ยอดวิถีแห่งปีศาจ - บทที่ 1207 กับดัก (1)
ยังไม่ถึงเวลา…
มารดาศิลาหยุดความคิดในใจไว้
นางชื่นชมในตัวลู่เซิ่งมาก ยิ่งอย่าว่าแต่อีกฝ่ายเป็นผู้ช่วยเหลือนางออกมา ถ้าลงมือกำจัดทิ้งแบบนี้ บริวารที่สวามิภักดิ์จะมองนางอย่างไร
ถ้าคนคนหนึ่งปกครองทุกอย่างได้ อย่างนั้นนางก็สามารถเข่นฆ่าได้ตามใจชอบ แต่ปัจเจกหนึ่งไม่สามารถท่องไปทั่วมิติมหภาคอันมโหฬารจนทั่วได้เพียงลำพัง
“ช่างเถอะ” จิตสังหารปรากฏขึ้นแวบหนึ่ง มารดาศิลารู้สึกว่าคนอย่างลู่เซิ่งน่าสนใจมาก
จนถึงตอนนี้ นอกจากพวกสหายเก่าในวัฏจักรจักรก่อน วัฏจักรนี้ก็เพิ่งมีคนกล้าต่อต้านและแสดงความสงสัยต่อหน้านางซึ่งหน้าเป็นครั้งแรก
ในตอนที่เพิ่งออกมาจากผนึก นางรู้สึกกลวงเปล่าอยู่บ้าง และหลังจากสหายเก่าแต่ละคนพ่ายแพ้หรือไม่ก็โดนฆ่าคนแล้วคนเล่า
ความรู้สึกกลวงและความรู้สึกเหมือนไม่ใช่ความจริงนี้ก็รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
ตอนนี้มาถึงขั้นที่เบื่อหน่ายบ้างแล้ว
มีเพียงการต่อต้านของลู่เซิ่งเท่านั้นที่ทำให้นางรู้สึกว่าตัวเองไม่ได้กำลังเล่นเกมยึดฐาน
ไม่อย่างนั้นเกมทั้งเกมก็เหมือนการฆ่าฟันที่ไร้ความยาก นอกจากเสียพลังสมาธินิดหน่อย ก็ไม่มีประโยชน์ใดๆ อีก
ตูม!
เมืองมหึมาที่อยู่ไกลออกไปเกิดการระเบิดอีกรอบ
ครั้งนี้ในที่สุดเมืองยักษ์ก็ถล่มลงโดยสิ้นเชิง ชีวิตนับไม่ถ้วนกลายเป็นผงผลึกแร่อยู่ในนั้น
“ไปเถอะ ควรกลับได้แล้ว”
มารดาศิลาสะกิดเท้า ขั้นบันไดทองคำโผล่ขึ้นด้านหน้า นางเดินขึ้นไป จากนั้นก็หายสาบสูญทันที
ลู่เซิ่งยืนเงียบอยู่ที่เดิม ถอนใจครั้งหนึ่ง ก่อนจะบินไปยังวังลอยฟ้า
มารดาศิลาในเวลานี้ปรากฏอยู่หน้าเสาของประตูของวัง รอเขาอยู่เงียบๆ
ทั้งสองคนมอบอาณาเขตแห่งนี้ให้ผู้เข้มแข็งใต้อาณัติจัดการ จากนั้นก็มุ่งหน้าไปหาสิ่งงานก่อสร้างของความว่างเปล่าที่อยู่ไกลยิ่งกว่า
รายงานที่มาจากบริวารบอกว่า ขุมกำลังความว่างเปล่าที่มีซีหนิงเป็นตัวแทนกำลังย้ายอาณาเขตเพื่อหลบหนี
พวกเขาทิ้งกองทัพที่มหึมาและอุ้ยอ้าย คัดเลือกแต่มือดีหัวกะทิเพื่อพาไปด้วย นี่เป็นวิธีการหลบหนีและถ่วงเวลาที่ดีที่สุด
อย่างไรถ้าผู้เข้มแข็งระดับซีหนิงหนีสุดกำลัง ก็ไม่มีใครตามหาเขาเจอได้ง่ายๆ
หาอยู่หลายวัน มารดาศิลาก็หงุดหงิดเล็กน้อย จึงมอบอำนาจบัญชาการบริวารให้ลู่เซิ่ง เพื่อให้เขานำกลุ่มค้นหาซีหนิงด้วยตัวเอง
ลู่เซิ่งไม่ได้ปฏิเสธ
