ภารกิจขโมยใจ ผจญภัยต่างโลก - ตอนที่ 39 บททดสอบบำเพ็ญเพียร (ปัจฉิมบท)
หลังจากเลี่ยเหยียนเซียนจวินหายตัวไป วังใต้ดินก็ค่อยๆ พังทะลายลง ซูรุ่ย ซูหว่าน สวีเช่อ และเซวียนหยวนสือ ทั้งสี่คนต่างทะยานออกมาจากวังใต้ดินตามลำดับ
เวลานี้แสงอาทิตย์ด้านนอกกำลังงดงาม ทั้งสี่คนแบ่งออกเป็นสองฝั่ง สวีเช่อมองซูรุ่ยแล้วก็หันไปมองซูหว่าน “ในเมื่อพวกเธอสองคนก็ฟื้นความทรงจำกลับมาแล้ว ซูรุ่ย นายจะทำยังไงต่อ”
เมื่อได้ฟังคำพูดของสวีเช่อ ซูรุ่ยก็ยกมือไปโอบไหล่ของซูหว่าน “แค่กๆ เรื่องนั้น ฉันสัมผัสถึงลมปราณของฉินอวี๋กับหลินรั่วได้ พวกเขาสองคนอยู่ด้วยกัน ถ้างั้น พวกเราไปจัดการพวกเขาทั้งสองก่อนเป็นไง”
เปลี่ยนหัวข้อสนทนา แม่ทัพซูช่างมีไหวพริบจริงๆ
เมื่อได้ยินคำพูดของซูรุ่ย สวีเช่อก็พยักหน้า “ก็ดี ร่วมมือกันชั่วคราวเถอะ ซูหว่าน เธอมีความเห็นว่ายังไง”
“ก็ได้นะ”
เมื่อได้ยินคำพูดของสวีเช่อ ซูหว่านก็หรี่ตายิ้ม “ลูกพี่สวี พวกคุณเหลือคนมากกว่า ต่อให้ฉันไม่ร่วมมือกันกับพวกคุณ พวกคุณก็ทำให้แผนกเกิดใหม่พ่ายแพ้ยับเยินได้อยู่แล้ว ถ้างั้น ฉันแค่ให้กำลังใจอยู่ข้างๆ ก็พอแล้ว”
อันที่จริงซูหว่านรู้ดีว่า ตัวเองเอาชนะสวีเช่อไม่ได้ เพราะตอนนี้ข้างกายเขายังมีบอสลับเซวียนหยวนสืออยู่ด้วย อีกทั้งยังสามารถขอความช่วยเหลือจากราชาปีศาจไป๋เย่ได้ตลอดเวลา ให้ตายสิ เขาเปิดโหมดพระเอกมาตอนไหน นายกำลังทำให้หานอวี่พระเอกในเนื้อเรื่องเดิมเขารู้สึกแย่นะ!
ซูหว่านในตอนนี้ปล่อยวางเรื่องไม่สบายใจในอดีตของตัวเองได้แล้ว เมื่อเผชิญหน้ากับสวีเช่อก็สามารถพูดคุยกันอย่างตรงไปตรงมาได้
เมื่อได้ยินคำพูดของซูหว่าน สวีเช่อก็อดยิ้มไม่ได้ “ก็ดี เธอไม่ต้องลงมือ แค่ช่วยให้กำลังใจกันก็พอ!”
ซูหว่านพูดไม่ออก…
ลูกพี่สวี นายนี่เจ้าเล่ห์จริงๆ พูดออกมาแค่คำเดียวทำให้ฉันติดกับพวกนายแล้ว!
“ภรรยาเป็นเด็กดีนะ”
เมื่อได้ยินคำพูดของสวีเช่อ ซูรุ่ยที่อยู่ข้างๆ ก็หรี่ตายิ้มกำมือของตัวเองแน่น แล้วกระซิบข้างหูของซูหว่าน “ภรรยา รอให้กำจัดคู่ต่อสู้เรียบร้อยแล้ว พวกเราค่อยคุยกันเรื่องอนาคตนะ!”
“อืม หึๆ”
ซูหว่านเบ้ปาก ถ้ากำจัดแผนกเกิดใหม่ได้แล้ว ก็จะเหลือเธอกับเยี่ยซินแล้วไม่ใช่เหรอ
อืม แล้วจะสู้ยังไง หรือต้องเป่ายิงฉุบกัน
ช่างเถอะ ไม่สนใจเรื่องพวกนี้ไปก่อนก็แล้วกัน
“ไปเถอะ!”
