มู่หนานจือ - บทที่ 469 ของขวัญ
เจียงเซี่ยนถามอวิ๋นหลิน “ทางพวกเราไม่ได้ส่งคนไปดูหรือ?”
อวิ๋นหลินไม่รู้จะตอบอย่างไรดี จึงคิดแล้วถึงเอ่ยว่า “เดิมทีใต้เท้าคิดจะให้นายท่านห้าจูพี่น้องร่วมสาบานของนายท่านไป นายท่านห้าจูกับท่านฝูอวี้สนิทกันมาก หลังจากตระกูลเกาแ แต่งงานกับคุณชายหลี่หลิน ใต้เท้าก็รู้สึกว่านายท่านห้าจูไม่ค่อยเหมาะสมแล้ว จึงคิดว่าจะให้ท่านเซี่ยไป แต่ใต้เท้าเพิ่งไปถึงเมืองกาน ยังมีเรื่องมากมายจำเป็นต้องพึ่งพาอาศัยท่าน เซี่ย เรื่องทางเมืองไท่หยวน…จึงจำเป็นต้องยึดคุณชายรองตระกูลจินเป็นหลัก…”
พูดไปพูดมา ก็ยังไม่มีคนที่ใช้ได้
รากฐานของตระกูลหลี่ตื้นเกินไปแล้ว
เจียงเซี่ยนถอนหายใจ และให้อวิ๋นหลินออกไปก่อน
วงการราชการส่านซีเริ่มเตรียมของขวัญสำหรับงานแต่งงานของจ้าวอี้แล้ว เจียงเซี่ยนก็ไม่มีข้อยกเว้นเช่นกัน
นางคิดแล้วก็หาคนโทลงยาลายแปดสัญลักษณ์มงคลคู่หนึ่งกับกล่องของขวัญสี่เหลี่ยมลายหยกขาวแกะสลักพันกิ่งดอกไม้คู่หนึ่งจากในสินเดิมมาเป็นของขวัญ
ฉิงเค่อยังเสียดายเล็กน้อย
เจียงเซี่ยนเบ้ปากทันที และเอ่ยว่า “คนโทนี้สีแดงปนเขียว แค่เห็นก็รู้ว่าเป็นแบบที่อันกุ้ยเฟยชอบ ยังไม่รู้ว่าอันกุ้ยเฟยเคยใช้หรือเปล่า รีบส่งไปให้ข้า ข้าจะได้ไม่ปวดตาท ทุกครั้งที่เห็น จะเก็บไว้ทำไม?”
ไป่เจี๋ยอดไม่ได้ที่จะเม้มปากยิ้ม ทั้งสองคนให้คนไปสั่งทำกล่องไม้การบูร และหยิบผ้าไหมจางสีแดงเข้มจากในห้องเก็บของมาห่อคนโทกับกล่องหยกเรียบร้อยแล้ว และเขียนรายการของขวัญ รอเพ พียงอีกไม่กี่วันอวิ๋นหลินจัดคนเรียบร้อยแล้วก็ส่งเข้าไปในเมืองหลวง
ฮูหยินซย่ารู้จากร้านเคลือบที่ทำกล่องไม้การบูรให้ตระกูลหลี่ว่าเจียงเซี่ยนเตรียมของขวัญเรียบร้อยแล้ว จึงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกร้อนใจ และรีบมาขอคำแนะนำจากเจียงเซี่ยนว่าให้ของ งขวัญอะไรดี
เจียงเซี่ยนก็ไม่รู้เหมือนกัน
นางมอบของที่รู้สึกว่าไม่ดีในสินเดิมของตนเองให้จ้าวอี้ เพียงแต่เรื่องนี้ไม่อาจเล่าให้คนอื่นฟังได้
“ตอนวันเฉลิมพระชนมพรรษาของเสด็จยาย มีคนให้เสื้อผ้า รองเท้า ถุงเท้า แล้วก็มีคนให้ฉากกั้น กระถางธูป” นางเอ่ย “ท่านเห็นว่าอะไรล้ำค่าก็ให้อันนั้นแล้วกัน”
บอกเช่นนี้เท่ากับไม่ได้บอก!
