ภารกิจขโมยใจ ผจญภัยต่างโลก - ตอนที่ 40-2 อวสาน
ห้วงกาลอวกาศที่สาบสูญ แผนกฟื้นฟูเขตแดน
การจากไปของซูรุ่ย การหายตัวไปของชีเย่ว์ แผนกฟื้นฟูเขตแดนก็ดูเหมือนจะเงียบเหงาลง
ยังดี ที่เวลานี้มีเซวียนหยวนสือเด็กใหม่ผู้แข็งแกร่งเพิ่มเข้ามา สำหรับหญิงสาวที่มีรูปโฉมงดงามแต่เย็นชาคนนี้ แน่นอนว่าบรรดาผู้ชายในแผนกตื่นเต้นกันมาก แต่น่าเสียดายที่น้องสาวเขาคุยด้วยกับแค่ลูกพี่สวีเท่านั้น ส่วนคนอื่นในสายตานางก็แค่ผ่านมาแล้วก็ผ่านไปเท่านั้น
“นายน้อย”
เซวียนหยวนสือออกมาจากโลกภารกิจมา ก็ไปรายงานสวีเช่อที่ห้องสำนักงานทำเหมือนเช่นเคย แต่กลับเห็นสวีเช่อกำลังจัดการกับแบบจำลองโลกเสมือนจริงใบหนึ่งอยู่
“นายน้อย กำลังทำอะไรอยู่เหรอ” เซวียนหยวนสือมองสวีเช่อแล้วถามด้วยความประหลาดใจปนะโยคหนึ่ง
“ฉันต้องการ…สร้างพื้นที่ที่พังทลายไปแล้วขึ้นมาใหม่”
นัยน์ตาของสวีเช่อวาบประกายหวนนึกถึง โลกที่พังทลายไปแล้วใบนั้น มันแตกกระจายเป็นหมื่นพันชิ้น สิ่งที่ตนเองทำได้มีเพียงซ่อมแซมโลกใบนั้นในแบบจำลอง ซ่อมแซมทุกสิ่งทุกอย่างในนั้น
มันคือแบบจำลองที่เหมือนจริงที่สุด
นี่อาจจะเป็นโอกาสเพียงหนึ่งเดียวที่ตนเองจะสามารถชดเชยให้กับความรู้สึกเสียดายนั้นได้แล้ว
“นายน้อย ต้องการให้ฉันช่วยอะไรไหม”
เมื่อเห็นท่าทางจริงจังของสวีเช่อ เซวียนหยวนสือพลันเอ่ยขึ้นมาอย่างจริงใจ
เมื่อได้ยินคำพูดของเธอ สวีเช่อส่ายหัว “เสี่ยวสือ เธอไปพักผ่อนเถอะ ใช่แล้ว! ต่อไปไม่ต้องเรียกฉันว่านายน้อยแล้ว เรียกชื่อฉันก็พอ”
เมื่อได้ยินคำพูดของสวีเช่อ เซวียนหยวนสือก็แววตาหม่นหมอง สุดท้ายกลับเงยหน้าขึ้นมาส่งยิ้มให้ “ฉันเรียกท่านว่านายน้อยก็ดีอยู่แล้ว”
ชั่วชีวิตนี้ มีเพียงการเรียกขานแบบนี้เท่านั้นที่จะสามารถพิสูจน์ได้ว่า ท่านจะอยู่ในชีวิตของฉันตลอดไป
…
มิติเทคโนโลยีขั้นสูงแห่งหนึ่ง เมืองหัวเซี่ย เยี่ยนจิง
ในตอนที่ได้เหยียบพื้นแผ่นดินนี้อีกครั้ง จิตใจของซูหว่านกับซูรุ่ยตื่นเต้นเป็นพิเศษ
ที่จริงแล้วพวกเขาก็ไม่ได้จากไปนาน แต่เมื่อเทียบจากเวลาของห้วงกาลอวกาศที่สาบสูญกับเวลาของโลกใบนี้แล้ว ปัจจุบันโลกใบนี้ก็ผ่านไปยี่สิบปีแล้ว
“ภรรยา คุณลองทายสิว่าถ้าซูซูกับหลิงลี่เห็นพวกเราจะทำท่ายังไง”
อืม
เมื่อได้ยินคำพูดของซูรุ่ย ซูหว่านอดที่จะครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งไม่ได้ รูปลักษณ์ของซูรุ่ยยังคงไม่เปลี่ยนแปลง และตอนนี้ซูหว่านก็ฟื้นคืนกลับมาใช้รูปลักษณ์ของตัวเองแล้ว ใช้ร่างกายของตัวเองจริงๆ เธอไม่แน่ใจว่า พวกเขาจะจำได้
ทั้งสองคนมาถึงใจกลางเยี่ยนจิง ที่นี่เปลี่ยนไปมากจากในความทรงจำของพวกเขา
เทคโนโลยีในยุคสมัยนี้เปลี่ยนแปลงไปในทุกๆ วัน
ปัจจุบัน หุ่นยนต์ได้กลายเป็นพลเมืองที่ถูกต้องตามกฎหมายไปแล้ว พวกเขาสามารถใช้ชีวิตเหมือนกับคนธรรมดาทุกอย่าง เรียนหนังสือ ทำงาน มีความรัก แต่งงาน กระทั่งให้กำเนิดลูกรุ่นต่อไป
ดูเหมือนว่า หลิงลี่จะทำธุรกิจหุ่นยนต์ที่ซูรุ่ยทิ้งไว้ให้ได้ดีเอามากๆ
“ใช่คุณซูและคุณนายซูไหมครับ”
ขณะซูหว่านกับซูรุ่ยกำลังทอดถอนใจ จู่ๆ ก็มีรถบินได้มาจอดอยู่ข้างๆ ทั้งสอง เป็นหุ่นยนต์พ่อบ้านเข้ามาทำความเคารพทั้งสองคนแล้วเอ่ยถามประโยคหนึ่ง
“ใช่แล้ว คุณคือ…”
“สวัสดีครับคุณผู้ชายและคุณนาย! คุณหญิงน้อยให้พวกเรามารับพวกคุณกลับบ้านครับ!”