หลังจากสวีเช่อออกคำสั่งเสียงหนึ่ง ทุกคนก็เริ่มเคลื่อนไหวในทันที
เวลานี้ สถานแห่งหนึ่งในโลกใบเล็ก ฉินอวี่กับหลินรั่วกำลังพาอวิ๋นเซียนเอ๋อร์ก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างช้าๆ
“ศิษย์พี่ชิงจิ่ว ข้าเหนื่อยเหลือเกิน พวกเราพักกันสักหน่อยเถิด”
อวิ๋นเซียนเอ๋อร์มองไปยังคนสองคนที่ยืนเคียงไหล่กันอยู่ข้างหน้า แล้วพูดขึ้นเสียงเบาด้วยสีหน้าเหนื่อยล้า
“ได้สิ”
ฉินอวี่หยุดฝีเท้าลงอย่างอดไม่ได้
“ลูกพี่”
หลินรั่วที่อยู่ด้านข้างชะงักไปครู่หนึ่ง หันมองอวิ๋นเซียนเอ๋อร์ที่อยู่ด้านหลังทั้งสองปราดหนึ่งด้วยความประหลาดใจ
ความจริงพวกเขาไม่ได้เดินมาไกลเลย ด้วยพลังวิญญาณกับพลังบำเพ็ญของอวิ๋นเซียนเอ๋อร์นางไม่มีทางเหนื่อย นางจงใจขอหยุดพัก และเป้าหมายก็น่าจะเป็นเพราะ…ไม่อยากให้ตัวเองกับลูกพี่เดินใกล้กันมาเกินไป
อืม
หลินรั่วรู้สึกว่าตัวเองค้นพบความลับใหญ่อะไรเข้าให้แล้ว
“เซียนเอ๋อร์ เข้าไม่เป็นไรใช่ไหม”
เวลานี้ ฉินอวี่เดินมาอยู่ข้างๆ อวิ๋นเซียนเอ๋อร์ มองนางด้วยใบหน้าอ่อนโยน
“ไม่เท่าไหร่ๆ”
อวิ๋นเซียนเอ๋อร์พูดพร้อมกับส่งสายตาให้ฉินอวี่ “ศิษย์พี่ ท่านมานี่ ข้ามีเรื่องจะคุยกับท่าน”
“หือ”
ฉินอวี่มองอวิ๋นเซียนเอ๋อร์ด้วยความประหลาดใจ ลังเลเล็กน้อยก่อนจะโน้มตัวไปหานาง “ลับๆ ล่อๆ แบบนี้ เจ้าอยากจะพูดอะไรอย่างนั้นหรือ”
“ศิษย์พี่ ข้ารู้สึกว่าแม่นางจื่อเย่จากสำนักจื่อหยางผู้นั้นดูประหลาดมาก ดูจากปราณสังหารบนตัวนางไม่เหมือนกับศิษย์จากสำนักธรรมะ ท่านอย่าหลงกลนางเด็ดขาดนะ!”
ขณะพูด อวิ๋นเซียนเอ๋อร์ก็อดไม่ได้ที่จะถลึงตาใส่จื่อเย่ที่อยู่ไม่ไกล
คำพูดของนางแม้จะเป็นการกระซิบเสียงเบา แต่ความสามารถทางการได้ยินของผู้บำเพ็ญเพียรนั้นเฉียบแหลม ความจริงแล้วนางก็ตั้งใจพูดให้จื่อเย่ได้ยินนั่นแหละ
สาวน้อยคนนี้
ฉินอวี่มีสีหน้าหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก
“เซียนเอ๋อร์ เจ้าวางใจเถอะ จื่อเย่เชื่อถือได้เป็นอย่างมาก หากเกิดเรื่องอะไรขึ้น เจ้าต้องเชื่อมั่นในตัวนาง เจ้าเข้าใจไหม”
“จริงหรือ”
อวิ๋นเซียนเอ๋อร์ยังคงมองจื่อเย่ด้วยความสงสัย เวลานั้นเอง จู่ๆ สีหน้าของจื่อเย่ก็เปลี่ยนไป พลันหันกายสายตาจับจ้องมาที่ฉินอวี่ “ลูกพี่ พวกเขามาแล้ว!”
