ภารกิจขโมยใจ ผจญภัยต่างโลก - ตอนที่ 38 บททดสอบบำเพ็ญเพียร (38)
“เจ้าเป็นอนุชนของเผ่ากลืนวิญญาณ?”
เลี่ยเหยียนเซียนจวินมองชายชุดขาวที่ทะยานร่างมาอยู่ตรงหน้าคนนั้น แววตาเริ่มเย็นชาและซับซ้อนขึ้น
เผ่ากลืนวิญญาณเป็นเผ่าอารยชนบรรพกาล พวกเขาเป็นที่รักของสวรรค์ ตั้งแต่กำเนิดพวกเขาก็มีพรสวรรค์ด้านจิตวิญญาณอย่างไม่มีใครเทียบ และเผ่ากลืนวิญญาณวัยผู้ใหญ่ทุกคนสามารถมองทะลุจิตวิญญาณของคนคนหนึ่งได้ และสามารถกลืนกินจิตวิญญาณของผู้ที่อ่อนแอกว่าเข้ามาเพื่อเพิ่มพลังบำเพ็ญของตัวเอง
ในอาณาเขตรกร้าง เผ่ากลืนวิญญาณต่างเป็นที่หวาดกลัวและถูกปฏิเสธจากเผ่าอื่น เมื่อหมื่นปีก่อนในมหาสงครามครั้งหนึ่ง เผ่ากลืนวิญญาณถูกพันธมิตรตนหักหลัง เผ่าเกือบล่มสลาย อนุชนเผ่ากลืนวิญญาณที่รอดชีวิตมาได้อย่างยากลำบากก็ย่ำเท้าเข้าสู่แผ่นดินใหญ่ชางเย่ว์ ใช้ชีวิตอย่างไม่เปิดเผยตัวตน
ต่อมา ร่องรอยของเผ่ากลืนวิญญาณยังคงถูกผู้บำเพ็ญเพียรแห่งแผ่นดินใหญ่ชางเย่ว์ค้นพบ พวกเขาเริ่มการไล่ล่าอย่างบ้าคลั่ง ทุกคนต่างต้องการลูกหลานของเผ่ากลืนวิญญาณ ล้วนอยากได้พรสวรรค์ฟ้าประทานของพวกเขา เมื่อเวลาผ่านไปเนิ่นนาน ทั้งเผ่ากลืนวิญญาณก็หายสาบสูญไปจากแผ่นดินใหญ่ชางเย่ว์อย่างไร้ร่องรอย
เลี่ยเหยียนเซียนจวินก็เข้าใจมาตลอดว่าเผ่ากลืนวิญญาณสูญสิ้นเผ่าพันธุ์ไปแล้ว ไม่คิดว่าตอนนี้ในแผ่นดินใหญ่ชางเย่ว์ตนเองจะยังสามารถเห็นอนุชนของเผ่ากลืนวิญญาณได้อีก
เวลานี้ ซูรุ่ยในชุดขาวเดินเข้าไปตรงหน้าซูหว่านอย่างช้าๆ เขาเหลือบมองผู้ชายซึ่งมีรูปร่างหน้าตาคล้ายกับสวีเช่อมากตรงหน้า “ที่แท้ท่านก็คือเลี่ยเหยียนเซียนจวิน”
ซูรุ่ยในตอนนี้ก็ฟื้นฟูความทรงจำของตัวเองกลับมาแล้ว กระทั่งเมื่อเห็นเหตุการณ์ที่อยู่ตรงหน้าเขาก็สามารถเดาสถานการณ์ต่างๆ ได้เกือบทั้งหมด
“หือ”
เลี่ยเหยียนเซียนจวินมองการเคลื่อนไหวของซูรุ่ย ดวงตาก็วาบประกายปราดหนึ่ง “หรือว่าเจ้าก็คือคนในใจของสาวน้อยผู้นี้”
“ข้าไม่ใช่คนในใจของนาง ข้าเป็นผู้ชายของนาง”
ซูรุ่ยเดินหน้าขึ้นมาก้าวหนึ่ง รอบกายของเขาล้อมรอบไปด้วยหมอกพิษ “เป็นบุรุษ หากกระทั่งผู้หญิงของตัวเองยังปกป้องไม่ได้ อย่างนั้นเจ้าก็ไม่คู่ควรที่จะเป็นผู้ชายของนาง!”
วาจาประโยคนั้นแต่ละคำทิ่มแทงใจอย่างมาก!
ซูรุ่ยเผยให้เห็นท่าทีของเขาในสถานการณ์นี้ เวลาเดียวกันก็ยังเย้ยว่าเลี่ยเหยียนเซียนจวินไร้ความสามารถ!
