พ่อจอมผยอง / คุณพ่อสายเปย์ - บทที่418 หายนะ
บทที่418 หายนะ?
เสวี่ยนต้ายชวนรู้ว่าลู่เฉินเก่งกาจมาก เขาให้ความสำคัญกับพลังการต่อสู้ของลู่เฉินมากอยู่แล้ว ดังนั้นเขาจึงเรียกลูกน้องทั้ง20กว่าคนมาที่นี่ แถมยังพกอาวุธมาด้วยอีก
เดิมทีเขานึกว่าต่อให้ลู่เฉินจะเก่งกาจแค่ไหน เมื่ออยู่ต่อหน้าพรรคพวกเขาที่เยอะแยะขนาดนี้ ก็ต้องถูกรุมตีจนเละเป็นโจ๊กแน่นอน
แต่เขานึกไม่ถึงเลยว่าผลลัพธ์จะเป็นแบบนี่
ลูกน้อง30กว่าคนของเขากลับถูกตีเละเป็นโจ๊กภายในเวลาไม่กี่นาทีเท่านั้น
แต่สิ่งที่ทำให้สั่นมากกว่านั้นก็คือ ไม่ว่าจะเป็นเฉินจือหรานหรือว่าเซียวจื่อซิน พวกเธอทั้งสองคนเป็นสาวสวยจากหัวเซี่ยที่เขาอยากจะเอาชนะมาโดยตลอด ฝีมือการต่อสู้ก็รุนแรงเหมือนกัน พอฟาดท่อไปนั้น ลูกน้องเขาก็นอนลงไปกับพื้นลุกขึ้นมาไม่ได้อีก
ถึงแม้ว่าจะไม่ได้บ้าเหมือนกับลู่เฉิน แต่ว่าก็เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นผู้หญิงที่รุนแรงขนาดนี้
“แก แกคิดว่าไง?” ลู่เฉินเดินเข้ามา เสวี่ยนต้ายชวนก็ตื่นตระหนกไปในทันที
“ฉันจะเตือนอะไรแกหน่อย ที่คือนี่ตงอิ๋งของพวกเรา ไม่ใช่หัวเสี้ย ถ้าเกิดว่าแกกล้าแตะต้องฉัน ฉันจะทำให้แกกลับหัวเสี้ยไม่ได้อีกเลยเชื่อมั้ย!” เสวี่ยนต้ายชวนพยายามฝืนรวบรวมความกล้าของตัวเองแล้วขู่เขา
“งั้นเหรอ? งั้นแกก็ลองดูว่าแกจะทำยังไงให้ฉันกลับหัวเสี้ยไม่ได้” มุมปากของลู่เฉินมีรอยยิ้มที่เยือกเย็น เขายกเข่าขึ้น แล้วก็เตะสูงใส่เสวี่ยนต้ายชวน
แน่นอน เข่าของลู่เฉินไม่ได้เตะโดนหน้าอกของเสวี่ยนต้ายชวน ไม่ยังงั้น ชีวิตเขาต้องหาไม่อย่างแน่นอน
ลู่เฉินก็แค่แทงเข่าเข้าไปที่ท้องน้อยของเขาเท่านั้น
แต่ว่าต่อให้เป็นแบบนี้ เสวี่ยนต้ายชวนก็ยังคงร้องออกอย่างไม่มีเสียง ขดลงไปที่พื้น กุมท้องอยู่นานแต่ก็เปล่งเสียงอะไรไม่ออก
ชายหนุ่มอีกสองคนเห็นสถานการณ์ดังนี้ ก็ด่าภาษาตงอิ๋งแล้วก็วิ่งหนีไป
ลู่เฉินไม่ได้สนใจพวกเขา เขาก้มตัวลงมองหน้าเสวี่ยนต้ายชวน แล้วก็พูดอย่างเยือกเย็นว่า “นี่คือครั้งสุดท้าย ถ้าเกิดว่าครั้งหน้ายังมายั่วยุฉันอีก ฉันจะให้แกไปลงนรก!”
