ภารกิจขโมยใจ ผจญภัยต่างโลก - ตอนที่ 18 สามสามี สี่ผู้รับใช้ (18)
หอฉู่เฟิง เมืองหลวง
“คุณชาย ท่านว่า เจ้าบ่าวที่จ่างกงจู่จะไปสู่ขอเป็นใครกัน”
เมื่อโหลวหนิงเห็นนายของตนนั่งเหม่ออยู่ข้างหน้าต่างบนชั้นสามของหอฉู่เฟิง เขาก็ทนกับสีหน้าท่าทางแบบศิลปินรุ่นเยาว์ในตอนนี้ของนายจอมทะเล้นคนนั้นของตนไม่ได้จริงๆ จึงถามทำลายความเงียบขึ้นมา
แต่พอพูดออกไป โหลวหนิงก็อยากตบหน้าตนเองแรงๆ สักฉาด มารดาเจ้า ปากเสียแล้วไหมล่ะ ริอ่านถามเรื่องส่วนตัวของนาย!
พอได้ยินคำถามของโหลวหนิง โหลวเซียวเซียวที่เดิมทีนั่งอยู่ริมหน้าต่าง พลันหน้าถอดสี ก่อนลุกพรวดขึ้น สองมือจับวงกบหน้าต่างแน่น แล้วยื่นแทบทุกส่วนของครึ่งท่อนบนออกนอกหน้าต่าง…
“คุณชาย! คุณชายท่านอย่าทำเรื่องโง่ๆ นะ!”
โหลวหนิงนึกว่าโหลวเซียวเซียวจะคิดสั้น จึงรีบยื่นแขนทั้งสองข้างออกไป โอบกอดเขาจากด้านหลังให้ติดอยู่กับที่ พลางตะโกนเสียงดัง
“คุณชาย! แผ่นดินนี้ ไม่มีที่ใดไร้ซึ่งหญ้าหอม! เหตุใดท่านต้องรักดอกไม้เพียงดอกเดียวด้วย!”
“คุณชาย คุณชายท่านคิดถึงนายหญิงของเราด้วย…”
โหลวเซียวเซียว “…”
มารดาเจ้า คุณชายอย่างข้าไม่รู้จักเจ้า เราไม่รู้จักกันจริงๆ
พอโหลวหนิงตะโกนเสียงดังใส่เขาเช่นนี้ ผู้คนทั้งชั้นสามของหอฉู่เฟิงก็พุ่งเป้าสายตามายังร่างของโหลวเซียวเซียว
โหลวเซียวเซียวในตอนนี้ จึงรู้สึกอยากตายไปสักตั้งจริงๆ!
พับผ่าสิ เดิมทีในเมืองหลวงชื่อเสียงก็ใช่ว่าจะดี ตอนนี้ยิ่งไม่มีหน้าพบปะผู้คนแล้ว
“ปล่อยมือ!”
โหลวเซียวเซียวออกแรงแกะมือทั้งสองข้างของโหลวหนิงออก “ข้ากำลังดูทิวทัศน์อยู่ต่างหาก เจ้านึกว่าข้าจะทำอะไร เจ้าโง่! ข้าจะฆ่าตัวตายเพื่อซู…เพื่อคนคนนั้นไปทำไมกัน ข้าไม่ได้บ้าสักหน่อย!”
“ใช่ๆ คุณชายไม่ได้บ้า เป็นข้าเองที่บ้า”
เมื่อเห็นว่าโหลวเซียวเซียวไม่ได้คิดฆ่าตัวตาย โหลวหนิงก็โล่งใจในที่สุด จากนั้นเขาก็ยื่นศีรษะออกนอกหน้าต่างไปดูบ้าง…ไม่เห็นจะมีทิวทัศน์อะไรน่าดูเลย?
