ภารกิจขโมยใจ ผจญภัยต่างโลก - ตอนที่ 6 ตกหลุมรักศัตรูหัวใจ (6)
ซูรุ่ยรีบไปยังถนนจิ่วหลินในทันที ตอนที่ไปถึงก็พบว่ามีผู้คนมากมายกำลังล้อมอยู่หน้ารถเข็นของป้าหวัง คนเหล่านี้กำลังเอ็ดตะโรโต้เถียงอะไรกัน
“ขอทางหน่อย” ซูรุ่ยรีบก้าวเท้าแหวกฝูงชนเข้าไป
ทันทีที่เห็นร่างของซูรุ่ย ดวงตาของสวี่ตงและหลิวอิ่งก็ทอประกาย
“พี่เสี่ยวไป๋ พี่เสี่ยวไป๋มาแล้ว! เร็วเข้า! พี่รีบพูดกับพวกเขาหน่อยว่าพวกเขาทำเกินไปแล้ว!”
หลิวอิ่งก็เริ่มเอะอะโวยวายขึ้นมาทันทีที่เห็นซูรุ่ย
ซูรุ่ยพยักหน้าให้เธอและสวี่ตง ก่อนจะกวาดสายตามองไปรอบๆ สถานที่เกิดเหตุ
ป้าหวัง คือแม่ค้าขายผลไม้ผู้สูงวัยและโดดเดี่ยว ปกติแล้วป้าหวังจะจอดรถเข็นอยู่ตรงหัวถนนจิ่วหลิน เนื่องจากไม่มีเงินเช่าร้าน ทุกคนต่างรู้ว่าชีวิตของเธอลำเค็ญ จึงอุดหนุนผลไม้ของเธอเป็นประจำ หญิงชราเองก็จริงใจและใจดี ผลไม้ที่วางขายไม่เพียงแต่คุณภาพดีและราคาย่อมเยาเท่านั้น แต่ยังชั่งได้ตรงเป๊ะ ไม่มีเรื่องโกงตาชั่ง
ทว่าตอนนี้ผลไม้ของป้าหวังถูกเก็บไปแล้ว บนพื้นกระจัดกระจายไปด้วยแอปเปิ้ลและส้ม หญิงชราล้มอยู่กับพื้นพลางร้องครวญครางไม่หยุด
อีกด้านหนึ่ง เจ้าหน้าที่สวมเครื่องแบบเทศกิจสองสามคนกำลังยืนคุมเชิงอยู่ หนึ่งในนั้นถือสมาร์ทโฟนถ่ายคลิปวิดีโอเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตลอดเวลา
“ป้าหวัง ป้าเป็นไงบ้าง”
ซูรุ่ยก้าวเข้าไป ก่อนก้มตัวลงพยุงป้าหวังขึ้นมา ในตอนนี้เอง เทศกิจหนุ่มผู้ถ่ายคลิปก็อดไม่ได้ที่จะปรายตามองและหัวเราะเยาะซูรุ่ย
“คุณเป็นพ่อค้าแถวนี้หรือ คุณป้าท่านนี้ไม่ยอมให้ใครเข้ามาพยุง เอาแต่พูดว่าพวกเราเป็นคนผลักแกให้ล้ม สังคมในตอนนี้เป็นสังคมที่ยึดมั่นในกฎหมาย พวกเราก็ล้วนเป็นผู้บังคับใช้กฎหมายที่มีอารยธรรม กระบวนการทั้งหมดนี่ผมใช้มือถือบันทึกไว้แล้ว คุณเองก็ดูเป็นคนรู้หนังสือ ไม่น่าจะไม่รู้กฎหมายเหมือนนักเลงแถวนี้นะ”
“หึ กฎหมาย?”
เป็นครั้งแรกที่มีผู้อื่นพูดเรื่องกฎหมายให้เขาฟัง เขาจึงอดไม่ได้ที่จะแย้มยิ้ม ก่อนจะพยุงป้าหวังให้ลุกขึ้นยืน “ป้าหวัง ป้าไม่เป็นไรนะ”
“เสี่ยวไป๋ ใช่เสี่ยวไป๋หรือเปล่า”
เมื่อได้ยินเสียงของซูรุ่ย ป้าหวังก็สงบสติอารมณ์ ก่อนเงยหน้าขึ้นและใช้ดวงตาที่ขุ่นมัวทั้งสองข้างจ้องมองไปยังใบหน้าของซูรุ่ย
ซูรุ่ย “…..”
