ภารกิจขโมยใจ ผจญภัยต่างโลก - ตอนที่ 17 ฝืนชะตาคนไร้ค่า (17)
“ซูจั้น นายน้อยใหญ่ซู”
เมื่อได้ยินคำพูดดูถูกอย่างรุนแรงของซูรุ่ย จ้าวหว่านอิ๋งกลับยับยั้งความโกธรไว้ภายใต้จิตใจอันร้อนรุ่ม ใบหน้ายังคงเต็มไปด้วยรอยยิ้มอันแสนหวาน ดวงตาค่อยๆ หรี่ลงอย่างโศกเศร้าอยู่ข้างๆ ซูรุ่ย “ข้าเพียงมาเยี่ยมนายน้อยใหญ่ที่บ้าน แต่คุณหนูสามกลับสาดน้ำใส่ร่างของข้า ตอนนี้คนมากมายที่อยู่ตรงหน้าดูถูกข้า นี่คือการรับแขกของบ้านตระกูลซูหรือ”
“อ้อ เรื่องนี้เองหรือ”
เมื่อได้ยินคำพูดของจ้าวหว่านอิ๋ง ซูรุ่ยก็เลิกคิ้ว “ภรรยาของข้าทุกเช้ามักสาดน้ำไปยังประตูทางเข้าอยู่เป็นประจำ เจ้ามายืนอยู่จุดนั้นพอดีจึงโชคร้าย เมื่อครู่นี้ท่านเองก็ลงมือกระทำก่อนมิใช่หรือ ท่านใช้อาวุธลับทำร้ายคน คนของบ้านตระกูลจ้าวมาเป็นแขกบ้านคนอื่นเองก็กระทำตัวเช่นนี้หรือ”
ซูรุ่ยตอบกลับไปทันใด จากนั้นเขาก็โบกมืออัญเชิญ ภายในมือของเขาก็ปรากฏมีดสั้นขึ้นมาทันที
นี่คือ…มีดผู้พิชิต อีกทั้งยังเป็นศาสตราวิเศษขั้นสูง!
เมื่อได้สัมผัสพลังอันร้ายกาจจากศาสตราวิเศษ จ้าวหว่านอิ๋งก็หวาดกลัวจึงถอยก้าวหลังไปหนึ่งก้าว “ซูจั้น ท่าน ท่านจะทำอะไร”
“ไม่ได้ทำอะไร”
ซูรุ่ยพูดไปยิ้มไป “ในเมื่อคุณหนูจ้าวสงสัยการรับแขกของบ้านตระกูลซูพวกข้าเช่นนี้แล้ว เช่นนั้นข้าก็จะให้ท่านได้เห็นวิธีการรับแขกที่แท้จริงของข้า ซูจั้นผู้นี้!”
ระหว่างที่พูดอยู่นั้น มีดผู้พิชิตภายในมือของซูรุ่ยก็พุ่งออกจากมือ ทะยานตรงไปด้านหน้าของจ้าวหว่านอิ๋ง
อาวุธสั้น เขาเล่นกันอย่างนี้!
ที่ตามมาหลังจากแสงสีเงินสายหนึ่งกะพริบพาดผ่าน ก็คือเสียงร้องเสียงแหลมของจ้าวหว่านอิ๋ง เมื่อมีดผู้พิชิตหวนกลับมาอยู่ใจกลางฝ่ามือของซูรุ่ย ในลานบ้านก็มีเศษของเสื้อผ้าตกลงตามพื้น จ้าวหว่านอิ๋งในเวลานี้ไม่ใช่เสื้อผ้าที่ขาดหลุดรุ่ยแล้ว แต่เป็น…ไม่ เหลือ ผ้า ใดๆ เลย!
ซูรุ่ยหันกาย อิงหน้าลงบนไหล่ของซูหว่าน จากนั้นก็ยกมือมาปิดตาของนาง
“ภรรยาอย่าดูเลย ไม่ดีต่อเด็กน้อยนะ”
ซูหว่าน “…”
คนผู้ชมรอบๆ “….”
