ภารกิจขโมยใจ ผจญภัยต่างโลก - ตอนที่ 6 เหมยเขียวครองคู่ม้าไม้ไผ่ (6)
จากโรงเรียนประถมศึกษาที่สิบสามถึงซื่อเหอเยวี่ยนที่ซูหว่านอาศัยอยู่นั้น ต้องเดินผ่านสองซอย ในเวลานี้มีรถบนถนนไม่มากนัก ซูหว่านและเซี่ยฉังอานเดินเคียงข้างกันไปโดยไม่ได้พูดอะไร
เมื่อใกล้ถึงประตูบ้าน ซูหว่านก็หยุดฝีเท้าลงอย่างกะทันหัน ก่อนจะเรียกเซี่ยฉังอานไว้ “เซี่ยฉังอาน”
“อืม”
เมื่อได้ยินซูหว่านเรียก เซี่ยฉังอานก็หมุนตัวกลับมามองเธอด้วยรอยยิ้ม “มีอะไรหรอ?”
“ไม่มีอะไร ขอบคุณที่มาส่งฉันกลับบ้านนะ”
ซูหว่านยิ้มจางๆ ให้เซี่ยฉังอาน ก่อนสะบัดหางม้าหันหลังกลับ และเข้าไปในประตูลานบ้านพร้อมกับกระเป๋านักเรียนใบใหญ่ที่สะพายอยู่ เซี่ยฉังอานยืนมองตามหลังของซูหว่านอยู่ที่ประตูเป็นเวลานาน จากนั้นเขาก็ยิ้มและเดินไปยังประตูบ้านของตัวเอง
ทุกวันหลังซูหว่านเลิกเรียน ซูกั๋วเลี่ยงมักจะยังไม่เลิกงาน ทว่าวันนี้เมื่อซูหว่านก้าวผ่านกระตูไป ก็เห็นซูกั๋วเลี่ยงและหลิวลี่นั่งอยู่ที่โต๊ะทานอาหารในบ้าน ซูชิงเหมยที่อายุห้าขวบนั่งตาแดงก่ำอยู่ในอ้อมแขนของหลิวลี่ เมื่อเห็นร่างของซูหว่านเดินเข้าประตูมา สีหน้าของหลิวลี่ก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย ส่วนแววตาของซูชิงเหมยที่อยู่ในอ้อมกอดของเธอนั้นเป็นประกายขึ้น ซูชิงเหมยพยายามวิ่งลงมาจากอ้อมแขนของหลิวลี่ และวิ่งพุ่งไปอยู่ตรงหน้าของซูหว่าน “พี่สาว พี่สาว พี่รีบพูดกับพ่อแม่หน่อย พ่อจะขอหย่ากับแม่!”
หย่า?
ซูหว่านตกตะลึง เธอเหลือบมองไปยังซูกั๋วเลี่ยงโดยไม่รู้ตัว ชายผู้ซื่อสัตย์คนนี้นั่งอยู่บนเก้าอี้ด้วยสีหน้าจริงจัง เมื่อเห็นขี้บุหรี่ที่ข้างเท้าของเขา ซูหว่านก็อดเดินไปข้างหน้าไม่ได้ และเผลอพูดออกมาโดยไม่รู้ “พ่อ?”