“เจ้าเด็กน้อย รนหาที่ตาย!”
เลี่ยเหยียนเซียนจวินถูกซูรุ่ยยั่วโทสะ พริบตาเดียว การโจมตีของเขาก็พุ่งมาถึงเบื้องหน้าซูรุ่ยทันที
“ผู้อาวุโสโปรดชี้แนะ!”
ขณะซูรุ่ยยกมือขึ้นก็โบกปราณพิษชนิดพิเศษของตนเองออกไป ทั้งสองคนชุลมุนเข้าด้วยกัน แม้ว่าเลี่ยเหยียนเซียนจวินจะบำเพ็ญเพียรจนถึงระดับพิชิตเคราะห์กรรมแล้ว แต่ถึงอย่างไรตอนนี้เขาก็ก่อร่างขึ้นมาจากการผนึกรวมกันของเสี้ยวปราณดั้งเดิม ดังนั้นพลังบำเพ็ญของเขาย่อมลดระดับลงโดยปริยาย แต่ถึงอย่างนั้นพลังบำเพ็ญของเขาก็ยังคงกดดันซูรุ่ยได้ช่วงหนึ่ง
อีกทั้งเลี่ยเหยียนเซียนจวินก็ผ่านศึกสงครามในแผ่นดินใหญ่ชางเย่ว์มาหลายพันปี ผู้บำเพ็ญเพียรที่ตายด้วยมือเขาก็มีนับไม่ถ้วน ไม่ว่าจะเป็นในด้านพลังอำนาจหรือปฏิกิริยาการต่อสู้ เลี่ยเหยียนเซียนจวินล้วนเหนือกว่าขั้นหนึ่ง
ไม่นาน สีหน้าของซูรุ่ยก็ซีดขาว เขาไม่เคยเจอคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งขนาดนี้มาก่อน!
แต่ว่า แข็งแกร่งแล้วอย่างไร
เมื่อเผชิญหน้ากับการโจมตีที่บีบบังคับผู้คนแบบนี้ของเลี่ยเหยียนเซียนจวิน ซูรุ่ยกลับไม่ถอยแต่บุกเข้าไป ดึงพลังวิญญาณทั้งหมดของตัวเองออกมาใช้อย่างบ้าคลั่ง
“เจ้าเด็กน้อย เจ้าไม่เลวเลย แต่น่าเสียดาย เจ้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้า!”
ฝ่ามือหนึ่งฟาดซูรุ่ยล้มลงกับพื้น เลี่ยเหยียนเซียนจวินมองซูรุ่ยบนพื้นด้วยแววตาชื่นชม “ข้าชื่นชมเจ้า เพียงแค่เจ้าไปจากที่นี่ ข้าจะปล่อยเจ้าไป และจะช่วยปิดบังความลับเรื่องตัวตนของเจ้าด้วย”
“ไม่จำเป็น”
ซูรุ่ยลุกขึ้นยืน เช็ดเลือดที่มุมปากของตัวเอง “ข้าเคยบอกแล้ว ผู้หญิงของข้า ข้าดูแลได้! อย่าว่าแต่เซียนจวินอย่างท่านเลย แม้แต่วิถีสวรรค์หากคิดจะแย่งนางไปจากข้า ข้าก็จะทลายวิถีสวรรค์!”
ขณะที่พูด เส้นผมของซูรุ่ยก็เริ่มพลิ่วสไว เหมือนกันกับเซวียนหยวนสือ เส้นผมสีดำของเขาพลันเปลี่ยนเป็นสีขาวเงินในทันที
นี่มัน…
“เจ้าบ้าไปแล้วหรือ”
เมื่อสัมผัสได้ว่าพลังบำเพ็ญและพลังวิญญาณของซูรุ่ยจู่ๆ ก็เพิ่มขึ้นอย่างบ้าคลั่ง สีหน้าของเลี่ยเหยียนเซียนจวินถึงกับอดไม่ได้ที่จะเปลี่ยนไป “เจ้ารีดเร้นพลังวิญญาณของตนเองออกมาจนหมดสิ้น! ถึงวันนี้เจ้าจะเอาชนะข้าได้แล้วอย่างไร หากเจ้าตายอยู่ที่นี่ สาวน้อยผู้นี้ก็ต้องกลายเป็นของผู้อื่นอยู่ดี!”
“ต่อให้ข้าตาย ข้าก็จะปกป้องผู้หญิงของข้า อีกทั้ง…นางเป็นผู้หญิงของข้า ข้าเชื่อนาง ไม่ว่าจะขึ้นสวรรค์หรือร่วงลงสู่น้ำพุเหลือง ต่อให้ข้าไปจริงๆ นางก็จะทำทุกวิธีทางเพื่อตามหาข้า!”
