ภารกิจขโมยใจ ผจญภัยต่างโลก - ตอนที่ 3 อุ้มท้องหนีรักมหาเศรษฐี (3)
เนื่องจากซูเจี้ยนจวินและหลี่เหม่ยเจวียนถูกเสี่ยวเทียนเทียนหาคนจัดฉากหลอกเอาเงินก้อนโตไป ตอนนี้สองสามีภรรยายังติดหนี้การพนันอยู่ไม่น้อย ครอบครัวสามคนแม้แต่บ้านหลังเล็กๆ ที่เช่าตั้งไว้ยังไม่กล้ากลับไปเลย ได้แต่ซ่อนตัวอยู่ในโรงแรมเล็กๆ ที่ทั้งสกปรกและยุ่งเหยิง
ปัจจุบัน เทคโนโลยีก้าวหน้าไปมาก ขอแค่คุณมีอุปกรณ์อิเล็คทรอนิกส์อยู่กับตัว ก็จะถูกศัตรูหรือเจ้าหนี้หาเจอได้ง่าย เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ครอบครัวทั้งสามคนของตระกูลซูจึงไม่พกมือถือที่ใส่ซิมการ์ดเลยแม้แต่เครื่องเดียว
ในห้องพักที่ไม่มีหน้าต่าง อากาศอบอวลไปด้วยกลิ่นอันไม่พึงประสงค์
ซูหว่านเดินทางไปหลายโลก เป็นครั้งแรกที่เจอพ่อแม่เห็นแก่เงินขนาดนี้ พอได้ยินซูหว่านบอกว่ามีวิธีกลับไปที่บ้านตระกูลตู้ สองคนที่เพิ่งจะทะเลาะตบตีกันอย่างรุนแรงจนหน้าดำหน้าแดงนั้น ตอนนี้กลับนั่งยองๆ อยู่ที่มุมห้องเริ่มศึกษาและวางแผนชีวิตที่มั่งคั่งร่ำรวยต่อจากนี้แล้ว เป็นพ่อแม่ยังทำตัวแบบนี้ สมกับเป็นตัวอย่างด้านลบที่คลาสสิกจริงๆ
ในขณะที่สองคนกำลังจมอยู่ในจินตนาการของชีวิตที่สวยงามในอนาคตนั้น ซูหว่านก็ออกจากห้องไปอย่างเงียบ ๆ
ออกจากโรงแรม เดินไปตามถนนอันกว้างขวาง ซูหว่านเพิ่งจะได้สูดลมหายใจเข้าลึกๆ โชคดีที่อากาศข้างนอกก็สดชื่นมากพอ
ถนนที่ไม่คุ้นเคย เต็มไปด้วยรถยนต์ไฟฟ้าไฮเทค ยุคนี้ช่างรักษ์โลกดีนะ พลังงานทั้งหมดสามารถนำกลับมาหมุนเวียนใช้ได้
ซูหว่านเดินไปมาอยู่บนถนนคนเดียว แวะซื้ออาหารเย็นแบบง่ายๆ และราคาถูกสามชุดกลับบ้าน แต่พอเธอกลับไปถึงโรงแรมอีกครั้ง ซูเจี้ยนจวินและหลี่เหม่ยเจวียนก็หายตัวไปแล้ว ห้องพักที่คับแคบถูกรื้อจนเละเทะไปหมด บนเก้าอี้ที่ล้มอยู่บนพื้นมีกระดาษที่เขียนด้วยลายมือหวัดใบหนึ่งวางอยู่ ซูหว่านหยิบกระดาษใบนั้นขึ้นมาดู มันคือข้อความที่เจ้าหนี้ทิ้งไว้ให้ก่อนไป เนื้อความประมาณว่าพวกเขานำตัวซูเจี้ยนจวินและหลี่เหม่ยเจวียนไปแล้ว ถ้าญาติของทั้งสองคนต้องการไถ่ตัวพวกเขาออกมา อย่างน้อยต้องคืนดอกเบี้ยที่ค้างไว้ 1 แสนหยวนของเดือนนี้มาก่อน
เฮ้อ สมัยนี้เงินไม่ใช่เงินแล้วเหรอ ดอกเบี้ยหนึ่งเดือนก็ 1 แสนหยวนแล้ว
ซูหว่านโยนกระดาษทิ้ง และมองไปที่อาหารเย็นสามชุดที่ซื้อมาด้วยใบหน้าอันเศร้าโศก
เสียดายชะมัด เธอซื้อเกินมาสองชุด ตั้งสองชุดเลยนะ