เขาพูดแล้วก็ไม่สนใจว่าเสวี่ยนต้ายชวนจะมีปฏิกิริยาตอบโต้ยังไง เขาเหยียบเสวี่ยนต้ายชวนแล้วเดินไปเลย
เฉินจือหรานกับเซียวจื่อซินก็ตามเขาไป
ไม่นานพวกเขาก็เจอโรงแรมห้าดาวแห่งหนึ่ง ก็เลยเข้าพักที่นี่ก่อน
เซียวจื่อซินนังไม่ได้แสดงท่าทีจะสังหารอะไรตอนนี้ ลู่เฉินก็เลยไม่ได้สนใจเธอสักพัก
หลังจากนั้น เขาก็ให้เฉินจือหรานสืบเกี่ยวกับสถานการณ์ของบริษัทโอตี้ซี
บริษัทโอตี้ซีก็คือบริษัทที่ผลิตหุ่นยนต์อัจฉริยะที่ใหญ่ที่สุดในตงอิ๋ง
ก่อนที่หุ่นยนต์อัจริยะซีรีย์YQจะถูกปล่อยออกมา หุ่นยนต์อัจฉริยะของโอตี้ซีติดอันดับหนึ่งในบรรดาผู้ผลิตหุ่นยนต์อัจฉริยะของโลก หุ่นยนต์อัจฉริยะที่พวกเขาพัฒนาขึ้นมานั้นมันเสมือนจริงมาก
แต่ว่าพออยู่ต่อหน้าหุ่นยนต์อัจฉริยะซีรีย์YQนั้น ก็แตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด
หุ่นยนต์อัจฉริยะซีรีย์YQนั้นเทคโนโลยีนั้นก้าวหน้าและเจริญเต็มที่มาก ราคาอยู่ที่ประมาณพันกว่าหยวนเท่านั้นเอง หลังจากผลิตเสร็จแล้ว ต้นทุนก็จะต่ำลงไปอีก แค่ประมาณ700กว่าก็พอแล้ว ราคานี้ ยังน้อยกว่า1ใน10ของโอตี้ซีซะอีก
ดังนั้นพอหุ่นยนต์อัจฉริยะซีรีย์YQถูกเผยแพร่ออกมา ก็เป็นฝันร้ายของบริษัทอัจฉริยะทั่วโลก
จนถึงตอนนั้นพวกเขาต้องเลือกว่าจะเปลี่ยนสายอาชีพ หรือว่าถูกคนอื่นซื้อชะตากรรมของตัวเองไป
เพราะว่าเทคโนโลยีของหุ่นยนต์อัจริยะYQ นำพวกเขาไป2-3สมัย ภายในระยะเวลาสั้นๆพวกเขาไม่มีโอกาสที่จะไปถึงระดับนั้นได้อย่างแน่นอน
และนี่ก็เป็นเหตุผลที่ทำให้ลู่เฉินมั่นใจว่าจะสามารถซื้อโอตี้ซีได้
ตอนกินข้าวเย็นนั้น ในที่สุดเฉินจือหรานก็หาข้อมูลของโอตี้ซีเจอ แล้วก็ติดต่อกับพวกเขา บอกว่าพรุ่งนี้ลู่เฉินจะไปเยี่ยมโอตี้ซี
แต่ว่าสิ่งที่ทำให้ลู่เฉินประหลาดใจเล็กน้อยก็คือ โอตี้ซีเป็นกิจการลูกของตระกูลเสวี่ยนต้าย
นี่มันค่อยน่าสนใจหน่อย
“เธอลองสืบดูหน่อยว่าตระกูลเสวี่ยนต้ายอยู่ตำแหน่งไหนในเสวี่ยนต้ายชวน” ลู่เฉินพูด
เสวี่ยนต้ายชวนกับเขาถือว่าเป็นศัตรูกัน ถ้าเกิดว่าตำแหน่งของเขาที่ตระกูลเสวี่ยนต้ายอยู่สูงล่ะก็ ตระกูลเสวี่ยนต้ายน่าจะไม่ร่วมมือกับเขา ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องซื้อโอตี้ซีเลย
