ภารกิจขโมยใจ ผจญภัยต่างโลก - ตอนที่ 7 อนุภรรยาขุนศึก (7)
เมื่อได้ยินอินเป่ยเกอพูดถึงอินเป่ยเย่ว์ที่เสียชีวิตไปแล้ว แววตาของซูหว่านก็เศร้าสลดลงทันที
“อินเป่ยเกอ เจ้ามีคุณสมบัติอะไรที่จะดูแลข้าแทนเขา”
ว่าพลางซูหว่านก็หันหน้าไปอีกด้าน แล้วใช้แรงกัดลงบนหลังมือของอินเป่ยเกอ
อินเป่ยเกอเจ็บแปลบที่หลังมือ แต่เขาเพียงขมวดคิ้วเล็กน้อย การเคลื่อนไหวของมือกลับมิได้คลายออกแม้แต่น้อย
“มีหรือไม่มีคุณสมบัติ ท่านไม่ใช่คนตัดสิน ในบ้านสกุลอิน ข้าเป็นคนตัดสิน!”
อินเป่ยเกอพูดพลางอุ้มซูหว่านขึ้น คิดออกไปด้านนอก
พอเห็นนายพลน้อยทรงพลังเช่นนี้ ซูหนิงที่ยืนอยู่ด้านข้างก็กะพริบตาปริบๆ คนแรกที่นึกขึ้นได้ในใจ กลับเป็นท่านสาม…
ฮือๆๆ ท่านสามรีบมาช่วยสะใภ้ใหญ่เร็วเข้า…
“พี่สะใภ้!”
ขณะที่ซูหนิงร้องขอความช่วยเหลือในใจ ก็มีคนมาเคาะประตูจริงๆ
หญิงสาวที่ก้าวเข้ามา สวมกี่เพ้าสีแดงเข้ม คลุมผ้าคลุมขนสัตว์หรูหราสีขาวราวหิมะอยู่บนไหล่ ผมยาวสีดำทั้งศีรษะม้วนเป็นมวยสวยงาม ตกแต่งด้วยเครื่องประดับราคาแพงนานาชนิด
เมื่อเทียบกับซูหว่านในอ้อมอกอินเป่ยเกอ ที่มีสีหน้าซีดขาว สวมเสื้อนวมสองชั้นเรียบๆ แล้ว หญิงสาวตรงหน้าก็คืออัญมณีล้ำค่าที่เปล่งประกายไปรอบๆ
ในจวนสกุลอิน ผู้ที่กล้าแต่งตัวสูงส่งโอ่อ่าเช่นนี้ เห็นจะมีเพียงสะใภ้รองเหยารั่วฟางแล้ว
เหยารั่วฟางปีนี้เพิ่งอายุสิบเก้า เป็นสาวงามที่โดดเด่นสุดในบ้านสกุลเหยาเช่นเดียวกันกับป้าของนางเหยาไป๋เซียน โดยเหยาไป๋เซียนนั้นสวยสง่า ส่วนเหยารั่วฟางก็สวยสมบูรณ์แบบดุจสาวงามในภาพวาด
เหยารั่วฟางรู้ข่าวการกลับมาในวันนี้ของอินเป่ยเกอตั้งแต่เมื่อคืน ดังนั้นเมื่อคืนนางจึงอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแต่หัววัน และเช้าตรู่ของวันนี้ ก็กำชับเย่ว์ซิ่ว สาวใช้คนสนิท ให้ช่วยจัดแจงแต่งตัวอย่างประณีต กระทั่งบนร่างยังฉีดน้ำหอมฝ่าหลันซีที่ฮูหยินท่านรองฝากคนหิ้วมาจากต่างแดนโดยเฉพาะอีกด้วย
อย่างว่า คู่รักที่จากกันไประยะหนึ่ง ย่อมชนะเลิศคู่รักข้าวใหม่ปลามัน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าชายหนุ่มที่กำลังจะกลับมา ยังเป็นอินเป่ยเกอที่เหยารั่วฟางแอบรักมาตั้งแต่เด็กจนโตอีก
เพียงแต่สิ่งที่เหยารั่วฟางนึกไม่ถึงก็คือ นางอยู่ในเรือนตนเอง รอคอยสามีที่จากไปนานอย่างใจจดใจจ่อ ใครจะรู้เล่าว่า สามีตนเองพอกลับมาถึง ก็ตรงดิ่งไปที่เรือนข้างทันที มิได้เหยียบเข้าประตูเรือนตนเองด้วยซ้ำ
เรือนข้าง ซูหว่าน
หลังจากรู้ข่าวนี้ เหยารั่วฟางย่อมพาเย่ว์ซิ่วไปสังหารคนที่เรือนข้างทันที
ตอนนี้ เหยารั่วฟางจึงมายืนอยู่หน้าประตู จ้องมองคนในห้อง พลางขยำผ้าเช็ดหน้าในมือตนแน่นอย่างอดไม่ได้ ตลอดทางที่รีบพาเย่ว์ซิ่วรุดมา แม้นางพยายามสงบสติอารมณ์ตนเอง แต่ทันทีที่ก้าวเข้าประตูแล้วเห็นสามีตนเองอุ้มหม้ายสาวของพี่ชาย สถานการณ์เช่นนี้ ท่านจะให้นางใจเย็นได้อย่างไรกัน
ขณะจ้องมอง สีหน้าของเหยารั่วฟางก็ดูไม่ได้ขึ้นเรื่อยๆ จนเย่ว์ซิ่วที่อยู่ด้านหลังอดไม่ได้ที่จะดึงแขนเสื้อของเหยารั่วฟางเบาๆ แล้วโน้มตัวเข้ากระซิบที่ด้านหลังนาง “สะใภ้รอง ใจเย็นๆ เจ้าค่ะ”
ใจเย็น!ใจเย็น!
