ภารกิจขโมยใจ ผจญภัยต่างโลก - ตอนที่ 7 ปีศาจห้วงลึก (7)
ผู้คุมกฎแห่งห้วงกาลอวกาศ
พอได้ยินคำถามของซูรุ่ย สีหน้าของติงจยาจยาก็ค่อนข้างเหยเก “ฉันกับแฟรงค์ย่อมเคยประมือกับเขา พลังของเขาแข็งแกร่งมาก ที่สำคัญสุด เขาไม่มีสถานะที่แน่นอน สามารถกลายร่างเป็นใครก็ได้ในโลกใบนี้ กระทั่งมีความทรงจำทั้งหมดของคนผู้นั้น!”
นี่จึงเป็นจุดที่น่ากลัวที่สุดของผู้คุมกฎแห่งห้วงกาลอวกาศ ทำให้ยากป้องกันตัว!
“ครั้งก่อนเขากลายร่างเป็นฉัน ล่อแฟรงค์ไปที่แดนชำระวิญญาณ เดิมทีเขาตัดสินใจสังหารแฟรงค์ที่นั่น แต่แฟรงค์เป็นนักเวทวิญญาณไง! ตอนอยู่ที่แดนชำระวิญญาณ นอกจากไม่ตายแล้ว ตรงกันข้าม ยังเพิ่มพูนพลังของตัวเองได้อีก ผู้คุมกฎนั่นจึงตามไล่ล่าเขาตลอด แต่แฟรงค์ก็หลบซ้ายป่ายขวาได้ตลอด ภายหลังถึงบังเอิญตกลงไปในถ้ำใต้ดิน จากนั้นก็พบกับราชันย์ซากศพนรกตนนั้น!”
อะไรเรียกว่ารูปหล่อเป็นต่อ อะไรเรียกว่าออร่าตัวเอก เชิญดูแฟรงค์เป็นตัวอย่าง
นี่คือบุตรของกฎแห่งโลกชัดๆ บุตรแท้ๆ แบบ 24k ทีเดียวเชียว!
ถูกล่าสังหารตลอด ไม่เคยถูกกำจัด! หลบหนีอยู่ตลอด อัปเลเวลตลอดทาง!
พอได้ยินคำพูดของติงจยาจยา ซูรุ่ยกับซูหว่านก็สบตากัน แล้วซูรุ่ยก็เอ่ยปากถามอย่างอดไม่ได้อีก “แฟรงค์ พวกเจ้าพบเจอผู้คุมกฎครั้งล่าสุดเมื่อไหร่”
“เอ่อ”
เมื่อได้ยินคำถามของซูรุ่ย แฟรงค์กับติงจยาจยาล้วนขมวดคิ้วขบคิด
“ประมาณ…ก่อนที่เราจะมาที่นี่?”
ติงจยาจยาเอ่ยขึ้นก่อนแฟรงค์ “ตอนที่ฉันไปตามหาแฟรงค์ที่แดนชำระวิญญาณ เขาหนีออกมาได้อย่างราบรื่นแล้ว ข้างกายยังพาราชันย์ซากศพนรกมาด้วย”
ตอนนั้นติงจยาจยาได้ส่งข้อความขอความช่วยเหลือไปยังสำนักงานใหญ่แล้ว ดังนั้นเยี่ยซินจึงรู้ตำแหน่งของติงจยาจยาจากข้อความที่ได้รับ ว่าอยู่ในแดนชำระวิญญาณ
“ไม่ผิด! หลังจากเราออกจากแดนชำระวิญญาณ ก็ตรงมาที่นี่เลย อาจเป็นเพราะฐานที่มั่นนี้มีชนเผ่าปีศาจรวมตัวกันอยู่มากมาย เขาจึงไม่ปรากฏตัวสักที”
พอได้ยินคำพูดของติงจยาจยา แฟรงค์ก็ผงกศีรษะ “ผู้คุมกฎแห่งห้วงกาลอวกาศนั่น แม้แข็งแกร่งมาก แต่เขาเหมือนถูกจำกัดด้วยกฎของโลกใบนี้ จะใช้อำนาจเหนือโลกใบนี้ไม่ได้ และที่พวกเขายกยอตนเองว่าเป็นผู้พิทักษ์แห่งห้วงกาลอวกาศ ก็หมายถึง ไม่สามารถทำลายสมดุลของโลกใบนี้ ขณะเดียวกันก็ไม่สามารถฆ่าสิ่งมีชีวิตใดๆ ใน โลกใบนี้ได้”
ไม่ผิด ผู้คุมกฎเหล่านั้นมีกฎเกณฑ์ที่เข้มงวดเช่นกัน พวกเขาสามารถบังคับใช้กฎโดยการแปลงกายเป็นใครก็ได้ แต่กลับไม่สามารถฆ่าชาวพื้นเมืองผู้ใดผู้หนึ่งของโลกใบนี้ได้ หาไม่แล้วก็จะถูกคว่ำบาตรเหมือนกัน
พูดอีกอย่างก็คือ พวกเขาสามารถลงมือได้แต่กับเหล่าผู้มีชีวิตเหนือธรรมชาติอันได้แก่ ผู้ที่ทะลุมิติ ผู้กลับชาติมาเกิดใหม่ โฮสต์ของระบบ และเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติภารกิจ ด้วยการฆ่าหรือขับไล่ออกไป
ส่วนคนอื่นๆ พวกเขาไม่สามารถฆ่าได้
นี่ อาจเป็นจุดอ่อนของผู้คุมกฎแห่งห้วงกาลอวกาศ?
