ภารกิจขโมยใจ ผจญภัยต่างโลก - ตอนที่ 4 ปีศาจห้วงลึก (4)
เผ่าปีศาจนรกกับเผ่าปีศาจธรรมดาไม่ใช่เผ่าเดียวกัน อืม จะพูดอย่างไรดี
เผ่าปีศาจธรรมดา เมื่อตกอยู่ในอันตรายถึงชีวิต จะกลายร่างเป็นปีศาจ ซึ่งมีรูปลักษณ์อันทรงพลังและเย็นชา มีพลังป้องกันและทำลายล้างอันยอดเยี่ยม ส่วนปีศาจนรก เมื่อตกอยู่ในอันตราย จะกลายร่างเป็นอสูร
ปีศาจนรกธรรมดากลายร่างเป็นสุนัขนรก ปีศาจนรกที่ทรงพลังอาจกลายร่างเป็นสุนัขนรกสองหัว กระทั่งสามหัวก็มี
สรุปแล้ว นี่เป็นเผ่าพันธุ์ที่แข็งแกร่งและยากตอแยสุดๆ นักเวทนรกก็ยิ่งเป็นผู้โดดเด่นของเผ่าพันธุ์
ซูหว่านนึกไม่ถึงว่า เบลเลียที่มีท่าทางตุ้งติ้ง กลับเป็นนักเวทนรกชั้นสูงตนหนึ่ง เราจะตัดสินคนจากหน้าตาไม่ได้จริงๆ
ขณะที่ซูหว่านกำลังประเมินเบลเลียอยู่นั้น เบลเลียก็เลิกคิ้ว แล้วมองดูซูหว่านอย่างแปลกใจเช่นกัน
ปีศาจตนนี้ไม่ธรรมดา
เดิมทีเบลเลียแค่รู้สึกว่าซูรุ่ยโดดเด่นในหมู่ฝูงชน ไม่เหมือนปีศาจธรรมดา ตอนนี้พอมองดูปีศาจทรงเสน่ห์ข้างกายเขา หัวใจที่อยากผูกมิตรของเบลเลียก็เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ “พี่ชายท่านนี้ ถ้าท่านเข้าแถวรอการเคลื่อนย้ายแบบนี้ อาจต้องรอจนถึงฟ้ามืด อันที่จริงข้ามีป้ายผ่านทางประจำตระกูลที่ใช้เบิกทางให้คนในตระกูลอยู่ ครั้งหนึ่งเคลื่อนย้ายได้ห้าสิบคน ท่านก็เห็นแล้วว่าข้ามีผู้ติดตามเพียงยี่สิบคน เดิมทีข้าก็ไม่อยากใช้บารมีของตระกูลหรอก แต่เมื่อเราได้พบเจอกัน ก็ถือว่ามีวาสนาต่อกัน ไม่ทราบว่าท่านจะยอมหรือไม่ยอมร่วมทางไปกับข้านี่สิ”
ขณะพูด เบลเลียก็ล้วงป้ายคำสั่งอันหนึ่งออกจากชุดยาวนักเวทของตน พอเห็นตัวอักษรขนาดใหญ่คำว่า ‘ฟิตต์’ บนป้ายคำสั่ง ม่านตาของซูหว่านกับซูรุ่ยก็หดลงเล็กน้อย
ตระกูลฟิตต์ ตระกูลปีศาจนรกที่แข็งแกร่งสุดในห้วงลึกชั้นกลาง!
ให้ตายสิ นี่มันเรื่องอะไรกัน เพิ่งออกจากพระนางได้ ก็มาเจอสมาชิกในตระกูลวายร้ายบอสเสียแล้ว
แต่เบลเลีย ชื่อนี้ไม่คุ้นเอาเสียเลย ซูหว่านลองค้นหาในโครงเรื่องที่ตนรู้มาสักพัก ก็ไม่เจอชื่อนี้ กระทั่งชื่อที่คล้ายๆ กันก็ไม่มี
เห็นที เบลเลียผู้นี้ ถ้าไม่ใช่ทหารผู้ถูกส่งไปรบในสงครามที่ไม่เป็นธรรม ก็เป็นผู้ที่อยู่ในห้วงลึกชั้นลึก ที่ไม่เคยออกมาเลย…
ขณะที่ซูหว่านกำลังครุ่นคิด ซูรุ่ยที่อยู่อีกด้านก็ขบคิดเล็กน้อย ก่อนเงยหน้าขึ้น เหลือบมองเบลเลีย “ข้าชื่อแรมปา นางชื่อซู เป็นสาวใช้ของข้า”
“อ้อ”
พอเบลเลียเห็นว่าในที่สุดซูรุ่ยก็ยอมเปิดเผยชื่อตนเอง ก็รีบยิ้มแก้มปริ “พี่แรมปา เชิญทางนี้! เราเข้าสู่ช่องเทเลพอร์ตในตอนนี้น่ะดีที่สุดเลย พอไปถึงห้วงลึกชั้นลึก ข้าจะพาท่านไปยังฐานที่มั่นของตระกูลฟิตต์เรา ที่นั่นมีนางปีศาจอเวจีที่เซ็กซี่สุดในห้วงลึกชั้นลึก แถมยังมีสุราอาหารที่เลิศรสสุดอีกด้วย!”