ครั้งนี้สวีเช่อไม่ได้ตั้งใจปกปิดตัวตนของตัวเอง เมื่อรับรู้ถึงปราณผีอันคุ้นเคยนั่นได้ หลินรั่วก็รู้แล้วว่าคนคนนั้นมาแล้ว
ไม่นาน เงาของสวีเช่อกับซูรุ่ยก็ปรากฏขึ้นมาตรงหน้าของทั้งสามคน
ทั้งสองฝ่ายเผชิญหน้ากัน ฉินอวี่มองสวีเช่อ แล้วหันไปมองซูรุ่ยกับซูหว่าน สุดท้ายสายตาก็ไปหยุดที่เซวียนหยวนสือในชุดสีดำ…
สี่คน คนคนนี้ไม่ใช่เยี่ยซินใช่ไหม
“ทำไม พวกนายเป็นพันธมิตรกันแล้วเหรอ เยี่ยซินนี่ไม่เหมือนกับนิสัยของเธอเลยนะ!”
ฉินอวี่ลองถามหยั่งเชิงประโยคหนึ่ง เซวียนหยวนสือเพียงแค่ยืนอยู่ด้านหลังของสวีเช่อแสดงสีหน้าเย็นชาไม่สนใจอะไร
“แค่กๆ”
ฉินอวี่กระแอมไอเล็กน้อย สุดท้ายก็มองไปที่ซูหว่านีกครั้ง “เสี่ยวหว่าน เธอฟื้นความทรงจำกลับมาแล้วเหรอ”
“หึๆ”
ซูหว่านหัวเราะให้ฉินอวี่สองเสียง จากนั้นยกมือขึ้นจับแขนซูรุ่ย หันหน้าส่งสายตาออดอ้อนให้กับผู้ชายที่อยู่ข้างๆ ตัวเอง “คุณชาย เป็นตู๋กูชิงจิ่วผู้นี้อีกแล้ว น่ารังเกียจนัก แต่อย่างไรเสียที่นี่ก็เป็นสถานที่รกร้างห่างไกลไม่มีใครเห็น ไม่สู้พวกเรากำจัดเขาให้สิ้นซากเถอะ!”
ฉินอวี่พูดไม่ออก…
แสร้งไม่รู้จักสินะ ดีดีดี! ซูเสี่ยวหว่าน เธอทำได้ดี! เธอเก่งมาก! เธอมันหน้าไม่อาย!
ซูรุ่ยนึกในใจ ‘ภรรยา คุณทำได้ดีมาก!’
“ไหนๆ ชิงเอ๋อร์ก็พูดถึงขนาดนี้แล้ว”
ซูรุ่ยยกมือขึ้น ในฝ่ามือรวบรวมปราณพิษสีดำกลุ่มหนึ่งเอาไว้
“นี่ๆ พวกเจ้าอย่าทำอะไรมั่วซั่วนะ พวกเราเป็นถึงศิษย์สำนักเทียนอวิ๋นนะ!”
เมื่อได้ยินคำพูดของซูรุ่ยกับซูหว่าน อวิ๋นเซียนเอ๋อร์ที่อยู่ข้างๆ ก็แผดเสียงดังขึ้นมา ในวินาทีที่เสียงของนางดังขึ้น ฉินอวี่กับหลินรั่วก็ชิงลงมือก่อนแล้ว!
ลอบโจมตี!
ตกลงใครกันแน่ที่หน้าไม่อาย!
ไม่นาน ทั้งหกคนก็เริ่มต่อสู้กัน แต่พละกำลังของทั้งสองฝ่ายยังมีความเหลื่อมล้ำกันให้เห็นอยู่ ซูหว่านเสกม้านั่งตัวเล็กออกมานั่งชมการสู้รบอยู่ด้านข้าง…
พลังบำเพ็ญของซูรุ่ยและสวีเช่อไม่ต่างกับฉินอวี่มากนัก แต่เห็นได้ชัดว่า พลังบำเพ็ญของหลินรั่วกับอวิ๋นเซียนเอ๋อร์ด้อยกว่ามาก ส่วนเซวียนหยวนสือนั้นอยู่อีกระดับหนึ่ง หากนางลงมือคงถึงขั้นปลิดชีวิตคนได้เลย!
การต่อสู้ครั้งนี้ไม่มีอะไรน่าดูเลย
เมื่อเห็นฉินอวี่ถูกสวีเช่อกับซูรุ่ยที่ร่วมมือกันโจมตีจนร่วงตกลงมาจากกลางอากาศ ซูหว่านอดไม่ได้ที่จะหรี่ตามอง
“ศิษย์พี่!”
