มู่หนานจือ - บทที่ 478 คำพูดเพ้อเจ้อหลังจากเมา
“เช่นนั้นก็นั่งลงคุยกันเถอะ” หลี่เสว่ยิ้ม และสั่งให้สาวใช้ชงชาให้เขาใหม่กาหนึ่ง เพิ่มชากับของว่างอีกเล็กน้อย แล้วถึงจะถามเขาด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มว่า “มีอะไรจำเป็นต้อ องมาด้วยตนเองดึกขนาดนี้หรือ?”
หลี่หลินยิ้มพลางดื่มชาอึกหนึ่ง และเอ่ยว่า “ข้าได้ยินว่าอาเชียนไปราชการแล้ว?”
หลี่เสว่พยักหน้า และเอ่ยว่า “เห็นว่าต้องไปสี่ห้าวัน”
หลี่หลินก็ยิ้มและเอ่ยว่า “ข้าคิดไม่ถึงว่าอาเชียนเพิ่งกลับมาก็ต้องไปราชการ ว่ากันตามหลักการแล้วข้าควรจะแจ้งเขาแล้วค่อยกลับไป แต่พี่หญิงก็รู้เช่นกันว่า ทางไท่หยวนยัง งรอข้ากลับไปมอบสินสอดอยู่! ข้าอยากออกเดินทางกลับไปไท่หยวนในอีกสองวันตามที่เคยบอกเหมือนเดิม”
มือที่ถือถ้วยชาของหลี่เสว่อดไม่ได้ที่จะแน่น พลางคิดว่าเรื่องที่น้องชายของตนเองแต่งงานกับตระกูลเกาเป็นที่แน่นอนแล้ว หากนางพูดอะไรอีกก็มีแต่จะทำให้คนเกลียด แถมยังไม่เก กิดผลใดๆ จึงเม้มปาก และตกลงทันที “เช่นนั้นพรุ่งนี้ข้าจะไปบอกท่านหญิง ไม่ทันได้บอกลาอาเชียน อย่างไรก็ต้องแจ้งท่านหญิงสักหน่อยถึงจะถูก”
“แน่นอนอยู่แล้ว!” หลี่หลินโล่งอก แล้วยิ้มพลางลุกขึ้นบอกลา “เช่นนั้นข้ากลับไปก่อนแล้ว ซื้อของพื้นเมืองมากมายกลับไปด้วย ยังต้องเก็บของอีก”
หลี่เสว่ยิ้มพลางขานรับ และส่งหลี่หลินออกไปข้างนอก
วันรุ่งขึ้น นางไปบอกลาเจียงเซี่ยน
เจียงเซี่ยนไม่ต้องถามก็รู้ว่านี่เป็นความคิดของหลี่หลิน นางไม่ค่อยพอใจ ทว่าก็ไม่อยากทำให้หลี่เสว่ลำบากใจเช่นกัน จึงยิ้มพลางกำชับนางนานมาก แล้วให้นางอยู่รับประทานอาหารก กลางวัน และเชิญหลี่ตงจื้อมาอยู่เป็นเพื่อน
ส่วนหลี่จี้ที่ได้ข่าวแล้วก็วิ่งไปหาหลี่หลิน
หลี่หลินกำลังเก็บของ
หลี่จี้ลากเขาไปข้างๆ แล้วมอบสี่สิ่งล้ำค่าในห้องหนังสือที่ฮ่วนฮวาจี้ผลิตเพียงผู้เดียวให้เขา และบอกเขาอย่างรู้สึกเสียใจว่า “ตอนที่ท่านหมั้น ข้ากลับไปไม่ทัน นี่เป็นของขวัญ จากข้า พี่ใหญ่อย่าได้เกรงใจข้าเด็ดขาด”