ถึงแม้ว่าตระกูลเสวี่ยนต้ายจะไม่อะไรเท่าไหร่ แต่ว่าพวกเขาน่าจะสามารถปล่อยหุ่นยนต์อัจฉริยะได้
ตระกูลเสวี่ยนต้ายเป็นนายทุนอันดับหนึ่งของเมืองปิง มีส่วนเกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมจำนวนมาก หุ่นยนต์อัจฉริยะเป็นเพียงโครงการสาขาของครอบครัวของพวกเขา ดังนั้นสิ่งที่ลู่เฉินกังวลก็ไม่ใช่เรื่องที่เกินไป
ตอนนี้บริษัทเทคโนโลยีอี๋ฉีต้องการที่จะหลีกเลี่ยงบทลงโทษที่เมืองตงอิ๋ง วิธีการที่ดีที่สุดก็คือซื้อบริษัท และใช้ช่องทางของประเทศพวกเขาในการเปิดตัวผลิตภัณฑ์
ถ้าเกิดว่าผลิตภัณฑ์เทคโนโลยีชั้นสูงของบริษัทเทคโนโลยีอี๋ฉีเป็นที่ชื่นชอบของประชาชนในประเทศเขาเมื่อไหร่ ต่อให้รัฐบาลอยากจะลงโทษพวกเขาก็เป็นเรื่องที่ยากแล้ว
รัฐบาลอาจจะไม่ใช้ได้ แต่ว่าก็ไม่สามารถห้ามให้ประชาชนใช้ได้นะ
“โอเค” เฉินจือหรานพยักหน้า
“ใช่สิ เซียวจื่อซินล่ะะ?” พอไม่เห็นเซียวจื่อซิน ลู่เฉินก็ถามอย่างประหลาดใจเล็กน้อย
“เธอบอกว่าวันนี้จะไปเดินเล่นรอบๆหน่อย ตอนแรกก็ชวนฉันไปด้วย แต่ว่าฉันไม่มีเวลา ก็ไม่ได้ไปกับเธอ” เฉินจือหรานตอบโดยที่ไม่ได้สงสัยเลยแม้แต่น้อย
จนถึงตอนนี้เธอยังไม่ได้สังเกตเห็นถึงความผิดปกติอะไรของเซียวจื่อซินเลย แถมยังรู้สึกถึงสัมพันธไมตรีกับเธออีก
ลู่เฉินพยักหน้า ไม่ได้พูดอะไรต่อ ยังไงเป้าหมายของเซียวจื่อซินก็คือตัวเขา เขาชื่อสัญชาตญาณของตัวเอง แต่ว่าก่อนที่เซียวจื่อซินจะเปิดเผยใบหน้าที่แท้จริงของตัวเอง ลู่เฉินก็ขี้เกียจที่จะบังคับให้เธอเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงเหมือนกัน
เขาหยิบโทรศัพท์ออกมาโทรหาเสี่ยวจิง ให้เขาพาคนบางส่วนมาที่เมืองปิง
เขารู้สึกว่าการมาที่เมืองปิงในครั้งนี้ไม่น่าจะสบายๆ
สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือเรื่องทะเลาะเบาะแว้งที่เกิดขึ้นกับเสวี่ยนต้ายชวน เรื่องหลังจากนั้นก็คือตระกูลเสวี่ยนต้ายไม่มีทางยอมร่วมมือกับเขาง่ายๆ
“ถ้าเกิดว่าตระกูลเสวี่ยนต้ายไม่ร่วมงานกับเรา แล้วนายวางแผนจะทำยังไง?” เฉินจือหรานถาม
ลู่เฉินไตร่ตรองสักครู่หนึ่ง แล้วตอบว่า “ถ้าเกิดว่าพวกเขาไม่ร่วมงานกับพวกเราจริงๆ ถ้ายังงั้นก็ต้องไปที่เกาะจิ่วโจว”