เวลานี้ อวิ๋นเซียนเอ๋อร์ก็ร่อนกายลงมาบนพื้นตามฉินอวี่
แต่เพราะว่านางเป็นนางเอก จึงไม่มีใครสนใจนางนัก แต่หลินรั่วกลับไม่ใช่ เวลานี้นางถูกทั้งสามคนรุมโจมตี แทบจะตกตายภายในเสี้ยววินาที
“หลินรั่ว!”
ฉินอวี่ที่อยู่บนพื้นกระอักเลือกออกมาคำใหญ่ เมื่อได้ยินเสียงเตือนในสมอง จึงรู้ว่าหลินรั่วถูกกำจัดแล้ว
มือของฉินอวี่คลำถุงเก็บของของตัวเองโดยอัตโนมัติ แล้วหยิบผลโพธิ์เก้าใบที่อวิ๋นเซียนเอ๋อร์มอบให้ก่อนหน้านี้ออกมา
นี่คือของช่วยชีวิต เพียงแค่ตนฟื้นคืนปราณดั้งเดิมขึ้นมาได้ ก็จะ…
ฉินอวี่กินผลโพธิ์เก้าใบลงไปโดยไม่ลังเล จากนั้นเขาก็ยิ้มเล็กน้อยแล้วดึงม้วนคัมภีร์ม้วนหนึ่งออกจากอกเสื้อของตัวเอง
นี่คือม้วนคัมภีร์ย้ายตำแหน่ง เป็นของวิเศษที่สามารถเคลื่อนย้ายตัวเขาจากโลกใบเล็กนี้กลับไปยังสำนักเทียนอวิ๋นได้ มันเป็นสิ่งที่ท่านอาจารย์ตั้งใจมอบให้เขาเป็นพิเศษ ก่อนที่จะมาที่นี่
ความจริงแล้วเมื่อสามวันก่อน เทียนสิงจื่อประสบความสำเร็จในการฝึกฝนเคล็ดวิชาความลับสวรรค์ถึงขั้นสูงสุดแล้ว และในที่สุดเขาก็พบคนสองคนนั้นที่ทำให้โลกโกลาหล ซึ่งก็คือเยี่ยเฉิงกับคุณชายมั่ว!
ทายาทของเลี่ยเหยียนเซียนจวินกับเผ่ากลืนวิญญาณจากดินแดนรกร้าง
ไม่ว่าจะเป็นคนใดคนหนึ่งในทั้งสองคน หากตัวตนของพวกเขาถูกเปิดเผยมีคนรู้เข้า จะต้องเกิดการนองเลือดไปทั่วพิภพแน่นอน กระทั่งยังจะดึงดูดขุมอำนาจนอกอาณาเขตเข้ามาร่วมด้วย!
เพื่อสรรพชีวิตในแผ่นดินใหญ่ชางเย่ว์ เทียนสิงจื่อได้ติดต่อกับเจ้าสำนักคนอื่นๆ และเหล่าผู้อาวุโสเรียบร้อยแล้ว เขาวางแผนจะใช้พลังบำเพ็ญทั้งชีวิตของตัวเองร่วมมือกับตู๋กูชิงจิ่ว กำจัดทั้งสองคนไปพร้อมกัน!
หลังจากกินผลโพธิ์เก้าใบแล้ว ฉินอวี่ก็ค่อยๆ ลุกขึ้นมา เขายกมือขึ้นบดขยี้ยันต์ส่งสารหยกที่เทียนสิงจื่อมอบให้ตนเองก่อนหน้านี้จนแหลกละเอียด นี่เป็นการส่งสัญญาณยังภายนอก
“เซียนเอ๋อร์ เตรียมม้วนคัมภีร์ของเจ้าให้ดี พวกเราจะ…พรวด!”
ยังพูดไม่ทันจบ จู่ๆ ฉินอวี่ก็กระอักเลือดสดออกมาจำนวนมาก จากนั้นสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นซีดเผือดทันที
นี่คือ…
“อ้าว พ่นเลือดออกมาแล้ว”
เวลานั้นเอง ซูหว่านที่มองเห็นการณ์อยู่ไม่ไกลจู่ๆ ก็ลุกขึ้นเดินไปตรงหน้าฉินอวี่ แล้วแย่งม้วนคัมภีร์ในมือของฉินอวี่มาอย่างง่ายดาย “นี่มันของดีนี่”
“พวก พวกเธอ…”
แววตาของฉินอวี่มองเหม่อไปยังอวิ๋นเซียนเอ๋อร์ที่อยู่ข้างๆ ตน “เยี่ยซิน!”