หุ่นยนต์พ่อบ้านเปิดหน้าจออัจฉริยะขึ้น ภายในหน้าจอเผยให้เห็นใบหน้าของซูเสี่ยวซูที่ยังอ่อนเยาว์และน่ารักน่าเอ็นดู “คุณพ่อ! คุณแม่!”
เมื่อเห็นซูหว่านกับซูรุ่ย ซูเสี่ยวซูพลันตะโกนขึ้นมาเสียงดังด้วยความตื่นเต้น แม้ว่าหน้าตาของซูหว่านจะเปลี่ยนไป แต่ซูเสี่ยวซูก็รู้ว่าผู้หญิงที่สามารถยืนอยู่ข้างคุณพ่อของตนและคอยเคียงไหล่กับเขาได้ มีเพียงแม่ของตัวเองเท่านั้น ซูหว่าน
“ซูซู”
เมื่อเห็นใบหน้าของซูเสี่ยวซู ซูหว่านกับซูรุ่ยก็ตื่นเต้นมากเป็นพิเศษ
“ดีจัง ในที่สุดก็กลับมาแล้ว หลายปีมานี้พวกเรารอพ่อกับแม่มาตลอดเลย พ่อกับแม่รีบกลับมาเร็วๆ เลยนะ หนู…”
ซูเสี่ยวซูยังพูดไม่จบ หน้าจอก็เปลี่ยนเป็นปุยเกล็ดหิมะเต็มจอ
เอ่อ
“คุณผู้ชายกับคุณนายไม่ต้องตกใจ”
หุ่นยนต์พ่อบ้านที่เจอเรื่องแบบนี้จนคุ้นเคยแย้มยิ้มแล้วเอ่ยเสียงนิ่ง “คุณหนูน้อยต้องกำลังหยอกเล่นแน่ๆ ถึงได้จงใจตัดสัญญาณคุณหญิงน้อย เฮ้อ นี่เป็นครั้งที่สี่ในอาทิตย์แล้ว! คุณหญิงน้อยโดนตัดสายหลายครั้งแล้วครับ”
ซูรุ่ยกับซูหว่านพลันตกตะลึง…
คุณหนูน้อย? ลูกสาวของซูซูกับหลิงลี่เหรอ
ให้ตายสิ ตกลงพวกเขามีเจ้าจอมมารน้อยแบบไหนกันแน่เนี่ย!
เมื่อจู่ๆ ก็รู้ว่าตัวเองถูกเลื่อนระดับกลายเป็นคุณตากับคุณยายซูหว่านกับซูรุ่ยก็รู้สึกกระวนกระวายใจเป็นอย่างมาก
เวลานี้ เยี่ยนจิง ภายในบ้านเก่าแก่ของตระกูลตู้
บนตัวของซูเสี่ยวซูกำลังควันลอยออกมา อย่าเพิ่งตื่นเต้น เธอไม่ได้ไฟไหม้ เธอเพียงแต่โมโหจนมีควันออกมาจากทวารทั้งเจ็ดเท่านั้น!
“หลิงอ้ายซู หยุดเดี๋ยวนี้นะ!”
ตุ๊กตาน้อยตัวหนึ่งนึกในใจ หยุดเหรอ เห็นหนูเป็นเด็กสามขวบหรือยังไง หนูหกขวบแล้วนะ!
“คุณพ่อ คุณพ่อ!”