นายน้อยใหญ่ ท่านช่างเป็นคนที่ชอบสร้างสีสันเสียเหลือเกิน~
มารดาเถิด ไม่ดีแล้ว เลือดกำเดาไหลออกมาแล้ว~
“กรี๊ด!”
จ้าวหว่านอิ๋งที่เติบโตมาไม่เคยได้รับการดูถูกอย่างใหญ่โตเช่นนี้มาก่อน จนถึงวันนี้เมื่อถูกฟันเสื้อขาดหมดต่อหน้าลูกศิษย์ตระกูลซูกลุ่มใหญ่ นางพลันร้องตกใจ สองมือปกปิดหน้าอกของตนแล้วรีบวิ่งหนีออกไป ทั้งยังไม่ลืมใช้พลังวิญญาณอัญเชิญเกราะอ่อนของตนออกมา…
มองดูดอกไม้สีขาวดอกนั้นห่างไกลออกไปทุกทีอยู่ด้านหลัง คนในตระกูลซูคงอยากบอกว่า…
ยินดีต้อนรับให้ท่านมาเป็นแขกของบ้านเราทุกวัน~ พวกเราต้อนรับแขกอย่างอบอุ่นจ้า~
ข่าวของคุณหนูรองตระกูลจ้าวล่อนจ้อนอยู่บ้านตระกูลซูแพร่ออกไปอย่างรวดเร็วในเมืองเหมยเท่อ และต่อมาก็มีข่าวซุบซิบนินทาเรื่องอื่นๆ ปรากฏขึ้นไปทั่ว…
เช่นว่า จ้าวหว่านอิ๋งเป็นลูกเลี้ยงลับๆ ของซูหยา
เช่นอีกว่า จ้าวหว่านอิ๋งเปลือยกายเพื่อยั่วยวนซูจั้นอะไรทำนองนั้น สรุปคือในทุกๆ โลกล้วนเชี่ยวชาญการส่งต่อความคิดผ่านกันเป็นทอดๆ อยู่ไม่น้อยรวมถึงการจินตนาการถึงหน้าอกขนาดใหญ่
เรื่องเช่นนี้ทำให้บ้านตระกูลจ้าวอยากขุดหลุมหนี เหตุนี้ผู้นำตระกูลจ้าวจึงบันดาลโทสะยกใหญ่ ให้บุตรสาวคนรองของตนกักตัวอยู่ในห้องมืดขนาดเล็ก
เมื่อไม่มีคุกคามจากตัวประกอบหญิงบางคนอีก สุดท้ายซูหว่านและซูรุ่ยก็สามารถจัดการเรื่องราวในบ้านตระกูลซูได้อย่างสงบจิตสงบใจ เมื่อคนจากสาขาย่อยมาถึง ซูรุ่ยก็เรียกคนที่อยากจะเป็นนักอัญเชิญมารวมตัวกันสนามฝึกฝนของบ้านตระกูลซูที่อยู่นอกเมือง ในสนามแห่งนี้เขาได้จัดตั้งแบบทดสอบสำคัญเอาไว้ มีเพียงคนที่มีความพากเพียรที่ดีเท่านั้นถึงจะผ่านแบบทดสอบนี้ได้
การคัดเลือกผ่านไปสามวันสามคืน สุดท้ายหนึ่งในพันคนมีสามร้อยแปดสิบสี่คนเท่านั้นที่ผ่านแบบทดสอบ คนที่มีคุณสมบัติผ่านเกณฑ์เข้าบ้านตระกูลซูมีเพียงยี่สิบกว่าคน พี่น้องซูชิงและจางจื้อก็รวมอยู่ในนั้นอย่างน่าประทับใจ อืม ตอนนี้จางจื้อเปลี่ยนชื่อเรียกเป็นซูจื้อแล้ว
หลังจากที่ได้คัดเลือกเบื้องต้นเสร็จแล้ว ซูรุ่ยและซูหว่านก็แบ่งเกณฑ์ระดับพลังของแต่ละคนออกมา นอกจากมีหนึ่งร้อยกว่าคนที่มีพลังอ่อนแอแล้วนั้น คนที่เหลือล้วนมีพลังสูงกว่าคนทั่วไป