“หืม”
อวิ๋นเซียนเอ๋อร์กะพริบตาปริบ ยกมือขึ้นมาเปิดใช้ม้วนคัมภีร์ในมือของตัวเอง “ศิษย์พี่ เดินทางปลอดภัยนะ!”
อวิ๋นเซียนเอ๋อร์ ก็คือเยี่ยซิน
อะไรที่เรียกว่าบุคลิกประจำตัว
เมื่อเข้าสู่โลกภารกิจก็จะพบว่าตัวเองเป็นหนึ่งในนางเอกของโลกใบนั้น นั่นก็คือบุคลิกประจำตัว
ความลับเรื่องฐานะของอวิ๋นเซียนเอ๋อร์ นางมาจากตระกูลผู้บำเพ็ญเพียรตระกูลใหญ่ที่มีชื่อเสียงเลื่องลือนอกอาณาเขต หัวหน้าตระกูลใหญ่ท่านนั้นพาอวิ๋นเซียนเอ๋อร์มายังแผ่นดินใหญ่ชางเย่ว์และมอบให้เทียนสิงจื่อเลี้ยงดู เพื่อช่วยให้นางหลีกหนีจากเรื่องยุ่งยากบางอย่าง และเพื่อปกปิดฐานะของตน ตัวของอวิ๋นเซียนเอ๋อร์มีสมบัติวิเศษจากนอกอาณาเขตซึ่งมีพลังมากพอที่จะซ่อนพลังปราณทั้งหมดของตัวเองเอาไว้ได้
พลังปราณของคนนอกอาณาเขตไม่เหมือนกับของแผ่นดินใหญ่ชางเย่ว์บวกกับสมบัติวิเศษมากมายบนตัวของอวิ๋นเซียนเอ๋อร์ และด้วยพลังอันแข็งแกร่งของรัศมีนางเอก แม้แต่ซูรุ่ยเองก็ไม่สามารถรับรู้ถึงกลิ่นอายของนางได้
เมื่อทราบถึงฐานะของตัวเองเยี่ยซินก็สวมบทบาทเป็นอวิ๋นเซียนเอ๋อร์อย่างสุขุมรอบคอบและมีความระมัดระวังมาโดยตลอด จนกระทั่งวันนั้นที่นางเจอกับซูหว่าน
ความจริงแล้วในตอนที่ซูหว่านเผยร่างเดิมวันนั้น หลังจากที่เห็นลวดลายสีทองบนร่างงูของนาง เยี่ยซินก็จำนางได้แล้ว
นี่เป็นเครื่องหมายพิเศษของซูหว่าน ก่อนที่จะเข้าสู่โลกภารกิจ นางกับติงจยาจยาก็ทำการยืนยันกันอีกครั้งแล้ว ลวดลายสีทองบนตัวของซูหว่านจะติดตัวนางไปตลอด ไม่ว่านางจะเปลี่ยนเป็นใครก็ไม่หายไป มันคือตราประทับที่ลงลึกถึงจิตวิญญาณของซูหว่าน อีกทั้งยังเป็นไปไม่ได้ที่จะถูกคนอื่นแย่งชิงไป
ดังนั้น หลังจากที่เยี่ยซินแน่ใจในฐานะของซูหว่านแล้ว ก็แอบติดต่อกับซูหว่านอย่างลับๆ แต่นางรู้ถึงความสามารถของซูรุ่ยดี จึงระมัดระวังเป็นพิเศษมาโดยตลอด และเข้าใกล้ซูหว่านน้อยมาก แม้แต่ตอนที่อยู่ในเมืองสยากวง นางก็จงใจแสดงละครต่อหน้าทุกคน ให้ซูรุ่ยกับฉินอวี่คิดว่าตนมีใจอคติกับซูหว่าน แบบนั้นถึงจะไม่มีใครสงสัยในสถานนะของนางแล้ว
ส่วนผลโพธิ์เก้าใบที่นางมอบให้ฉินอวี่นั้น แค่กๆ นั่นเป็นของล้ำค่าที่มีที่มาจากนอกอาณาเขตจริง แต่มันไม่ใช่ผลโพธิ์เก้าใบที่มีความสามารถในการรักษาอาการบาดเจ็บ แต่เป็นผลไม้ที่มีพิษร้ายแรงซึ่งสามารถปลิดชีวิตคนได้
เฮ้อ ชีวิตก็เหมือนละคร ต้องอาศัยฝีมือการแสดงอยู่ตลอด
“เยี่ยซิน ซูหว่าน?”