ความตาย ไม่ใช่จุดจบ
ความรัก ก็ไม่มีทางสูญสลายไปเพียงเพราะความตาย…
ต่อให้ตาย ก็ไม่สามารถหยุดความรักได้อย่างนั้นหรือ
เมื่อได้ยินคำพูดของซูรุ่ย เลี่ยเหยียนเซียนจวินอึ้งงันอยู่กับที่ จู่ๆ ในห้วงสำนึกของเขาก็วาบปรากฏคำพูดของสวีชิ่นเมื่อหลายปีก่อนดังขึ้นมาข้างหู
‘เลี่ยเหยียน หากวันหนึ่งข้าหายไป เจ้าจะตามหาข้าไหม ตามหาไปทุกโลกทุกภพ หรือข้าอาจจะไปหลบซ่อนอยู่ในมุมหนึ่งของสักห้วงมิติหนึ่ง กำลังรอคอยเจ้าอยู่ตลอด’
ตอนนั้นที่ได้ยินคำพูดเหล่านั้นของนาง เลี่ยเหยียนได้แต่ยิ้มแล้วกอดนางไว้ในอ้อมอกของตนเอง ‘เจ้าจะหายไปไหนได้ ข้าไม่มีทางปล่อยให้เจ้าหายไปจากชีวิตของข้าหรอก นอกเสียจากข้าจะตาย’
คำพูดในวันนั้นยังคงดังก้องอยู่ในหู
ความจริงแล้ว ในตอนนั้นสวีชิ่นคิดไปถึงเรื่องราวหลังจากนั้น คิดไปถึงการแยกจากกันของตัวนางกับเลี่ยเหยียน
ถึงอย่างไร นางก็เป็นเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติภารกิจของห้วงกาลอวกาศที่สาบสูญนี่นะ
แต่ว่า เลี่ยเหยียนในตอนนั้นกลับไม่เข้าใจความหมายในคำพูดของสวีชิ่น แม้กระทั่งหลังจากที่สวีชิ่นจากไป สุดท้ายแล้วเขาก็ยังไม่เข้าใจคนรักของตัวเอง
แต่ตอนนี้ เมื่อได้ยินคำพูดของซูรุ่ย เลี่ยเหยียนถึงกลับพูดไม่ออกไปชั่วขณะ!
พริบตานั้น ดอกบัวแดงทั่วพื้นพลัยโรยรา เวลาที่ถูกหยุดไว้เริ่มเคลื่อนหมุน
“ซูรุ่ย!”
ซูหว่านรีบพุ่งเข้าไปในอ้อมกอดของเขาในทันที นางยกมือขึ้นถ่ายเทพลังวิญญาณของตัวเองเข้าไปในร่างของซูรุ่ย
มองดวงตาแดงก่ำของนาง ซูรุ่ยอดยิ้มน้อยๆ ไม่ได้ “ภรรยา ไม่ต้องกังวล พลังวิญญาณของเผ่ากลืนวิญญาณแข็งแกร่งมากเป็นพิเศษ อีกอย่างผมยังสามารถกลืนกินวิญญาณของคนอื่นเพื่อชดเชยพลังที่สูญเสียไปได้ ดังนั้น คุณไม่ต้องเป็นกังวลนะ คนดี”
“นาย…”
เห็นซุรุ่ยจู่ๆ ก็ยิ้มออกมาอย่างมีความสุข ซูหว่านทั้งโมโหทั้งร้อนใจกัดเข้าไปที่ไหล่ของเขาอย่างแรง “ต่อไปไม่ทำซี้ซั้วอย่างนี้แล้วนะ เข้าใจไหม”
“อืม เข้าใจ เข้าใจแล้ว”
ซูรุ่ยพยักหน้าให้ซูหว่าน แต่แม่ทัพซูได้เอาคำพูดของภรรยาตัวเองมาใส่ใจหรือไม่นั้น เรื่องนี้ต้องรอดูกันต่อไปจริงๆ
แม้จะรู้ดีว่าในโลกใบนี้เพียงแค่รักษาดวงวิญญาณเอาไว้ได้ถึงตายก็จะไม่เป็นไร แต่ซูรุ่ยก็อดไม่ได้ที่จะใช้วิธีการที่น่าตื่นตระหนกที่สุดเพื่อปกป้องซูหว่าน
ไม่มีทางเลือก มันอดใจไม่ได้นี่
…