สี่สิ่งล้ำค่าในห้องหนังสือชุดนี้ที่ฮ่วนฮวาจี้ผลิตเป็นรุ่นพิเศษ ว่ากันว่าทั้งหมดทำแค่หนึ่งหมื่นชุด ด้านนอกเป็นกล่องไม้หวงหยางสลักลายที่หายาก ด้านในเป็นกระดาษเฉิงซิน จา านฝนหมึกตวน หมึกฮุย และพู่กันหู[1] ชุดหนึ่งอย่างน้อยก็ต้องใช้เงินสามสิบตำลึงเช่นกัน
หลายปีก่อนหลี่หลินก็เริ่มเรียนพร้อมกับหลี่เชียนเช่นกัน เพียงแต่ไม่ได้ยืนหยัดที่จะเข้าร่วมการสอบขุนนางเหมือนหลี่เชียน จึงชอบพวกของใช้ที่มีไว้สำหรับชมมาก
เขาอดไม่ได้ที่จะลูบศีรษะของหลี่จี้อย่างเอ็นดู และเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “เดือนหนึ่งเจ้ามีเงินเดือนเท่าไร? ยังซื้อของพวกนี้ให้ข้าอีก น้ำใจถึงแล้วก็พอแล้ว ครั้งหน้าห้ามทำแบบน นี้อีกแล้ว”
หลี่จี้ยิ้มแหยๆ พลางพยักหน้า
หลี่หลินหยิบเงินให้เขา “คนเป็นพี่ชายอย่างข้า จะให้เจ้าจ่ายเงินได้อย่างไร เงินนี้ข้าช่วยเจ้าออกแล้วกัน ต่อไปหากเจ้ามีใจอีก วาดภาพอะไรสักภาพหรือเขียนตัวอักษรสักแผ่นให้ข้ าก็พอแล้ว”
หลี่จี้ไม่เอา และอดไม่ได้ที่จะอวดว่า “พี่สะใภ้ให้ตงจื้อแบ่งเงินให้ข้าห้าพันตำลึง”
หลี่หลินประหลาดใจ
หลี่จี้บอกเรื่องราวทั้งหมดกับหลี่หลิน และยังถอนหายใจพลางเอ่ยว่า “พี่สะใภ้เปิดเผยตรงไปตรงมากว่าผู้ชายเสียอีก ตงจื้อก็ดีมากเหมือนกัน แบ่งตั๋วเงินให้ข้าครึ่งหนึ่งโดยไม่บ่น ใดๆ”
ส่วนที่ตงจื้อบอกว่าจะช่วยเก็บเงินที่เหลือไว้ให้เขา หากต่อไปเขามีเรื่องอะไรก็สามารถขอเงินนางได้นั้น เขาไม่ได้เล่าให้หลี่หลินฟัง เขาแอบรู้สึกว่า หลี่หลินใส่ใจฐานะข ของพี่ใหญ่มาก หากเขาอ่อนแอมาก หลี่หลินยินดีดูแลเขามาก แต่หากเขาแข็งแกร่งกว่าหลี่หลิน หลี่หลินก็จะไม่พอใจ
เขาควรจะไม่บอกอะไรหลี่หลินเลยถึงจะถูก
ทว่าเรื่องเกี่ยวกับตั๋วเงินนั้นเขาบอกใครไม่ได้ เมื่อครู่เขาทนไม่ไหวจึงบอกหลี่หลินไปแล้ว…ความจริงเขาควรจะปิดบังแม้แต่หลี่หลิน
หลี่หลินได้ยินแล้ว สีหน้าก็นิ่งไปครู่หนึ่งอย่างที่คิดจริงๆ ครู่ใหญ่ถึงจะฝืนทำจิตใจให้สดชื่นขึ้นและยิ้มให้หลี่จี้ พลางเอ่ยว่า “เจ้านี่โชคดีมาก นั่งอยู่บ้านไม่ทำอะไรเลย ย ก็ส้มหล่น ต่อไปหากพี่ไม่มีเงินอยากยืมเงินเจ้าใช้สักหน่อย เจ้าห้ามเอ่ยปากปฏิเสธนะ!”
