ภารกิจขโมยใจ ผจญภัยต่างโลก - ตอนที่ 7 ไม่พึ่งทักษะการแสดง พึ่งพิงคนจ่ายเงิน (7)
เมื่อหนังสือพิมพ์รายใหญ่ทุกเจ้ารายงานและคาดเดาเรื่องราวเบื้องลึกของการบอกเลิกสัญญาของซูหว่านและซินอวี่รวมถึงใครจะเป็นเจ้านายคนใหม่ของเธอ จู่ๆ แอปเปิ้ลเดลี่ก็เผยแพร่ภาพถ่ายความสัมพันธ์ใกล้ชิดของซูหว่านและเยี่ยเส่าฉวิน ในรูปภาพทั้งสองคนยืนใกล้กันมาก และสีหน้าท่าทางดูมีความสุขเป็นพิเศษ สิ่งที่ทำให้คนสนใจมากที่สุดคือชุดที่ซูหว่านสวมใส่เป็นชุดสีแดงตัวเดียวกับชุดที่เธอใส่ในวันงานแถลงข่าวรอบสื่อมวลชนนั้น และข้างกายของเธอเยี่ยเส่าฉวินก็ใส่ชุดสีแดงทั้งตัวเช่นกัน เห็นได้ชัดว่าเป็นชุดคู่ขนาดนี้จะไม่ให้คนจินตนาการเช่นนั้นคงยากนัก
[เกาะคนรวยกินแล้วทิ้งเจ้านายเก่าราวกับขยะอย่างโหดร้าย!]
พาดหัวข่าวของแอปเปิ้ลเดลี่นั้นพุ่งเข้าตรงเป้า และเนื้อหาค่อนไปทางการดูถูกถากถางเสียดสีอย่างโหดร้ายว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมาซูหว่านพึ่งพาซินอวี่และหลูจวิ้นตั้งแต่เพิ่งเริ่มเข้าวงการทำให้เส้นทางของเธอสะดวกราบรื่น แต่ตอนนี้หลังจากที่เธอโดยหลูจวิ้นทิ้งอย่างโหดร้าย ก็ไปเกาะเยี่ยเส่าฉวินผู้รุ่มรวยซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีในแวดวงด้วยความรวดเร็ว ยิ่งกว่านั้นเธอก็ยังไม่คิดถึงไมตรีจิตที่มีต่อกันมาหลายปีและยังบอกเลิกสัญญากับซินอวี่เพียงฝ่ายเดียว…
สรุปแล้ว แอปเปิ้ลเดลี่พูดถึง ‘บาปเจ็ดประการ’ ของซูหว่านและกล่าวโทษเธอในทุกๆ คำ
“พี่ซูหว่าน พี่เห็นหนังสือพิมพ์แล้วยัง”
ตอนที่อู๋ถงโทรเข้ามา ซูหว่านเพิ่งจะตื่นนอน เธองุนงงและรับสายไปพลาง สวมเสื้อไปพลาง “เกิดอะไรขึ้น”
“แอปเปิ้ลเดลี่ตีพิมพ์ภาพถ่ายของพี่กับเยี่ยเส่าฉวิน ตอนนี้บนโลกอินเตอร์เน็ตวุ่นวายไปหมดแล้ว มากกว่านั้นยังมีพวกแอคลับในเน็ตปล่อยข่าวลือว่าพี่คบซ้อนกับเยี่ยเส่าฉวินตอนที่ยังคบอยู่กับหลูจวิ้นอีกด้วย”
“โอ้”
ซูหว่านสวมเสื้อเสร็จแล้ว ส่องกระจกมองหน้าตัวเองหลายรอบ ยังดีอยู่ ยังดีอยู่ หน้าสดก็ยังสวยนะเนี่ย
ในโลกใบนี้ ในที่สุดเธอก็แก่กว่าแม่ทัพซูสักครั้ง ซูเสี่ยวหว่านรู้สึกกดดันมาก ความรักระหว่างพี่สาวและน้องชายอะไรกัน มันดูไม่ดีเลยถ้าหากหน้าตาเธอดูแก่กว่า