“ชิ่นเอ๋อร์ ข้าผิดไปแล้ว ผิดไปแล้ว”
เวลานี้ ท่าทางของเลี่ยเหยียนเซียนจวินเริ่มเปลี่ยนเป็นโศกเศร้า พลังวิญญาณดั้งเดิมของเขาค่อยๆ สลายหายไป “ชิ่นเอ๋อร์ เจ้าอยู่ที่ใด ข้าไปหาเจ้าดีหรือไม่”
นี่คงเป็นสิ่งที่เรียกว่า ‘เช้าได้สัมผัสสัจธรรม คืนนั้นแม้ตายก็ยินดี’ กระมัง ในวินาทีตระหนักได้ เลี่ยเหยียนเซียนจวินก็ปล่อยวางทุกอย่าง และมองความเป็นตายทะลุปรุโปร่ง…
ความตายไม่ใช่จุดจบ ดังนั้น ชิ่นเอ๋อร์ข้าจะไปตามหาเจ้า อย่างแน่นอน
เมื่อเห็นเงาร่างของเลี่ยเหยียนเซียนจวินค่อยๆ สลายหายไป ซูหว่านกับซูรุ่ยก็เผยสีหน้าโล่งอก วันนั้นพวกเขาสองคนยังพูดคุยกันถึงเรื่องของสวีชิ่นอยู่เลย ใครจะไปนึกว่าวันนี้พวกเขาจะเข้ามาอยู่ในโลกใบนั้น ไม่เพียงรู้ถึงความจริงทั้งหมดที่เกิดขึ้นในปีนั้น กระทั่งยังเห็นเลี่ยเหยียนเซียนจวินหายไปกับตา
แน่นอน สิ่งที่ทำให้ซูรุ่ยประหลาดใจที่สุดก็คือสวีเช่อ
คิดไม่ถึงว่าสวีเช่อก็คือเด็กคนนั้น…
“นายท่าน”
เมื่อเห็นแสงสีแดงสายนั้นสลายหายไปจนหมด ใบหน้าของไป๋เย่เผยให้ถึงความโศกเศร้าอาดูร
“ไป๋เย่ เซียนจวินไปตามหาพี่ชิ่นเอ๋อร์แล้ว เขาจะต้องหานางเจอ อย่างแน่นอน”
หงอวี้ที่อยู่ข้างๆ กุมมือสามีของตัวเองแน่น “ไป๋เย่ พวกเราก็ไปกันเถอะ เจ้าพาข้าไปหาดอกเหมยน้อยหน่อย ข้าคิดถึงนางนัก”
“อืม”
เมื่อได้ยินคำพูดจองภรรยาตน ไป๋เย่ก็พยักหน้า “นายน้อย เสี่ยวสือ พวกเราต้องขอตัวก่อน!”
ต้องใช้เวลาอีกสองเดือนกว่าจะออกจากประตูใหญ่ของโลกใบเล็กนี้ไปได้ แต่สำหรับไป๋เย่แล้ว หากเขาต้องการจะไปจากที่นี่ เขาย่อมมีวิธีอยู่แล้ว
“พวกเขาไปหมดแล้ว เจ้าล่ะ”
สวีเช่อในตอนนี้ ค่อยๆ หันไปมองหญิงสาวชุดดำที่ยื่นอยู่ข้างๆ ตัวเอง
เซวียนหยวนสือช้อนดวงตาสุกใสขึ้นมองสวีเช่อ “ท่านอยู่ที่ไหน ข้าก็อยู่ที่นั่น”
เมื่อได้ยินคำพูดของนาง สวีเช่อก็แย้มยิ้ม “ได้ หากเจ้าชอบ ตามข้ามาก็ได้แล้ว แต่…ข้าให้อะไรแก่เจ้าไม่ได้จริงๆ”
“ไม่เป็นไร”
เซวียนหยวนสือมองสวีเช่อแล้วก็มองไปยังซูหว่านกับซูรุ่ยที่กำลังหวานซึ้งอยู่ไม่ไกล สองคนนั้นทำให้คนที่พบเห็นรู้สึกอิจฉา
นายน้อย ความจริงแล้วท่านโดดเดี่ยวมากกระมัง
แต่ว่า ท่านไม่ต้องโศกเศร้า นับแต่นี้ไป ท่านจะไม่โดดเดี่ยวอีกต่อไปแล้ว
เสี่ยวสือจะอยู่เป็นเพื่อนท่าน ตลอดไป
ท่านไม่มีใจข้าไม่กลัว ท่านไม่รักข้า ข้าก็ไม่กลัว เพียงแค่ข้าได้อยู่ข้างกายท่านก็พอแล้ว