“แน่นอน แน่นอน” หลี่จี้รีบเอ่ย และเบี่ยงประเด็นนี้
หลี่หลินก็คุยกับเขาอย่างใจลอยเช่นกัน
พอถึงตอนเย็น พวกเจิ้งฉงต่างรู้ว่าอีกสองวันหลี่หลินจะกลับไปแล้ว จึงพากันมาเลี้ยงส่งเขา
หลี่หลินปฏิเสธไม่ได้ จึงตอบตกลง โดยเจิ้งฉงเป็นเจ้าภาพ และรวมตัวกันในร้านอาหารที่กินอาหารซานตงอีกแห่งหนึ่ง
แต่ถึงจะเป็นการรวมตัวก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะดื่มเหล้าเช่นกัน
สองสามถ้วยลงไป หลี่หลินก็พูดมากขึ้นแล้ว ในนั้นไม่รู้ว่าใครเอ่ยถึงเรื่องแต่งงานของเจิ้งฉง
เจิ้งฉงสีหน้าแดงก่ำ และเอ่ยว่า “ข้าอายุยังน้อย ท่านพ่อบอกว่ารออีกสองสามปี” เขาเอ่ยพลางคิดถึงความเปลี่ยนแปลงในครอบครัวช่วงสองปีนี้ แล้วกลายเป็นผิดหวังเล็กน้อยขึ้นมาทันที จ จึงเอ่ยว่า “ข้าก็รู้เช่นกันว่า ท่านพ่อเอาสินสอดมากขนาดนั้นออกมาจากในตระกูลไม่ได้ในชั่วขณะ…”
จั๋วหรานอดไม่ได้ที่จะเงียบ
ทว่าหลี่หลินที่ดื่มค่อนข้างมากกลับโอบไหล่ของหลี่จี้ และเอ่ยกับเจิ้งฉงด้วยกลิ่นเหล้าฉุนว่า “เจ้าอย่ากังวล ศิษย์น้องของเจ้ามี วาสนาในการแต่งงานที่ดีไม่รอคน หากเจอคนที เหมาะสม เจ้าก็ตกลงได้เลย ให้อาจี้ให้เจ้ายืมเงิน เมื่อวานเขาร่ำรวยก้อนใหญ่…ท่านหญิงให้เงินเขาห้าพันตำลึง!”
ครอบครัวเกษตรกรธรรมดา ไม่ซื้อข้าวไม่ซื้อผัก เงินสิบตำลึงก็สามารถใช้ชีวิตได้อย่างร่ำรวยมากแล้ว
เงินห้าพันตำลึง สามารถซื้อบ้านที่ไม่ใหญ่ไม่เล็กตรงถนนช่วงที่เจริญรุ่งเรืองที่สุดของซีอานได้แล้ว
ทุกคนอิจฉามาก
หลี่จี้เอ่ยอย่างลำบากใจว่า “โอ๊ย ข้าก็เกรงใจที่จะใช้เงินของพี่สะใภ้จริงๆ เหมือนกัน ช่วงนี้พี่สะใภ้จะเพิ่มเงินเดือนให้ข้าสิบตำลึงทุกเดือน แต่ในเมื่อพี่สะใภ้ให้แล้ว ข้าก็ จำเป็นต้องรับไว้ และทำได้เพียงรอในอนาคตมีโอกาสแล้วค่อยตอบแทนพี่สะใภ้”
ถึงซย่าซานจะฐานะครอบครัวร่ำรวย ทว่าก็ไม่มีทางที่จะให้ตั๋วเงินเขาเล่นทีเดียวห้าพันตำลึงเช่นกัน
เขาตกใจจนพูดไม่ออกและเอ่ยกับจั๋วหรานที่นั่งอยู่ข้างกายว่า “เห็นหรือไม่ นี่คือข้อดีของการแต่งงานกับท่านหญิงเจียหนาน! คนหนึ่งเป็นขุนนางแล้ว คนที่เกี่ยวข้องกับเขาต่างก ก็ได้เปรียบตามไปด้วยเช่นกัน! ทำไมข้าถึงไม่โชคดีแบบนี้นะ?”