อันที่จริง นักอัญเชิญส่วนมากบนผืนแผ่นดินใหญ่ในตอนนี้ ล้วนพึ่งพาการดูดซับพลังฟ้าดินเพื่อเลื่อนระดับขั้นหลังจากปลุกพลังวิญญาณสำเร็จแล้ว พวกเขาไม่จำเป็นต้องพลังวิญญาณมากมายเหนือกฎเกณฑ์สวรรค์ แต่จำเป็นต้องมีเส้นชีพจรที่เพียงพอต่อการรองรับพลังวิญญาณ
คนเช่นนี้จะดูดซับพลังวิญญาณได้อย่างรวดเร็ว ย่อมยกระดับได้อย่างรวดเร็ว ก็เหมือนกันกับพวกซูชิง ผู้ที่มีเส้นชีพจรเล็กตีบบนแผ่นดินใหญ่แห่งนี้มักจะเป็นคุณสมบัติของคนไร้ค่า
อันที่จริงแล้วพวกเขาไม่ได้มีคุณสมบัติที่ย่ำแย่นัก แต่เพราะในปัจจุบันนี้บนแผ่นดินใหญ่มีวิธีการฝึกฝนเพียงวิธีเดียวเท่านั้น ไม่มีวิธีการลับที่เหมาะสมให้พวกเขาได้ฝึกฝนเท่านั้นเอง
ในตอนนี้ซูรุ่ยมอบวิชาเคลื่อนวิญญาณให้กับพวกเขาแล้ว เขาเชื่อว่าอีกไม่นานหลังจากนี้ บ้านตระกูลซูจะมีกองทหารนักอัญเชิญที่แข็งแกร่งที่สุดกลุ่มหนึ่ง…
ครึ่งเดือนให้หลัง…
“เฮ้อ! ในที่สุดก็ออกมาแล้ว!”
ซูอู่ซึ่งโดนซูรุ่ยกักขังอยู่ในห้องเป็นเวลาหนึ่งเดือนเต็มๆ ภายใต้สถาการณ์ที่ไม่มีทรัพยากรฝึกฝนใดๆ แบบนี้ นางก็ยังคงทำให้ระดับของตนนั้นเลื่อนระดับไปถึงจุดสูงสุดของนักอัญเชิญระดับแปด อีกไม่นานก็คงสามารถเลื่อนไประดับเจ็ดได้แล้ว
แสร้งเป็นหมูกินอย่างเสือ ทำเหมือนคนไร้ประสิทธิภาพ เป็นคติธรรมของตัวเอก
ซูอู่หลังจากที่ออกมาจากการกักตัวในห้องก็เลือกจะกลับไปนอนแช่น้ำอย่างสบายใจที่เรือนของตนเองเป็นอันดับแรก เมื่อได้พักผ่อนอย่างสบายๆ สักครู่หนึ่ง นางก็คิดอยากจะแอบไปหาเสี่ยวไป๋ที่เรือนซูจั้น
ผลลัพธ์คือ เมื่อมาถึงเรือนของซูจั้นได้เห็นสัตว์เลี้ยงตัวใหญ่ตัวนั้นในลานบ้าน ซูอู่ก็ตกตะลึงไป…
แล้วเสี่ยวไป๋ที่แสนน่ารักแสนไร้เดียงสาตัวนั้นของข้าล่ะ
เสี่ยวไป๋กระดิกหาง เสี่ยวอู่เด็กดี ข้าอยู่ที่นี่ มาจุ๊บหน่อยเร็วเข้า~
หนึ่งเดือนไม่ได้เจอ เมื่อได้เห็นเงาร่างของซูอู่ เสี่ยวไป๋ก็รีบกระโจนเข้าหาจนซูอู่ล้มลงบนพื้น
มารดาเอ๋ย ยังเป็นสาวน้อยเสี่ยวอู่ของข้าที่ตัวหอม แสนจะเป็นธรรมชาติไร้การเติมแต่งใดๆ
“นี่ อย่าซุกซน ออกไปซะ”
ซูอู่พยายามดิ้นแล้วลุกขึ้นมา ดวงตาสับสนมองดูเสี่ยวไป๋ “เจ้าคือเสี่ยวไป๋? เจ้าปลดผนึกได้แล้ว?”