“อู๋ถง ฉันจำได้ว่าแฟนของนายขายเครื่องสำอางใช่ไหม มีมาส์กหน้าอันไหนที่ใช้ดีจะแนะนำบ้างหรือเปล่า”
อู๋ถงพูดไม่ออก…
พี่ซูหว่าน พี่แน่ใจเหรอว่าสมองกลับมาเป็นปกติครบถ้วนแล้ว
มาส์กหน้า? พี่ยังมีอารมณ์จะมาส์กหน้าอีกเหรอ ความนิยมและภาพลักษณ์ที่ดีที่ในที่สุดเราฟื้นตัวกลับมาอย่างยากลำบาก ตอนนี้ถูกพวกเขาฟาดกลับไปแล้ว
“พี่ซูหว่าน พี่ว่าพวกเราควรจะ…”
“อู๋ถง”
ซูหว่านขัดจังหวะอู๋ถงขึ้นมาอีกครั้ง “นายอยู่กับฉันมาสิบปีแล้วใช่ไหม ในวงการบันเทิงนี้นายยังไม่เข้าใจอีกเหรอ ทนรับกับคำดูหมิ่นได้มากแค่ไหน ก็ได้รับความชื่นชมมากเท่านั้น ฉันพี่ซูหว่านของนายเนี่ย ภายนอกเป็นเทพธิดาแต่มีใจแข็งแกร่งเหมือนชายฉกรรจ์อย่างแน่นอน นายก็หัดปล่อยวางหัวใจร้อยยี่สิบดวงของนายลงบ้างนะ สองสามวันนี้นายก็ไปกระชับความสัมพันธ์กับแฟนสาวตัวน้อยของนายสักหน่อย หลังจากสองสามวันนี้พวกเราก็จะกลับมายุ่งอีกแล้ว!”
ที่เรียกว่าคนที่อยู่ในสนามแข่งจะมองไม่สถานการณ์ออก แต่คนที่อยู่นอกสนามจะมองเห็นได้ทะลุปรุโปร่ง ที่ผ่านมาซูหว่านเอาตัวเองออกมาเป็นผู้ชมข้างสนามของโลกนี้เสมอ ในความเห็นของเธอ ซูหว่านเจ้าของเดิมมีจุดจบที่น่าสังเวชในตอนท้าย นอกเหนือจากการคำนวณของหลูจวิ้นแล้ว มันยังเกี่ยวกับความคิดของเธอเองอีกด้วย เธอไม่รับมือต่อความพ่ายแพ้และผลกระทบของการใช้ทางลัดของเธอ แต่บนโลกใบนี้ จะมีทางลัดมากมายขนาดนั้นได้ยังไงกัน
หลังจากวางสายแล้ว ซูหว่านก็ทำความสะอาดห้องตัวเองเล็กน้อย และเดินเข้าไปในครัวพร้อมทั้งทำอาหารเช้าให้ตัวเอง ขณะที่ยังทานอาหารไม่เสร็จดี ก็มีโทรศัพท์เข้ามาอีก ครั้งนี้เป็นเบอร์ที่ไม่คุ้นเคย
ซูหว่านลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่สุดท้ายก็ยังกดปุ่มรับสาย
“ซูเสี่ยวหว่าน ช่วยด้วย!”
เสียงร้องไห้คร่ำครวญราวกับผีของเยี่ยเส่าฉวินดังลอดสายมา “ตอนนี้เธออยู่ที่ไหน ฉันจะไปหาเธอ เธอช่วยพูดกับพี่ใหญ่ของฉันหน่อย ว่าฉันกับเธอไม่ได้ทำอะไรอย่างนั้นจริงๆ! ฉันสาบานกับฟ้าดินเลยว่าฉันไม่ได้คิดอะไรกับเธอเลย! แต่พี่ใหญ่ของฉันก็ไม่เชื่อ เขายืนกรานจะกักบริเวณฉัน!”
ซูหว่านชะงักงัน…
เธอเกือบจะลืมไปแล้วว่า ตระกูลเยี่ยนี้ยังมีคุณชายใหญ่อีกคน และคุณชายใหญ่ตระกูลเยี่ยเป็นนายทหารด้วย!