ไม่ แค่มีจุดอ่อนก็พอแล้วเหรอ สิ่งที่พวกตนต้องทำก็คือ ป้องกันตัวและโต้กลับ ไม่ใช่เอาแต่หนี!
“ซูหว่าน”
ติงจยาจยาชำเลืองมองซูหว่านอย่างมีนัย “เธอกับซูรุ่ยรู้จักกับเบลเลียนั่นได้ยังไว ทำไมฉันถึงไม่พบตัวเอกแบบนี้ในบันทึกเนื้อเรื่องของฉัน”
เบลเลีย
พอได้ยินคำถามของติงจยาจยา ซูหว่านก็รีบใช้พลังจิตสื่อสารกับติงจยาจยา เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นตอนตนกับซูรุ่ยเจอกับเบลเลียทั้งก่อนและหลังทั้งหมดให้ฟัง
เมื่อได้ยินคำพูดของซูหว่าน ตาสวยของติงจยาจยาก็กะพริบ “พวกเธอว่าเขา มีสิทธิ์เป็น…ผู้คุมกฎไหม”
ซูหว่านกับซูรุ่ยกลับไม่แปลกใจกับคำถามของติงจยาจยามากนัก เพราะพวกเขาเองก็ไม่ได้เชื่อใจในตัวเบลเลียมากมาย
“จะให้ข้าทดสอบดูหรือเปล่าล่ะ”
ติงจยาจยาถามเสียงเบาพลางยิ้มอย่างอ่อนโยน แต่ซูรุ่ยที่อยู่อีกด้านกลับเหลือบตาขึ้นอย่างเย็นชา “ไม่ต้องทดสอบ ฆ่าไปเลย”
ถ้าฆ่าตายไป ก็แค่ทหารที่ถูกส่งไปรบในสงครามที่ไม่เป็นธรรมตายไปนายหนึ่ง
แต่ถ้าฆ่าไม่ตาย ก็จะเผยสถานะผู้คุมกฎแห่งห้วงกาลอวกาศของเขาไปโดยปริยาย
“ไม่ต้องแล้ว”
พอได้ยินคำพูดของซูรุ่ย แฟรงค์ที่อยู่อีกด้านพลันโบกมือ ฉากกั้นเวทในห้องหายลับไปกับตา
“เบลเลียหนีไปแล้ว”
หนีไปแล้ว?
ซูรุ่ยรีบทำสมาธิ สัมผัสกลิ่นอายของเบลเลีย ให้ตายสิ! ไม่อยู่แล้วจริงๆ!
ซูหว่าน…
หนีเพราะกลัวจะถูกจับได้เนี่ยนะ
ไม่สิ หรือเบลเลียอาจไม่ใช่ผู้คุมกฎ?
ซูหว่านอดไม่ได้ที่จะสงบสติอารมณ์ลง ครุ่นคิดสักพัก
ถ้าเบลเลียเป็นผู้คุมกฎแห่งห้วงกาลอวกาศ ระหว่างการเคลื่อนย้ายมวลสาร เขามีโอกาสที่จะลอบจู่โจมตนกับซูรุ่ย แต่เขาก็ไม่ได้ทำนี่!