สำหรับความปลอดภัยของซูเจี้ยนจวินและหลี่เหม่ยเจวียนแล้ว ซูหว่านไม่เป็นห่วงเลย พวกเจ้าหนี้มีแต่จะเอาเงินไม่เอาชีวิตหรอก สองสามีภรรยาถูกจับไปก็แค่ทนทุกข์นิดหน่อย พอดีพวกเขาจะได้หลาบจำเสียบ้าง
ทำความสะอาดห้องอย่างง่ายๆ พอนึกได้ว่าจ่ายค่าเช่าห้องหนึ่งเดือนไปแล้ว ซูหว่านก็ล้มเลิกความคิดที่จะเปลี่ยนที่พักใหม่ไปเลย เธอเปิดประตูเพื่อไล่กลิ่นอับในห้อง จากนั้นก็กินอาหารเย็นจนหมด อีกสองกล่องที่เหลือ สุดท้ายซูหว่านก็เอาไปให้เถ้าแก่เนี้ยและพนักงานต้อนรับของโรงแรม
เถ้าแก่เนี้ยผู้ใจแคบที่ยังโมโหเสียงเอะอะโวยวายของคนกลุ่มนั้นในตอนเย็นอยู่ พอได้อาหารเย็นจากซูหว่านไป ใบหน้าอันเยือกเย็นก็ค่อยๆ มีรอยยิ้มขึ้น
และแล้วซูหว่านก็พักอยู่ในโรงแรมเล็กๆ แห่งนี้ต่อไป เถ้าแก่เนี้ยของโรงแรมก็เป็นนักเทรดหุ้น ว่างๆ ซูหว่านก็ช่วยเธอดูหุ้น พอเห็นซูหว่านมีความสามารถช่วยเธอหาเงินได้ เถ้าแก่เนี้ยก็มีท่าทีที่ดีกับเธอมากขึ้นเรื่อยๆ สุดท้ายถึงกับอาสาช่วยซูหว่านเปลี่ยนห้องพักเป็นห้องที่กว้างขึ้นและมีหน้าต่างด้วย
เวลานี้ ในกระเป๋าสตางค์ของซูหว่านแทบจะไม่มีเงินเก็บแล้ว ไม่ใช่ว่าเธอไม่เคยคิดจะเล่นหุ้นเอง แต่ด้วยเงินทุนอันน้อยนิดของเธอในตอนนี้ ทุนเริ่มต้นมันน้อยเกินไป
ตกระกำลำบากเพราะเรื่องเล็กน้อยจริงๆ
ซูหว่านไม่มีทางเลือก ได้แต่ทำตัวให้เถ้าแก่เนี้ยเห็นความสำคัญต่อไป พอมีความสำคัญแล้ว เถ้าแก่เนี้ยไม่เพียงแต่จะให้เธอพักห้องดีๆ ยังชวนซูหว่านมาทานข้าวด้วยกันทุกวันอีกด้วย
อยู่อย่างนี้จนผ่านไปครึ่งเดือน ในที่สุดซูเจี้ยนจวินและหลี่เหม่ยเจวียนก็กลับมา ทั้งสองคนอยู่ในสภาพที่น่าอนาถมาก ดูท่าคงจะถูกเจ้าหนี้ทำร้ายไม่น้อยเลย
“เสียวหว่าน ทำไมเธอไม่ไปช่วยแม่ล่ะ”
พอเข้าห้อง คุณแม่หลี่เหม่ยเจวียนที่ผมเผ้ากระเซอะกระเซิงก็เริ่มร้องไห้อย่างหนักจนเสียงแหบเสียงแห้ง
เสียงร้องไห้ที่แหบแห้งนั้น ฟังจนซูหว่านขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “หนูเอาอะไรมาช่วยพวกคุณ”
ซูหว่านควักกระเป๋าตัวเองออกมามีเงินเพียงไม่กี่ร้อยหยวน “นี่คือทรัพย์สินทั้งหมดของหนูแล้ว สถานการณ์บ้านเราเป็นยังไงพวกคุณจะไม่รู้เลยเหรอ”
“เธอไม่มีเงิน คุณชายตู้มีไม่ใช่เหรอ เธอไปร้องไห้ขอร้อง เอะอะโวยวายสิ”
ซูเจี้ยนจวินที่อยู่ข้างๆ ได้นั่งลงไปบนเตียงเต็มๆ ก้นด้วยสีหน้าที่ไม่สบอารมณ์ต่อความไม่เอาถ่านของลูก
“หนูถูกตู้เฉินไล่ออกมาแล้ว ตอนนี้เขากำลังกอดลูกกอดเมียเสพสุขอยู่ เขาจะสนใจความเป็นความตายของหนูเหรอ พวกคุณคิดบ้างสิ”