ตุ๊กตาน้อยลุกขึ้นกระโจนเข้าไปในอ้อมกอดของหลิงลี่ เวลานี้แม้ว่าหลิงลี่จะอายุสามสิบกว่าแล้วแต่กลับยังคงดูหนุ่มอยู่
เขาอ้าแขนรับเด็กน้อยของตนเข้ามากอด หลิงลี่มองลูกสาวของตัวเอง “อ้ายซู ลูกทำให้แม่โมโหอีกแล้วนะ! พ่อบอกลูกแล้วไม่ใช่เหรอว่าอย่าไปกวนแม่เวลาแม่คุยโทรศัพท์ ไม่อย่างนั้นลูกจะโดนดุ”
“คะ”
หลิงอ้ายซูกะพริบตา “คุณพ่อบอกหนูเมื่อไหร่กัน คุณพ่อบอกหนูเองว่าชอบให้หนูตัดสัญญาณเวลาคุณแม่คุยโทรศัพท์ที่สุด แบบนั้นคุณพ่อถึงจะสามารถทำอะไรก็ตามที่คุณพ่อต้องการทำได้…”
หลิงลี่พูดไม่ออก…
ลูกหมีน้อยบ้านไหนเนี่ย
ซูเสี่ยวซูขึ้นเสียง “หลิงลี่!”
หลิงลี่เอ่ย “แค่กๆ ซูซู ซูซู คุณเห็นไหมว่าสัญญาณดาวเทียมจับภาพของคุณพ่อคุณแม่ได้แล้ว พวกเขากลับมาแล้วจริงๆ อย่างนั้น พวกเราไปรอรับพวกเขาที่ประตูใหญ่กันเถอะ”
เวลานี้บนหน้าจออิเล็กทรอนิกส์อันใหญ่ของบ้านตระกูลตู้กำลังสะท้อนภาพเงาร่างของซูหว่านกับซูรุ่ยที่อยู่ในรถได้
เมื่อได้ยินคำพูดของหลิงลี่ ซูเสี่ยวซูก็เปลี่ยนความสนใจทันที หลิงลี่รู้ดีว่า ซูเสี่ยวซูมีปมในใจเรื่องนี้มาตลอด หากซูรุ่ยกับซูหว่านกลับมา ปมในใจพวกนั้นจะได้คลายออกสักที
แต่ว่า…
พ่อตาแม่ยายดูไปแล้วก็เหมือนจะอ่อนเยาว์กว่าตัวเอง พอนึกแล้วก็แอบเศร้าในใจนะเนี่ย
เป็นครอบครัวใหญ่ที่พิสดารพันลึกจริงๆ แฮะ แต่ว่า มันเป็นครอบครัวที่มีความสุขจนทำให้คนอิจฉาใช่เลยใช่ไหมล่ะ
เวลายี่สิบปีกะพริบวาบผ่านไป บ้านตระกูลตู้กลับยังคงเป็นเหมือนเดิมอยู่อย่างนั้น หลายปีมานี้ หลิงลี่กับซูเสี่ยวซูมักจะหาคนมาทาสีบำรุงรักษา ทุกสิ่งภายในบ้านก็ยังคงเป็นเหมือนเดิม โดยเฉพาะห้องของซูหว่านกับซูรุ่ย ยังคงทำความสะอาดในทุกๆ วันไม่ขาด
ซูเสี่ยวซูยังคงจดจำคำพูดก่อนที่พวกเขาจะไปได้มาโดยตลอด…
สักวันหนึ่ง พวกเขาจะกลับมา
บนโลกใบนี้ ทุกคนหลอกคุณได้ แต่คนรักของคุณ พ่อแม่ของคุณ พวกเขาไม่มีทางหลอกคุณ
รถลอยได้คันหรูหยุดนิ่งอยู่ที่ประตูใหญ่ของบ้านตระกูลตู้
ซูหว่านกับซูรุ่ยลงรถตามกันมา เวลานี้หลิงลี่กับซูเสี่ยวซูพาลูกน้อยของตัวเองมายืนรอต้อนรับที่ประตูใหญ่ด้วยใบหน้าปีติยินดีไปทั้งใบแล้ว
“ถึงบ้านแล้ว”
ซูรุ่ยหันหน้าไปส่งยิ้มให้ซูหว่านที่อยู่ข้างๆ
โลกใบนี้ มีสถานที่หนึ่ง ที่จะทำให้คุณนึกถึงตลอดไป พวกเราเรียกมันว่า ‘บ้าน’
บ้านที่แท้จริง มีคนรัก มีญาติสนิท มีทุกคนที่ตนเองคิดถึง
“อืม ในที่สุด ก็กลับมาบ้านแล้ว”
ซูหว่านออกแรงกุมมือของซูรุ่ยไว้แนบแน่น…
ซูรุ่ย ขอบคุณนะ ขอบคุณที่คุณรักฉัน ขอบคุณคุณที่มอบครอบครัวที่สมบูรณ์ให้กับฉัน
“ยินดีต้อนรับกลับบ้านค่ะ!”
เวลานั้น ทั้งสามคนที่ยืนอยู่หน้าประตูก็ตะโกนออกมาด้วยรอยยิ้ม
การกลับมาพบกันครั้งนี้ เป็นการกลับมาที่พวกเขาเฝ้ารอกันมาเนิ่นนาน