ภารกิจขโมยใจ ผจญภัยต่างโลก - ตอนที่ 13 สามสามี สี่ผู้รับใช้ (13)
วันที่ยี่สิบเก้า เดือนสี่ วันวิวาห์ของซูม่าน วันอภิเษกสมรสของจักรพรรดินี บรรยากาศคึกคักยิ่ง
ตามกฎมณเฑียรบาลของแคว้นหลวนเฟิ่ง พิธีแต่งพระสวามีเข้าวังของจักรพรรดินีนั้น เริ่มตั้งแต่เช้าจวบจนพลบค่ำจึงสิ้นสุดพิธี ซึ่งการเป็นเจ้าบ่าวในพิธีวิวาห์อันยิ่งใหญ่นี้ เย่ว์ชิงต้องอยู่ในจวนจ่างกงจู่
ไม่ผิด เขาเคยเป็นคนในจวน ดังนั้นจวนจ่างกงจู่ก็คือบ้านมารดาของเขา แม้ซูม่านกับซูหว่านไม่ถูกกัน แต่ซูหว่านได้มอบอำนาจองครักษ์ลับให้แล้ว เมื่อนางยืนยันว่าต้องส่งเย่ว์ชิงออกเรือนให้ได้ ซูม่านย่อมต้องคล้อยตาม ดังนั้นเกี้ยวหลวงที่ออกจากพระราชวังในครั้งนี้ จะตรงดิ่งมารับเจ้าบ่าวที่จวนจ่างกงจู่
อันที่จริง ซูม่านก็อยากลองใจซูหว่านดู ถ้าซูหว่านมีกลอุบายอะไรจริง ตอนนี้ก็น่าจะเผยให้เห็นหางจิ้งจอกได้แล้ว
ขณะเดียวกัน เมื่อแสงรุ่งอรุณปรากฏ ทั่วทั้งจวนกงจู่ ก็มีแต่สีแดงเฉลิมฉลองวันมงคลเต็มไปหมด
เย่ว์ชิงสวมชุดเจ้าบ่าวสีแดงสด เดิมทีเขานั่งเงียบๆ อยู่ในห้อง แต่จู่ๆ ด้านนอกก็มีเสียงพิณอันไพเราะจับใจดังมา นี่คือ…
พอได้ยินเสียงพิณที่คร่ำครวญอย่างโศกาอาดูร ความคิดจิตใจของเย่ว์ชิงก็หวั่นไหววาบ ลุกขึ้นยืนตามสัญชาตญาณ แล้วผลักประตูออก
สายลมฤดูใบไม้ผลิปะทะใบหน้า ดอกไม้ใบไม้พากันร่วงหล่น
ภายใต้หิมะสีขาวโพลน ดอกหลี (ดอกแพร์) สีขาวบริสุทธิ์บานสะพรั่งเต็มต้น ซูหว่านแต่งกายเรียบง่ายในชุดลายหงส์สีแดงสด ตาหงส์หลุบลงเล็กน้อย นางกำลังบรรเลงพิณอยู่ใต้ต้นไม้ เสียงพิณอันเศร้าสร้อยค่อยๆ ดังจากหลังจวน และกระจายไปทั่วทั้งจวน สะท้อนไปมาอยู่ในถนนอันเงียบสงบ
ท่วงทำนองรันทดเกินไปจริงๆ และเย่ว์ชิงก็ไม่เคยได้ยินใครเล่นเพลงนี้มาก่อน เขาจึงฟังจนเคลิบเคลิ้มชั่วขณะ
รอจนสิ้นเสียงพิณ ลมฤดูใบไม้ผลิก็พัดมาเบาๆ
พอเย่ว์ชิงได้สติ ก็เห็นสาวงามที่ใต้ต้นหลี (ต้นแพร์) มองมา
เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกว่า ซูหว่านสวยเป็นพิเศษ ความฟุ้งเฟ้อและเย่อหยิ่งเจือจางลง ความเย็นชาและดุดันหายไป เหลือเพียงความงามที่บริสุทธิ์ผุดผ่อง
กลีบดอกหลีสีขาวบริสุทธิ์ทยอยกันร่วงหล่นจากฟากฟ้า หล่นลงบนบ่าของซูหว่าน นางเดินทีละก้าวเข้ามายืนอยู่ตรงหน้าเย่ว์ชิงอย่างซึมกะทือ “เพลงนี้ เจ้าชอบไหม”