ในเวลานี้ ซูหว่านสีหน้าบึ้งตึง “อีกอย่าง ตอนนี้พวกคุณก็ยังมีมือมีเท้าอยู่ไม่ใช่เหรอ ตอนที่ยืมเงินก้อนใหญ่นี้ พวกคุณคิดอะไรกันอยู่ เคยคิดถึงผลที่ตามมาในเวลาไม่มีเงินจ่ายบ้างไหม”
“ตอนนั้น”
หลี่เหม่ยเจวียนหยุดร้องไห้และมองหน้าซูหว่านด้วยสีหน้าที่ซับซ้อน “ตอนนั้นเรามีตระกูลตู้หนุนหลังอยู่ไม่ใช่เหรอ ใครจะไปรู้ว่าคุณชายตู้จะเลิกก็เลิก ไม่สมกับเป็นลูกผู้ชายเลย”
ขณะที่พูดอยู่ หลี่เหม่ยเจวียนก็เริ่มบ่นสาปแช่งตู้เฉินจนเสียงแหบ พอเธอด่าจนเหนื่อยแล้วถึงได้หยุด
ส่วนซูเจี้ยนจวิน ไม่รู้ไปได้กล่องบุหรี่มาจากไหน เขาเริ่มสูบบุหรี่อยู่บนหัวเตียงอย่างเซ็งๆ กลิ่นเหม็นของควันบุหรี่ทำให้ซูหว่านย่นจมูก เธอเดินเข้าไปคว้าบุหรี่ของซูเจี้ยนจวินมาดับแล้วโยนทิ้งลงถังขยะ
“เธอทำอะไร”
ซูเจี้ยนจวินเห็นบุหรี่ของตัวเองถูกเอาไป ตาจ้องไปที่ซูหว่านด้วยความโมโหทันที
“พ่อว่าหนูทำอะไรงั้นเหรอ ไม่งั้นพวกคุณก็ฟังหนู หนูสามารถนำลาภทรัพย์เกียรติยศมาให้ ไม่อย่างนั้นพวกคุณก็ไสหัวไป”
ในพล็อตเรื่องเดิม หลังจากที่ซูหว่านฆ่าตัวตาย พ่อแม่ที่เห็นแก่เงินของเธอมีแต่จะเอาเรื่องนี้ไปสร้างเรื่อง ฉวยโอกาสเอาเงินก้อนโตจากตู้เฉิน แล้วระเหเร่ร่อนไปทั่ว ในใจพวกเขาคงจะไม่มีสิ่งที่เรียกว่าความรักในครอบครัวสินะ
สำหรับพ่อแม่แบบนี้แล้ว ซูหว่านก็ไม่ไว้หน้าเหมือนกัน
“ยัวตัวแสบ กล้าขัดใจผู้ใหญ่เหรอ”
ซูเจี้ยนจวินได้ยินคำพูดของซูหว่านก็ยืนขึ้นด้วยความโกรธเกรี้ยวทันที แต่พอเห็นสายตาที่เย็นชาไร้ความรู้สึกของซูหว่าน ความโกรธที่ลุกไหม้อยู่ในใจของซูเจี้ยนจวินก็ตกใจจนดับกระจายไปทันที
คนเห็นแก่เงินขี้ขลาดชะมัด อันที่จริงซูเจี้ยนจวินขี้ขลาดราวกับหนู ปกติเห็นเขาปากดีอย่างนี้ ที่จริงแล้วขี้ขลาดสุดๆ
“พอแล้ว ๆ”
ในเวลานี้ หลี่เหม่ยเจวียนก็เข้ามาไกล่เกลี่ย “เสียวหว่าน ลูกรักของฉัน จะฟังเธอทั้งหมด เราจะฟังเธอทั้งหมดยังไม่ได้อีกเหรอ เธอว่ามาจะให้เราทำอะไร”
“สิ่งที่พวกคุณจะทำง่ายมาก ช่วงนี้ พวกคุณแค่ไปเฝ้าอยู่นอกรั้วบ้านตระกูลตู้ก็พอ เห็นคุณชายใหญ่ตู้กลับมาเมื่อไหร่ ก็พุ่งเข้าไปนับญาติกับเขาเลย”
“นับญาติเหรอ” ได้ยินคำพูดของซูหว่าน ซูเจี้ยนจวินกับหลี่เหม่ยเจวียนถึงกับงงไปเลย
แต่ซูหว่านก็แค่ยิ้มด้วยสีหน้าที่มั่นใจเต็มเปี่ยม