โรงงานผลิตหุ่นยนต์อัจฉริยะที่ใหญ่อันดับที่สองของตงอิ๋งอยู่ที่เกาะจิ่วโจว ซื้อบริษัทนั้นก็ได้เหมือนกัน
“อืม ก่อนหน้านี้พ่อฉันก็เคยวางแผนจะซื้อบริษัทหนึ่งที่นี่ แต่ว่าสุดท้ายก็คุยกันไม่ลงตัว นโยบายของที่นี่ไม่เป็นมิตรกับคนหัวเสี้ยอย่างพวกเราค่อนข้างมาก” เฉินจือหรานพยักหน้าและพูด
“ปกติ คนหัวเสี้ยเองก็ไม่ได้เป็นมิตรกับคนตงอิ๋งทั้งหมด คนส่วนใหญ่คว่ำบาตรสินค้าจากตงอิ๋ง แต่ว่าคุณภาพของผลิตภัณฑ์พวกเขานั้นก็ผ่านการทดสอบ เพราะฉะนั้นก็มีหลายคนที่ด่าคนตงอิ๋งด้วย แล้วก็ใช้สินค้าของคนตงอิ๋งด้วยเหมือนกัน แต่ว่าในสถานการณ์แบบนี้ มันจะไม่เกิดขึ้นอีกแล้ว” ลู่เฉินยิ้มพร้อมกับพูด
ไม่ว่าจะเป็นรถของตงอิ๋ง หรือว่าเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นๆของตงอิ๋ง ก่อนหน้านี้มีขนาดใหญ่ในตลาดหัวเสี้ยมาก
แต่เขาเชื่อว่าในสถานการณ์นี้ ผ่านไปปีสองปี ก็จะเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
ในอนาคต ไม่ว่าจะเป็นตลาดของหัวเสี้ย หรือว่าตลาดตงอิ๋งหรือว่าทั่วโลก ก็จะถูกบริษัทเทคโนโลยีอี๋ฉียึดครองทั้งหมด
ในเรื่องนี้ ลู่เฉินมีความมั่นใจอย่างแท้จริง
เพราะว่าเขานั้นมีเทคโนโลยีชั้นเยี่ยมยอด
“นายดูข่าวสิ” จู่ๆเฉินจือหรานก็ชี้ไปที่ทีวีที่กำแพงห้องอาหาร
ลู่เฉินเงยหน้าขึ้นมอง นักข่าวสาวคนหนึ่งกำลังรายงานบางอย่างด้วยสีหน้าที่จริงจัง แต่ว่าเขาฟังไม่ออกเลยแม้แต่ประโยคเดียว
แต่ว่าไม่นานภาพบนหน้าจอก็เปลี่ยนไป เปลี่ยนเป็นภาพเหตุการณ์ระเบิดหายนะ ศพของคนตงอิ๋งจำนวนมากเละเทะเสียโฉม ดูน่ากลัวเป็นอย่างมาก
“นี่คือสถานการณ์อะไรกัน?” ลู่เฉินถาม
“เมื่อหนึ่งชั่วโมงก่อนหน้านี้ บริษัท ชีวภาพลึกลับที่เกาะจิ่วโจวเกิดระเบิดขึ้นทำให้มีผู้บาดเจ็บหลายร้อยคน ส่วนสาเหตุที่แน่ชัดที่เกิดระเบิดยังไม่ทราบแน่ชัด” เฉินจือหรานแปล
ลู่เฉินพยักหน้า ทันใดนั้นก็พบว่าตอนที่ภาพศพหลายศพปรากฏขึ้นที่หน้าจอนั้น มันมีอะไรบางอย่างที่ไม่ค่อยปกติ
ศพพวกนั้นไม่ใช่แผลจากระเบิด ถึงแม้ว่าภาพในหน้าจอจะตัดไปอย่างไว แต่ว่าลู่เฉินก็มองออก ว่าผิวหนังของซากศพเหล่านั้นมีปัญหาอย่างร้ายแรง
เหมือนกับว่าผิวหนังถูกเปลี่ยนแปลงโดยอะไรบางอย่างยังไงยังงั้น น่าหวาดกลัวมาก