นอกหน้าต่างย่อมไม่มีทิวทัศน์ที่ชวนมอง เมื่อครู่โหลวเซียวเซียงแค่เห็นรถม้าของจ่างกงจู่คันนั้น ถ้าเขาดูไม่ผิด ผู้ชายที่นั่งอยู่บนรถม้า คือเฟิงอู๋เฉิน
โหลวเซียวเซียวจึงอดไม่ได้ที่จะนึกถึงเหตุการณ์หน้าประตูใหญ่จวนจ่างกงจู่ในวันนั้น หนึ่งคนหนึ่งกระบี่นั่น ไร้เทียมทานยิ่ง
วันนั้น ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ไม่มีใครไม่ตื่นตะหนก โหลวเซียวเซียวก็ตื่นตระหนกเช่นกัน เขาไม่เคยคิดว่าคนเราจะแข็งแกร่งได้ถึงเพียงนี้
และความแข็งแกร่งเช่นนั้น ชาตินี้เขาไม่มีทางหัดได้
ดังนั้น คนที่ซูหว่านจะไปสู่ขอ ก็คือเฟิงอู๋เฉินหรือ
มีก็แต่ผู้ชายที่แข็งแกร่งเช่นนี้จึงจะคู่ควรกับนาง มิใช่หรือ
โหลวเซียวเซียวพลันรู้สึกขมขื่นใจ แต่ทันใด เขาก็บังคับตัวเองให้ลืมความขมขื่นเหล่านั้น…
น่าทึ่งตรงไหนมิทราบ
ผู้ชายถึงแข็งแกร่งแค่ไหน ก็ต้องแต่งออกอยู่ดี แน่จริง เจ้าแต่งจ่างกงจู่เข้าบ้านสิ
เอาเถอะ จริงๆ แล้วโหลวเซียวเซียวโตพร้อมกับใจปรารถนาอันยิ่งใหญ่เช่นนี้มาโดยตลอด โดยครั้งหนึ่งเมื่อครั้นยังเยาว์วัย เขาได้ติดตามมารดาเข้าวังไป พอพบเห็นจ่างกงจู่ที่ยังเป็นเด็กหญิงตัวเล็กๆ ในครั้งแรก เขาก็ตกหลุมรักทันที จากนั้นก็เตรียมที่จะแต่งจ่างกงจู่เข้าบ้านโดยไม่รู้ที่ต่ำที่สูง
อืม เขาเตรียมตัวมาเป็นสิบปี แต่…
จ่างกงจู่กำลังจะ…แต่ง กับ ผู้ อื่น แล้ว
มารดาท่าน นี่มันโศกนาฏกรรมแห่งความรักชัดๆ
“โหลวหนิง เรากลับกันเถอะ”
โหลวเซียวเซียวลุกขึ้นยืน หันกายเดินลงไปเงียบๆ พอเห็นแผ่นหลังอันเปลี่ยวเหงาของนายตน โหลวหนิงก็ทอดถอนใจออกมา…
อันที่จริง คุณชายเป็นคนดีมาก สุภาพกับลูกน้องด้วย
เพียงเสียดายที่เขามิได้เกิดมาเพื่อเรียนหนังสือกับฝึกวรยุทธ์ ซึ่งก็มิใช่สิ่งที่เขากะเกณฑ์ได้นี่นา!
……
จวนจ่างกงจู่
ซูหว่านกับซูรุ่ยนั่งรถม้าเข้าไปในจวน แล้วค่อยลงจากรถ ตอนนี้แม้ผู้คนรู้ว่าซูหว่านจะแต่งงาน แต่ยังไม่รู้ว่าเจ้าบ่าวคือเฟิงอู๋เฉิน ส่วนบ้านสกุลเฟิงก็มีแต่เฟิงฮูหยินเท่านั้นที่รู้ข่าวนี้
สำหรับเรื่องที่ซูหว่านจะแต่งเข้าบ้านสกุลเฟิงนั้น ผู้ที่คุ้นเคยกับคลื่นลมขนาดใหญ่มาก่อนอย่างเฟิงฮูหยิน แรกๆ ก็อึ้งไปสักพัก สุดท้ายกลับจับมือซูหว่านอยู่อย่างนั้นครึ่งค่อนวัน จึงปล่อยมือ
นึกถึงเมื่อก่อน เฟิงฮูหยินกับจักรพรรดินีองค์ก่อนก็เป็นพี่น้องที่ดีต่อกันมาก เนื่องจากลูกชายคนเล็กของตนชอบซูม่าน เฟิงฮูหยินจึงชอบซูม่านมากเช่นเดียวกัน ส่วนซูหว่าน นางย่อมพลอยไม่ชอบตามไปด้วย
แม้เรื่องราวในโลกไม่เที่ยง แต่ตอนนั้นนางจะคิดได้อย่างไรว่า ลูกชายคนเล็กของตนจะตายเพราะซูม่าน ส่วนลูกชายคนโตของตนกลับแต่งซูหว่านที่เป็นถึงจ่างกงจู่เข้าบ้านได้!
ชะตาฟ้าลิขิตจริงๆ
……
“เมื่อครู่กี้ตอนผ่านหอฉู่เฟิง ผมเหมือนเห็นโหลวเซียวเซียวนะ”
เพิ่งลงจากรถม้า ซูรุ่ยก็อดไม่ได้ที่จะกระซิบบอก
“อ้อ?”
