มู่หนานจือ - บทที่ 473 จากกันชั่วคราว
ทางหลี่หลินก็คึกคักมากเช่นกัน พวกหลี่จี้ จงเทียนอวี่ หม่าหย่งเซิ่ง เจิ้งฉง และหลี่เหลยดื่มเหล้าและพูดคุยพลางหัวเราะ จบอาหารหนึ่งมื้อจงเทียนอวี่กับหม่าหย่งเซิ่งต่างก็ก กลายเป็นประทับใจในตัวหลี่หลินมาก
ทุกคนก็เอ่ยถึงเรื่องแต่งงานของหลี่หลิน
หม่าหย่งเซิ่งเอ่ยว่า “เสียดายที่พวกเราต้องเรียนหนังสือกับท่านอาจารย์คัง จึงไม่สามารถไปร่วมงานแต่งงานของเจ้าได้”
หลี่หลินก็เสียดายเล็กน้อยเช่นกัน จึงเอ่ยว่า “ไม่เป็นไร! การแต่งงานกำหนดไว้ครึ่งปีหลัง ถึงเวลานั้นข้าค่อยคุยกับจงเฉวียน ไม่แน่ถึงเวลานั้นทุกคนอาจจะไปได้ก็ได้!”
“เช่นนั้นข้าก็อวยพรให้พี่หลี่หลินรักกันตลอดไปและรักกันจนแก่เฒ่าตรงนี้ก่อนแล้ว!” จงเทียนอวี่คารวะเหล้าหลี่หลิน
อีกหลายคนก็ก่อความวุ่นวายไปด้วย
หลี่หลินก็ไม่ปฏิเสธเหมือนกัน และดื่มจนเมาหัวราน้ำ
พวกหลี่จี้ต่างก็ดื่มจนสองตาพร่ามัวเช่นกัน และกลัวว่ากลับไปแล้วจะถูกเจิ้งเจียนหรือคังเสียงอวิ๋นตำหนิ ทุกคนจึงหาโรงเตี๊ยม และให้เด็กรับใช้ต้มน้ำแกงสร่างเมา นอนจนตีกลอง งยามสอง จึงหวีผมและล้างหน้าในโรงเตี๊ยม ถึงจะไปที่เถียนสุ่ยจิ่งอย่างโงนเงน
ระหว่างทางเจอตำรวจที่ลาดตระเวนการห้ามออกนอกบ้านในยามราตรี ทุกคนหลบเลี่ยงอย่างแผ่วเบา กว่าพวกเขาจะกลับถึงจวนสกุลหลี่ ก็เริ่มตีกลองยามสามแล้ว
หลี่เหลยอดที่จะเอ่ยด้วยรอยยิ้มไม่ได้ว่า “ดูสิว่าพวกเจ้ายังจะก่อความวุ่นวายหรือไม่!”
เขาอายุมากกว่าพวกหลี่จี้เล็กน้อย ตอนที่พวกหลี่จี้ดื่มเหล้า มีเพียงเขาคนเดียวที่เลี่ยงแล้วเลี่ยงอีก จึงไม่ได้ดื่มเท่าไร ตอนหลังพวกเขาดื่มมากแล้ว เขาก็เป็นคนออกความคิดให้ พักที่โรงเตี๊ยมครู่หนึ่ง และสั่งให้เด็กรับใช้พยุงพวกเขาไปที่โรงเตี๊ยม เวลานี้เขาก็เป็นคนที่ว่องไวที่สุดเช่นกัน…พวกหลี่จี้ต่างดื่มจนปวดศีรษะแทบแตก โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลี่ หลิน สองขายังคงอ่อนแรง จนเดินไม่ค่อยคล่องด้วยซ้ำ
ทว่าพอพวกเขากลับถึงจวนสกุลหลี่ กลับเห็นจวนสกุลหลี่ในตอนเที่ยงคืนโคมไฟสาดส่องสว่างไสว สาวใช้กับเด็กรับใช้ต่างแต่งตัวเรียบร้อย และกำลังช่วยขนของจากรถม้าที่อยู่หน้าประตู ใหญ่ไปๆ มาๆ อยู่!