“อืม ซูหว่าน ลูกกลับมาแล้วหรอ”
เมื่อได้ยินเสียงของลูกสาว ซูกั๋วเลี่ยงก็ฝืนยิ้มออกมาเล็กน้อย วันนี้เขาไม่ไปทำงาน หลังจากที่เขาใช้ตู้โทรศัพท์สาธารณะโทรไปลางานเมื่อเช้านี้ ซูกั๋วเลี่ยงก็ขี่จักรยานกลับมายังบ้านของเขาเอง เมื่อเห็นหลิวลี่กำลังยุ่งอยู่ในครัว ซูกั๋วเลี่ยงก็เดินไปบ้านเพื่อนบ้านอย่างเงียบๆ คนในลานนั้นต่างก็รู้สถานการณ์ภายในครอบครัวของซูกั๋วเลี่ยงดี เพียงแต่คนในยุคนี้ไม่ยินดีที่จะเข้าไปยุ่งเรื่องของชาวบ้าน วันนี้ซูกั๋วเลี่ยงเป็นฝ่ายไปเยี่ยมเยียนเพื่อนบ้านก่อน เดิมทีเพื่อนบ้านก็ไม่อยากจะให้เกิดปัญหา แต่ทว่ามันไม่ง่ายเลยที่จะสู้หน้าชายผู้ซื่อสัตย์คนนี้ได้อีกในภายหลัง ดังนั้นเขาจึงบอกเรื่องที่หลิวลี่ทุบตีด่าทอซูหว่านในทุกวันแก่ซูกั๋วเลี่ยง
คำพูดของซูหว่านและเหล่าเพื่อนบ้านได้ฉีกหน้ากากคนดีจอมปลอมของหลิวลี่ออกแล้ว
ซูกั๋วเลี่ยงเจ็บปวดใจเป็นอย่างมาก เขารู้สึกผิดต่อลูกสาวของเขา เมื่อตอนที่เขายังหนุ่ม ในช่วงเวลาที่ลำบากที่สุดนั้นก็ยังมีแม่ของซูหว่านที่คอยช่วยให้เขารอดผ่านมาได้ ไม่ง่ายเลยกว่าจะมีชีวิตที่ดีขึ้น แต่เธอกลับเสียชีวิตจากการทำงานหนักเกินไป
หลังจากที่ภรรยาเสียชีวิต ก็เหลือไว้เพียงเสี่ยวหว่านลูกสาวคนนี้ที่เป็นแก้วตาดวงใจของซูกั๋วเลี่ยง หลายปีมานี้ลูกสาวของเขาไม่เคยพูดอะไรสักคำ เขาเองก็ยุ่งอยู่กับการทำงาน และคิดมาเสมอว่าหลิวลี่จะปฏิบัติต่อซูหว่านเช่นเดียวกันกับที่ปฏิบัติต่อซูชิงเหมย น่าสลดใจ วันนี้ความจริงปรากฏแล้ว ซูกั๋วเลี่ยงผิดไปแล้ว ผิดอย่างไม่น่าให้อภัย
“พ่อ พ่อจะหย่ากับแม่จริงๆ หรอคะ?”
ซูหว่านวางกระเป๋าหนังสือลง ก่อนกระพริบตามองไปยังพ่อของตัวเองอย่างไม่วางตา
“อืม”
ซูกั๋วเลี่ยงพยักหน้ารับ
“ซูกั๋วเลี่ยง ใจคุณยังมีคุณธรรมอยู่บ้างมั้ย?”
จู่ๆ หลิวลี่ที่เงียบอยู่นานก็ลุกขึ้นด้วยสีหน้าไม่พอใจ “ใครกันที่คอยดูแลคนในบ้านตลอดหกปีมานี้? ฉันแต่งงานกับคุณเป็นวัวเป็นม้ารับใช้ มีลูกสาวให้คุณ ตอนนี้คุณสุขสบายแล้ว คุณจะมาบอกว่าไม่ต้องการฉันแล้ว และจะทิ้งฉันไปก็ได้งั้นหรอ? จะมีใครบนโลกนี้ดีได้เท่านี้อีก? พรุ่งนี้ฉันจะไปที่โรงงานของคุณ ไปหาหัวหน้าโรงงาน! ฉันจะให้ทุกคนช่วยตัดสิน!”
“หลิวลี่!”
เมื่อได้ยินคำพูดของหลิวลี่ สีหน้าของซูกั๋วเลี่ยงก็เคร่งขรึมขึ้น “คุณเลิกสร้างปัญหาได้หรือยัง? ที่คุณทำเพื่อบ้านนี้มามันก็ไม่น้อย ผมรู้สึกขอบคุณคุณมาก แต่คุณปฏิบัติต่อลูกสาวของผมยังไง? จะให้ผมเรียกเพื่อนบ้านละแวกนี้มาช่วยตัดสินมั้ยล่ะ? คุณอยากไปโรงงานของผมหรอ? ไปสิ! คุณไปตอนนี้เลย! แล้วมาดูกันว่าใครกันแน่ที่ต้องขายหน้าคนอื่น!”
มีคำกล่าวที่ว่า กระต่ายจะกัดคนเวลาโกรธ ยิ่งเป็นผู้ชายที่ประพฤติตนดี เมื่อเขาโมโหก็ยิ่งน่ากลัว
แน่นอนว่า เมื่อได้ยินคำพูดของซูกั๋วเลี่ยง หลิวลี่ก็เฉาลงไปทันที แม้ว่าเธอจะดูเหมือนเป็นคนดุดัน แต่แท้จริงแล้วเธอเป็นคนประเภทหมาเห่าไม่กัด
“ซูกั๋วเลี่ยง กั๋วเลี่ยง คุณดูสิ ชิงเหมยเพิ่งจะอายุเท่าไหร่เอง เสี่ยวหว่านเองก็ไม่มีแม่ไม่ได้ ฉัน… ต่อไปฉันจะไม่ตีไม่ด่าเธอแล้ว ถ้าคุณหย่ากับฉันแล้ว คุณจะไปหาใครได้อีก? จะมีผู้หญิงคนไหนที่เหมือนอย่างฉัน ที่พร้อมจะเป็นห่วงคุณ ดูแลลูกของคุณ?”
