉินมองดูด้วยความประหลาดใจ
รถ Audi ของเขาราคาแค่ 5 แสนกว่าเท่านั้นเอง ทำไมเฉินจื่อหรานถึงกล้าลงทุนขนาดนี้ และทำไมเธอจะต้องชดใช้แทนอู๋ไคด้วย? หรือบ้านตระกูลอู๋สำหรับเธอสำคัญมากงั้นเหรอ?
ในจุดนี้ลู่เฉินเดาผิดไป
บ้านตระกูลอู๋ต้องอาศัยพึ่งพิงบ้านตระกูลเฉิน เธอจะไปให้ความสำคัญกับเขาได้อย่างไร?
เหตุผลที่เฉินจื่อหรานมอบรถราคาแพงขนาดนี้ให้กับลู่เฉิน เนื่องจากว่าคืนก่อนที่เธอเชิญลู่เฉินไปร่วมงานเลี้ยง แต่ถูกอู๋ไคและเพื่อนๆหาเรื่องขัดใจเข้า ทำให้ลู่เฉินไม่พอใจ ในฐานะผู้เชิญเธอรู้สึกผิดอยู่ในใจที่ไม่สามารถทำการต้อนรับลู่เฉินได้อย่างดีที่สุดและทำให้ลู่เฉินโมโห
การที่เธอมอบรถหรูเช่นนี้ให้กับลู่เฉิน หนึ่งเพื่อให้ลู่เฉินอารมณ์เย็นลง สองเพื่อให้เธอกับลู่เฉินมีความสัมพันธ์ที่ดีกันขึ้นมามากกว่านี้
แม้ว่าลู่เฉินจะมีครอบครัวแล้ว แต่เขาเองก็เป็นผู้มีความสามารถ ที่สามารถกระชากหัวใจของคุณหนูใหญ่บ้านตระกูลเฉินได้
“ใช่ครับ คุณหนูใหญ่บอกแล้วว่ารถคันนี้ชดเชยให้กับคุณลู่ ขอให้คุณรับมันไปเถอะ” ชายวัยกลางคนผู้นั้นยื่นกุญแจรถให้แก่ลู่เฉิน
อะไรนะ! รถคันนี้ชดเชยให้เขาอย่างนั้นเหรอ? ต้าปอลั่งและเพื่อนๆต่างพากันตกตะลึง สีหน้าของพวกเธอไม่ดีมากนักในตอนนี้และคิดไม่ถึงว่าไอ้กระจอกที่พวกเธอเพิ่งดูถูกไป กลับขับรถดีกว่าพวกเธอหลายเท่านัก
รถปอร์เช่ของพวกแต่ละคันราคาแค่ประมาณ 7 แสนกว่า แต่รถของเขานั้นราคาถึง 3 ล้านห้า เทียบได้กับรถของพวกเธอ 5 คันเลยทีเดียว
“ใช่แล้วครับ ส่วนเรื่องประกันของรถนั้น เอกสารทุกอย่างอยู่ในรถแล้ว” หลังจากลู่เฉินรับกุญแจไป ชายวัยกลางคนผู้นั้นก็เอ่ยขึ้น
ลู่เฉินพยักหน้าและนำกุญแจใส่กระเป๋ากางเกง จากนั้นมองไปยังต้าปอลั่ง
ทั้งสีคนมองดูลู่เฉินด้วยสายตาเจ้าเล่ห์ อีกทั้งก้มหน้าก้มตาด้วยความรู้สึกทำตัวไม่ถูก
ต้าปอลั่งเองก็ยังไม่ยอมแพ้ เธอพูดออกมาว่า “ทำเป็นอวดเก่งอะไร ก็แค่ของคนอื่นที่ซื้อให้ แกไม่ได้มีปัญญาซื้อรถแพงขนาดนี้ด้วยตัวเองซะหน่อย!”
ลู่เฉินมองดูต้าปอลั่งและไม่อยากจะไปต่อปากต่อคำกับเธอ เขาหันไปพูดกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยว่า “ตอนนี้พวกคุณคิดว่าผมยังไม่มีคุณสมบัติมากพอที่จะเข้าไปอีกไหม?”
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยทั้งสองคนหน้าแดงและรีบพูดขึ้นมาว่า “ขอโทษครับคุณผู้ชาย พวกเรามีตาหามีแววไม่ ขอโปรดอย่าได้ถือโทษพวกเราเลย”
ทั้งสองคนก้มหัวต่อสู้ฉันด้วยความรู้สึกผิด
พวกเขาไม่ได้โง่ คำพูดของชายวัยกลางคนเมื่อสักครู่พวกเขาฟังอย่างชัดเจน
รถคันนี้ไม่ได้มอบให้แก่ลู่เฉิน แต่เป็นการชดใช้ค่าเสียหายต่างหาก
นั่นหมายความว่ารถของลู่เฉินก่อนหน้านี้ก็เป็นรถในระดับเดียวกัน เพียงแต่ถูกคุณหนูที่ชายวัยกลางคนกล่าวมานั้นทำจนพัง จึงต้องชดเชยให้อีกคันหนึ่ง
บุคคลเช่นนี้จะไม่มีคุณสมบัติในการเข้าร่วมงานเลี้ยงได้อย่างไร?