เหนือฟ้ายังมีฟ้า อะไรเรียกว่าล้ำค่าล่ะ?
ฮูหยินซย่ากลุ้มใจมาก จึงเอ่ยว่าอยากดูว่าเจียงเซี่ยนมอบอะไรให้จ้าวอี้
เจียงเซี่ยนเข้าใจความรู้สึกของนาง
ชาติก่อนตอนที่นางฉลองวันเกิด คนเบื้องล่างก็ทุ่มเทความคิดอย่างหนักเพื่อมอบของให้นาง แถมยังต้องไม่ซ้ำกัน
นางให้ฉิงเค่อเปิดตู้
พอเห็นคนโทลายซับซ้อนและสีสันสดใสสวยงาม ฮูหยินซย่าก็รู้สึกว่าตนเองโง่มากในทันใด
ท่านหญิงเจียหนานเป็นคนที่แตกต่างจากพวกนางอย่างสิ้นเชิง ต่อให้นางเห็นของขวัญที่ท่านหญิงเจียหนานเตรียมสำหรับงานแต่งงานของฮ่องเต้ นางสามารถเลียนแบบได้หรือ?
ไม่ต้องพูดถึงอย่างอื่น แค่คนโทคู่นี้ ฝีมือในวัง…ขายห้าพันตำลึงก็หาไม่ยากแม้แต่นิดเดียว กล่องหยกคู่นั้นขาวสะอาดทั้งชิ้น ก็ไม่ถูกเหมือนกัน
แต่ตระกูลของพวกนางคิดจะให้ของขวัญโดยใช้เงินเพียงห้าพันตำลึง
แถมยังต้องเลือกอันที่ดูมีมูลค่ามากกว่าหมื่นตำลึง
ฮูหยินซย่ากลับถึงบ้านด้วยความรู้สึกหดหู่
ใต้เท้าซย่ากำลังคุยกับซย่าซานหลานชายของเขา พอรู้ว่าฮูหยินซย่ากลับมา ก็ส่งคนไปถาม
ฮูหยินซย่าเล่าเรื่องราวทั้งหมดอย่างไร้ชีวิตชีวา ตอนที่สาวใช้มาตอบจึงเลี่ยงไม่ได้ที่จะพูดจาเกินจริง “…บอกว่าท่านหญิงเจียหนานหยิบของสองชิ้นที่เป็นคู่ในสินเดิมของนางมาเป็ นของขวัญตามใจชอบ ทุกชิ้นมีมูลค่าอย่างน้อยหนึ่งหมื่นตำลึง และทำในวังทั้งหมด คนอื่นมีชิ้นหนึ่งก็เป็นของล้ำค่าที่สืบทอดกันภายในตระกูลแล้ว ท่านหญิงยังรังเกียจว่าของไม่ดีพอ ให้ท่านหญิงตัดสินใจไม่ได้จริงๆ”
ความนัยที่แฝงในนั้นคือ พวกเขาซื้อไม่ไหว
ใต้เท้าซย่าได้ยินแล้วก็ขมวดคิ้วตลอด
ทว่าซย่าซานกลับรีบเข้ามาใกล้ และเอ่ยว่า “ท่านอา กำลังกลุ้มว่าจะให้ของอะไรสำหรับงานอภิเษกสมรสของฝ่าบาทใช่หรือไม่? ท่านไปบอกท่านพ่อสิ! อย่าว่าแต่เงินสองหมื่นตำลึงเลย แม้ แต่เงินห้าหมื่นตำลึง หากท่านพ่อได้ยินว่าท่านต้องการ ก็จะส่งคนส่งมาทันที ยังกลัวว่าจะซื้อของดีมอบให้ฝ่าบาทไม่ได้หรือ?” แล้วเอ่ยอีกว่า “ท่านอา ท่านหญิงเจียหนานเป็นคนอย่า างไร? ข้าได้ยินคนบอกว่านางเป็นโรคที่บอกใครไม่ได้ ถึงได้แต่งงานกับหลี่เชียน...”