ขุมกำลังของซีหนิงในเวลานี้ไม่กล้ารวมกลุ่ม และถ้าไม่รวมกลุ่ม ก็ไม่มีวันได้รับการสนับสนุนข้อมูลและทรัพยากรขนาดใหญ่
เขาถือโอกาสรวบรวมทรัพยากรที่ซีหนิงทิ้งไว้เป็นหนึ่งเดียว แล้วเริ่มยาตราทัพออกทำลายล้างไปทั่ว
ในเวลาหนึ่งวัน ลู่เซิ่งทำลายฐานทัพขนาดใหญ่ กลาง เล็กในอาณาเขตราชาโลกวิญญาณไปหนึ่งร้อยเก้าสิบกว่าแห่ง
ผู้เข้มแข็งฝ่ายความว่างเปล่าจำนวนมากพากันยอมแพ้ เข้าร่วมทัพของลู่เซิ่ง
ถึงขั้นยังมีเผ่าพันธุ์มารโกลาหลมาขอสวามิภักดิ์ พวกเขาคิดว่าเนื่องจากลู่เซิ่งครอบครองพลังวารีเทา จึงถือเป็นส่วนหนึ่งของปฏิสุญญตา
มาถึงวันที่สิบหลังจากมารดาศิลาคืนชีพ ลู่เซิ่งติดตามนางเดินทัพไปทั่วทิศ ทำให้การดำรงอยู่ที่ไม่เคยเห็นเขามาก่อนได้รู้จักชื่อเสียงเรียงนามของเขา
สถานที่ที่ถูกล้างเผ่าพันธุ์เพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ ชื่อเสียงของขุมกำลังขนาดยักษ์อย่างโลกศิลาศักดิ์สิทธิ์ที่มีมารดาศิลาเป็นผู้นำยิ่งมายิ่งโด่งดัง
ผู้เข้มแข็งที่มีเจตนาไม่ดีจำนวนไม่น้อยมาขอเข้าเป็นพวก แต่ไม่ว่าจะเป็นใคร ขอแค่มาเข้าร่วม ลู่เซิ่งจะเลือกปล่อยคนที่มีจิตใจปกติเข้ามา ส่วนพวกผู้มีเจตนาไม่ดีจำนวนน้อยนิดต่ างถูกขวางไว้ด้านนอก
ในระหว่างกระบวนการตรวจสอบ ไม่ว่าจะเป็นวิชาที่เร้นลับขนาดไหน ล้วนไม่รอดพ้นสายตาของเขา
นี่ทำให้มารดาศิลาชื่นชมและให้ความสำคัญกับเขายิ่งกว่าเดิม
ส่วนผู้เข้มแข็งอย่างซีหนิงและสหพันธ์การดำรงอยู่ก็กำลังซ่องสุมกำลังอย่างบ้าคลั่ง
การเคลื่อนไหวของอนุภาคนิรันดร์และตราสูญสลายถูกกระตุ้นไม่หยุดยั้ง แสดงให้เห็นว่ามีผู้เข้มแข็งกระตุ้นพลังของสองกลไกใหญ่นี้อยู่
พริบตาเดียวก็ผ่านไปอีกห้าวัน
…
ในวังสีรุ้งเย็นเยียบที่ฝังอัญมณีและผลึกไว้นับไม่ถ้วน
มารดาศิลานั่งอยู่เหนือเก้าอี้หินที่ก่อจากเพชรเหลือคณานับ แขนข้างหนึ่งเท้าคาง สีหน้าเกียจคร้านเบื่อหน่าย
ลู่เซิ่งนั่งขัดสมาธิอยู่ไม่ไกลออกมา สีหน้าเรียบเฉย อ่านผลึกสีแดงหลายแผ่นในมืออย่างรวดเร็ว
ผลึกแดงทรงใบหลิวเหล่านี้บรรจุข้อมูลมหาศาลไว้ทุกชิ้น
สิ่งที่ลู่เซิ่งกำลังทำคือแบ่งข้อมูลด้านในที่มีประโยชน์มาวิเคราะห์และสรุปผลปฏิบัติการณ์การเคลื่อนไหว จากนั้นค่อยส่งให้มารดาศิลา
พูดอีกอย่างก็คือ ผู้ที่ออกคำสั่งในการปกครองโลกศิลาศักดิ์สิทธิ์คือเขา
มารดาศิลาถนัดแค่การบดขยี้อย่างหยาบกระด้างเท่านั้น
หาไม่เจอหรือ บดขยี้เข้าไป!