ถูก! ท่านป้าเตือนตนเสมอว่า เมื่อต้องเผชิญกับเรื่องราวใดๆ ล้วนต้องใจเย็นเข้าไว้! อย่าถูกคนยั่วโมโหจนหัวมึนเชียว!
ยิ่งไปกว่านั้น นางจิ้งจอกนั่นก็มีชีวิตอยู่ได้อีกไม่กี่วันแล้ว ไยตนต้องหึงคนตายคนหนึ่งด้วย
นึกถึงตรงนี้ เหยารั่วฟางค่อยโล่งอกไปหนึ่งเปลาะ จึงเก็บความรู้สึกอิจฉาริษยาของตนเอาไว้ ยิ้มน้อยๆ พลางเชิดหน้าขึ้น แต่แล้วพริบตานั้น ก็เห็นโลหิตซึมอยู่บนหลังมือของอินเป่ยเกอกลางสายตาพอดี
“เป่ยเกอ มือท่านบาดเจ็บแล้ว”
พอเหยารั่วฟางเห็นสามีตนเองได้เลือด ก็รีบก้าวเข้าไปโดยไม่รู้ตัว คิดใช้ผ้าเช็ดหน้าของตนพันแผลให้เขา แต่พอเข้าไปใกล้ แล้วเห็นรอยฟันที่หลังมือของเขา เหยารั่วฟางก็ค้างท่าอยู่อย่างนั้น
นางเงยหน้าขึ้นอย่างไม่อยากจะเชื่ออยู่บ้าง แต่สายตาก็เห็นคราบโลหิตที่มุมปากของซูหว่านพอดี
“นางกัดหรือ”
แววตาที่เหยารั่วฟางจ้องมองซูหว่านเปลี่ยนเป็นเย็นชายิ่ง…
อย่างไร ทำเช่นนี้ได้อย่างไรนี่!
พอซูหว่านเหล่ไปเห็นแววตาของเหยารั่วฟาง ก็อิงหน้ากับอกอินเป่ยเกอ แล้วหันหน้ามาทางเหยารั่วฟาง ก่อนยกมุมปากขึ้นในองศาเย้ยหยันและยั่วยุ “ข้าเอง”
รอยยิ้มยั่วอารมณ์ของซูหว่านในที่สุดก็จู่โจมสติสัมปชัญญะสุดท้ายของเหยารั่วฟางสำเร็จ “แกมันนางจิ้งจอก แกลงมาเลย ไม่รู้สึกอายบ้างหรือไร แม่หม้ายใกล้ตายคนหนึ่ง ยังมาทำยั่วยวน หลอกล่อน้องสามีของตัวเองอยู่ได้ ไร้ยางอายสิ้นดี!”
“พอได้แล้ว!”
พอเห็นเหยารั่วฟางก้าวเข้ามา จะดึงแขนของซูหว่าน แววตาของอินเป่ยเกอก็เย็นชาวูบ รีบดุเหยารั่วฟางพลางยกมือขึ้นผลักนางไปด้านข้าง “เจ้าเป็นบ้าอะไร ไม่เห็นหรือไรว่านางป่วยหนักอยู่”
“ป่วยหนัก? คนป่วยไหนเลยยังมีใจยั่วยวนผู้ชายอีก เห็นชัดว่าเสแสร้ง!”
หน้าสวยๆ ของเหยารั่วฟางบิดเบี้ยวไปบ้างจากความโกรธแค้น “อินเป่ยเกอ ข้าถึงเป็นภรรยาที่ถูกต้องต้องตามประเพณีของท่าน! นางเป็นพี่สะใภ้ท่าน! ต่อให้พี่ใหญ่ท่านตายไปแล้ว ชั่วชีวิตนี้นางก็เป็นได้แค่พี่สะใภ้ท่าน! ท่านไม่คำนึงถึงประเพณีเช่นนี้ รู้ถึงไหน มิอายถึงนั่นรึ”
“นี่เป็นเรื่องของข้า เหยารั่วฟาง เจ้าเจ้ากี้เจ้าการเกินไปแล้ว!”
