ภารกิจขโมยใจ ผจญภัยต่างโลก - ตอนที่ 10 จอมเวทผู้แข็งแกร่งที่สุด (10)
กลิ่นอายมืดมิดโอบล้อมผืนป่าโอบบริเวณนี้ไว้ เหมือนกับว่าเป็นโลกอีกใบ
นี่คือ…แดนทมิฬ
ใบหน้าของมั่วหันเปลี่ยนไปในที่สุด เขามองไปยังมังกรดำร่างใหญ่ของซูรุ่ย “เจ้าไม่ใช่มังกรดำธรรมดาทั่วไป เจ้าเป็น…ราชันมังกรดำอย่างนั้นหรือ”
ราชันมังกรดำผู้เป็นตัวแทนของความมืดมิดและชั่วร้ายอันไร้สิ้นสุด
มังกรดำที่ลอยอยู่ในอากาศส่ายหางไปมา ยังคงพูดจาเหมือนมนุษย์ “มนุษย์โง่เขลา เป็นอาหารให้กับข้าผู้เป็นราชันได้ เจ้าควรรู้สึกภูมิใจสิ!”
“นายท่าน พลังความมืดมิดของมันแข็งแกร่งเกินไป เราไม่ใช่คู่ต่อสู้ของมัน”
ในเวลานี้เอง ผีสาวที่คืนร่างกลับเป็นดังเดิมก็ได้ลอยไปด้านข้างของมั่วหัน ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความเป็นห่วงเขา “พวกเราหนีกันเถอะ!”
“หึ”
มั่วหันแค่แสยะยิ้มออกมา สายตาของเขามองไปที่ซูรุ่ยอีกครั้ง “หม่าเย่ว์ นี่แกไม่รู้จริงๆ หรือแกล้งไม่รู้ มังกรดำ เป็นตัวแทนของความชั่วร้ายและหายนะ แกกล้าเรียกมันออกมาจริงๆ แกรู้ไหมว่ามันจะฆ่าเจ้านายตัวเอง!”
ฆ่าเจ้านายตัวเอง?
ซูรุ่ยขมวดคิ้วเล็กน้อย “อาศัยตัวมันน่ะเหรอ”
ราชันมังกรดำ “…”
โดนดูถูกเสียแล้ว ทำอย่างไรดีหนอ
“เสี่ยวเย่ว์เย่ว์ ข้าผู้เป็นราชันคือวิญญาณมังกรพันธะสัญญาของเจ้า จะกินเจ้าลงได้อย่างไรกัน ข้าผู้เป็นราชันมิใช่มังกรไร้ความรู้สึกขนาดนั้นสักหน่อย~”
ซูรุ่ย “…”
ให้เชื่อเจ้า ข้าก็คงบ้าไปแล้ว~
“มั่วหัน เลิกพูดเหลวไหลได้แล้ว วันนี้ที่นี่จะเป็นหลุมฝังศพของแก!”
ระหว่างที่พูด ซูรุ่ยได้ตั้งท่าอีกครั้ง เวทเฉพาะของตระกูลหม่า…ยืมกำลังมังกรเทพ!
สัมผัสได้ถึงพลังวิญญาณของตระกูลหม่าจากร่างของซูรุ่ย ราชันมังกรดำม้วนตัว อ้าปากขนาดใหญ่หันไปทางมั่วหัน และพ่นไฟออกมา
มั่วหันไม่อาจนั่งรอความตายได้ เขาพลันหยิบเอายันต์ของพรรคอู่สิงที่พกติดตัวไว้ออกมาทันที…
ห้าธาตุเกื้อกูล โล่ธรณี!
โคลนดินบนพื้นยกตัวเป็นชั้นขึ้น กลายเป็นโล่ขนาดใหญ่กั้นไฟของมังกรที่พ่นออกมาตรงหน้ามั่วหัน
“อ่อนหัด!”
ราชันมังกรดำตวัดหางอันแหลมคมขนาดใหญ่ จู่โจมเข้าที่โล่ธรณีของมั่วหัน แค่ชั่วพริบตาโล่ธรณีก็แตกสลายไม่มีชิ้นดีในทันที…
อีกด้านหนึ่ง มั่วหันกับซูรุ่ยต่างก็ใช้เวทเข้าห้ำหั่นกันอย่างไม่มีใครยอมใคร
ทางด้านนี้ ในที่สุดซูเจินเจินก็หยุดร้องไห้เช็ดจมูกและน้ำตาอย่างเงียบๆ และเดินเข้ามาที่ด้านข้างซูหว่าน ดึงแขนเสื้อของเธอเบาๆ “ซูหว่าน ซูหว่าน?”