พอได้ยินคำพูดของเบลเลีย ซูรุ่ยก็ได้แต่พูดไม่ออก
นางปีศาจอเวจีอะไร แม่ทัพซูไม่สนใจเลยสักนิด ตกลงไหม
นางปีศาจที่ใช้ร่างกายเป็นอาวุธ ใช้กามารมณ์ปรนนิบัติผู้คน ยังคงอยู่ห่างๆ อย่างนับถือจะดีกว่า
พอเบลเลียกลับไปยังที่เดิมของตน ผู้ติดตามที่เขาพามาด้วยคนหนึ่งก็ทำลับๆ ล่อๆ ก้าวเข้ามาใกล้เขาพลางมองดูซูรุ่ยกับซูหว่านอย่างระแวดระวัง ก่อนกระซิบอะไรบางอย่างที่ข้างหูเบลเลีย แม้เขาพูดเสียงเบาและระวังตัวมากแล้ว แต่พลังจิตของซูรุ่ยกับซูหว่านในตอนนี้ ยังคงได้ยินคำพูดของเขาอย่างชัดเจน…
“นายน้อยเบล สองคนนี้ดูอันตรายทีเดียว ท่านพาพวกเขาไปด้วย จะส่งผลต่อแผนของเราหรือไม่”
พอได้ยินคำพูดของผู้ติดตาม เบลเลียก็ไม่ได้พูดอะไร กลับหัวเราะ “เจ้ากังวลไปไย เรื่องนี้ข้าเป็นคนตัดสินใจเอง”
ขณะพูด เบลเลียก็จ้องมองซูรุ่ยกับซูหว่านพลางยิ้มหวาน “ขออภัยที่เข้มงวดไม่ดีพอ ทำให้พี่แรมปาหัวเราะเยาะแล้ว!”
ซูรุ่ย…
ซูหว่าน ‘หรือหนุ่มตุ้งติ้งสนใจแม่ทัพซูของฉันเข้าให้แล้ว ให้ตายสิ กลุ้มจริงๆ เลย’
ซูรุ่ยเพิกเฉยต่อความเป็นมิตรของเบลเลีย ดีที่เบลเลียเป็นคนหน้าด้านโดยธรรมชาติ จึงไม่รู้สึกกระอักระอ่วนใจ ยังคงยิ้มเองเออเอง “ไปกันเถอะ ข้าจะนำป้ายคำสั่งไปบอกให้พวกเขาเปิดช่องทางเทเลพอร์ตพิเศษของตระกูลฟิตต์!”
“อืม”
ซูรุ่ยพยักหน้า แล้วจับมือซูหว่าน ทั้งสองเดินตามหลังเบลเลียไป กลุ่มคนเดินเข้าไปในกลไกกระบวนการเคลื่อนย้ายมวลสารอย่างราบรื่น กระทั่งค่าใช้จ่ายในการเทเลพอร์ตก็ไม่ต้องเสีย
ขณะกลไกเทเลพอร์ตโดยรอบส่องแสงเจิดจ้า ซูหว่านเพียงรู้สึกตาลาย อากาศรอบด้านคล้ายบิดเบี้ยว ดีที่ซูรุ่ยจับมือไว้ตลอด เมื่อความปั่นป่วนของเวลาและพื้นที่ถาโถมเข้ามา ซูรุ่ยก็โอบกอดซูหว่านไว้ในอ้อมแขนตามจิตใต้สำนึก
“มีบางอย่างไม่ถูกต้อง!”
ไม่รู้ว่าใครในกลุ่มตะโกนขึ้น ทันใดนั้นก็มีแสงเย็นวูบวาบ ใบมีดน้ำแข็งจำนวนนับไม่ถ้วนบินเข้ามาจากทุกทิศทุกทาง!
มีผู้ลอบสังหาร! อีกทั้งยังปะปนอยู่ในกลุ่ม! พลังจิตไม่สูง เป็นเพียงนักเวทปีศาจสายน้ำแข็งธรรมดา แต่เมื่อทำการจู่โจมในกลไลเทเลพอร์ตที่ไม่เสถียร แม้เป็นเพียงมีดน้ำแข็งธรรมดา ก็ยังคงปลิดชีวิตได้! ช่างโชคร้ายเสียนี่กระไร!
