มู่หนานจือ - บทที่ 466 เที่ยว
ภูเขาหลีอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของซีอาน จากซีอานต้องเดินทางด้วยรถครึ่งวัน บอกว่าไปเที่ยวภูเขาหลี แต่กลับไม่สามารถกลับมาได้ในวันนั้น ต้องค้างที่ภูเขาหลีหนึ่งคืน ดีที่ ขุนนางระดับสูงกับชนชั้นสูงของซีอานมักจะไปเที่ยวที่ภูเขาหลี ที่นั่นนอกจากมีบ้านที่ชื่อว่า ‘ชุ่ยเวย’ ในนามศาลาว่าการผู้ว่าราชการมณฑลส่านซีที่ใช้สำหรับต้อนรับขุนนางใหญ่ที่ปกคร รองมณฑลต่างๆ ที่ผ่านซีอานแล้ว มณฑลส่านซีกับกองบัญชาการส่านซีต่างก็มีบ้านที่ภูเขาหลี โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ‘ชุ่ยจวี’ ในนามมณฑลส่านซี ยังนำน้ำจากสระหวาชิงไปโดยเฉพาะ และสร้างบ่อ อน้ำพุร้อนหลายแห่ง จึงค่อนข้างมีชื่อเสียงในหมู่คนที่ฐานะสูงศักดิ์ของส่านซี
ครั้งนี้พวกนางพักที่ชุ่ยเวย
เจียงเซี่ยนรู้แล้วก็อดไม่ได้ที่จะถามฉิงเค่อว่า “ทำไมไม่จัดที่ชุ่ยจวี?”
ฮูหยินของโจวจ้าวผู้ว่าราชการมณฑลส่านซีไม่อยู่ที่ที่รับราชการ คนที่คอยดูแลเขาอยู่ข้างกายเขาคืออนุภรรยาของเขา ดังนั้นกิจกรรมพวกนี้จึงต้องขาดตระกูลโจวเป็นธรรมดา ชุ่ยจวีนี …ฮูหยินซย่าก็เป็นคนจัดการเช่นกัน
ฉิงเค่อเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “เดิมทีจัดที่ชุ่ยจวี แต่ฮูหยินซย่าเรียกคณะงิ้วมาแสดงงิ้ว ฮูหยินหลินจึงแนะนำที่ชุ่ยเวย บอกว่าเวทีของชุ่ยเวยดีกว่าชุ่ยจวี ชุ่ยจวีก็เพียงแค่มี บ่ออาบน้ำแช่ตัวไม่กี่แห่ง เวลานี้อากาศร้อนขึ้นเรื่อยๆ ใครยังชอบบ่ออาบน้ำพวกนั้น!”
ข้าชอบ!
เจียงเซี่ยนพึมพำในใจ
ตั้งแต่นางเกิดใหม่จนถึงตอนนี้ ยังไม่มีโอกาสไปแช่น้ำพุร้อนเลย
คิดดูแล้วก็โชคร้ายมากเช่นกัน
หลี่เชียนบอกว่าจะกลับมาช่วงกลางเดือนสอง จนถึงตอนนี้ก็ไม่มีวี่แวว ไม่รู้ว่ากลับมาได้หรือไม่กันแน่?
ไว้เขากลับมาแล้ว ให้เขาพานางไปแช่น้ำพุร้อนดีกว่า…
เจียงเซี่ยนคิดฟุ้งซ่าน ไม่นานก็ถึงภูเขาหลีแล้ว
บ้านชุ่ยเวยยังต้องเข้าไปในภูเขาอีกสองลี้
เจียงเซี่ยนออกจากบ้านช้า เวลานี้เที่ยงแล้ว
พวกฉิงเค่อเอาขนมออกมาให้เจียงเซี่ยนรองท้อง
ข้างหลังมีรถม้ามา
องครักษ์ที่ติดตามรถของตระกูลหลี่รีบคุ้มกันรถม้าของเจียงเซี่ยนและกำลังจะแสดงป้ายขุนนางของหลี่เชียน ใครจะรู้ว่ารถม้าคนนั้นกลับจอด มีเด็กรับใช้ที่ติดตามรถกระโดดลงจากร รถม้าและวิ่งมาถามอย่างเร็วมาก “ใช่รถม้าของท่านหญิงหรือไม่? พวกเราคือครอบครัวของใต้เท้าหลินเจ้าเมืองซีอาน!”
ที่แท้คือฮูหยินหลิน
ทุกคนทักทายกันเล็กน้อยผ่านรถม้า
เจียงเซี่ยนพาหลี่เสว่ นายหญิงคัง นายหญิงเจิ้ง และคุณหนูใหญ่ตระกูลคังมา ฮูหยินหลินพาลูกสาวสองคนของตนเองมา ลูกสาวคนโตอายุเท่ากับคุณหนูใหญ่ตระกูลคัง ลูกสาวคนรองอายุน้อยก กว่าคุณหนูรองตระกูลคังหนึ่งปี เด็กผู้หญิงทั้งสองคนต่างกำลังอยู่ในวัยใสซื่อไร้เดียงสา พวกนางเข้ามาคารวะเจียงเซี่ยนด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม ทำให้เจียงเซี่ยนใจอ่อนไปหมด จึง งให้ถั่วทองคนละถุงเป็นของขวัญสำหรับการพบกันครั้งแรก
คุณหนูใหญ่ตระกูลคังอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ “ร่าเริงกว่าน้องสาวของข้าเสียอีก!”