“เธอมีอะไร”
ซูหว่านหันไปมองใบหน้าไร้เดียงสาของซูเจินเจินด้วยสายตาเย็นชา
ซูหว่านอยากจะตีเธอให้ตายไปซะจริงๆ ถ้าไม่ใช่เพราะเธอ ซูรุ่ยคงไม่ต้องเจอกับอันตรายมากมายขนาดนี้ และเหล่ากุ่ยก็คงไม่ต้องตาย
หญิงสาวที่ทะลุมิติมาคนนี้มาพร้อมกับรัศมีของผู้ทะลุมิติจริงๆ อันตรายใดๆ ก็ไม่อาจพรากชีวิตเธอไปได้
“ฉัน…ฉัน…”
ซูเจินเจินถูกซูหว่านจ้องจนในใจรู้สึกตื่นตระหนก “ฉันกลัว ซูหว่าน ฉันกลัว”
ก่อนที่จะทะลุมิติ ซูเจินเจินก็เป็นแค่หญิงสาวธรรมดาที่ไม่เคยมีความรักมาก่อน และไม่เคยประสบพบเจอเรื่องสะเทือนใจแบบนี้มาก่อน แต่จู่ๆ เธอก็มาโผล่ในโลกนี้ ทันใดนั้นก็ถูกล้อมรอบไปด้วยภูตผี ในใจของซูเจินเจินมีแต่ความกลัวไร้สิ้นสุด
ตอนที่พบซูรุ่ยครั้งแรก เธอถูกกลุ่มผีตามพัวพัน ตอนนั้นเธอคิดว่าเธอคงต้องตายแล้วแน่ๆ แต่จู่ๆ ซูรุ่ยก็โผล่มาช่วยเธอ
ต้องบอกว่าเป็นครั้งแรกที่เคยเห็นผู้ชายรูปหล่อเหมือนเทวดาตกสวรรค์แบบนี้ ช่วงเวลานั้นเองซูเจินเจินเริ่มรู้สึกจิตใจหวั่นไหว แต่โชคไม่ดีที่ ฮีโร่ในใจเธอกำจัดภูตผีเหล่านั้นเสร็จแล้วกลับหันมาบีบคอเธอแน่น…
‘เธอเป็นใคร เสี่ยวหว่านล่ะ’
เขารู้ว่าตัวเธอไม่ใช่ซูหว่าน และสายตาที่เขามองมาที่ตนก็เย็นชาและน่ากลัวเกินไป
ในขณะนั้น ซูเจินเจินไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี แต่ในเวลานี้เองมั่วหันก็พาราชินีผีมาลอบโจมตี…
ทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับซูเจินเจินดูแล้วช่างเหมือนความฝันฉากหนึ่ง เธออยากจะตื่นจากฝันนี้แล้ว แต่ทำอย่างไรก็ไม่สามารถหนีไปจากที่นี่ได้
ทะลุมิติอย่างนั้นเหรอ
ฟังดูสวยงาม แต่ความเป็นจริงกลับโหดร้ายมาก
พรวด!
ในเวลานี้เอง มั่วหันที่ได้รับบาดเจ็บจากการใช้เวทโจมตีของซูรุ่ย ก็กระอักเลือดและล้มลงบนพื้นหญ้าอย่างอ่อนแรง
“นายท่าน!” ราชินีผีที่อยู่ด้านข้างก็รีบโผเข้าไปรับทันที มองไปยังมั่วหันด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียด
“ฉันไม่เป็นไร”
มั่วหันเช็ดเลือดที่มุมริมฝีปากของเขา “หม่าเย่ว์ ที่แท้เจ้าก็ซ่อนความแข็งแกร่งเอาไว้ตลอดนี้เอง!”
เมื่อได้ยินคำพูดของมั่วหัน ซูรุ่ยก็เลิกคิ้วขึ้นเบาๆ ที่จริงแล้วเขาก็แอบออมมือให้มาตลอดทางจริงๆ แต่ตลอดทางเขาก็ได้รับบาดเจ็บไม่น้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพบว่า ‘ซูหว่าน’ นั้นไม่ใช่ซูหว่าน จิตใจของเขาสับสนวุ่นวายเกินไป จึงถูกมั่วหันและราชินีผีลอบโจมตีสำเร็จ ทำให้ตกอยู่ในสภาพแบบนี้
โชคดีที่ เสี่ยวหว่านกลับมาแล้ว
ซูรุ่ยไม่ต้องกังวลเรื่องความปลอดภัยของเธออีกต่อไป เขาแค่ต้องพยายามอย่างเต็มที่เพื่อปกป้องเธอก็พอแล้ว
ในโลกใบนี้ ถึงแม้ว่าเธอจะไม่สามารถออกไปได้ แต่เขาก็จะปกป้องเธอตลอดไป
“มั่วหัน ทุกอย่างมาถึงจุดจบแล้ว”
ซูรุ่ยยกมืออย่างเบาๆ ฝ่ามือของเขาพลันกลายเป็นกระบี่วิญญาณเล่มหนึ่ง กระบี่วิญญาณสีเขียวที่แผ่จิตสังหารออกมาอย่างไร้ขอบเขต
“อย่า อย่าฆ่าเขา!”