“อืมๆ”
เสี่ยวไป๋มองดูซูอู่อย่างไม่ลดละสายตา “เรื่องนั้น สาวน้อยเสี่ยวอู่ ข้าได้รับพี่ใหญ่ของเจ้าเป็นนายแล้ว เจ้าไม่โกธรเคืองข้าใช่ไหม ความจริงข้าเองก็อยากรอเจ้า แต่ว่า….”
“ไม่เป็นอะไรหรอก”
ซูอู่พูดแทรกด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “นกที่ดีจะรู้จักเลือกกิ่งไม้พำนักนอน ท่านพี่เป็นอัจฉริยะที่หาตัวได้ยาก”
ก่อนที่จะทะลุมิติมาที่โลกใบนี้ ซูอู่เป็นนักฆ่าผู้ไม่มีญาติไม่มีคนรัก แม้กระทั่งเพื่อนเองก็ไม่มี ในตอนที่ตายนั้นนางไม่ได้เสียใจสักนิด
นักฆ่า มักจะถูกฆ่าเสมอ
นักฆ่าเข้าประมาเยือนเมื่อไหร่นั้น ก็ล้วนรู้ดีว่าโชคชะตาของตนเองเป็นอย่างไร
ทะลุมิติมาที่นี่อย่างทุกวันนี้ แล้วมีชีวิตใหม่ ซูอู่ในตอนนี้มีญาติสนิท มีเพื่อนแล้ว นางไม่กล้าใช้ชีวิตอย่างคนทั่วไป
คนมักมีความฝัน มีความมุมานะ แต่สิ่งนี้ไม่ใช่อุสาหะ
คนที่มีอุสาหะมากมายคนหนึ่ง จิตวิญญาณของตนเองและภายใต้ก้นบึ้งจิตใจก็จะค่อยๆ ถูกกลืนกินจนกลายเป็นความมืดมิด
ซูอู่ เป็นคนที่ถูกโชคชะตาได้กำหนดไว้แล้ว
ในฐานะที่เป็นตัวละครเอกในโลกใบหนึ่ง นางย่อมมีทัศนคติที่ถูกต้องสามประการ เป็นตัวอย่างของพลังงานบวกที่น่าส่งต่อให้
นางตื้นตันใจอย่างมากที่เสี่ยวไป๋ให้ตนมีวิชาฝึกฝน ในโลกที่ผู้อ่อนแอจะถูกผู้มีอำนาจรังแกใบนี้ นางจะไม่ไปรังควาญบุคคลที่อ่อนแอกว่า ในเวลาเดียวกันนางก็ไม่สามารถเป็นผู้อ่อนแอที่ถูกคนอื่นรังแกได้
นี่ คงเป็นเหตุผลที่แท้จริงที่นางอยากกลายเป็นคนที่เข้มแข็ง
คน ไม่ว่าเวลาใด ก็ล้วนพึ่งพาตนเองทั้งสิ้น
ซูอู่คาดเดาไว้นานแล้วว่าเสี่ยวไป๋คงไม่สามารถอยู่กับตนได้ไปทั้งชีวิต ใช่สิ โลกใบนี้ จะมีใครกันที่สามารถเคียงข้างนางได้จนถึงวันสุดท้าย
เมื่อคิดได้เช่นนี้แล้ว ใบหนเของซูอู่ก็ดูสับสนวุ่นวาย “เสี่ยวไป๋ แล้วพี่ใหญ่ของข้าล่ะ”
“นายท่านเขา…”
เสี่ยวไป๋ลังเลอยู่สักครู่ แล้วค่อยพูดออกมาแบบกระอักกระอ่วน “นายท่านและซูหว่านไปที่ฐานทัพนอกเมืองแล้ว เดือนนี้ ตระกูลซูมีเรื่องเกิดขึ้นนิดหน่อย อันที่จริงเรื่องมันเป็นเช่นนี้….”