แน่นอน นี่ยังไม่ตัดความเป็นไปได้ที่เขาเจตนาทำแบบนั้นออก
ความแข็งแกร่งของแฟรงค์ กับโชคในการฝืนชะตาของเขา ยังคงเป็นเรื่องที่รับมือยากจริงๆ หรือไม่ก็ผู้คุมกฎ คิดไปเองว่า การขัดแย้งกันซึ่งหน้า ไม่เป็นผลดีต่อตน จึงตัดสินใจใช้วิธีแบบอ้อมๆ หน่อย
“ซูรุ่ย”
ซูหว่านใช้พลังจิตของตนสื่อสารกับซูรุ่ย “คุณรู้สึกว่าเบลเลียเป็นผู้คุมกฎ หรือเปล่า”
“เหมือนจะไม่”
“เป็นไปไม่ได้ที่ผู้คุมกฎจะเผยตัวตนง่ายๆ แบบนี้” ซูรุ่ยตอบซูหว่าน
ไม่ผิด
ซูหว่านก็รู้สึกเหมือนกันว่า เรื่องไม่น่าจะง่ายดายอย่างนี้
“ติงจยาจยา”
ซูหว่านพลันเอ่ยปาก เสียงเย้ายวนชวนไหลหลง ทำให้ผู้คนทั้งสามในห้องเคลิบเคลิ้ม
“พับผ่าสิ ซูเสี่ยวหว่าน ที่แท้เธอพูดได้นี่!”
ติงจยาจยาที่อยู่อีกด้านตะลึงงัน จากนั้นก็รีบยกมือขึ้นตบบ่าซูหว่าน “ฉันยังนึกว่าเธอพูดไม่ได้ซะอีก! ไม่ถูก เสียงนี้ของเธอ แหะๆ ไม่พูดก็ดี เย้ายวนชวนจั๊กจี๊หัวใจชะมัด คืนนี้ ฉันนอนกับเธอนะ! เธอเล่านิทานให้ฉันฟัง ฉันต้องหลับยาวจนถึงเช้าแน่!”
ซูหว่าน…
“อะแฮ่ม”
ซูรุ่ยที่อยู่อีกด้านกระแอมไออย่างเคร่งขรึมขึ้นมาอีก “ภรรยา คุณอยากจะพูดอะไร”
“ติงจยาจยา ในเมื่อเราหาเจ้าพบแล้ว พวกเราก็กลับกันเถอะ”
ซูหว่านยังคงจ้องหน้าติงจยาจยา พลางพยายามเปล่งเสียงให้เบาลง ผู้ปฏิบัติภารกิจสามารถขอออกจากภารกิจก่อนเวลา ซึ่งจะถูกตัดสินว่า ภารกิจล้มเหลวโดยอัตโนมัติ
การล้มเหลวหนึ่งภารกิจ ไม่นับเป็นอะไรได้ อย่างไรเสีย ผู้ปฏิบัติภารกิจก็มิใช่ทำได้ทุกอย่าง
“ไม่ได้!”
ติงจยาจยารีบปฏิเสธเสียงดัง “ถ้าฉันจากไป แฟรงค์จะตกอยู่ในอันตราย ซูหว่าน ที่ฉันเรียกพวกเธอมา เพราะอยากให้พวกเธอกับฉันร่วมมือกันช่วยเขาผ่านด่านยากนี้ไปให้ได้ แน่นอน ถ้าพบเจอภยันตราย หลังจากที่ฉันตัดการติดต่อ พวกเธอทั้งสองก็ข่มใจถอยออกได้ทุกเมื่อ”
พอพูดเรื่องราวเหล่านี้จบ ดวงตาของติงจยาจยาก็ฉายแววสงสัยขณะมองหน้าซูหว่านไม่วางตา…
ซูหว่านในความทรงจำของเธอ เมื่อพบเจอเรื่องราวใดๆ ล้วนไม่ถอยหนี แล้วทำไมวันนี้ถึงมีท่าทีแปลกๆ แบบนี้ล่ะ
ผู้คุมกฎแห่งห้วงกาลอวกาศสามารถแปลงเป็นใครก็ได้ในห้วงกาลอวกาศนี้ กระทั่งสามารถอ่านความทรงจำของใครก็ได้
ถ้าอย่างนั้น ผู้คุมกฎนั่นจะเป็นหนึ่งในพวกเขาไหม
ใครล่ะเชื่อใจได้
ใครอีกล่ะที่ถูกปลอมตัวมา
นาทีนี้ติงจยาจยาพลันไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี ว่ากันตามเหตุผล ถ้าผู้คุมกฎแข็งแกร่งมาก เขาก็ไม่มีความจำเป็นต้องเสแสร้งกับพวกตน แต่ในโลกนี้ อุบัติเหตุเกิดขึ้นได้เสมอ ถ้าผู้คุมกฎปะปนอยู่ในนี้จริงๆ ล่ะ
ขณะที่ติงจยาจยากำลังสงสัย ซูหว่านกับซูรุ่ยก็ลอบส่งสายตาให้แก่กัน
พวกเขาก็รู้สึกเช่นกันว่า ผู้คุมกฎนั่นอยู่ข้างกายตน
เขา คือใครกัน