ราชินีผีสาวที่อยู่ด้านข้างอ้าแขนออกเพื่อปกป้องมั่วหัน
“หึ”
จู่ๆ มั่วหันก็แค่นหัวเราะอย่างเย็นชา “ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่ฉันมั่วหันลดตัวลงไปขอร้องให้เธอช่วย เธอนับเป็นตัวอะไร”
“นายท่าน”
ราชินีผีสาวหันหน้ามา และมองชายที่อยู่ข้างๆ เธออย่างประหลาดใจ
มั่วหันยกมือขึ้นอย่างเย็นชา ใช้นิ้วของเขาวาดวงเวทบนอากาศ จากนั้นเขาก็กัดนิ้วชี้และหยดเลือดลงตรงกลางวงเวทนั้น “จากนี้ไป ฉันไม่ใช่เจ้านายของเธอ เธอและฉัน…ไม่มีพันธะอะไรต่อกันอีก!”
“ช่างลึกซึ้งกินใจเสียจริง”
ในเวลานี้เอง ราชันมังกรดำที่อยู่ด้านข้างพลันกลายร่างเป็นหนุ่มชุดดำอีกครั้ง และตอนนี้เขาก็มองไปที่ราชินีผีที่อยู่ด้านข้างของมั่วหันอย่างหื่นกระหาย “หญิงงามเช่นนี้หากตายไปคงน่าเสียดายแย่ เสี่ยวเย่ว์เย่ว์ อีกสักครู่ส่งนางผู้นั้นมาให้ข้านะ”
“ส่งให้แก?”
ยังไม่ทันสิ้นเสียง ทั้งร่างของซูรุ่ยก็วาบหายไปจากที่เดิมในทันที รอให้เขาปรากฏตัวอีกครั้ง กระบี่วิญญาณในมือของเขาก็แทงทะลุร่างวิญญาณของราชีนีผี
เธอในตอนนี้ ทั้งใบหน้ายังคงดูเศร้าโศก และไม่ได้มีเจตนาตอบโต้การโจมตีของซูรุ่ยเลย
“สลาย!”
ซูรุ่ยร่ายคาถาเสียงเบา ร่างของราชีนีผีก็แตกสลายกลายเป็นละอองดาวในทันที และถูกซูรุ่ยดูดซับเข้าไปในร่างกาย
“หม่าเย่ว์ แก…”
การเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน เมื่อมั่วหันตอบสนองอีกที ซูรุ่ยก็ดูดซับพลังวิญญาณของราชีนีผีจนหมดแล้ว
“ในเมื่อไม่มีเจ้าของแล้ว ฉันหม่าเย่ว์จะขอรับไว้เอง มั่วหัน แกอย่าคิดว่าแกทำแบบนี้แล้วจะเป็นคนดีมีศีลธรรม คนที่เสแสร้งจอมปลอมคือแก ไม่ใช่ฉัน”
ในขณะที่พูด กระบี่วิญญาณของซูรุ่ยก็พาดอยู่บนคอของมั่วหัน “ถ้าในปีนั้นคนที่ถูกคนอื่นฆ่าเป็นคนรักของฉัน ฉันจะไม่เพียงแต่ให้คนคนนั้นถูกฝังเพื่อเธอ และฉันจะให้คนทั้งโลกใบนี้ถูกฝังไปพร้อมกับเธอด้วย มั่วหัน ไม่กลายเป็นมารไม่มีชีวิตรอด แก…ยังห่างชั้นอีกไกล!”
พูดยังไม่ทันสิ้นเสียง กระบี่วิญญาณของซูรุ่ยก็แทงทะลุร่างของมั่วหันแล้ว
มั่วหันเบิกตากว้าง ก่อนที่เขาจะตาย สิ่งที่ซูรุ่ยพูดครั้งสุดท้ายดังก้องอยู่ในใจของเขา
พอเห็นมั่วหันค่อยๆ สิ้นลมหายใจ ดวงตาของซูรุ่ยก็ค่อยๆ สงบนิ่งลง เขาค่อยๆ หันไปมองร่างที่ปกคลุมด้วยรัศมีสีดำด้านหลัง
“มังกรดำ แกต้องการจะทำอะไร”
“เสี่ยวเย่ว์เย่ว์ ข้าผู้เป็นราชันถูกขังอยู่ในบ่อมังกรนานเกินไปแล้ว ข้าผู้เป็นราชันผู้โดดเดี่ยวเหลือเกิน ร่างกายนี้ของเจ้า มอบให้ข้าผู้เป็นราชันเป็นอย่างไร เจ้าวางใจ ข้าผู้เป็นราชันจะดูแลอย่างดี จะมีภรรยาและอนุกลุ่มใหญ่ หญิงงามรายล้อมอย่างแน่นอน!”