เสี่ยวไป๋อะไร น่าขัดใจชะมัด
“ป้าหวัง อะแฮ่ม ผมเอง ผมคือ…มู่ไป๋”
ซูรุ่ยยืนกราน ไม่ยอมรับว่าตนเองคือเสี่ยวไป๋อะไรนั่น
“มู่ไป๋เอ๊ย!”
พอได้ยินคำพูดของซูรุ่ย ป้าหวังก็รีบจับมือทั้งสองข้างของเขาแน่น สีหน้าฉายความวิตกกังวลที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม
“ป้าแก่ปูนนี้แล้ว ชั่วชีวิตที่ผ่านมาก็ไม่เคยทำให้ใครต้องเดือดร้อน! จู่ๆ วันนี้พวกเขามาบอกจะจัดระเบียบหาบเร่แผงลอย ปรับทัศนียภาพของเมือง จะเก็บแผงของป้าไปให้ได้ ไม่ใช่ว่าป้าไม่ให้ความร่วมมือ แต่เข่าทั้งสองข้างของป้าก็ไม่ค่อยจะดี เดินเหินไม่สะดวก ป้าก็เลยเก็บของช้าหน่อย พวกเขาไม่สนใจ ปุบปับก็ลงมือ! นี่มันสมเหตุสมผลแล้วหรอ!”
“นี่คุณป้า พูดจาอะไรก็ต้องมีหลักฐานหน่อยสิ อย่ามาใส่ร้ายพวกเราสุ่มสี่สุ่มห้า!”
เมื่อได้ยินคำพูดของป้าหวัง เทศกิจหนุ่มที่ยืนอยู่ด้านข้างก็เขย่ามือถือในมือด้วยสีหน้าจริงจัง
“พวกเราบันทึกวิดีโอกระบวนการบังคับใช้กฎหมายไว้หมดแล้ว เพื่อป้องกันการเกิดกรณีคนเฒ่าคนแก่ที่เอะอะก็ชอบล้มลงกับพื้นแบบไร้เหตุผลนี่แหละ!”
“คลิปวิดีโอ? ขอผมดูหน่อยได้ไหม”
ซูรุ่ยเชิดหน้าขึ้นทันทีที่ได้ยินคำพูดของเทศกิจ ก่อนจะพูดอย่างใจเย็น
“นี่…”
เทศกิจตกใจในความเยือกเย็นของซูรุ่ยอยู่ชั่วขณะ กว่าที่เขาเรียกสติคืนมาได้ ก็พบว่ามือถือของตนตกไปอยู่ในมือของซูรุ่ยแล้ว
“คุณ…”
“ไม่ต้องกังวลไป ผมไม่ลบข้อมูลของพวกคุณหรอก”
ซูรุ่ยยิ้มน้อยๆ และเริ่มเล่นวิดีโอดูตั้งแต่ต้น เมื่อดูถึงนาทีที่ 3.11 ดวงตาของเขาก็เป็นประกาย ก่อนกดหยุดชั่วคราวทันที
“พวกคุณอธิบายให้ผมฟังได้ไหมว่าภาพนี้เกิดอะไรขึ้น”
เป็นภาพที่หยุดอยู่ที่ช่วงนาทีก่อนที่ป้าหวังจะล้มลง เป็นเวลาที่เหตุการณ์ในคลิปวุ่นวายมาก เนื่องจากรถเข็นผลไม้พลิกคว่ำ ป้าหวังจึงก้มตัวลงเพื่อที่จะยกรถเข็นขึ้น ในขณะนั้นเอง มีขาหนึ่งมาขัดขาป้าหวังจากด้านหลัง ทำให้ป้าหวังสะดุดล้มลงทันที เนื่องด้วยตัวมีจุดศูนย์ถ่วงไม่มั่นคง
นี่คือ…
หากแยกแยะภาพในคลิปให้ถี่ถ้วน จะเห็นขาข้างที่ขัดป้าหวังจนสะดุดล้ม เทศกิจหนุ่มเริ่มสับสน
“ทำไมเป็นแบบนี้”
“นั่นน่ะสิ! ดูนี่! ดู! ใครโกหกกันแน่”
“แม้แต่คนเฒ่าคนแก่ พวกคุณก็ยังทำได้ลง! มันจะมากเกินไปแล้ว!”