คนในชนชั้นสูงแห่งเยี่ยนจิงต่างก็รู้ว่าคุณชายใหญ่ตู้เป็นผู้ชายทื่อๆ ระมัดระวังรอบคอบที่ไอคิวสูงอีคิวต่ำ ตอนนั้นเขาล้มเลิกการทำธุรกิจไปทำการวิจัย เถ้าแก่ตู้และตู้ฮูหยินมีเงื่อนไขเพียงหนึ่งอย่าง ก็คือให้เขารีบแต่งงานและมีหลานชายหรือหลานสาวให้พวกเขาอุ้ม อย่างนี้ ทั้งสองคนก็จะไม่ก้าวก่ายชีวิตของเขาอีกต่อไป
หลังจากนั้นไม่นาน ตู้หันก็อุ้มเด็กผู้หญิงคนหนึ่งไปให้ทั้งสองคนตรงหน้า พร้อมกับใบรับรองความเป็นพ่อลูกฉบับหนึ่ง รับรองว่าเด็กทารกหญิงคนนี้คือลูกสาวแท้ๆ ของเขา
แน่นอนว่าเด็กผู้หญิงคนนั้นก็คือลูกสาวของตู้หัน ชื่อว่าตู้อวี่ ไม่มีใครรู้ว่าแม่ของเธอคือใคร หลายคนต่างก็เดาว่าเด็กสาวคนนั้นเป็นคนที่ตู้หันหาคนมาช่วยอุ้มบุญ แต่ในความเป็นจริง เด็กคนนี้คือเด็กหลอดแก้ว พ่อทางกายภาพของเธอก็คือตู้หันจริงๆ แต่แม่ทางกายภาพนั้นไม่แน่ชัด
ที่จริงแล้ว เรื่องนี้มีแต่ตู้หันเท่านั้นที่รู้อยู่แก่ใจ ตอนที่เขาตัดสินใจทำเด็กหลอดแก้ว เขาตั้งใจเลือกไข่แช่แข็งของหญิงสาวที่ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต เพื่อหลีกเลี่ยงความซับซ้อนและความอึดอัดถ้าเกิดมีวันหนึ่งเจอคุณแม่เด็กเข้า
ตอนนั้นตู้หันไม่เคยคิดว่าสักวันหนึ่งตู้อวี่จะจากเขาไป ตู้หันเป็นคนที่ระมัดระวังรอบคอบและเก็บตัวมาก เขาทุ่มเทความรักให้กับลูกสาวคนเดียวของเขาอย่างมาก แต่ตู้อวี่กลับเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุในปีที่เธออายุเพียงสี่ขวบ
ตั้งแต่นั้น ตู้หันก็กลายเป็นคนที่ปิดกั้นตัวเองมากกว่าเดิม เขาคิดทุกวิถีทางเพื่อให้ตู้อวี่ฟื้นกลับมา ถึงกับผลิตเทคโลยีชั้นสูงขึ้นมา เป็นหุ่นยนต์ “ตู้อวี่” ที่มีปัญญาประดิษฐ์ขั้นสูง หุ่นยนต์นี้หน้าตาคล้ายตู้อวี่มาก แม้แต่อายุยังคำนวณตามอายุของตู้อวี่เลย
พี่ชายที่บ้าคลั่งแบบนี้ ตู้เฉินได้แต่ถอนหายใจกับโลกที่ไม่มีอะไรแน่นอน สำหรับหุ่นยนต์ “ตู้อวี่” แล้ว ตู้เฉินก็ไม่ยอมรับหรอก
ในบ้านตู้มีหุ่นยนต์อัจฉริยะมากมายที่เป็นคนรับใช้ ในมุมมองของตู้เฉิน หุ่นยนต์ก็คือหุ่นยนต์ ไม่ว่ามันจะอัจฉริยะแค่ไหนก็ไม่มีวันกลายเป็นมนุษย์ที่แท้จริงได้
ในตอนที่ทุกคนรังเกียจ “ตู้อวี่” หลิงชีเย่ว์กลับชอบ “เธอ” มาก อาจเป็นเพราะเธอเคยเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวมาก่อน หลิงชีเย่ว์เข้าใจความรู้สึกของตู้หันมาก ทั้งสองคนค่อยๆ ทำความรู้จักกันจนกลายเป็นเพื่อนสนิท ตู้หันในวัยอายุสามสิบต้นๆ ที่ไม่เคยมีแฟนและไม่เคยตกหลุมรักใคร ตอนนี้ก็แอบตกหลุมรักหลิงชีเย่ว์เข้าแล้ว
น่าเสียดาย ชะตาลิขิตให้เขาเป็นได้แค่คนที่เฝ้ามองอยู่เงียบๆ