ซ่อนในจักรวาลหรือ บดขยี้เข้าไป!
แยกความจริงไม่ออกหรือ บดขยี้เข้าไป!
อะไรนะ หาผิดตัว บดขยี้เข้าไปอีก!
ไม่ว่าจะทำอะไร ขอแค่มารดาศิลาไม่พอใจหรือเหลืออด ก็จะบดขยี้เข้าไป!
แม้วิธีการจัดการแบบนี้จะมีประสิทธิภาพ แต่ก็หยาบกระด้างเกินไป ยังไม่พูดถึงการสิ้นเปลืองพลังงานและเวลา ทั้งยังไม่ค่อยได้ผลเท่าไหร่ด้วย
หลังจากมารดาศิลาถูกคนโดดเด่นคนหนึ่งจูงจมูกให้วนไปวนมาอยู่สองวันกว่าๆ เพราะสติปัญญาไม่เพียงพอ ในที่สุดลู่เซิ่งก็ทนดูต่อไม่ไหว รับงานไปทำแทน ใช้เวลาเพียงครึ่งชั่วโมง ก็จับ บตัวคนคนนั้นมากระทืบได้
ดังนั้นมารดาศิลาที่ค้นพบความสามารถด้านนี้ของลู่เซิ่งอย่างตกใจยินดี จึงโยนงานทั้งหมดให้เขาจัดการ
เป็นเหตุให้ผ่านไปเพียงสองวัน ทุกส่วนของโลกศิลาศักดิ์สิทธิ์เลยอยู่ในการปกครองของลู่เซิ่ง
และผลลัพธ์ที่เห็นได้ชัดที่สุดก็คือ โลกศิลาศักดิ์สิทธิ์ขยายตัวเร็วขึ้นกว่าก่อนหน้าสามถึงห้าเท่า
มารดาศิลาภูมิใจในสายตาของตัวเองมาก นางค้นพบอย่างเหนือความคาดหมายว่า ลู่เซิ่งมีความสามารถรอบด้าน
ไม่ว่าจะเป็นปัญหาแก้ยากขนาดไหน เมื่อมาถึงมือเขา ตอนแรกอาจปรากฏปัญหาและความยากลำบาก แต่ต่อจากนั้น ไม่เกินสองสามชั่วโมง เขาจะสามารถจัดการเรื่องยุ่งยากได้อย่างรวดเร็ว
“นี่ ลู่เซิ่ง ต่อจากนี้เจ้ามาอยู่กับข้าเถอะ อย่าไปไหนเลย” มารดาศิลาอ้าปากอย่างเกียจคร้าน ผู้เข้มแข็งเผ่าปีศาจงูตนหนึ่งที่อยู่ด้านหลังวางผลแร่สีม่วงรูปลูกเจี๊ยบที่ปลอกเรียบ บร้อยแล้วใส่ปากนางด้วยใบหน้ายำเกรงระคนหวาดกลัว
“ดูอาหารและการปฏิบัติพวกนี้สิ เจ้าควบคุมกองกำลังทั้งหมดของโลกศิลาศักดิ์สิทธิ์ นอกจากข้าแล้ว เจ้าก็คือการดำรงอยู่ที่ทรงอำนาจที่สุดในมิติมหภาค ยังมีอาหารอีก แม้แต่ของว่างที่ กินก็ทำขึ้นจากแก่นสารของดาวเคราะห์หลายดวง เจ้าจะไปหาครัวระดับนี้จากที่ไหนได้”
มารดาศิลาไม่ลืมพยายามเกลี้ยกล่อมกลอ่มให้ลู่เซิ่งเข้าเป็นพวกระหว่างที่พักผ่อน
“ท่านดูว่างจริงนะ…” ลู่เซิ่งเงยหน้ามองนางด้วยใบหน้าไร้อารมณ์
มารดาศิลากระแอมสองคำ โบกมือ จากนั้นก็เอี้ยวตัวไปกินผลไม้ต่อ
“คนมีความสามารถยุ่งจะตาย ถ้าข้าไม่มอบอำนาจให้ จะมีโอกาสให้เจ้าได้แสดงฝีมือหรือ ดังนั้นเจ้าควรขอบคุณข้าที่ข้ามอบเวทีใหญ่แบบนี้ให้เจ้าสิ”
