ภารกิจขโมยใจ ผจญภัยต่างโลก - ตอนที่ 20 ฝืนชะตาคนไร้ค่า (20)
แสงอาทิตย์ตอนกลางวันช่างแสบตานัก การต่อสู้ที่นอกเมืองเหมยเท่อยังคงดำเนินต่อไป ขณะนี้ในค่ายของตระกูลซูมีกลุ่มคนมารวมตัวอยู่ตรงนี้กันเป็นกลุ่มใหญ่ เซียวเหยี่ยนและคนของราชวิทยาลัยนักอัญเชิญก็อยู่กันอย่างพร้อมเพียงกันอยู่ที่นี่
ตั้งแต่ช่วงเช้าจนมาถึงตอนนี้ก็ผ่านไปสองชั่วยามแล้ว ซากศพของสัตว์มารที่อยู่นอกเมืองก็ถูกกองขึ้นมาเป็นภูเขาขนาดย่อม แต่ชุดสีเงินบนร่างของซูรุ่ยกลับยังคงสะอาดเรียบร้อยไม่มีแม้แต่เศษฝุ่นผงติดอยู่บนเสื้อผ้า
จากความไม่เชื่อตั้งแต่คราแรก กลายเป็นความตื่นตะลึงในภายหลัง จนมาถึงตอนนี้ เหล่าลูกศิษย์จากราชวิทยาลัยนักอัญเชิญก็กลายเป็นชินชาไปเสียแล้ว
ให้ตายเถอะ นี่มันไม่ใช่ผู้ที่มีพรสวรรค์อะไรแล้ว แต่เป็นปีศาจสะท้านโลกาตนหนึ่งเลยต่างหาก~
การต่อสู้เพียงคนเดียวของซูรุ่ยไม่เพียงแต่ทำให้ลูกศิษย์จากสำนักศึกษานี้ตื่นตะลึงเพียงเท่านั้น แม้กระทั่งเหล่าผู้นำตระกูลที่ผลัดกันไปพักผ่อนหรือแม้แต่ท่านเจ้าเมืองหลงเชียนจั้น ก็ยังถูกเสียงโห่ร้องของคนตระกูลซูดึงดูดให้เข้ามาร่วมชมด้วย มองเห็นหนึ่งคนหนึ่งกระบี่นั้น กับซากศพที่เกลื่อนเต็มพื้นไปหมด สีหน้าของทุกคนที่นี่ก็อดที่จะเปลี่ยนสีไม่ได้
แน่นอนว่า เมื่อเทียบกับคนจากตระกูลอื่นที่มีความรู้สึกหลากหลายเต็มไปหมดแล้ว ภายในใจของคนตระกูลซูกลับมีแต่ความรู้สึกตื่นเต้นยินดี โดยเฉพาะนักอัญเชิญระดับต้นที่มาจากตระกูลสายรอง เพราะว่าซูรุ่ยเป็นผู้มอบวิชาเคลื่อนวิญญาณให้แก่พวกเขา ทำให้พวกเขามีโอกาสที่จะได้กลายเป็นนักอัญเชิญ กลายเป็นผู้ที่มีพลังแข็งแกร่ง และตอนนี้ ซูรุ่ยยังแสดงออกถึงความแข็งแกร่งของเขาต่อหน้าพวกเขาอีก
เงาร่างของผู้ชายคนนี้ ได้ประทับลงไปอยู่ในใจของทุกคนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว รวมไปถึงคนที่ในใจไม่ยอมรับว่าซูจั้นนั้นมีความสามารถมากอย่างซูชวน ก็ถูกเสน่ห์ของนายน้อยใหญ่ซูในตอนนี้ทำให้กลายเป็นแฟนพันธุ์แท้ไปอีกคน
ในขณะที่ทุกสายตาจับจองอยู่ที่ร่างของซูรุ่ยอย่างเป็นประกายอยู่นั้น กลับมีเพียงซูชิงที่มองไปยังซูหว่านอย่างเงียบๆ ตั้งแต่เช้าจนถึงตอนนี้ นางยังคงอยู่ในท่วงท่าเดิม ยืนนิ่งๆ อยู่ข้างกำแพง แต่สองตากลับไม่เคยละไปจากร่างของซูจั้นเลย
ไม่มีความรู้สึกยินดี ไม่มีความตื่นตระหนก และไม่มีความกังวลหรือตื่นเต้นใดๆ
สายตาของซูหว่านมองไปยังร่างของคนคนนั้นอย่างจดจ่อและอบอุ่นอยู่ตลอดเวลา ตั้งแต่เริ่มแรกจนถึงตอนสุดท้ายก็ยังคงยึดมั่นและเชื่อมั่นในตัวของเขา