“ซูหว่านเหรอ สวัสดี! ผมคือเยี่ยเส่าหนิง”
ทันใดนั้นก็มีเสียงทุ้มต่ำเย็นชาของผู้ชายดังออกมาทางโทรศัพท์ในเวลานี้ แม้จะไม่เห็นผู้พูด ซูหว่านก็สามารถนึกภาพออก ในเวลานี้เยี่ยเส่าหนิงที่อยู่ปลายสายอีกฝั่งของโทรศัพท์จะต้องยืนหลังตรงมากและใบหน้าเคร่งขรึมแน่ๆ
“พี่ใหญ่เยี่ยสวัสดีค่ะ! ข่าวบนหนังสือพิมพ์พี่เห็นหมดแล้วเหรอ นั่นเป็นแค่ข่าวที่แอปเปิ้ลเดลี่เขียนจากการดูภาพเท่านั้น พี่ใหญ่เยี่ยพี่อย่าไปสนใจเลยค่ะ วันนั้นพี่รองเยี่ยแค่ทักทายกับฉันเฉยๆ เท่านั้นเอง”
ซูหว่านรู้สึกว่าเธอต้องอธิบายอย่างง่ายๆ สักหน่อย เพราะว่าเยี่ยเส่าหนิงคนนั้นก็เป็นคนหัวดื้อคนหนึ่ง
“เรื่องนี้ผมรู้แล้ว ผมจะติดต่อกับสำนักพิมพ์นั้นผ่านช่องทางของผม สำหรับเจ้ารอง ปัญหาของเขาค่อนข้างร้ายแรง แต่คุณซูหว่านไม่ต้องสนใจเขาหรอก อีกอย่าง เจ้าสามฝากผมมาบอกคุณว่า เขาขอให้คุณรอเขาสามวัน หลังจากสามวันแล้ว เขาจะกลับมาแน่นอน!”
พูดจบแล้ว เยี่ยเส่าหนิงก็วางสายโดยไม่ลังเล
ซูหว่านตั้งตัวไม่ทัน
พี่ใหญ่ ที่แท้พี่ก็ทำอะไรรวดเร็วเฉียบขาด เป็นแบบอย่างของนายทหารอาวุโสให้กับฉันจริงๆ…
เวลานี้ ในบริเวณบ้านตระกูลเยี่ย…
หลังจากที่เยี่ยเส่าหนิงที่อยู่ในเครื่องแบบทหารวางสายลง เขาก็จ้องมองไปยังน้องชายตัวเองด้วยสายตาลึกลับ “นายโทรไปหาคุณหนูซูหว่านก็ไม่มีประโยชน์อะไร ถ้าไม่ใช่เพราะหนังสือพิมพ์ลงภาพถ่ายเมื่อวาน ฉันก็คงไม่รู้ว่าเรื่องสำคัญที่นายขัดคำสั่งทหารไปเมื่อวานจะเป็นการที่นายไปมั่วสุมกับนางแบบคนหนึ่งที่โรงแรมนานาชาติ เยี่ยเส่าฉวินนายคืบหน้าขึ้นแล้วจริงๆ สินะ!”
เยี่ยเส่าฉวินหมดคำจะพูด
ขัดคำสั่งทหารอะไรกัน นี่พี่เห็นฉันเป็นทหารในกำมือจริงเหรอเนี่ย
ก็พี่เป็นซะอย่างเนี่ย ไม่แปลกใจเลยที่พี่อายุสามปีกว่าแล้วก็ยังไม่เจอคนรัก พี่ต้องอิจฉาแน่ๆ อิจฉาที่ฉันคุณชายรองแห่งตระกูลเยี่ยถูกรายล้อมไปด้วยเหล่าสาวงามที่แสนอ่อนโยน
“ฉันรู้นะว่านายคิดอะไรอยู่ อย่าคิดว่าใครๆ เขาก็อิจฉานายเลย”
เยี่ยเส่าหนิงเหลือบมองน้องชายตัวเองแล้วค่อยๆ พับแขนเสื้อขึ้น
เยี่ยเส่าฉวิน “พี่ พี่เป็นพี่แท้ๆ ของฉันนะ! พี่จะทำอะไรน่ะ พี่กักบริเวณฉันเหมือนเดิมยังดีกว่า! สามวัน ไม่ อาทิตย์หนึ่งก็ได้นะ!”