ทุกคนอึ้งไปเล็กน้อยทันที
แต่หลี่จี้กลับชี้ปิงเหอที่ยืนคุมและเร่งให้ทุกคนขนหีบสัมภาระอยู่บนขั้นบันไดพลางตะโกนเรียก และเอ่ยว่า “ท่านพี่กลับมาแล้วอย่างนั้นหรือ?”
เดิมทีปิงเหอไม่ได้สังเกตพวกหลี่จี้ พอหลี่จี้เรียกเช่นนี้ เขาจึงมองไปตามเสียง ใบหน้าฉายแววแปลกใจทันทีทว่ากลับเดินมาหาอย่างรวดเร็ว และคารวะพวกหลี่หลิน แล้วเอ่ยว่า “คุณช ชายหลี่หลิน คุณชายหลี่จี้ ดึกขนาดนี้แล้ว ทำไมพวกท่านถึงอยู่ที่นี่?”
หลี่จี้ยังมีเวลาสนใจเรื่องพวกนี้ที่ไหนกัน เขารีบเอ่ยว่า “ปิงเหอ ท่านพี่กลับมาแล้วใช่หรือไม่? ท่านพี่กลับมาเมื่อไร?”
ปิงเหอเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “ใต้เท้ากลับมาแล้วขอรับ เขาเพิ่งกลับมา ตอนนี้คงจะยังเดินไม่ถึงลานบน”
“โอ๊ย!” หลี่จี้เอ่ยอย่างตื่นเต้นว่า “ท่านพี่กลับมาแล้ว!” เขาเอ่ยพลางสาวเท้าเข้าไปข้างในอย่างรวดเร็ว ทว่าเดินไปได้ไม่กี่ก้าว ถึงรู้สึกว่าตนเองลืมตัวเล็กน้อย จึงรีบหันกลับมา าอีกครั้ง และเอ่ยกับพวกหลี่หลินว่า “ข้าจะไปดูท่านพี่หน่อย ไม่อย่างนั้นพวกเจ้ากลับไปพักก่อนเถอะ…”
หลี่หลินก็ไม่ได้เจอหลี่เชียนระยะหนึ่งแล้วเช่นกัน
บางทีอาจจะกลัวพี่น้องเกิดความบาดหมางกัน หลี่ฉางชิงจึงไม่ได้บอกเขาว่า หลี่เชียนเคยเขียนจดหมายคัดค้านการแต่งงานของเขากับเกาเมี่ยวหรงอย่างชัดเจน แต่บอกหลี่หลินโดยถือว่าค ความคิดของหลี่เชียนเป็นความคิดของตนเอง
หลี่หลินคิดว่าเขาก็กำลังจะแต่งงานแล้วเช่นกัน แถมคนที่จะแต่งงานยังเป็นเกาเมี่ยวหรง ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ควรจะหาโอกาสคุยเรื่องส่วนตัวกับหลี่เชียน
เขาโอบไหล่ของหลี่จี้ และเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “ข้าจะไปดูกับเจ้าด้วย! ข้ายังคิดว่าจะส่งเทียบเชิญงานแต่งงานให้อาเชียนด้วยตนเอง!”