ซูหว่านอึ้งไปสักพัก นางมิได้มีความรู้สึกไวแบบซูรุ่ย จึงไม่ทันสังเกตเห็นร่างของโหลวเซียวเซียว
พอนึกถึงโหลวเซียวเซียว ส่วนลึกในใจนางก็อดไม่ได้ที่จะทอดถอนใจว่า เรื่องราวในโลกไม่เที่ยง…
คนสองคนโหยหาความรักเหมือนกัน แต่ชีวิตนี้กลับไม่เคยคลาดกันตรงจุดตัดของทางแยกเลย
หากชาติหน้ามีจริง ชะตาจะลิขิตให้พบกันอีกไหม
“ไม่ต้องพูดถึงเขาแล้ว”
ซูหว่านเก็บสายตาคืนกลับ แล้วจูงมือซูรุ่ย พลางว่า “หลิวอิงเอาชุดแต่งงานที่สั่งตัดกลับมาแล้ว ฉันพาคุณกลับห้องไปลองชุดนะ”
“ครับ”
ขณะที่จวนจ่างกงจู่กำลังเตรียมงานมงคลสมรสที่ทั้งตื่นเต้นและลึกลับนั้น ซูม่านที่กำลังเสด็จประพาสต้น ย่อมรู้ข่าวเรื่องที่ซูหว่านกำลังจะแต่งงาน ซึ่งหลังจากได้ข่าว นางก็อึ้งไปพักหนึ่ง ก่อนเหลือบมองเย่ว์ชิงที่กำลังตะลึงงันเช่นเดียวกัน “เย่ว์ชิง เจ้าว่าซูหว่านกำลังจะทำอะไร นางคิดจะสู่ขอใคร เจ้าเดาออกหรือเปล่า ไม่น่าจะใช่โหลวเซียวนะ”
พอพูดถึงตรงนี้ ซูม่านก็หัวเราะออกมาอย่างอดไม่ได้
แต่ใบหน้าของเย่ว์ชิงกลับไม่มีรอยยิ้มแม้แต่น้อย นิ้วอันเรียวยาวของเขากำถุงผ้าแพรที่ห้อยไว้กับเอวแน่นตามจิตใต้สำนึก ภายในบรรจุผ้าไหมสีแดงที่ซูหว่านใช้มีดสั้นล่ามังกรตัดขาดในวันนั้นไว้…
‘แต่นี้เป็นต้นไป เจ้าก็คือผู้ชายของซูม่าน ส่วนข้าซูหว่าน ต้องมีสักวัน ที่ได้เจอผู้ชายที่เป็นของข้าแต่เพียงผู้เดียว ข้าไม่ขอให้เขารวยมาก สูงส่งมาก ไม่ขอให้เขาเก่งทั้งบุ๋นและบู๊ ขอเพียงเขารักข้า ข้าก็พร้อมบุกน้ำลุยไฟเพื่อเขา!’
วันนั้น เป็นวันวิวาห์ของเขา
ทุกคำพูดที่ซูหว่านพูด ล้วนยังคงประทับอยู่ในความทรงจำของเย่ว์ชิงอย่างแจ่มชัด
ตอนนั้น เขามีความรู้สึก เขาสงสารนาง แน่นอน ตอนนั้นมีแต่ความรู้สึกสงสารและทุกข์ใจ
ทว่า ตอนนี้พอนึกถึงคำพูดประโยคนั้นอีกครั้ง ใจของเย่ว์ชิงกลับมีรสชาติอีกอย่าง
ซูหว่านกำลังจะแต่งงานกับคนอื่นแล้ว
และคนคนนั้น ก็เป็นคู่รักที่รักเดียวใจเดียวไปชั่วชีวิตหรือ
เย่ว์ชิงพลันชื่นชมเล็กน้อย อิจฉาเล็กน้อย เขา…นึกเสียใจแล้ว
นิ้วอันเรียวยาวของเขา กำถุงผ้าแพรใบนั้นแน่น จนเล็บจิกเข้าไปในเนื้อ…
สิ่งที่ชั่วชีวิตนี้ไม่มีทางได้มา เป็นสิ่งที่ทำให้ผู้คนหลงใหลอย่างเห็นได้ชัด
ส่วนสิ่งที่เจ้าเคยได้มา แล้วสูญเสียไป และภายหลังก็ไม่มีทางได้กลับคืนมาอีก จึงจะกลายเป็นแผลที่ลึกที่สุดในชีวิตเจ้า
“เย่ว์ชิง?”
พอเห็นเย่ว์ชิงไม่พูดไม่จาเลย ซูม่านที่อยู่ด้านข้างก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากเรียกชื่อเขาอีกครั้ง
“หือ?”
เย่ว์ชิงดึงสติคืนกลับ แล้วเหลือบมองซูม่านด้วยใบหน้าที่ซีดขาว “ฝ่าบาท กระหม่อมรู้สึกไม่ค่อยสบาย ขอกลับห้องไปพักผ่อนก่อน”
ว่าแล้วเย่ว์ชิงก็ลุกขึ้นยืน แล้วชิงก้าวออกจากประตูไปอย่างเร่งรีบอยู่บ้าง
ซูม่านที่อยู่ในตำหนักจึงหรี่ตาลงโดยปริยาย…
เย่ว์ชิง หรือในใจเจ้า…ยังมีนางอยู่จริงๆ
“เหลิ่งเยี่ย”
ซูม่านเรียกเสียงต่ำ ร่างสีดำร่างหนึ่งจึงรีบลอยออกมาดุจภูตพราย “ฝ่าบาท!”
“ตามเย่ว์ชิงไป จับตาดูเขาไว้”
พอได้ยินคำสั่งของซูม่าน เหลิ่งเยี่ยก็รีบพยักหน้า แล้ววาบร่างหายวับไปกับตาอีกครั้ง…