“ข้อเสนอไม่เป็นผล!”
เยี่ยเส่าหนิงยกมือขึ้นและดึงปกเสื้อของเยี่ยเส่าฉวินแล้วเดินไป “ไปที่ห้องซ้อมชั้นสอง ฉันจะดูว่าทักษะการต่อสู้ของนายถดถอยลงหรือเปล่า ฉันยอมใช้มือเดียว ถ้านายไม่ชนะฉันนายก็ห้ามออกมา!”
เยี่ยเส่าฉวินตกตะลึง
นี่ฉันถูกตัดสินจำคุกตลอดชีวิตแล้วเหรอ
น้องสาม นายรีบกลับมาเถอะ~ ฉันคนเดียวรับมือไม่ไหว~
ซูหว่านย่อมไม่รู้เรื่องการกู้ชื่อเสียงของเยี่ยเส่าฉวินที่ใกล้เคียงกับคำว่า ‘โหดร้ายทารุณอย่างยิ่ง’ เลย เธอเพียงได้ยินผ่านทางโทรศัพท์ว่าเยี่ยเส่าหนิงกำลังจะไปคิดบัญชีกับแอปเปิ้ลเดลี่ ซูหว่านก็ตัดสินใจจะสั่งขี้ผึ้ง (เพื่อรักษาบาดแผล) ให้แอปเปิ้ลเดลี่ในใจทันที ต้องรู้ว่าสไตล์ของพวกทหารนั้นเรียบง่ายและป่าเถื่อน เยี่ยเส่าหนิงเป็นหนึ่งในทหารชั้นเยี่ยม เมื่อโดนเขาจ้องมองแล้ว เช่นนั้นก็เตรียมตัวเผชิญกับสิ่งเลวร้ายได้เลย
ดูเหมือนว่าครั้งนี้เธอจะไม่ต้องลงมือต่อเองแล้ว ซูหว่านทิ้งเรื่องของแอปเปิ้ลเดลี่ไปและจดจ่อกับแผนขั้นต่อไป
หลูจวิ้น เธอต้องจัดการกับเขาแน่นอน แต่เย่ชิงล่ะ
ในเมื่อหลูจวิ้นต้องการช่วยให้เย่ชิงตระหนักถึงความฝันในการเป็นราชินีวงการบันเทิงของเธอ งั้นซูหว่านก็จะทำให้เขาต้องเหนื่อยเปล่าเหมือนตักน้ำใส่ตะกร้าไม้ไผ่
หลูจวิ้นนอกจากเรื่องรวยแล้ว ดรรชนีทองคำที่ยิ่งใหญ่ที่สุดก็คือได้กลับมาเกิดใหม่อีกครั้ง โครงเรื่องที่แสนคุ้นเคยนี้ยอดเยี่ยมไหมล่ะ
ซูเสี่ยวหว่านจะแสดงออกให้เห็นว่าเธอรู้เรื่องต่างๆ มากกว่าเขา
เช่นนั้น ครั้งนี้พวกเรามาใช้ดรรชนีทองคำกันเถอะ อนาคตจะเป็นยังไง ใครจะรู้ได้นะ!
……
หลังจากวันแห่งความสงบสองวันผ่านไปแล้ว เรื่องของซูหว่านและเยี่ยเส่าฉวินยังไม่ทันซาลง แอปเปิ้ลเดลี่ก็ประกาศล้มละลายแล้ว หลังจากที่รู้ว่าผู้จัดการเบื้องหลังทุกอย่างคือตระกูลเยี่ย สื่อรายใหญ่ต่างก็หันปลายกระบอกปืน โดยกล่าวหาแอปเปิ้ลเดลี่ว่าเปลี่ยนขาวให้เป็นดำ ละเลยจรรยาบรรณวิชาชีพ และยังใช้ข้อมูลเท็จใส่ร้ายป้ายสีศิลปิน สรุปแล้ว เพื่อนร่วมงานในอุตสาหกรรมทุกคนเชื่อเสมอมาว่า สำนักพิมพ์ระดับล่างและไม่มีศีลธรรมประเภทนี้ควรปิดตัวไปตั้งนานแล้ว!