หลังการท้วงติงของซูรุ่ย ผู้คนที่อยู่รอบๆ ก็ได้เห็นเท้าบาปหนาที่ถูกมองข้ามท่ามกลางความวุ่นวาย ขณะเดียวกันซูรุ่ยก็กวาดตามองไปในฝูงชนอีกครั้ง เพียงไม่นานเขาก็เจอเจ้าของเท้าข้างนั้น เป็นผู้ชายอายุราวสามสิบกว่า รูปร่างท้วม หน้าซีดขาว มองเพียงแวบแรกก็รู้ว่าไม่น่าจะใช่คนดี
ทันทีที่สังเกตเห็นสายตาของซูรุ่ย ชายคนนั้นก็มีสีหน้าเปลี่ยนไปทันที แต่แล้วเขาก็ยืดตัวตรงพลางทำหน้าเครียด “เอะอะโวยวายอะไรกันนักหนา”
“หัวหน้า”
เมื่อได้ยินเสียงของชายวัยกลางคน เทศกิจหนุ่มคนก่อนหน้านี้ก็รีบหันมองเขาอย่างกระอักกระอ่วนใจ
“หัวหน้า เรื่องนี้…”
“เรื่องนี้ทำไม คลิปแค่นี้จะพิสูจน์อะไรได้ เหตุการณ์วุ่นวายขนาดนั้น ต่อให้มีคนมาขัดขาป้าก็ใช่ว่าจะตั้งใจ หรือไม่ก็อาจจะเป็นคนเดินผ่านไปผ่านมาก แค่เห็นเท้าข้างหนึ่งแวบๆ จะไปอธิบายอะไรได้ เอาล่ะๆ แยกย้ายเถอะ วันนี้พวกเราไม่รบกวนป้าแล้ว ป้าก็รีบเก็บรถเข็นกลับบ้านเสีย! เดี๋ยวจะหาว่าเทศกิจเราไร้มนุษยธรรมอีก!”
หัวหน้าวัยกลางคนว่าพลางโบกมือ ลูกน้องที่อยู่ข้างๆ จึงกระทำการอย่างว่องไว ย้ายรถเข็นและผลไม้ของป้าไปไว้ด้านข้างในทันที
เมื่อเห็นผลไม้เละเทะอยู่บนพื้น ดวงตาที่ขุ่นมัวของป้าหวังก็แดงระเรื่อ ซูรุ่ยมองดูคนกลุ่มนั้นเดินจากไปด้วยแววตาที่เย็นชา ขณะที่กำลังจะขยับเท้า ก็ถูกสวี่ตงที่อยู่ข้างกายดึงเอาไว้
“พี่เสี่ยวไป๋ อย่าไปชนกับของแข็งอย่างพวกเขาเลย มันไม่คุ้มหรอก เรามาช่วยป้าหวังเก็บผลไม้กันดีกว่า!”
หา?
ซูรุ่ยมีท่าทีอ่อนลง ขณะนั้นเอง เทศกิจหนุ่มที่อัดคลิปเมื่อครู่ได้หันหลังและวิ่งกลับมา เขาล้วงเงินสองร้อยหยวนออกจากกระเป๋ายัดเข้าไปในมือของป้าหวังอย่างรวดเร็ว
“ป้า ผมขอโทษด้วยที่ผมเข้าใจป้าผิด เงินนี่ เงินนี่ถือว่าผมซื้อผลไม้ของป้าก็แล้วกัน! วันนี้เป็นวันตรวจตราครั้งใหญ่จริงๆ ป้ารีบเก็บรถเข็นกลับบ้านเถอะ”
พูดจบชายหนุ่มรีบหันกายเร่งฝีเท้าไล่ตามกลุ่มเพื่อนของตนเองไป โดยไม่รอปฏิกิริยาตอบกลับจากป้าหวัง
“เฮ้อ ลูกเอ๊ย!”
ป้าหวังกำเงินในมืออย่างลังเลใจ ก่อนจะทอดถอนใจออกมา
ผู้คนที่มามุงดูด้วยความคึกคักเริ่มแยกย้ายกันไปกว่าครึ่งแล้ว บรรดาเพื่อนๆ พ่อค้าแม่ค้าละแวกนั้น รวมถึงสวี่ตงและหลิวอิ่งต่างพากันนั่งยองๆ และช่วยกันเก็บผลไม้
“สมัยนี้ ใครๆ ก็ลำบากกันทั้งนั้น!”