นี่คือความรู้สึกที่พวกเขาทั้งสองคนมีให้แก่กันหรือ
ในชั่วเวลาหนึ่ง ซูชิงมีความรู้สึกสะเทือนใจและรู้สึกดีใจไปด้วยในขณะเดียวกัน
เมื่อดวงตะวันลาลับขอบฟ้าไป ทั่วทั้งบริเวณของเมืองเหมยเท่อก็ถูกย้อมไปด้วยแสงสีแดงจากขอบฟ้า ทั่วทั้งฝั่งตะวันออกของเมือง มีเพียงซูรุ่ยที่ยืนสงบนิ่งอยู่ตรงนั้น ใต้ฝ่าเท้าของเขาเต็มไปด้วยซากศพนับร้อย
คำกล่าวที่ว่าสิบก้าวฆ่าหนึ่งคน พันลี้ไม่เหลือทาง นั้นเทียบไม่ได้กับสิ่งนี้
ภายใต้แสงสนธยา ซูรุ่ยค่อยๆ หมุนตัวกลับมา ดวงตาที่มีเสน่ห์ล้ำลึกของเขา ค่อยๆ สบเข้ากับดวงตาของซูหว่าน ทั้งสองคนมองสบตากันอยู่นาน จนกระทั่งร่างของซูรุ่ยลอยขึ้นไปบนอากาศอีกครั้ง รอบตัวเขามีพลังวิญญาณหมุนวนไปมา เมฆวิญญาณเหนือศีรษะของเขาลอยเข้ามารวมกันอย่างรวดเร็ว นี่คือ…ปรากฏการณ์ที่จะเลื่อนระดับเป็นนักอัญเชิญระดับสูง!
เมฆวิญญาณก้อนแล้วก้อนเล่ามารวมตัวกันกลายเป็นระเบิดวิญญาณขนาดใหญ่ครอบคลุมไปทั่วทั้งผืนฟ้าของเมืองเหมยเท่อ และกระจายไปทั่วทุกสารทิศอย่างไม่หยุดยั้ง ในตอนนี้ แรงกดดันจากพลังวิญญาณที่แผ่ลงมาจากบนท้องฟ้า ทำให้เหล่าสัตว์มารที่อยู่รอบตัวเมืองเหมยเท่อต่างถอยร่นออกไปกันทั้งหมด!
ขณะนี้ การต่อสู้ของทั้งสามทิศถูกบังคับให้หยุดชะงักไป เหล่าสัตว์มารที่เริ่มมีสติปัญญาขั้นต้นเริ่มพากันถอยหลังหนีออกไป
ซูจั้น ถึงกับเลื่อนระดับพลังเป็นนักอัญเชิญระดับสูงในสนามรบ!
ผู้คนในเมืองเหมยเท่อต่างก็บ้าคลั่งกันไปหมดแล้ว และเหล่าลูกศิษย์ของราชวิทยาลัยนักอัญเชิญถึงกับมึนงงกันไปหมดเช่นกัน แม้กระทั่งคนที่ไม่เคยเห็นซูรุ่ยอยู่ในสายตาอย่างศิษย์พี่อวิ๋นหลิง ขณะนี้ก็จ้องมองไปยังร่างที่ยืนตรงอย่างสง่าผ่าเผยอยู่ใต้ระเบิดวิญญาณอย่างไม่เชื่อสายตา ด้วยสีหน้าที่ขาวซีดไปหมด
นี่มัน เป็นไปได้อย่างไร
เขาเพิ่งจะอายุยี่สิบปี จะเลื่อนระดับพลังเป็นนักอัญเชิญระดับสูงเร็วขนาดนี้ได้อย่างไรกัน
เขายังเป็นคนอยู่หรือนี่
ซูหว่าน “…”
ขณะนี้ซูเสี่ยวหว่านก็มึนงงไปหมดแล้วเหมือนกัน
แม่ทัพซู จริงๆ แล้วนายก็คือพระเอกที่หลบซ่อนอยู่ของโลกนี้ใช่ไหมเนี่ย หืม
ตัวช่วยของนายนี่มันจะเหนือชั้นเกินไปหรือเปล่า
ซูรุ่ย “…”
ให้ตายเหอะ ตัวฉันเองก็รู้สึกมึนงงไปหมดแล้วเหมือนกันนะ
ในสายตาของคนภายนอก นายน้อยใหญ่ซูผู้ที่มาเหนือฟ้า ราศีเหนือคน ผู้ยืนอยู่ภายใต้ระเบิดวิญญาณในขณะนี้ ถึงแม้ว่าภายนอกยังคงความสุขุมเอาไว้ได้ แต่ในใจกลับมีความรู้สึกเซ็งไปหมด