“พูดจาเหลวไหล!” ใต้เท้าซย่าก็จนปัญญากับหลานชายคนนี้แล้วเช่นกัน จึงตีหน้าขรึมพลางตบโต๊ะ และเอ่ยว่า “ทั้งวันไม่ตั้งใจเรียน คิดแต่พวกเรื่องที่ไม่ได้เรื่องได้ราว ข้าถามเจ้า เดื อนนี้เจ้าสอบประจำเดือนได้เป็นอย่างไร? ได้ที่เท่าไร?”
ซย่าซานว่านอนสอนง่ายทันที และหัวเราะพลางเอ่ยว่า “ท่านอา ครั้งนี้ท่านโทษข้าไม่ได้นะ จู่ๆ สำนักของพวกเราก็มีคนชื่อเจิ้งฉงมา มาจากเมืองหลวง เขามาถึงก็สอบได้ระดับหนึ่งเลย ถึง งเบียดข้าไปอยู่ระดับสี่”
สำนักสกุลหวังที่เสียนหยางประเมินผลเดือนละครั้ง แบ่งเป็นสี่ระดับ ได้แก่ หนึ่ง สอง สาม และสี่ ระดับหนึ่งสิบคน ระดับสองยี่สิบคน…อนุมานตามนี้ สุดท้ายที่เหลือทั้งหมดเป็นระ ะดับสี่ เดือนที่แล้วซย่าซานพยายามจนสอบได้ระดับสาม เดือนนี้ก็ตกไปอยู่ระดับสี่แล้ว นี่ทำให้ใต้เท้าซย่าที่เรียนหนังสืออยู่ในอันดับต้นๆ มาตลอดไม่เข้าใจเป็นอย่างมาก จึงตวาดด่าว่ า “เจ้าไม่ตั้งใจเรียนหนังสือ ยังมีข้ออ้างอีก? เดือนนี้ตอนที่หยุดพัก กลับมาซีอาน ข้าจะตรวจการบ้านของเจ้าเอง…”
ซย่าซานรู้สึกทุกข์ใจอย่างถึงที่สุด จึงเด้งตัวขึ้นมาและเอ่ยว่า “ท่านคงจะยังไม่รู้ เจิ้งฉงที่มาใหม่นั่น…เป็นลูกชายของเจิ้งเจียนอาจารย์ของตระกูลหลี่ เขาเรียนหนังสือที่เมือง งหลวง เก่งมาก มาถึงก็สอบได้ที่หนึ่งเลย…”
ใต้เท้าซย่าได้ยินแล้วก็เอ่ยว่า “หือ ข่าวเชื่อถือได้หรือไม่?”
“เชื่อถือได้ขอรับ!” ซย่าซานเอ่ยทันที “อาจารย์ในสำนักเป็นคนบอกข้าเอง”
ใต้เท้าซย่าคิดแล้วก็เอ่ยว่า “แล้วเจ้าสนิทกับเจิ้งฉงหรือไม่?”