เสี่ยวไป๋ค่อยๆ บอกเรื่องวิชาเคลื่อนวิญญาณกับซูอู่ ซูอู่ได้ยินคำพูดของเสี่ยวไป๋ก็ตกใจไปชั่วขณะ แล้วค่อยแย้มยิ้มบางๆ “เป็นเช่นนี้นี่เอง ท่านพี่ทำเช่นนี้ก็เพื่อให้เกิดผลประโยชน์ต่อแผ่นดินใหญ่”
ซูอู่ไม่เคยคิดมาก่อนว่าซูจั้นจะตัดสินใจทำในเรื่องที่ใหญ่โตเช่นนี้ได้ ถึงอย่างไรนางก็เห็นว่าวิชาเคลื่อนวิญญาณเป็นของล้ำค่าที่ไม่อาจให้คนอื่นใช้มันได้
แต่ว่าซูจั้นกลับปรารถนาให้ผู้คนใช้มันไปทั่วแผ่นดินใหญ่
ที่แท้จิตใจของตนก็ยังไม่แกร่งกล้าพอ!
เสี่ยวไป๋ “…”
ความจริงแล้วเจ้าเพียงมองไม่เห็นว่ามีความตั้งใจอันร้ายกาจแอบแฝงอยู่เบื้องหลังความชอบธรรมของไอ้หนุ่มบ้านเจ้าก็เพียงเท่านั้น~ ช่างน่าสงสารอะไรเช่นนี้นะ!
“เมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าก็จะไปฐานทัพนอกเมืองนั่น ข้าก็อยากเป็นสมาชิกในกลุ่มกองทัพใหญ่เหมือนกัน!”
ซูอู่คิดแล้วคิดอีก ในเมื่อวิชาเคลื่อนวิญญาณไม่ได้เป็นความลับอีกต่อไปแล้ว ตนเองก็สามารถฝึกฝนได้อย่างตรงไปตรงมาแล้ว เป็นเช่นนี้แล้วความจริงก็เป็นเรื่องที่ดีแล้วสิ ไม่ใช่หรือ
สำหรับการเลือกกระทำเช่นนี้ของซูอู่ ซูรุ่ยและซูหว่านสุดท้ายก็ไม่ได้แปลกใจอะไร
ต่อให้เป็นนางเอกของโลกใบหนึ่งแล้วอย่างไรล่ะ จิตใจของซูอู่แท้จริงแล้วเป็นคนใจกว้างมาก นางในโลกก่อนนั้นเป็นนักฆ่าที่โหดเหี้ยม แต่นางในโลกนี้เพียงต้องการอยากใช้ชีวิต
สำหรับคนเช่นนี้แล้ว ซูหว่านเกลียดไม่ลง ดังนั้นในตอนที่นางเริ่มวางแผนตั้งแต่คราแรก จึงไม่ได้ไปแตะต้องอะไรกับซูอู่มากนัก
อีกทั้งตอนนี้เมื่อได้เห็นว่าซูอู่ตั้งใจมาที่ฐานฝึก ซูหว่านก็เกิดความคิดใหม่ขึ้น
นางตัดสินใจว่าจะให้ซูอู่และซูชิงมารวมกลุ่มกัน!
ซูรุ่ย “…”
ภรรยา ตั้งแต่ตอนไหนกันนะ คุณที่ทำหน้าที่ทำลายความสัมพันธ์ กลายมาเป็นแม่สื่อที่เต็มใจจะเชื่อมความสัมพันธ์ให้คนอื่นกัน
แต่ว่านะ การเชื่อมความสัมพันธ์ให้กับศัตรูหัวใจอะไรพวกนั้น แม่ทัพซูคิดว่า เรื่องนี้ ก็ทำได้อยู่นะ!