พอรู้สึกว่าตนต้องมาประสบกับเหตุเภทภัยโดยไม่รู้สาเหตุ ซูรุ่ยก็พูดไม่ออกเช่นกัน มิน่าเล่าในเนื้อเรื่องที่ตนกับซูหว่านรู้มา ถึงไม่มีตัวละครชื่อเบลเลียเลย นี่เป็นความรู้สึกของทหารที่ถูกส่งไปในสงครามใหญ่ที่ไม่เป็นธรรมชัดๆ!
ตอนนี้กลไกเทเลพอร์ตได้ดำเนินไปกว่าครึ่งแล้ว ซูรุ่ยรู้สึกว่ามาถึงห้วงลึกชั้นลึกแล้ว เขาจึงอดไม่ได้ที่จะโอบซูหว่านไว้ พลางกระซิบที่ข้างหู “ผมสามารถใช้พลังวิญญาณฝ่ากระแสวนของห้วงมิติได้ แต่ไม่สามารถรับรองได้ว่าเราจะลงสู่พื้นได้อย่างปลอดภัย”
“ไม่เป็นไร” ซูหว่านใช้พลังจิตสื่อสารกับซูรุ่ย
“ตอนเล่นแร่แปรธาตุ ฉันเหลือเครื่องรางวาร์ปอยู่ไม่กี่ชิ้น สักพักพอออกไป ฉันจะรีบใช้พลังจิตกระตุ้นเครื่องรางวาร์ป เราจะได้โยกย้ายไปที่อื่นต่อ พอพบที่ที่ปลอดภัยค่อยหยุด!”
“ดี!”
เมื่อได้รับคำตอบจากซูหว่าน ซูรุ่ยก็วางใจลง เขารวบรวมพลังภายในกับพลังจิตไว้ที่ดาบอัศวินในมือ แล้วฟันลงอย่างแรงทันที กลไลเทเลพอร์ตทั้งหมดพลันสั่นสะเทือนเลือนลั่น ก่อนปริแตกเป็นช่องเล็กๆ ช่องหนึ่ง ซูรุ่ยหันไปทางกระแสลมหวีดหวิว พลางโอบซูหว่านกระโดดลงไปอย่างไม่ลังเลใจแม้แต่น้อย ในเวลาคับขันอย่างนี้ เงาดำสายหนึ่งได้พุ่งเข้าใส่ร่างของซูหว่านฉับพลันทันที
นาทีนี้ ซูหว่านไม่มีเวลาคิดมาก นางรวบรวมพลังจิต เดินเครื่องรางวาร์ปกลางอากาศ
วาร์ปครั้งแรก รอบบริเวณเต็มไปด้วยสัตว์ประหลาดกินคน ซูหว่านไม่กล้าหยุดนิ่ง รีบทำการวาร์ปครั้งที่สอง ผลก็คือ ตกลงไปในกองโครงกระดูก!
ให้ตายสิ!
ครั้งที่สาม ครั้งที่สี่!
หลังจากใช้เครื่องรางวาร์ปไปห้าชิ้น ในที่สุดซูหว่านกับซูรุ่ยก็ตกลงอย่างปลอดภัยในป่าเขาที่ดูเหมือนเงียบสงบ
อืม พูดให้ถูกต้องก็คือ ไม่ได้มีแค่พวกเขาสองคน!
“เลอะโคลนหมดแล้ว! เจ้าลงไปเลย!”
ซูหว่านหันมองสุนัขนรกที่เกาะอยู่บนร่างตน พลางใช้พลังจิตสื่อสารกับมันอย่างไม่สบอารมณ์
เอ่อ เอ่อ
เบลเลียผู้กลายร่างเป็นสุนัขนรกสองหัวรีบกระโดดลงจากหลังของซูหว่าน
“ดุอะไรกันนักกันหนา ตกใจหมดเลย!”
“ให้ตายสิ เจ้าหุบปากเดี๋ยวนี้!”
“ข้าไม่หุบ ก็คนมันกลัวนี่!”
“ให้ตายสิเจ้าเชื่อหรือไม่ว่า ข้าจะฆ่าเจ้า ตุ้งติ้งดีนัก!”
ขณะมองดูหัวทั้งสองของเบลเลียพูดจาโต้ตอบกันไปมา ข้าคำเจ้าคำ ซูหว่านกับซูรุ่ยที่อยู่อีกด้านก็มึนงงแล้วเช่นกัน
มิน่าเล่า ถึงพูดกันว่าเผ่าปีศาจนรกเป็นเผ่าที่ไม่กลัวความว้าเหว่เป็นที่สุด
พับผ่าสิ เจ้าลองมีสองหัวหรือสามหัวในตัวเดียวดู!