เมื่อเห็นว่าซูกั๋วเลี่ยงตัดสินใจเด็ดเดี่ยวแล้ว หลิวลี่ก็ปรับน้ำเสียงของเธอให้อ่อนลงทันที และเมื่อเธอหันกลับมา เธอก็เอื้อมมือออกไปจับซูหว่านไว้มั่น “เสี่ยวหว่าน เสี่ยวหว่านหนูอย่าโกรธแม่เลยนะ แม่สัญญานะ แม่สัญญาว่าต่อไปแม่จะไม่ตีไม่ด่าหนูอีก! หนูช่วยพูดกับพ่อหนูหน่อยเถอะนะ ถ้าพวกเราหย่ากันจริงๆ แล้วหนูกับน้องสาวจะอยู่ยังไง?”
เมื่อได้ยินคำยืนยันจากหลิวลี่ ซูหว่านก็ยิ้มเยาะอยู่ในใจ แต่ก็แสดงสีหน้าเหมือนลังเลใจ “พ่อคะ แม่เขา…” “เสี่ยวหว่าน ลูกไม่ต้องกังวล นี่เรื่องของผู้ใหญ่”
ซูกั๋วเลี่ยงถอนหายใจ วันนี้เขาครุ่นคิดมาทั้งวัน ในฐานะผู้ชายเขามีหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบครอบครัวอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ หากแม้แต่ลูกสาวตัวเองเขายังดูแลได้ไม่ดี ปกป้องคุ้มครองไม่ได้ แล้วเขาจะคู่ควรที่จะเป็นผู้ชาย คู่ควรที่จะเป็นพ่อได้อย่างไร?
“ฮือ! ฮือฮือ!”
ทันทีที่สิ้นเสียงของซูกั๋วเลี่ยง ซูชิงเหมยที่อยู่ข้างกายซูหว่านก็นั่งลงกับพื้นและเริ่มร้องไห้ “หนูต้องการแม่ พ่อขาหนูต้องการแม่ หนูไม่อยากได้แม่เลี้ยง!”
เด็กคนนี้…
เมื่อได้ยินคำพูดของซูชิงเหมยและเสียงร้องของเธอ ซูกั๋วเลี่ยงก็ตกตะลึงไปครู่หนึ่ง หลิวลี่ที่อยู่ข้างๆ ก็นั่งยองลงบนพื้นและกอดซูชิงเหมยไว้ในอ้อมแขนของเธอ “โธ่ ลูกที่น่าสงสารของแม่ หนูอย่าร้องเลยนะ แม่ไม่ทิ้งหนูไปไหนหรอก ซูกั๋วเลี่ยง ฉันผิดไปแล้วฉันจะแก้ไข หรือว่าคุณจะกล้าฝากลูกสาวทั้งสองคนของตัวเองไว้ในมือของผู้หญิงคนอื่นอีก?”
หลังจากที่ได้ยินเสียงร้องไห้ของลูกสาวคนเล็กและคำพูดของหลิวลี่แล้ว ซูกั๋วเลี่ยงก็เริ่มรู้สึกลังเล…
แม้ว่าหลิวลี่จะเป็นแม่เลี้ยงของซูหว่าน แต่อย่างน้อยเธอก็เป็นแม่ผู้ให้กำเนิดซูชิงเหมย!
หากว่าเขาหย่ากับหลิวลี่แล้ว เขาจะวางใจฝากลูกทั้งสองของเขาให้ผู้หญิงคนอื่นดูแลได้อย่างไร?
ต้องบอกว่า ผู้หญิงคนนี้ช่างฉลาดเสียจริง การร้องไห้นี้สามารถจับจุดอ่อนของซูกั๋วเลี่ยงได้จริงๆ
“พ่อคะ”
ซูหว่านที่เห็นว่าสถานการณ์เริ่มเปลี่ยนไป เธอก้าวไปข้างหน้าทันที ก่อนดึงแขนเสื้อของซูกั๋วเลี่ยงเบาๆ “พ่อคะ พ่ออย่าหย่ากับแม่เลยนะคะ ที่จริงแล้วแม่ก็ดีกับหนูมาก แม่ตีหนูเพราะว่าตอนเด็กๆ หนูไม่รู้จักคิด ตอนนี้หนูโตแล้ว หนูรู้เรื่องรู้ราวแล้ว ต่อไปแม่ไม่มีทางตีหนูอีกแล้ว ใช่มั้ยคะแม่?”