“ชอบ”
เย่ว์ชิงกำลังลังเลใจและยังคงยากที่จะเอ่ยปาก ทำนองเพลงนี้เขาชอบก็จริง เพียงแต่ฟังแล้วทำให้เจ็บปวดหัวใจ
“เพลงนี้ข้าไม่เคยได้ยินมาก่อน เป็นจ่างกงจู่ท่านแต่งเองหรือ”
“ไม่”
ซูหว่านสั่นศีรษะ “นี่เป็นเพลงที่บุรุษนิรนามท่านหนึ่งแต่งให้…คนรักของเขา ชื่อเพลง หงส์เกี้ยวรัก”
ทอดมองไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ มีเพลงหงส์เกี้ยวรักอยู่เพลงหนึ่ง
หงส์เกี้ยวรัก…
เย่ว์ชิงทอประกายตา “ชื่อก็ดี เพลงก็เพราะ เพียงแต่ความหมายที่ฝ่าบาททรงถ่ายทอดออกมา โศกาอาดูรยิ่ง”
“หึ”
พอได้ยินคำพูดของเย่ว์ชิง ซูหว่านก็ได้แต่ยิ้มน้อยๆ จากนั้นก็ยกมือล้วงเข้าไปในอกเสื้อตนเอง หยิบถุงผ้าแพรสีม่วงสวยงามใบหนึ่งออกมา
“วันนี้ข้าไม่เข้าวังไปร่วมพิธีใหญ่แล้ว นี่คือ…ข้าให้เจ้าเป็นของขวัญ เจ้าเก็บไว้เถิด แต่นี้เป็นต้นไป…เจ้าก็ไม่ใช่คนของจวนจ่างกงจู่ข้าอีก”
ว่าแล้ว ซูหว่านก็กำถุงผ้าแพรด้วยมืออันสั่นเทา แล้วใช้แรงยัดเข้าไปในมือของเย่ว์ชิง จากนั้นก็หันกายเดินจากไปอย่างรวดเร็ว
“ซูหว่าน”
เย่ว์ชิงเรียกชื่อนางอีกครั้งโดยไม่รู้ตัว
“เพราะอะไร”
เฉกเช่นวันนั้นที่เขาจ้องมองนางอยู่นอกห้องทรงพระอักษร เขาไม่เข้าใจว่านางทำอะไรมากมายขนาดนี้ เพราะอะไรกันแน่
พอได้ยินเย่ว์ชิงถาม ซูหว่านไม่ได้หันหลังกลับ นางค่อยๆ ยกมือขึ้นรับกลีบดอกหลีที่ร่วงหล่นลง พลางพูดเสียงต่ำๆ “แต่ไหนแต่ไรมา แคว้นหลวนเฟิ่งล้วนปกครองโดยจักรพรรดินี เหล่าสตรีผู้สูงศักดิ์มีสามสามีสี่ผู้รับใช้ เป็นเรื่องปกติ ท่านพ่อข้าก็คือชายรับใช้ของจักรพรรดินีองค์ก่อน เขารักจักรพรรดินีองค์ก่อนมาก แม้จักรพรรดินีองค์ก่อนไม่ได้รู้สึกอะไรกับเขา เขาก็ยังคงรักนางอย่างถอนตัวไม่ขึ้น สุดท้ายกระทั่งยอมตายเพื่อนาง ข้ายังจำได้ ตอนข้าสิบเอ็ดขวบ ท่านพ่อก็จากไปแล้ว จากไปอย่างสงบ ขณะเฝ้าอยู่ข้างเตียง ข้าถามเขาด้วยเสียงอันแหบแห้งว่า เพราะอะไร ทำไมถึงต้องทำอะไรโง่งมเช่นนี้ เขาตอบว่า เพราะ…รักน่ะ! เพราะรัก! หึ”