ในตอนนี้เอง ในที่สุดซูรุ่ยก็เข้าใจแล้วว่าทำไมตัวเองถึงได้กลายเป็นซูจั้นในภารกิจครั้งนี้
ตามหลักการของเนื้อเรื่องเดิมแล้ว ซูจั้นกับซูอู่เป็นพี่น้องท้องเดียวกัน จะเป็นพระรองคลั่งรักน้องสาวได้อย่างไร
ที่แท้แล้วมันมีเนื้อเรื่องที่ซ่อนเงื่อนอยู่นี่เอง ซูจั้นอันที่จริงแล้วเขาไม่ใช่ ‘ซูจั้น’ เมื่อสามปีก่อนตอนที่ซูจั้นที่แท้จริงไปฝึกหาประสบการณ์ในเทือกเขาลั่วรื่ออยู่นั้น เขาประสบเข้ากับพายุห้วงมิติเข้า เมื่อตอนที่ซูเลี่ยงมาพบเขา ก็ใกล้จะหมดลมหายใจแล้ว ต่อมาซูเลี่ยงก็พาซูจั้นไปพักรักษาตัวอยู่ในถ้ำแห่งหนึ่ง ในตอนนั้นเอง อันที่จริงซูจั้นตัวจริงได้ตายไปแล้ว แล้ว ‘ซูจั้น’ ที่ถูกซูเลี่ยงช่วยชีวิตกลับมา จริงๆ แล้วเป็นใครอีกคนหนึ่งที่จำแลงกายมา
คนคนนี้ก็คือคนที่ริเริ่มทำให้เกิดพายุห้วงมิติในครั้งนั้น เขาเก็บซ่อนกลิ่นอายและพลังของเขาเอาไว้ แล้วใช้การข้ามมิติส่งตัวเองมายังแผ่นดินใหญ่ตงชวน เขา ผู้ที่มาจากห้วงลึกอเวจี เป็นราชันของเผ่ามาร!
นี่มันเป็นเนื้อเรื่องอะไรของเขากันเนี่ย
ถึงว่าสิทำไมการเลื่อนระดับพลังของเขามันถึงได้ราบรื่นแบบนี้ ในร่างกายเหมือนมีพลังวิญญาณที่ใช้ได้ไม่มีหมดเลย
แม่ทัพซูเองก็มึนไปหมดแล้วเหมือนกัน ไอ้เนื้อเรื่องซ่อนเงื่อนอะไรแบบนี้ ตอนที่ฝ่ายข้อมูลเขาจัดการเอกสารทำไมถึงไม่ส่งมาให้ด้วยเลยนะ
ยังจะต้องมา ‘เลื่อนระดับพลังถึงขั้นนักอัญเชิญระดับสูงแล้วค่อยมาปลดความทรงจำอัตโนมัติ’ อะไรแบบนี้ ไม่โดนบ่นสักหน่อยพวกคุณจะไม่สบายใจกันใช่ไหม
เอาเถอะ มาถึงตอนนี้แล้ว แม่ทัพซูเองก็ได้แต่ทำใจยอมรับ การเป็นพระรองคลั่งรักจะมีเนื้อเรื่องที่ออกจะพิสดารแบบนี้ก็ดูจะเป็นเรื่องที่พบเจอได้ทั่วไป
ราชันจอมมารอะไรนี่ คิดๆ ดูแล้วก็ไม่เลวเหมือนกันนะ
ในระหว่างที่ซูรุ่ยยกมือขึ้นมา ปล่อยพลังมารออกมาเล็กน้อย กระบี่จื่อหมิงที่อยู่ในมือก็พุ่งทยายขึ้นไปบนท้องฟ้า ไอพลังสีม่วงที่วนอยู่รอบตัวกระบี่ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีดำ ไอพลังชั่วร้ายสีม่วงเข้มจนดำได้พุ่งทยานทะลุชั้นระเบิดวิญญาณขึ้นไปบนท้องฟ้าอย่างรวดเร็ว…
เลื่อนระดับสำเร็จแล้ว!
เคียวสีดำสนิทเล่มหนึ่งตกลงมาจากบนท้องฟ้า
เคียวมรณะ!
ศาสตราเทพประจำกายของเทพแห่งความตายในยุคโบราณกาล !
ในเมืองเหมยเท่อ ในชั่วขณะที่ซูรุ่ยปล่อยไอมารออกมานั้น เสี่ยวไป๋ก็รีบวิ่งออกมาจากห้องอย่างรวดเร็ว มันแหงนหน้ามองไปยังท้องฟ้าที่เปลี่ยนสีไปแล้วโดยสัญชาตญาณ
กลิ่นอายแบบนี้ ความรู้สึกแบบนี้มันคือ…
คือมาร?