หลี่จี้ไม่อาจปฏิเสธได้
พวกเจิ้งฉงเห็นสถานการณ์ก็พากันแสดงออกว่าอยากเข้าไปทักทายหลี่เชียนด้วยเช่นกัน
กำลังของหลี่จี้คนเดียวยากที่จะประคับประคองสถานการณ์ทั้งหมดได้ จึงจำเป็นต้องพาพวกเขาเข้าเรือนด้านหลังอย่างยิ่งใหญ่
หลี่เชียนเป็นอย่างที่ปิงเหอบอก เขาเข้าไปข้างในก่อนพวกหลี่หลินเพียงก้าวเดียว
ดังนั้นตอนที่พวกหลี่จี้ไป หลี่เชียนจึงเข้าลานบนพอดี
หลี่หลินก็เห็นเจียงเซี่ยนเกล้ามวยทรงตกหลังม้าอย่างงดงาม สวมเครื่องประดับทองที่ประณีต และสวมเสื้อกันหนาวแขนยาวที่มีซับในซึ่งปักลายขนหางหงส์ไหมทองล้อมดอกไม้สีแดงเข้ม ยิ้ม มอย่างมีความสุขและร่ายรำจากห้องหลักเข้าสู่อ้อมกอดของหลี่เชียนเหมือนผีเสื้อ
หลี่เชียนยิ้มอย่างดีใจ และกอดเจียงเซี่ยนไว้ในอ้อมแขนแน่น
พวกหลี่จี้มองจนจ้องอย่างแน่วแน่ และคิดได้ว่าห้ามดูสิ่งที่ผิดจริยธรรม จึงรีบหลุบตาลง และหน้าแดงจนเหมือนผ้าสีแดงทันที
มีแต่หลี่หลินที่รู้สึกตกใจ
ที่แท้เวลาส่วนตัว ท่านหญิงเจียหนานอยู่ต่อหน้าหลี่เชียน เป็นแบบนี้นี่เอง!
เหมือนเด็กสาวที่ใสซื่อบริสุทธิ์ เห็นหลี่เชียนก็อารมณ์ดีขึ้นมา
มิน่าเล่าหลี่เชียนถึงได้ชอบท่านหญิงเจียหนาน
หลี่หลินนึกถึงครั้งแรกที่ตนเองเจอเจียงเซี่ยน
เป็นวันแรกที่ญาติของทั้งสองฝ่ายพบกันเป็นครั้งแรก เจียงเซี่ยนสวมชุดพิธีการสีแดงเข้ม ใบหน้าที่ขาวราวกับหิมะเคร่งเครียด ตอนที่มองคนเชิดคางขึ้นเล็กน้อย เย่อหยิ่ง เย็นชา เจือค ความดูถูกอันหยิ่งยโส ทำให้คนแค่เห็นก็รู้ว่าเป็นทายาทของชนชั้นสูงที่มาจากตระกูลขุนนาง
ตอนนั้นเขาคิดว่า ใช้ชีวิตร่วมกับผู้หญิงแบบนี้ หลี่เชียนน่าจะหวาดกลัวและไม่สบายใจกระมัง!
ตอนหลังเขารู้สึกว่าเจียหนานเหมือนเจอการแกะสลักน้ำแข็งของดวงอาทิตย์ จึงค่อยๆ นุ่มนวลลง แต่ความโอหังที่เป็นแบบนี้มาตั้งแต่เกิดกลับเหมือนสลักอยู่ในร่างของนาง และไม่สามารถเม มินเฉยได้แม้แต่นิดเดียว
ทว่าตอนนี้…เขาเห็นท่านหญิงเจียหนานที่แตกต่างไปอย่างสิ้นเชิง
กระตือรือร้นและมีความสุข เหมือนเด็กสาวทุกคน และกระโดดเข้าไปในอ้อมกอดของหลี่เชียนอย่างไม่สนใจทุกสิ่งทุกอย่าง
หลี่เชียนหัวเราะ และกอดนางแน่นครู่หนึ่ง แล้ววางนางลงบนพื้นอย่างอาลัยอาวรณ์เล็กน้อย
แต่ปิ่นปักผมดอกไม้สานทองสีทองอร่ามบนศีรษะของเจียงเซี่ยนกลับเกี่ยวผมของหลี่เชียน
หลี่เชียนก้มศีรษะลง อยากดึงผมออกจากปิ่นปักผมดอกไม้ ทว่าดึงหลายครั้งก็ไม่สมหวัง
เจียงเซี่ยนเม้มปากยิ้ม และดึงปิ่นปักผมดอกไม้ออกจากบนศีรษะส่งให้คนที่อยู่ข้างกายทันที แล้วคล้องแขนของหลี่เชียนพลางยิ้มออกมา
เปิดเผยตรงไปตรงมาจนทำให้คนรู้สึกสบายใจ!