ซูหว่านหัวเราะเย็นชา น้ำตาคลอเบ้า นางหันกายมา จ้องมองเย่ว์ชิงด้วยแววตากระจ่างใส “นั่นคือความรักหรือ เหมือนที่หลิ่วลั่วรักซูม่าน เจ้าก็รักซูม่าน แล้วซูม่านล่ะ นางรักหลิ่วลั่วและรักเจ้า กระทั่งยังรักใครได้อีกหลายคน นั่นคือความรักจริงๆ หรือ ข้าไม่ต้องการความรักเช่นนี้ ข้าไม่ต้องการชีวิตเช่นนี้! ข้าไม่เป็นที่โปรดปรานของจักรพรรดินีองค์ก่อนแต่เด็ก เพราะข้าไม่ใช่ลูกสาวของชายที่นางรัก ข้าจึงควรเป็นเด็กที่ถูกทอดทิ้งหรือ เย่ว์ชิง เจ้าบอกข้าหน่อย ข้าผิดตรงไหน ที่อยากเจอคนที่รักเดียวใจเดียว แล้วผมขาวไปด้วยกัน ข้าซูหว่าน ชีวิตนี้อยากแค่จับมือกับคนที่ข้ารักไปชั่วชีวิต อยู่ด้วยกันจนแก่เฒ่า เพราะอะไร กระทั่งความปรารถนาอันต้อยต่ำเช่นนี้ สวรรค์ก็ยังไม่ยอมให้ข้าสมหวัง”
พูดถึงตอนท้าย เสียงของซูหว่านก็เริ่มละล่ำละลัก
“ซูหว่าน…”
เย่ว์ชิงก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว เขาไม่เคยเห็นซูหว่านอ่อนแอเช่นนี้มาก่อน
จ่างกงจู่เคยมีกิตติศัพท์ในการฆ่าและเลือดเย็น
นางทะเยอทะยาน นางมีจิตใจที่ล้ำลึก ทุกคนล้วนคิดว่า นางอยากครอบครองใต้หล้า แต่สุดท้าย นางกลับต้องการคนรักเพียงคนเดียว
เย่ว์ชิงปวดใจขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว เพราะนาง และเพราะความรู้สึกที่สูญเสียไป
ความรัก อย่างไรจึงนับเป็นความรักที่ลึกซึ้ง ถึงตายก็ไม่เปลี่ยนแปลงกันหนอ
“ซูหว่าน”
พอเห็นใบหน้าขาวเนียนของซูหว่านมีน้ำตาใสๆ หยดลง เย่ว์ชิงก็ยกมือขึ้นตามสัญชาตญาณ คิดจะช่วยนางเช็ดน้ำตา แต่ซูหว่านกลับหลบเลี่ยงจากมือของเขาได้อย่างว่องไว
“อย่าแตะต้องข้า และไม่ต้องดีกับข้าอีก หัวใจข้าตายด้านจากเจ้าไปแล้ว”
ว่าพลางซูหว่านก็เงยหน้าขึ้นจ้องมองผู้ชายที่มีท่าทางดุจเทพเซียนตรงหน้าเงียบๆ “ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เจ้าคือผู้ชายของซูม่าน ส่วนข้าซูหว่าน ต้องมีสักวัน ที่ได้เจอผู้ชายที่เป็นของข้าคนเดียว ข้าไม่ขอให้เขารวยมาก สูงส่งมาก ไม่ขอให้เขาเก่งทั้งบุ๋นและบู๊ ขอเพียงเขารักข้า ข้าก็ยอมที่จะบุกน้ำลุยไฟเพื่อเขา!”
พูดจบซูหว่านก็ยกมือขวาขึ้น มีดสั้นล่ามังกรวาดออกจากแขนเสื้อนาง แสงสีเงินวูบ แขนเสื้อสีแดงสดของซูหว่านถูกตัดออกเป็นแถบยาว ผ้าไหมสีแดงสดถูกซูหว่านโยนขึ้นกลางอากาศ แล้วตกลงบนพื้นพร้อมๆ กับกลีบดอกไม้สีขาวบริสุทธิ์
“เย่ว์ชิง นับแต่นี้ไป ข้าซูหว่านกับเจ้า…ขาดกัน!”