“…” นับตั้งแต่ติดตามมารดาศิลา ในช่วงเวลานี้ลู่เซิ่งก็มองธรรมชาติที่แท้จริงของนางออกแล้ว
มารดาศิลาเป็นสตรีชราวิปริตที่ถ้านอนได้จะไม่ยืน ยืนได้จะไม่เดิน เดินได้จะไม่วิ่ง
แต่เมื่อคิดดูก็รู้สึกว่ามีเหตุผล นางมีชื่อว่าบรรพบุรุษศิลา สิ่งที่ก้อนหินถนัดที่สุดก็คือการอยู่นิ่งๆ ไม่ใช่หรือ
“จริงสิ ข้ายังไม่ได้ถามเลยว่าเจ้ามีความขัดแย้งอะไรกับสหพันธ์การดำรงอยู่และซีหนิงนั่น” มารดาศิลานึกได้ จึงเอ่ยถาม
“ไม่มีความขัดแย้งอะไรหรอก” ลู่เซิ่งถอนใจ แล้ววางผลึกชิ้นสุดในมือลง ก่อนจะนวดหลังมือ
“แต่เพราะความเข้าใจผิดบางส่วน พวกมันเลยคิดว่าข้ามีอันตรายใหญ่หลวง ดังนั้น…”
“หมายความว่าเจ้าเป็นผู้บริสุทธิ์หรือ” มารดาศิลาพยักหน้า
“ถูกต้อง ข้าเองก็จนปัญญา ตอนนั้นข้าอ่อนแอมาก ไม่ได้แข็งแกร่งเท่าตอนนี้” ลู่เซิ่งถอนใจ
“ผ่านไปสองวันถ้ายังหาที่อยู่ของซีหนิงไม่เจอ ข้าคิดจะกลับไปหาภรรยาและลูกสักหน่อย ท่านมีอะไรก็ส่งให้ข้าทางไกลเอาก็แล้วกัน” เขากล่าวเสริม
“ไม่เป็นไร ภรรยาและลูกเจ้าข้ารับตัวมาแล้ว ไม่ต้องห่วง มีข้าดูแล รับประกันความปลอดภัยแน่นอน”
มารดาศิลาหัวเราะแห้งสองครั้ง ก่อนตอบอย่างรวดเร็ว
“รับตัวมาแล้วหรือ? น่าจะเป็นไปไม่ได้กระมัง เมื่อวานข้ายังได้ข่าวที่พวกเขาส่งมาอยู่เลย” ลู่เซิ่งนิ่วหน้า
“ไม่ต้องห่วงหรอก จักรวาลที่พวกเขาอยู่ถูกข้าเอากลับมาด้วย ตอนนี้วางไว้ในระบบคุ้มกันของดาวศิลาศักดิ์สิทธิ์ ทำให้ได้รับการป้องกันไปด้วย” มารดาศิลากล่าวพลางตวัดมุมปาก
“จะว่าไปภรรยาเจ้าใกล้คลอดลูกแล้ว น่ายินดีจริงๆ”
“…” ลู่เซิ่งหมดคำพูดอีกครั้ง
แม้จะเดาออกว่ามารดาศิลาต้องหาวิธีรั้งตัวเขาไว้แน่ แต่เมื่อได้ยินว่าจักรวาลเร้นลับที่ตัวเองเตรียมไว้ถูกดึงมายังโลกศิลาศักดิ์สิทธิ์จริงๆ เขาก็รู้สึกซับซ้อนเล็กน้อย
โลกศิลาศักดิ์สิทธิ์ที่ว่า คือการคัดเลือกดการดำรงอยู่ทั้งหมดและวัตถุทั้งหมดที่มารดาศิลาถูกใจมาเปลี่ยนเป็นแร่ จากนั้นก็รวมกันไว้ในจักรวาลขนาดเล็ก
จักราวาลแห่งนี้ถูกมารดาศิลาปรับเปลี่ยน คุณสมบัติจึงต่างไปจากเดิมโดยสิ้นเชิง