ที่พูดกันว่า เมื่อตกต่ำลง พวกที่เคยใกล้ชิดก็พากันตีจาก ก็ยังเทียบไม่ได้กับตอนนี้
ที่จริงแล้วครั้งนี้ซูหว่านเองก็ไม่ได้จริงจังกับมันมากนัก เธอกำลังคิดจะใช้เหตุการณ์นี้สังเกตดูปฏิกิริยาของสื่อหลักต่างๆ ยังดีที่หลี่เหวยอีไม่ทำให้ซูหว่านผิดหวัง ครั้งนี้ตั้งแต่ต้นจนจบ หลี่เหวยอียืนอยู่ข้างซูหว่านตลอดและคอยช่วยแก้ต่างให้เธอ
ชายผู้ทะเยอทะยานและเจ้าเล่ห์คนนี้สมควรได้รับตำแหน่งหัวหน้าของซวี่รื่อจริงๆ เขายังคงแสวงหาผลประโยชน์ แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าผลประโยชน์แล้วเขาเป็นคนที่มองการณ์ไกลมากกว่าใคร ถ้าคนนี้เกิดในยุคที่ยากลำบาก เขาคงได้เป็นวีรบุรุษแน่ๆ ตอนนี้เป็นได้เพียงนักข่าวบันเทิงคนหนึ่ง ช่างน่าเสียดายจริงๆ~
……
ในช่วงกลางดึก ความเร่งรีบและคึกคักของเมืองก็ค่อยๆ สงบลง
ซูหว่านที่กลับมาตัวเบาอิสระราวกับไม่มีสิ่งใดต้องทำ สองสามวันมานี้เธอชินกับชีวิตการนอนเร็วตื่นเช้าแล้ว เมื่อมีโทรศัพท์ดังเข้ามาตอนกลางดึก เธอพลิกตัวบนเตียงไปมาหลายครั้ง คลำหาโทรศัพท์ที่ข้างเตียงอย่างเกียจคร้าน
“ฮัลโหล”
เสียงที่เกียจคร้านและสับสนทำให้คนอีกฝั่งที่อยู่ปลายสายใจสั่น
“ภรรยา เปิดประตูให้ผมหน่อย”
ซูหว่านชะงักไปครู่หนึ่ง…
“คุณกลับมาแล้ว?”
ซูหว่านลุกขึ้นจากเตียงทันที ตอนนั้นเยี่ยเส่าหนิงบอกซูหว่านให้เธอรอสามวัน แต่ตอนนี้ยังไม่ทันพ้นกลางดึกของวันที่สองเลย ดังนั้นซูหว่านจึงตกตะลึงทันทีที่ได้ยินเสียงของซูรุ่ย ทันใดนั้นเธอก็รีบกระโดดลงจากเตียงพุ่งออกจากห้องนอนไปเปิดประตูใหญ่ของคอนโด โถมตัวเข้าใส่ลมหายใจที่คุ้นเคย
ซูรุ่ยสวมเสื้อกันลมสีดำ พร้อมกระเป๋าเดินทางข้างๆ เท้า ดูเหมือนว่าเขาจะตรงมาที่นี่ทันทีที่เขาลงจากเครื่องบิน
“ยินดีต้อนรับกลับบ้าน”
ซูหว่านมองไปยังชายคนนั้นที่ประตู เธอกางแขนทั้งสองข้างออกพร้อมกับยิ้มตาหยี
“อืม ผมกลับมาแล้ว” ซูรุ่ยยิ้มและกอดซูหว่านไว้
คนสองคน บ้านหลังเดียว
ความสุขเล็กๆ น้อยๆ เช่นนี้ แต่จะมีสักกี่คนที่ไม่หามันไม่เจอหลังจากความยากลำบากมาทั้งชีวิต