ว่าแล้วซูหว่านก็เก็บมีดสั้น หันกายเดินจากไปอย่างไม่ไยดีแต่อย่างใด
แม้ใบหน้ายังมีคราบน้ำตา นางก็ยังคงหันกายได้อย่างสง่างามและสงบนิ่ง เหมือนเปลี่ยนกลับไปเป็นจ่างกงจู่ที่สูงส่งและเย่อหยิ่งแบบเมื่อก่อน
เย่ว์ชิงยังคงยืนอยู่ที่เดิม จวบจนร่างของซูหว่านหายลับไปกับตา เขาอึ้งไปชั่วขณะ แล้วพลันก้มลงเก็บผ้าไหมสีแดงบนพื้นที่ถูกซูหว่านโยนทิ้ง
อยากเจอคนที่รักเดียวใจเดียว แล้วผมขาวไปด้วยกัน
เย่ว์ชิงจับผ้าไหมสีแดงในมือแน่นโดยไม่รู้ตัว เขาแหงนหน้าขึ้นเล็กน้อย ก่อนค่อยๆ หลับตาลง ลมฤดูใบไม้ผลิพัดมาเบาๆ คล้ายมีใครกระซิบที่ข้างหู…
ภูผามีต้นไม้ ต้นไม้มีกิ่งก้าน หัวใจข้ามีท่าน ไยท่านถึงไม่รู้
……
ยามม่านรัตติกาลคลี่คลุม พระราชวังอันอึกทึกครึกโครมมาทั้งวัน ก็เงียบสงบลง
เทียนสีแดงส่องแสงระยิบระยับในเรือนหออันอบอุ่น
ห้องใหม่ในเขตพระราชฐานชั้นใน ซูม่านเพิ่งไขว้มือดื่มสุรากับเย่ว์ชิง เมื่อเห็นผู้ชายท่าทางใจสะอาด ปรารถนาน้อยอยู่ตรงหน้า ซูม่านก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากอย่างอารมณ์ดี “เย่ว์ชิง เจ้ามีความปรารถนาอะไรหรือเปล่า เจ้าเป็นผู้ชายของเรา ขอเพียงเจ้าต้องการ เราล้วนสามารถทำให้เจ้าพอใจได้”
พอได้ยินคำพูดของซูม่าน เย่ว์ชิงก็ยิ้มอย่างไม่ยี่หระ “ข้าไม่อยากได้อะไร ฝ่าบาทไม่ต้องเกรงพระทัย”
“เป็นไปไม่ได้ที่คนเราจะไม่มีความฝันไม่มีความต้องการ แม้แต่นักบุญก็ยังมีความปรารถนา เย่ว์ชิง เจ้าบอกเราสิ บอกเราเร็วเข้าว่าเจ้าอยากได้อะไร”
ซูม่านชอบมองท่าทีสูงส่งสง่างามของเย่ว์ชิง จึงอดไม่ได้ที่จะทำท่าออดอ้อนเขา
อยากได้อะไร?
เย่ว์ชิงอึ้งไปสักพัก ก่อนหลุดปากออกมาตามจิตใต้สำนึก “อยากได้คนรักเดียวใจเดียว แล้วผมขาวไปด้วยกัน”
“หือ?”
พอได้ยินคำพูดของเย่ว์ชิง ซูม่านก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มอย่างมีเสน่ห์ “เย่ว์ชิง ที่แท้เจ้าก็พูดหวานๆ เป็นเหมือนกันนี่! ตอนนี้เจ้าเป็นคนของเราแล้ว ไม่ต้องห่วง เราย่อมแก่เฒ่าผมขาวไปพร้อมกับเจ้า”
พอได้ยินเช่นนี้ เย่ว์ชิงก็ได้แต่ยิ้มบางๆ แต่ลึกๆ แล้วกลับเศร้าหมองสุดจะเปรียบขึ้นมา…