เจียงเซี่ยนเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “นั่นเป็นเพราะไม่เคยเจอเรื่องอะไร!” แล้วนางก็ถามถึงคุณหนูรองของตระกูลคัง “ไม่พานางมาด้วย นางจะไม่ร้องไห้งอแงที่บ้านใช่หรือไม่?”
“ไม่เจ้าค่ะ!” คุณหนูใหญ่ตระกูลคังยิ้มพลางเอ่ยว่า “ที่บ้านยังมีน้องชายที่ต้องการคนดูแล อย่างไรก็ออกมาหมดไม่ได้! ยิ่งกว่านั้นข้าสัญญาว่าครั้งหน้าจะพานางไปเที่ยวเจดีย์ห่านป่า าใหญ่”
การอบรมสั่งสอนของตระกูลคังดีมาก!
เจียงเซี่ยนยิ่งมองคุณหนูใหญ่ตระกูลคังก็ยิ่งพอใจ
นางถามว่า “เจ้าชื่อว่าอะไร?”
คุณหนูใหญ่ตระกูลคังหน้าแดงและเอ่ยว่า “ชื่อถงก่วนเจ้าค่ะ!”
เจียงเซี่ยนเอ่ยอย่างประหลาดใจว่า “ถงก่วน จากคำว่า ‘หญิงสาวผู้สุภาพเยือกเย็นสวยงามจริงๆ นัดข้าให้รออยู่ข้างมุมเมือง หญิงสาวผู้สุภาพเยือกเย็นสดใสและงดงามจริงๆ มอบบุปผาสีแด ดงให้ข้า’?”
คุณหนูใหญ่ตระกูลคังยิ้มพลางพยักหน้า และเอ่ยว่า “ดังนั้นน้องสาวของข้าจึงชื่อเฉิงอวี๋”
ชื่อนี้ตั้งได้…
เจียงเซี่ยนแสดงความนับถือมาก
คุณหนูใหญ่ตระกูลคังก็เม้มปากยิ้มเช่นกัน
ทั้งสองคนพูดคุยพลางหัวเราะจนถึงบ้านชุ่ยเวย
ฮูหยินซย่ามาถึงแล้ว หญิงรับใช้ของตระกูลซย่ากำลังรออยู่หน้าประตูใหญ่ พอเห็นรถม้าของเจียงเซี่ยนกับฮูหยินหลิน บ้างก็วิ่งไปแจ้งข่าวกับฮูหยินซย่าอย่างเร็วมาก บ้างก็เข้ามาต ต้อนรับคนในครอบครัวของทั้งสองตระกูล
หน้าประตูคึกคักมากในชั่วขณะ
ก็มีรถม้าแล่นมาอีก ทุกคนต่างเงยหน้ามองไป
คนที่ดูเหมือนคนรับใช้เจ็ดแปดคนคุ้มครองรถม้าผ้าใบน้ำมันสองคัน คันข้างหน้าแขวนโคมไฟสีแดงเข้มตรงมุมรถ คันข้างหลังแขวนระฆังทองแดง ในความธรรมดาและเรียบง่ายปรากฏความประณีตอยู่ อย่างเบาบาง ทำให้คนเห็นแล้วรู้สึกชอบ
รถม้าสองคันแล่นผ่านหน้าประตูบ้านชุ่ยเวยไปยังทางเดินข้างๆ
“นั่นรถม้าของใคร?” มีคนถามเสียงเบา
“ไม่รู้!”
“แต่ดูเหมือนจะไปบ้านชุ่ยจวี”
“ทำไมไปทางนี้?”