หลี่เชียนจิ้มจมูกของเจียงเซี่ยนอย่างรักมาก
ทั้งสองคนมองกันพลางยิ้ม
อยู่ห่างขนาดนี้ หลี่หลินก็รู้สึกได้ถึงความสุขอันเต็มหัวใจตอนที่พวกเขามองอีกฝ่ายเช่นกัน
หลี่หลินมองแล้ว ไม่รู้ทำไม ในใจรู้สึกไม่ค่อยสบายใจอย่างบอกไม่ถูก
เขากับเกาเมี่ยวหรงก็ถือว่าเติบโตมาด้วยกันตั้งแต่เด็กเช่นกัน ทว่าทั้งสองคนเหมือนจะไม่เคยรู้สึกผ่อนคลายเหมือนตอนที่หลี่เชียนกับเจียงเซี่ยนอยู่ด้วยกันแบบนี้เลย
บางทีอาจจะเป็นเพราะหลี่เชียนกับเจียงเซี่ยนแต่งงานกันแล้ว แต่เขาเพิ่งจะหมั้นกับเกาเมี่ยวหรง?
หลี่หลินปลอบใจตนเองแบบนี้ และยิ้มพลางดึงหลี่จี้ “ตอนนี้พี่ใหญ่ของเจ้าว่างสนใจเจ้าที่ไหนกัน พวกเรากลับไปก่อน พรุ่งนี้ค่อยมาเจอจงเฉวียน”
พวกหลี่จี้ล้วนเป็นเด็กหนุ่มที่ยังไม่หมั้น แต่ละคนพยักหน้าอย่างหน้าแดง และหันตัวเดินตามหลี่หลินออกไปข้างนอก
ทว่าพวกหลี่จี้ก็ยังอดไม่ได้ที่จะหันกลับไปเหลือบมองหลี่เชียนกับเจียงเซี่ยนอย่างไวมากครั้งหนึ่ง
พวกเขาต่างรู้สึกได้ถึงความดีใจที่เจียงเซี่ยนเจอหลี่เชียน
ระหว่างสามีภรรยา ก็ควรจะรักกันแบบนี้กระมัง!
พวกเด็กหนุ่มที่กำลังโตต่างอดไม่ได้ที่จะครุ่นคิด
หลี่เชียนรู้ว่ามีคนมองพวกเขาอยู่
แต่พอเขาเห็นเจียงเซี่ยน ในใจก็เหมือนน้ำเดือดผุดออกมาไม่หยุด ยังสนใจเรื่องอื่นที่ไหนกัน
ยังไม่ได้เดินเข้าห้องหลัก เขาก็อดไม่ได้ที่จะถามเจียงเซี่ยนแล้ว “ช่วงนี้เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง? เขียนจดหมายหาข้าก็ไม่บอกสักหน่อยเช่นกัน ข้าอยู่เมืองกานเป็นห่วงเจ้าตลอด!”
กลัวนางกินไม่ได้ นอนไม่หลับ ไม่มีคนเล่นเป็นเพื่อนนาง และกังวลว่านางจะเสียใจ จะหวาดกลัว…
เจียงเซี่ยนทำหน้ามุ่ย และเอ่ยอย่างแสร้งทำเป็นโกรธว่า “เจ้าก็ไม่บอกอะไรข้าเลยเหมือนกันไม่ใช่หรือ! แถมยังรั้งท่านหมอฉางไว้ถึงหลังปีใหม่ถึงจะกลับมา…เจ้าเป็นห่วงข้า แล้วข้าไม ม่เป็นห่วงเจ้าอย่างนั้นหรือ? เจ้าทำอะไรไม่เอาใจเขามาใส่ใจเรา!”
หลี่เชียนอึ้งไป และยอมรับผิดทันที “ข้าไม่ดีเอง ต่อไปข้าจะบอกเจ้าทุกอย่างอย่างแน่นอน!”