จั๋วหรานเคยดื่มเหล้ากับหลี่จี้แค่สองครั้ง แต่หลี่จี้ตรงไปตรงมามาก จึงทำให้เขารู้สึกชอบ เขาไม่อยากฟังซย่าซานนินทาหลี่จี้ พอได้ยินจึงชี้แจงเรื่องราวให้หลี่จี้อย่างไม่ค่อย ยพอใจว่า “นั่นก็เป็นโชคชะตาของหลี่จี้เองเช่นกัน…หากเขาไม่ดีกับท่านหญิง ท่านหญิงจะดีกับเขาได้อย่างไร!”
“โชคชะตาอะไรกัน!” ซย่าซานทำเสียงไม่พอใจอย่างเย็นชา และเอ่ยว่า “หากข้ามีพี่สะใภ้อย่างท่านหญิง ข้าก็จะเชื่อฟังมาก เอาใจใส่ และประจบประแจงเช่นกัน เจ้าคงจะยังไม่รู้กระมัง? บิดา าของหลี่จี้เป็นโจรท้องถิ่นที่ถูกเกลี้ยกล่อมให้ยอมจำนนและสวามิภักดิ์ เมื่อก่อนตระกูลหลี่กินข้าวไม่อิ่มด้วยซ้ำ ถึงได้หนีไปเป็นโจรท้องถิ่น หากไม่ใช่ว่าเฉาไทเฮากุมอำนาจ ตระกูลข ของพวกเขาก็ถูกเนรเทศไปตั้งนานแล้ว ตอนที่ท่านหญิงเจียหนานเลือกสามี พี่ชายของหลี่จี้ก็ไม่ได้รับเลือกอย่างสิ้นเชิง เพราะตอนหลังพี่ชายของหลี่จี้เคยเป็นองครักษ์วังหลวง ไม่รู้ว ว่าเกิดอะไรขึ้น ปรากฏตัวต่อหน้าท่านหญิงเจียหนาน ท่านหญิงเจียหนานถูกใจแล้ว ไทเฮาถึงออกราชโองการพระราชทานการแต่งงานนี้ เรื่องนี้คนอื่นไม่รู้ แต่ข้าเคยได้ยินท่านอาบอกว่า ตระ ะกูลหลี่จากบนลงล่างล้วนกินข้าวของท่านหญิง ก็เหมือนครั้งนี้ที่พี่ชายของหลี่จี้ได้ดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการของกองบัญชาการกำลังสำรองส่านซี ก็เป็นเพราะท่านหญิงหาตำแหน่งขุนนางมาใ ให้เขาเหมือนกันไม่ใช่หรือ ตระกูลหลี่ไปจากท่านหญิงเจียหนานแล้ว ยังมีใครรู้จักตระกูลของพวกเขา?”
“หากนี่ไม่ใช่ ‘คนหนึ่งเป็นขุนนางแล้ว คนที่เกี่ยวข้องกับเขาต่างก็ได้เปรียบตามไปด้วยเช่นกัน’ แล้วคืออะไร?”
พูดจบ ซย่าซานยังมองจั๋วหรานอย่างดูถูกครั้งหนึ่งด้วย
ทว่าจั๋วหรานกลับถูกเขามองจนใจเต้นผิดจังหวะ
เขาเข้าใจมาตลอดว่าตระกูลหลี่นั้นเป็นเพราะผู้เป็นพ่อกำลังเป็นแม่ทัพ หลี่เชียนถึงมีโอกาสได้รับเลือกเป็นสามีของท่านหญิง…คิดไม่ถึงว่าชาติกำเนิดของตระกูลหลี่จะต่ำต้อยเช่นน นี้
นานมาก หัวใจของจั๋วหรานถึงจะกลับมาเต้นปกติ
เขาเอ่ยว่า “ไม่ว่าอย่างไร หลี่จี้ก็เป็นลูกชายของแม่ทัพเช่นกัน ถึงแม้คู่กับฐานะท่านหญิงจะต่ำต้อยไปหน่อย แต่ในสายตาของคนอื่น ก็ยังสูงเกินเอื้อมอยู่ดี!”
————————————
[1] พู่กันหู พู่กันที่ผลิตที่เมืองหูโจว