ไม่แน่ว่าบางทีเขาผู้นี้อาจจะบริจาคมากกว่า 1 ล้านก็เป็นได้
“ทีหน้าทีหลังก็หัดมองเสียบ้างนะ ไม่ใช่ว่าหลับหูหลับตาแล้วฟังแต่คนอื่น” ลู่เฉินพูดจบก็เดินขึ้นรถไป เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยสองคนนี้เพียงถูกต้าปอลั่งยุยงถึงได้เป็นแบบนั้น เขาจึงไม่อยากจะไปเสียเวลามากนักกับคนแบบนี้
เมื่อนำรถเข้าที่จอดเรียบร้อยลู่เฉินก็พบว่าต้าปอลั่งและอีกสามคนเดินเข้าไปในโรงแรมแล้ว เขาจึงหัวเราะและเดินตามเข้าไป
“คุณผู้ชายเชิญด้านในครับ” หน้าที่รักษาความปลอดภัยทั้งสองคนทำความเคารพลู่เฉินและรู้สึกซาบซึ้งใจที่ลู่เฉินไม่เอาเรื่องเอาราวพวกเขา
พวกเขาทำหน้าที่รักษาความปลอดภัยก็ไม่ง่ายนัก ครั้งก่อนนี้มีเพื่อนร่วมงานคนหนึ่งไปขัดใจมหาเศรษฐีเข้า ไม่เพียงแต่ถูกเศรษฐีคนนั้นทำร้ายร่างกายเสียจนขาหัก อีกทั้งยังถูกไล่ออกแม้แต่เงินเดือนสักบาทนึงก็ไม่ได้
เมื่อนึกถึงไปว่าเมื่อสักครู่พวกเขาไม่ให้ลู่เฉินเข้าไปด้านใน เขาก็เริ่มกังวล
โชคดีที่ลู่เฉินไม่คิดเล็กคิดน้อยกับพวกเขา ไม่อย่างนั้นในวันนี้พวกเขาก็ไม่รู้ว่าจะมีจุดจบอย่างไร
ลู่เฉินพยักหน้าและเดินเข้าไปด้านในโรงแรม
งานเลี้ยงถูกจัดขึ้นในห้องโถงที่ใหญ่ที่สุดของโรงแรมในชั้น 15 ตอนที่ลู่เฉินมาถึงนั้นพบว่าด้านในมีผู้คนมาถึงก่อนแล้วเต็มไปหมด ล้วนเป็นบุคคลสำคัญในแต่ละอาชีพ ของเมืองหยูโจว
เขามองไปรอบๆและคิดว่าสถานที่แห่งนี้น่าจะไม่ใช่สถานที่หลักในการจัดงาน สถานที่หลักในการจัดงานน่าจะอยู่ด้านใน
เขาจึงได้มุ่งตรงเข้าไป แต่ก็ถูกบริกรผู้หนึ่งห้ามเอาไว้
“คุณผู้ชายครับ หากคุณเป็นตัวแทนจากบริษัทใดหรือเป็นผู้บริจาคเงินช่วยเหลือในครั้งนี้ถึงจะสามารถเข้าไปด้านในได้ ญาติของผู้บริจาคอยู่ได้แค่ด้านนอกเท่านั้น” บริกรคนนั้นพูดตามมารยาท พวกเขาเองก็ถูกกำชับมาเช่นนี้จึงได้แต่ทำตามคำสั่ง
ลู่เฉินกำลังจะพยักหน้าและบอกว่าเขาเป็นผู้บริจาค แต่หลอหยุนฮวยกลับเดินตรงเข้ามาหาเขาแล้วพูดว่า
“คุณลู่ครับมาด้วยเหรอเนี่ย พวกเราไปนั่งโต๊ะนั้นกันเถอะ”หลอหยุนฮวยพูดเชิญ
ลู่เฉินรู้สึกว่าหลอหยุนฮวยคนนี้ไม่เลวไปซะทีเดียว จึงตั้งใจว่าจะไปนั่งคุยกับเขาสักครู่แล้วค่อยเข้าไปด้านใน
ดังนั้นเขาจึงได้เดินไปนั่งที่โต๊ะกับหลอหยุนฮวย
เมื่อไปถึงกลับพบว่าหลอหยุนฮวยนั่งอยู่โต๊ะเดียวกับต้าปอลั่ง เขาอยากจะขำออกมาจริงๆ