“สนิทมาก!” ถึงซย่าซานจะไม่น่าเชื่อถือ ทว่ากลับชอบดึงดูดคนที่มีปณิธานและนิสัยเหมือนกัน แถมยังยินดีจ่ายเงิน แล้วก็ถือว่าเป็นคนมีอารมณ์ขันเช่นกัน ความสัมพันธ์กับคนในสำนักจึงไม่ เลว
“เช่นนั้นก็ดี!” ใต้เท้าซย่าสั่งซย่าซาน “ต่อไปเจ้าไปมาหาสู่กับเจิ้งฉงให้มาก พ่อของเขามาจากตระกูลจิ้นซื่อ อยู่ตระกูลหลี่ก็เพียงแค่ขอความช่วยเหลือชั่วขณะ ไม่มีทางที่จะอยู่นานม มาก เจ้าต้องสานสัมพันธ์กับเจิ้งฉงให้ดี”
“โห คิดไม่ถึงว่าเจิ้งฉงจะเป็นลูกหลานตระกูลขุนนาง” ซย่าซานประหลาดใจมาก “เขาแต่งตัว พูดจา และทำอะไรถ่อมตนและสุภาพมาก”
ใต้เท้าซย่าเอ่ยว่า “ขอเพียงมีความรู้มากและประสบความสำเร็จในการเรียน ท่าทางและความสามารถย่อมแสดงออกมาอย่างสดใสและงดงามเต็มที่ ตระกูลของพวกเขามีความสามารถ ก็ย่อมถ่อมตนและสุภ ภาพอยู่แล้ว เจ้าไม่ต้องสนใจเรื่องพวกนี้ สนใจแค่ไปมาหาสู่กับเจิ้งฉงก็พอแล้ว”
ซย่าซานพยักหน้าติดกันหลายครั้ง พอออกมาจากบ้านของใต้เท้าซย่า ก็ซื้อกล่องของขวัญสิบสองสี และไปที่บ้านของเจิ้งฉง
เจิ้งฉงกำลังอ่านหนังสืออยู่ในบ้าน พอได้ยินว่าซย่าซานมา ก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว
นายหญิงเจิ้งที่ส่งของว่างมาให้ลูกชายรีบเอ่ยว่า “เพื่อนร่วมสำนักคนนี้ไม่ดีตรงไหนหรือ?”
เจิ้งฉงเป็นเด็กที่ถึงแม้จะอายุยังน้อยทว่ากลับมีประสบการณ์โชกโชนและทำอะไรสุขุมรอบคอบมาก เขาได้ยินแล้วก็ค่อยๆ ส่ายหน้าด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ และเอ่ยว่า “คนๆ นี้ไม่มีความรู้และค ความสามารถ เป็นหลานชายของใต้เท้าซย่าผู้ว่าราชการมณฑลส่านซี” เขาเอ่ยพลางลุกขึ้นยืนเตรียมเปลี่ยนเสื้อผ้า “คนที่มีคุณธรรมสูงส่งมักจะใจกว้าง คนถ่อยมักจะกลุ้มใจ ข้าออกไปดูและค่อย ยว่ากันแล้วกัน!”
นายหญิงเจิ้งเอ่ยว่า “อืม” เบาๆ อย่างกังวล และส่งลูกชายออกไปข้างนอก
ซย่าซานนั่งอยู่บนเก้าอี้ไท่ซือในห้องโถงของบ้านของเจิ้งฉงพลางมองซ้ายมองขวา และรู้สึกว่าบ้านของเจิ้งฉงไม่เลวทีเดียว จะเห็นได้ว่าผู้บัญชาการหลี่เชียนปฏิบัติกับตระกูลเจิ้ง งอย่างดี
เขาบอกเพียงว่าตนเองผ่านจวนสกุลหลี่ นึกถึงเจิ้งฉง จึงถือโอกาสมาเยี่ยม
เจิ้งฉงขอบคุณ และต้อนรับซย่าซานอย่างเยือกเย็น
ซย่าซานนั่งอยู่พักหนึ่งก็ลุกขึ้นบอกลา
นี่ทำให้เจิ้งฉงทำอะไรไม่ค่อยถูก และเดาไม่ถูกว่าซย่าซานมาเป็นแขกที่บ้านของตนเองทำไม
ซย่าซานแอบภูมิใจ เหมือนรู้สึกดีใจมากที่ทำให้เจิ้งฉงทำอะไรไม่ถูกได้
เจิ้งฉงออกไปส่งซย่าซาน
เจอฉิงเค่อหน้าประตู
นางเพิ่งจะไปถามคนที่เข้าเวรที่ห้องยามว่ามีข่าวของหลี่เชียนหรือไม่
ต่างก็บอกว่าไม่มี
เจียงเซี่ยนรู้แล้ว น่าจะเสียใจ!
ฉิงเค่อครุ่นคิด จนเกือบจะชนกับซย่าซานที่มาตรงหน้า