เมื่อเห็นว่าเหยารั่วฟางพูดจาด้วยอารมณ์ สีหน้าของอินเป่ยเกอก็หมองหม่นลง
“แค่กๆ”
ในตอนนี้เอง ซูหว่านที่อยู่ในอ้อมอกอินเป่ยเกอกลับไออย่างรุนแรงขึ้นมา
พอได้ยินเสียงไอกรีดหัวใจนั่น อินเป่ยเกอก็รีบก้มลงมามองซูหว่านในอ้อมอกอย่างห่วงใย “ไม่มีอะไร ท่านอดทนหน่อยนะ ข้าจะพาท่านออกนอกจวนไปหาหมอเดี๋ยวนี้!”
“ไม่มีประโยชน์หรอก”
ซูหว่านเงยหน้าขึ้น จ้องมองใบหน้าสุขุมเยือกเย็นของอินเป่ยเกอ “อินเป่ยเกอ เจ้าไม่จำเป็นต้องแสร้งทำใจดีกับข้า ถ้าเจ้าต้องการดีต่อข้า ดีต่อเป่ยเย่ว์จริงๆ ละก็ เจ้าก็ไม่ควรจะอยู่ที่นี่ และไม่ควรทำเรื่องเหล่านี้!”
“อินเป่ยเกอ ความห่วงใยทั้งหมดที่เจ้ามี สำหรับข้าแล้ว ก็แค่ยาพิษทะลวงไส้! ทำไมข้าถึงต้องตกอยู่ในสภาพแบบนี้ เจ้าไม่เข้าใจหรือ”
ขณะพูด ซูหว่านพยายามลงมายืนด้วยตนเอง และครั้งนี้ คำพูดของนางทำให้อินเป่ยเกอยืนอึ้งอยู่กับที่ ซูหว่านจึงดิ้นหลุดจากอ้อมอกของเขาอย่างง่ายดาย พอเห็นนายของตนกำลังจะล้มลงกับพื้น ซูหนิงที่อยู่อีกด้านก็รีบก้าวเข้ามา ประคองร่างซูหว่านไว้ “สะใภ้ใหญ่ ระวังเจ้าค่ะ”
“ข้าไม่เป็นไร”
ซูหว่านเช็ดคราบโลหิตที่มุมปาก แล้วจึงเงยหน้ามองอินเป่ยเกอกับเหยารั่วฟาง “ที่นี่ไม่ต้อนรับพวกเจ้า พวกเจ้าไปเสียเถอะ!”
ว่าแล้วนางก็หันหน้าไปมองซูหนิงที่อยู่ด้านข้าง “ซูหนิง พยุงข้ากลับเข้าไปที”
“เจ้าค่ะ”
ซูหนิงพยักหน้า ก่อนพยุงซูหว่านหันหลังเดินกลับไปที่เตียงอย่างเงียบๆ
“ซูหว่าน!”
ขณะมองตามร่างอันซูบผอมของนาง อินเป่ยเกอก็ได้สติ จึงพลันเรียกชื่อนางออกมาเบาๆ อย่างอดไม่ได้
“การตายของพี่ใหญ่ ท่านยัง…โทษข้าอยู่ใช่หรือไม่”
“หึ”
ได้ยินคำพูดของอินเป่ยเกอ ซูหว่านก็ยิ้มเย็นชา “ข้าไม่โทษใครทั้งนั้น ทั้งหมดนี้เพียงโทษข้าที่มีตา หามีแววไม่ ชั่วชีวิตนี้ คนที่ข้าทำผิดด้วยมากที่สุด…ก็คือเป่ยเย่ว์ ข้าในตอนนี้สบายมาก อีกไม่นานก็จะไปอยู่เป็นเพื่อนเขาแล้ว ถ้าไม่มีใครอยู่เป็นเพื่อน เขาอยู่ข้างล่างจะว้าเหว่มาก ความว้าเหว่แบบนั้น…อินเป่ยเกอ เจ้าไม่มีวันรับรู้หรอก เจ้าไม่ใช่เขา ดังนั้น…ข้าไม่ต้องการเจ้า เชิญเจ้า พาภรรยาของเจ้าจากไปได้!”
พูดจบ ซูหว่านก็กลับถึงเตียงแล้ว จึงให้ซูหนิงปลดผ้าม่านบนเตียงลง ผ้าม่านลายปักสีน้ำเงินเข้ม แบ่งห้องเล็กๆ ออกเป็นสองโลกที่แตกต่างกัน…
อินเป่ยเกอ สิ่งที่นายคิดไปเองว่าดี กลับเป็นยาพิษทำร้ายผู้อื่น
เพื่อกวนหลีแล้ว นายสามารถสู้ตายโดยไม่คำนึงถึงอะไรทั้งสิ้น แต่สิ่งที่นายทำเพื่อซูหว่าน นอกจากทำร้ายนางครั้งแล้วครั้งเล่า ก็ไม่มีอื่นใดอีก…