ในขณะที่พูด ร่างของมังกรดำก็กลายเป็นไอสีดำกลุ่มหนึ่ง แทรกซึมเข้าไปในร่างกายของซูรุ่ย
“กรี๊ด!”
ซูเจินเจินที่อยู่ไม่ไกลเห็นภาพนั้นเข้าก็อดที่จะตกใจจนกรีดร้องเสียงแหลมออกมาไม่ได้
“หุบปาก!”
ซูหว่านถลึงตาใส่ซูเจินเจินทีหนึ่ง จากนั้นก็วาบร่างมาโผล่ตรงหน้าซูรุ่ย ยกมือขึ้นวาดวงเวทที่ซับซ้อนขึ้นตรงหน้าเขา
วงเวทอันสลับซับซ้อนแปลกประหลาดกะพริบวาบอยู่กลางอากาศอย่างน่าอัศจรรย์ ซูหว่านหน้าซีดขาว แต่สายตายังคงจับจ้องไปยังซูรุ่ยอย่างตั้งใจ
“นี่! นี่! เจ้าเป็นใครกัน เจ้าไม่ใช่ เจ้าไม่ใช่…”
ทันใดนั้น เสียงร้องโอดครวญดังขึ้นระลอกหนึ่ง ไอสีดำเหล่านั้นลอยออกมาจากร่างของซูรุ่ย พุ่งเข้าชนกับวงเวทของซูหว่านพอดี
นี่คือ…
“ผนึก!”
ในขณะที่มังกรดำตกอยู่ในวงเวทของซูหว่าน ทันใดนั้นวงเวทก็ทำงาน…
เวทผนึกวิญญาณ!
“นี่ นี่ ช่วยด้วย! เสี่ยวเย่ว์เย่ว์ช่วยด้วย! ข้าผู้เป็นราชันไม่กล้ากบฏอีกแล้ว เจ้ารีบช่วยมาหยุดหญิงบ้าผู้นี้ที!”
ในตอนที่วิญญาณของมังกรดำดิ้นรนเพื่อขอความช่วยเหลือ ในที่สุดซูรุ่ยก็ลืมตาขึ้น พอเห็นใบหน้าซีดเซียวของซูว่าน สีหน้าของซูรุ่ยพลันเปลี่ยนไป รีบยกมือขึ้นถ่ายโอนพลังวิญญาณของตนเข้าไปในร่างกายของซูหว่านทันที
“โฮ่งโฮ่ง~ โฮ่งโฮ่ง~”
หลังจากนั้นสักพัก ราชันมังกรดำผู้น่าเกรงขามเมื่อครู่พลันกลายเป็นสุนัขตัวน้อย…ขนดำเงาตัวหนึ่ง
โฮ่งโฮ่ง โฮ่งโฮ่ง!
นับเรื่องเศร้าของราชันมังกรดำเรื่องหนึ่ง เขาคิดจะก็ยึดร่างของซูรุ่ยงั้นเหรอ ในตอนที่เขากลายเป็นไอสีดำพุ่งเข้าไปในร่างกายของซูรุ่ย เขาถึงได้พบว่าพลังวิญญาณที่แท้จริงของซูรุ่ยนั้นแข็งแกร่งมาก…
ในฐานะที่เป็นเจ้าหน้าที่ของห้วงกาลอวกาศที่สาบสูญ วิญญาณของพวกเขานั้นไม่อาจแตกดับ
จิตวิญญาณของราชันมังกรดำที่อยู่ในตัวของซูรุ่ยรับรู้ได้ถึงพลังทำลายล้าง เขาพยายามอย่างสุดชีวิตถึงจะหนีออกมาได้ แต่ปรากฏว่าเมื่อหนีออกมาก็ชนเข้ากับวงเวทผนึกที่ซูหว่านเตรียมเอาไว้ล่วงหน้า…
พวกเจ้าทั้งสองทำผิดกฎแล้วนะ!
ไม่เล่นกันแบบนี้ได้หรือไม่ คู่สามีภรรยาจะรุมรังแกข้าคนเดียวอย่างนั้นหรือ
คนกับสัตว์ต้องมีความรักต่อกันสิ!
พวกเจ้ากำลังทารุณกรรมสัตว์หายากอยู่ พวกเจ้ารู้หรือไม่