เวลานี้ สวีเช่อกับซูรุ่ยก็ร่อนกายลงมาจากบนอากาศแล้ว และเวลานี้เยี่ยซินก็เปิดใช้ม้วนคัมภีร์ย้ายตำแหน่งของตัวเองออกมาแล้ว “ขอโทษนะ ไว้เจอกันใหม่หลังจากกลับไปแล้ว!”
ขณะที่พูดนั้น เงาของเยี่ยซินก็ค่อยๆ พร่าเลือน
“เสี่ยวหว่าน เธอตะลึงอะไรอยู่ เร็วเข้า!”
เห็นซูหว่านที่อยู่ข้างๆ ไม่ขยับเขยื้อน เยี่ยซินก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยเตือน
เวลานี้เอง โลกใบเล็กทั้งใบก็เริ่มพังทลาย พวกเทียนสิงจื่อเริ่มเคลื่อนไหวแล้ว โลกใบเล็กนี้ก็กำลังจะถูกทำลายแล้ว!
อย่าว่าแต่สวีเช่อกับซูรุ่ยเลย แม้แต่เซวียนหยวนสือที่แข็งแกร่ง เวลานี้ก็ไม่สามารถทำอะไรได้
“เสี่ยวหว่าน!” เยี่ยซินเรียกซูหว่านอีกครั้ง
“อืม”
ซูหว่านตอบรับ นางยกมือขึ้นแล้วเปิดใช้ม้วนคัมภีร์ในมือตัวเองที่แย่งมาจากฉินอวี่…
ห้วงกาลอวกาศที่สาบสูญ โถงใหญ่รับรองภารกิจสำนักงานใหญ่
“น้องสาวเธอสิ!”
ฉินอวี่ที่ออกมาจากเครื่องเชื่อมต่อภารกิจของตนได้ ก็อดไม่ได้ที่จะสบถเสียงต่ำออกมาเสียงหนึ่ง คิดไม่ถึงว่าตนเองถูกเยี่ยซินหลอกแล้ว หลายปีที่รู้จักกัน ตนกลับไม่สังเกตเห็นความผิดปกติเลยแม้แต่น้อย!
“ลูกพี่”
เวลานี้ หลินรั่วที่ออกมาก่อนฉินอวี่สักพักแล้วก็มายืนอยู่ข้างๆ เขา “ลูกพี่ ผลเป็นยังไง”
จะเป็นยังไงได้ล่ะ
ฉินอวี่หรี่ตา ก่อนที่เขาจะตายเขาเห็นเยี่ยซินกับซูหว่านกำลังใช้ม้วนคัมภีร์ย้ายตำแหน่ง เพียงแค่พวกเธอออกมาได้ พวกเธอก็ชนะแล้ว
เฮ้อ แผนการของตัวเองอยู่ที่วางเอาไว้กับสำนักเทียนอวิ๋นมาหลายปี สุดท้ายกลับถูกเยี่ยซินแย่งไป!
ให้ตายเถอะ นี่เป็นโอกาสเดียวที่เขาจะสามารถเอาชนะสวีเช่อได้นะ!
แต่ว่า ครั้งนี้สวีเช่อก็คงกลับออกมาแบบพ่ายแพ้เหมือนกัน
ฉินอวี่ไม่รู้ว่าตัวเองควรจะแสดงสีหน้าอย่างไรกับหลินรั่วดี เวลานี้เอง เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติภารกิจในโถงใหญ่ทุกคนต่างก็ได้ยินเสียงแจ้งเตือนจากระบบดังขึ้นมา…
[สิ้นสุดบททดสอบ!]
[สิ้นสุดบททดสอบ!]
[ผู้รอดชีวิตคนสุดท้าย…แผนกฟื้นฟูเขตแดน ซูรุ่ย!]
[แผนกที่ได้รับชัยชนะ…แผนกฟื้นฟูเขตแดน]
[ยินดีกับแผนกฟื้นฟูเขตแดนด้วยที่คว้าชัยชนะได้อีกครั้ง!]