ไปชุ่ยจวีสามารถขึ้นจากตีนเขาได้โดยตรง และสามารถผ่านบ้านชุ่ยเวยได้เช่นกัน
เพื่อหลีกเลี่ยง ปกติคนที่ไปชุ่ยจวีต่างจะไม่ผ่านบ้านชุ่ยเว่ย
ทุกคนวิพากษ์วิจารณ์กันเล็กน้อยก็ผ่านไปแล้วเช่นกัน
แต่พวกเจียงเซี่ยนกับฮูหยินหลินเข้าไปในบ้านตั้งนานแล้ว
พวกเจียงเซี่ยนถูกจัดให้อยู่ที่หอมงคลทางตะวันออกของบ้าน ส่วนฮูหยินหลินพักที่หมู่บ้านดอกซิ่งไม่ไกลจากพวกนาง
ทุกคนรับประทานอาหารอย่างง่ายๆ แล้วหวีผม ล้างหน้า เปลี่ยนเสื้อผ้า และไปพบฮูหยินซย่า
ฮูหยินของหวังเฉิงผู้บัญชาการกองบัญชาการส่านซีมาตั้งนานแล้ว นางพาลูกสาวคนรองของตนเองมาด้วย และกำลังนั่งคุยอยู่กับฮูหยินซย่าและลูกสาว
ทุกคนเจอกัน ก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องทักทายกันเล็กน้อย พอทุกคนนั่งลงอีกครั้ง ฮูหยินซย่าก็เอ่ยถึงกำหนดการในวันนี้ “เดี๋ยวพวกเราออกไปเดินเล่นกัน รอทุกคนมาถึงครบแล้วก็รับประทาน อาหาร แล้วดูงิ้ว”
เช่นนี้ก็ต้องดูงิ้วตอนกลางคืนแล้ว
ว่ากันว่ารอบๆ เวทีของบ้านชุ่ยเวยแขวนโคมไฟสีแดงเข้มเต็ม มองไปไกลๆ ราวกับสามารถส่องสว่างได้ครึ่งฟ้า คิดดูแล้วการดูงิ้วตอนกลางคืนก็น่าสนใจมาก
ทุกคนยิ้มพลางขานว่า “เจ้าค่ะ”
ยังมีฮูหยินของรองกับผู้ช่วยของเมืองซีอานที่ยังมาไม่ถึง อย่างไรก็ไม่อาจเริ่มงานเลี้ยงตอนนี้ได้
ทุกคนตามฮูหยินซย่าไปในสวนดอกไม้
ยังเดินไปได้ไม่กี่ก้าว ก็มีสาวใช้เข้ามารายงานว่า “อนุภรรยาของใต้เท้าโจวพาน้องชายของตนเองมาคารวะฮูหยินกับท่านหญิงเจ้าค่ะ!”
ฮูหยินหวังขมวดคิ้ว และเอ่ยอย่างหยาบคายโดยไม่รอให้ฮูหยินซย่าเอ่ยปาก “ที่นี่คือที่ไหน? นางก็ไม่ส่องกระจกเช่นกัน นึกไม่ถึงว่ายังกล้ามาพบพวกเราอย่างเปิดเผย นางเลินเล่อจนไม่รู้ ว่าตนเองชื่ออะไรแล้วใช่หรือไม่?”
ฮูหยินซย่าได้ยินแล้วก็ไอเบาๆ ส่งสัญญาณให้ฮูหยินหวังไม่ต้องพูดอีกแล้ว
ตีสุนัขยังต้องดูเจ้าของ ไม่ว่าอย่างไร อนุภรรยาของสกุลโจวก็เป็นตัวแทนใต้เท้าโจวเช่นกัน นางยังคงต้องไว้หน้าอยู่ดี
“เชิญอนุภรรยาของสกุลโจวเข้ามาเถอะ!”
แม่นมที่ติดตามรับใช้ข้างกายขานรับและจากไป ไม่นานก็พาอนุภรรยาของใต้เท้าโจวกับน้องชายเดินเข้ามา
อนุภรรยาของใต้เท้าโจวดูเหมือนอายุเพียงแค่ยี่สิบห้ายี่สิบหกปี หน้าตาโดดเด่นมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งความกังวลที่ปกคลุมอยู่บนหน้าอย่างเบาบาง ทำให้คนเห็นแล้วแทบอยากจะเข้าไปช่วยให ห้นางสีหน้าผ่อนคลาย ทำให้นางไม่รู้สึกโศกเศร้าและกลัดกลุ้มอีกต่อไป แต่น้องชายของอนุภรรยาสกุลโจวดูเหมือนอายุเพียงแค่สิบเจ็ดสิบแปดปี หน้าตาหล่อเหลา ท่าทางสุภาพอ่อนโยน ดูหล่อเหลา องอาจมากกว่าผู้หญิงเล็กน้อย และงดงามมากกว่าผู้ชายเล็กน้อย มีความสบายที่บอกไม่ถูกมาปะทะหน้า เป็นบุรุษที่หน้าตาโดดเด่นมากคนหนึ่ง
แต่ฮูหยินซย่ากลับขมวดคิ้ว
แม้จะบอกว่าน้องชายของอนุภรรยาสกุลโจวผู้นี้ยังอายุไม่ครบยี่สิบปีเต็ม ทว่าถึงอย่างไรก็เป็นคนรับใช้ชายแล้ว ทางนี้ก็มีแต่สมาชิกในครอบครัวที่เป็นผู้หญิง นางพามาแบบนี้ ถึงอย่ างไรก็ไม่ค่อยดี
แต่คนมาแล้ว ก็ไม่อาจไล่ไปได้เช่นกัน
หลังจากฮูหยินซย่าอดทนพบสองพี่น้องนี้ ก็ยกถ้วยชาส่งคน
สองพี่น้องก็ไม่ได้พูดอะไรเช่นกัน และลุกขึ้นบอกลาอย่างรวดเร็ว
ฮูหยินหลินอดไม่ได้ที่จะเอ่ยว่า “ใต้เท้าโจวอบรมสั่งสอนดี! สองพี่น้องนี้ก็วางตัวเรียบร้อยเช่นกัน!”
ฮูหยินซย่าพยักหน้าอย่างเห็นด้วย และพาทุกคนไปที่สวนดอกไม้ด้านหลัง