สวี่ตงถอนหายใจออกมาทีหนึ่ง หลิวอิ่งที่อยู่อีกด้านก็พูดเสริมอย่างอดไม่ได้
“จริงที่สุด สามัญชนคนธรรมดาอย่างเรา ต้องตื่นขึ้นมาทำงานงกๆ ทุกวัน แต่เงินที่หาได้ตลอดทั้งปียังไม่พอให้คนรวยกินข้าวมื้อนึงด้วยซ้ำ ถ้าเลือกเกิดได้จริงและพ่อของฉันเป็นซีอีโอนะ ฉันจะซื้อถนนจิ่วหลินนี่ทั้งสาย แล้วให้ทุกคนค้าขายได้ตามอำเภอใจโดยไม่เก็บเงินค่าเช่าพวกนายสักแดงเดียว!”
สวี่ตง “…..”
เธอน่ะ อ่านนิยายเกี่ยวกับซีอีโอมากเกินไปหรือเปล่า จะซื้อถนนทั้งสายเนี่ยนะ นึกว่ามันง่ายเหมือนซื้อกะหล่ำปลีหรือไง ต่อให้เธอมีเงินเป็นหมื่นเป็นแสนล้าน ถ้ารัฐบาลไม่ขายให้เธอซะอย่าง เธอก็ทำได้แค่มองอย่างร้อนใจเท่านั้นแหละ
หลังจากได้ฟังเสียงถกเถียงของผู้คน และมองแผ่นหลังของเจ้าหน้าที่เทศกิจกลุ่มนั้นจนเห็นว่าได้จากไปไกลแล้ว ซูรุ่ยก็ยืนนิ่งอยู่กับที่เป็นเวลานานโดยไม่พูดไม่จา…
นับตั้งแต่เขาเป็นหนึ่งในผู้ปฏิบัติภารกิจ จากแรกเริ่มที่ต้องหัดทำภารกิจแบบในนิยายหรือในละครทีวี จนถึงตอนนี้เขาสามารถเล่นได้แทบทุกบทบาท และปฏิบัติภารกิจสำเร็จได้อย่างง่ายดาย
แม่ทัพซูคิดมาเสมอว่า เขาได้เปลี่ยนจากโลกที่เขาไม่ได้มีบทบาทเป็นผู้เล่น มาเป็นผู้เล่นตัวจริงเสียงจริง เป็นคนที่มีเลือดมีเนื้อ ทว่าเมื่อมาถึงโลกใบนี้ ได้อยู่ในสังคมคนชนชั้นล่างสุดและธรรมดาที่สุดเหล่านี้ ซูรุ่ยพลันรู้สึกว่า เขาใช้ชีวิตอยู่กับความลวงและไม่เป็นความจริง
…..
“พี่เสี่ยวไป๋ ยืนเหม่ออะไรอยู่”
สวี่ตงที่อยู่ด้านข้างเห็นซูรุ่ยยืนนิ่งไป จึงยกมือขึ้นและใช้แรงตบบ่าเขาไปทีหนึ่ง
ซูรุ่ยจึงเรียกสติคืนมาได้ ก่อนหันไปยิ้มให้สวี่ตง “เจ้าตง เราส่งป้าหวังกลับบ้านกันเถอะ!”
ในตอนเช้าแม่ทัพซูตัดสินใจจะปิดร้านของเหยียนมู่ไป๋ และวางแผนที่จะนำเงินออกมาทำธุรกิจของตัวเอง ทว่าในตอนนี้ เขาเปลี่ยนใจแล้ว…
เขาจะเป็นพ่อค้าแผงลอยนี่ล่ะ ต่อสู้ในสนามรบของพ่อค้าแผงลอยแบบนี้ ถึงจะเป็นนักปฏิบัติภารกิจที่แท้จริง…
ลิ้มรสชาติชีวิตคนร้อยแปด ลองสัมผัสความเย็นชาและความอบอุ่นในใจคนให้ถถึงที่สุด
ไฉนจะมิใช่การฝึกฝนชนิดหนึ่งเล่า