ขณะที่พูด ซูหว่านเงยหน้าขึ้นมองหลิวลี่ตาแป๋ว หลิวลี่ชะงักไปครู่หนึ่งก่อนจะรีบหยักหน้าอย่างสุดชีวิต “ใช่ ใช่เลย เสี่ยวหว่านเป็นเด็กดีที่สุด แม่จะไม่ทุบตีหนู!”
เฮ้อ
ซูกั๋วเลี่ยงถอนหายใจ หมุนตัวกลับมาเงียบๆ และเดินกลับไปยังห้องของเขา
เมื่อเห็นเช่นนี้ หลิวลี่ก็กอดลูกสาวตัวเอง และถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
ในยุคสมัยนี้ การหย่าร้างเป็นเรื่องใหญ่มากสำหรับผู้หญิง และจริงๆ แล้วหลิวลี่เองก็ชอบซูกั๋วเลี่ยงชายผู้ซื่อสัตย์ด้วยใจจริง เธอเองก็รู้ว่าหากเธอต้องเสียผู้ชายคนนี้ไป ชั่วชีวิตจากนี้ไปก็คงไม่มีทางได้พบเจอผู้ชายอย่างซูกั๋วเลี่ยงอีกแล้ว
“เสี่ยวหว่าน”
หลังจากที่เช็ดน้ำตาให้ซูชิงเหมยแล้ว หลิวลี่ก็หันไปมองและยิ้มให้ซูหว่านทันที “เสี่ยวหว่าน ตอนเย็นอยากกินอะไรลูก เดี๋ยวแม่จะทำให้กิน”
“อืม กินซี่โครงแล้วกันค่ะ น้องชอบกิน”
ซูหว่านมองหลิวลี่อย่างไร้เดียงสาและกระซิบ เมื่อได้ยินคำพูดของเธอ หลิวลี่ก็ยิ้มออกมา “ได้ งั้นกินซี่โครงนะ”
หลังจากที่หลิวลี่เข้าไปในห้องครัวแล้ว ซูหว่านก็หมุนตัวกลับไปในห้องเล็กของตัวเอง เธอเพิ่งจะวางกระเป๋าหนังสือลง ร่างเล็กๆ ของซูชิงเหมยก็มาปรากฏตรงหน้าของเธอแล้ว
“พี่สาว”
“อืม เป็นอะไรไป?”
ซูหว่านมองซูชิงเหมยที่อยู่ตรงประตู พลางหยิบกล่องเครื่องเขียนออกมา
“พี่คะ พี่อย่าโกรธแม่เลยนะ ต่อไปแม่ไม่ตีพี่แล้ว อีกอย่าง… ถ้าชิงเหมยโตขึ้น ก็สามารถปกป้องพี่ได้แน่!”
ซูหว่าน เหอๆ
ความรักลึกซึ้งระหว่างพี่น้อง!
แล้วทำไมชาติก่อนเจ้าหนูถึงไม่รู้จักปกป้องพี่สาวล่ะ? ตอนนี้อยากแย่งผู้ชายของพี่สาว ก็เลยรู้สึกผิดเป็นแล้วงั้นหรอ ถึงคิดจะปกป้องพี่สาว?
ความรักลึกซึ้งระหว่างพี่น้องบ้านแกสิ
ซูหว่านเยาะเย้ยอยู่ในใจ แต่ยังคงแสดงสีหน้าซาบซึ้งออกมา “ขอบคุณนะชิงเหมย พี่รู้ว่าเธอเป็นเด็กดี”
เด็กน้อยจอมปลอม รีบไล่ตามภรรยาเจ้าเล่ห์ของคุณเถอะ แน่นอนว่าปัญหาคือคุณจะตามทันไหม!
เซี่ยฉังอาน...
เมื่อนึกถึงพระเอกของเรื่องนี้ที่เหมือนจะกลับมาเกิดใหม่แล้ว ซูหว่านก็อดไม่ได้ที่จะจับตาดูเขา แท้จริงแล้วภารกิจนี้มีช่องโหว่อะไรหรือเปล่านะ?