ยังไม่ทันที่เขาจะมีการตอบสนองอะไร ก้อนเมฆบนท้องฟ้าก็สลายตัวออกไป เคียวของเทพแห่งความตายปรากฏตัวขึ้น รับรู้ได้ถึงความรู้สึกของกลิ่นอายของความสิ้นหวังที่รุนแรง เสี่ยวไป๋อดไม่ได้ที่จะก้าวถอยหลังไปอีกหลายก้าว เป็นใคร ใครกันที่สามารถเรียกศาสตราเทพโบราณออกมาแบบนี้ได้
นี่มันไม่เหมือนกันกับศาสตราเทพที่มีอยู่บนผืนแผ่นดินตงชวนแห่งนี้เป็นแน่ นี่คืออาวุธที่องค์เทพตัวจริงเคยใช้มาก่อนจริงๆ
ในชั่วพริบตาที่เคียวมรณะปรากฏกายขึ้น ณ ที่ห่างไกลบนเทือกเขาลั่วรื่อ ชายหนุ่มที่มีผมสีทองยาวเคลียไหล่ก็กระอักเลือดออกมาอย่างรุนแรง สีหน้าซีดเซียวไร้สีเลือด
“ท่านราชัน ท่านเป็นอะไรไป”
สัตว์มารระดับสูงรอบข้างต่างก็รายล้อมเข้ามา มองดูชายผมสีทองที่นั่งขัดสมาธิอยู่ในวงเวทส่งตัวด้วยสายตาเป็นห่วง
“เป็นเทพ ไม่สิ เป็นมาร!”
นัยน์ตาสีทองของชายหนุ่มฉายแววกังวลขึ้นมา เขาใช้เลือดของตัวเองเขียนอักขระสีทองหลายสายลงไปบนวงเวทส่งตัว หลังจากที่เขาได้กล่าวเสียงทุ้มต่ำไปหนึ่งคำ เหล่าสัตว์มารที่ล้อมอยู่ที่รอบเมืองเหมยเท่อต่างก็รีบถอยร่นออกไปราวกับคลื่นน้ำ
มาเอาเปรียบกันแล้วคิดที่จะหนีหรือ
ซูรุ่ยที่อ่านความคิดของอีกฝ่ายออกตอนนี้กำเคียวของเทพแห่งความตายในมือเอาไว้แน่นๆ ตอนนี้ร่างของเขาลอยขึ้นไปบนอากาศอีกครั้ง ภายในดวงตาสีดำมีไอสีม่วงแห่งมารฉายประกายออกมา “ไหนๆ ก็มาแล้ว ก็จงอยู่ที่นี่ต่อไปเถอะ!”
ไม่ว่าแกจะเป็นใคร ฉันก็จะทำให้แกรู้เอาไว้ว่า เมืองเหมยเท่อ ไม่ใช่ใครก็มีสิทธิ์ที่จะมาแตะต้องได้
เมื่อเคียวมรณะได้ตวัดลงไป กลิ่นอายสีดำของความตายได้แผ่ปกคลุมไปทั่วท้องฟ้าของเมืองเหมยเท่อในรัศมีร้อยลี้
ประกายแสงสีดำสว่างวาบขึ้นมาเพียงชั่วครู่ กองทัพสัตว์มารที่อยู่นอกเมืองทั้งหมดก็กลายเป็นโครงกระดูกสีขาวไปในชั่วพริบตา และชายหนุ่มผมสีทองที่อยู่ห่างไกลออกไปยังเทือกเขาลั่วรื่อ ก็ถูกแสงสีดำที่แผ่ออกมาจากวงเวทส่งตัวทำร้ายเข้าจนกระอักเลือดสีทองออกมาอีกครั้ง…
เมื่อแสงสีดำจายหายไป สีสันบนผืนแผ่นดินนี้ก็กลับคืนไปสู่ธรรมชาติของตนเองตามเดิม ผู้คนที่อยู่ในเมืองเหมยเท่อต่างก็มองดูโครงกระดูกสีขาวที่อยู่นอกตัวเมืองด้วยอาการตาค้างกันไปหมด
แค่กระบวนท่าเดียวก็สามารถสังหารสัตว์มารได้ทั้งหมด นายน้อยใหญ่ซู นี่ท่านเป็นตัวระเบิดน้อยหรือไร
อีกอย่าง ที่สำคัญที่สุดคือ ให้ตายเถอะ ท่านยังจะเอากระดูกมาจัดเรียงกันใหม่อีกด้วย จัดเรียงเป็นรูปหัวใจอีกต่างหาก นี่ท่านแสดงพลังเสร็จแล้วจะมาแสดงความรักหวานแววอีกหรือ ท่านเคยคิดบ้างไหมว่าหัวใจดวงน้อยๆ ของคนธรรมดาอย่างพวกเราจะทำใจยอมรับได้หรือเปล่า