แน่นอนว่าการปรับเปลี่ยนของนางไม่ใช่งานซับซ้อน เพียงแค่เข้าไปอยู่สักสองสาวัน จักรวาลทั้งหมดก็ถูกเปลี่ยนเป็นแร่อย่างสมบูรณ์ กลายเป็นบ้านให้แก่มารดาศิลา
นี่คือพลังที่แท้จริงของนาง
แค่อยู่ในสถานที่ใดสถานที่หนึ่ง ถ้าไม่เก็บพลังตัวเอง อย่างนั้นทุกสิ่งรอบๆ ตัวจะถูกเปลี่ยนเป็นแร่และปนเปื้อน
ไม่ว่าจะมีคุณสมบัติอย่างไร ไม่ว่าจะเป็นสิ่งของหรือชีวิตแบบไหน โครงสร้างและระดับพลังงานในตอนแรกเป็นอย่างไร ขอแค่มารดาศิลาเข้าใกล้ พวกมันก็จะถูกเปลี่ยนเป็นแร่ แล้วกลายเป็นส่ วนหนึ่งของพลังนาง
“เช่นนั้นก็ขอบคุณท่านที่ดูแลมาก” ลู่เซิ่งยังคงหนีไม่ได้ จึงไม่พล่ามอะไรนัก
ความจริงมารดาศิลาเป็นคนเลินเล่อมาก
ก่อนหน้านี้เขาเผลอเก็บสมบัติจักรวาลชิ้นหนึ่งที่เดิมส่งเป็นบรรณการให้นางเป็นของตัวเองโดยไม่ได้ตั้งใจ แต่นางกลับไม่รู้ตัวแม้แต่น้อย
หลังจากนั้นเขาก็ลองโอนย้ายทรัพยากรของโลกศิลาศักดิ์สิทธิ์อีกรอบ โดยฮุบโกดังสมบัติหนึ่งในห้าส่วน
มารดาศิลากลับไม่รู้สึกตัวแม้แต่น้อย กลับแสดงความพอใจต่อโกดังสมบัติที่หายไปส่วนเล็กๆ
ลองคิดๆ ดู บางครั้งลู่เซิ่งก็รู้สึกว่าการเป็นผู้ช่วยให้นางก็ไม่เลวเหมือนกัน
ขณะจัดการความคิดและหันไปมองการเคลื่อนไหวของมารดาศิลา จู่ๆ เขาก็ชะงัก
“หือ?”
“เกิดอะไรขึ้น” มารดาศิลาหันมามองเขา
“เจอที่ซ่อนของซีหนิงแล้ว ศิลาศักดิ์สิทธิ์ที่ท่านให้ไว้หยุดเขาไว้ในจักรวาลเล็กๆ แห่งหนึ่งสำเร็จ” ลู่เซิ่งตอบ
ศิลาศักดิ์สิทธิ์ที่ว่าแค่โยนไปที่ไหนสักแห่ง ที่นั่นก็จะกลายเป็นแร่หรือเปลี่ยนเป็นบ้านของมารดาศิลา และถูกพลังของมันพันธนาการเอาไว้ในเวลาสั้นสุดขีด
นี่คือส่วนที่วิปริตของนาง
เพียงแค่พลังเล็กน้อยที่แบ่งออกมาก็สามารถดูดซับทุกสิ่งมาเสริมความแข็งแกร่งให้แก่ตัวเอง และยึดครองทุกสิ่งได้อย่างบ้าคลั่ง
“รายละเอียดเป็นอย่างไร” มารดาศิลาถาม
“เครือข่ายข้อมูลที่ข้าซ่อมแซมไปก่อนหน้านี้ค้นพบร่องรอยซีหนิง จากนั้นข้าจึงส่งคนไปป้องกันเรื่องไม่คาดฝันพร้อมกับศิลาศักดิ์สิทธิ์ ตอนแรกนึกว่ามันจะแค่ตั้งทัพลวง นึกไม่ถึงว่าครั งนี้จะเป็นของจริง” ลู่เซิ่งเอ่ยเสียงเรียบ
“บนตัวมันยังมีจิตสูญสลายสายหนึ่ง ถ้าบีบมันจนตรอก อาศัยพวกบริวารไม่น่าสู้มันได้” มารดาศิลาลุกขึ้นอย่างเกียจคร้าน