ยอดวิถีแห่งปีศาจ - บทที่ 65 ความประหลาดลี้ลับ (1)
ฉัวะ!
กงหรูชิงที่เมื่อครู่ยังยืนร้องเสียงโหยหวนอยู่ตรงประตูถูกลู่เซิ่งฟันขาดเป็นสองท่อนอีกครั้ง ร่างกายแยกออกแล้วร่วงลงไปด้านข้าง
“คุณชายหลี่… คุณชายหลี่! ชิงชิงเจ็บเหลือเกิน…”
หลี่ซุ่นซีหน้าเขียวแล้ว ตามติดลู่เซิ่ง ต้วนเหมิ่งอันกับนิ่งซานเหงื่อกาฬแตกโชก ตามไปด้วย
ลู่เซิ่งสาวเท้าออกจากห้องครัว เพิ่งออกจากห้องก็รู้สึกว่ามีลมพุ่งเข้ามาปะทะ
เขายกดาบขึ้นป้องกันด้านหน้า
เคร้ง!
เสียงปะทะดังแสบแก้วหูดังขึ้น ลู่เซิ่งถอยหลังติดกันหลายก้าว ถูกเงาคนสีดำชนใส่จนทรงตัวไม่อยู่
“วิญญาณศพอีกแล้วหรือ!?” หลี่ซุ่นซีเห็นเงาดำนั้นชัดเจนก็ตื่นตระหนก หมู่บ้านแห่งนี้เป็นที่ไหนกันแน่ ถึงกับมีวิญญาณศพสองตัวโผล่มาติดต่อกัน พึงทราบว่าภูตผีชนิดนี้เขาเพียงเคยอ่านเจอในคัมภีร์ครั้งเดียว
ภูตผีชนิดนี้ฟันแทงไม่เข้า ผิวสำริดกระดูกเหล็ก เพียงกลัวไฟ เป็นชนิดที่พัวพันยากสุดในหมู่ภูตผี คิดไม่ถึงว่าจะเจอติดๆ กันที่นี่
ตอนที่เขายังลังเลประหลาดใจ ลู่เซิ่งก็เริ่มสู้กับวิญญาณศพตรงประตูแล้ว
เงาดำสองสายหลังจากที่ปะทะกันอย่างรุนแรงหลายครั้ง ก็กระแทกเข้ากับกำแพงห้องครัวทางด้านขวาจนถล่มลง แล้วจึงกระโดดออกไป
ต้วนเหมิ่งอันประคองหลี่ซุ่นซีหนีออกจากห้องครัวพร้อมกับนิ่งซาน พวกผีได้แก่คุณหนูและคนคุ้มกันเมื่อก่อนหน้าไล่ตามอยู่ด้านหลัง
ผีเหล่านี้เคลื่อนไหวเร็วจนน่าประหลาด ตนหนึ่งคว้าไหล่ด้านหลังต้วนเหมิ่งอัน จิกจนเป็นรอยแผลเลือดซึมห้าสาย พลันทำลายวิชาแข็งกร้าวของเขา
อ๊าก!
ต้วนเหมิ่งอันร้องโหยหวน วิ่งเร็วกว่าเดิม
หลี่ซุ่นซีกับนิ่งซานก็ไม่สนใจอย่างอื่น เร่งฝีเท้าวิ่งไปทางประตูใหญ่ของหมู่บ้าน
เปรี้ยง!
กลางลานบ้านด้านหลัง ฝ่ามือขวาของลู่เซิ่งแดงฉานราวกับเลือด กระแทกใส่ทรวงอกวิญญาณศพอย่างรวดเร็ว ขณะเดียวกันท้องน้อยของเขาก็ถูกวิญญาณศพถีบใส่ ใบหน้าปรากฏสีเลือดแวบหนึ่ง แสดงว่าได้รับบาดเจ็บภายใน
“ตายซะ!” ลู่เซิ่งมืออีกข้างกำดาบยาว อีกมือบีบไปที่คอวิญญาณศพในระยะประชิด แล้วกระชากอย่างแรง!
พรู่ด!
เลือดสีดำพุ่งกระฉูดใส่ร่างเขา
ผัวะๆๆ! วิญญาณศพดิ้นรนกระแทกหมัดและเท้าใส่ตัวลู่เซิ่งอย่างต่อเนื่อง จนใบหน้าของเขาเป็นสีแดงผิดปกติ
ลู่เซิ่งโคจรวิชาพยัคฆ์ดำกระเรียนหยก ประสานกับโน้มนำหยินหยาง รักษาอาการบาดเจ็บในร่างด้วยความเร็วสูง
ตอนนี้สถานการณ์คับขัน เขาไม่อาจหลีกเลี่ยงที่จะยอมให้ตนเองบาดเจ็บ เพื่อรีบจัดการวิญญาณศพ ไม่อย่างนั้นจะถูกรั้งไว้ รับประกันไม่ได้ว่าหมู่บ้านแห่งนี้จะมีเล่ห์เหลี่ยมอันใดอีก
ถึงวิญญาณศพจะต่อยเตะตัวเขาไม่หยุด ก่อให้เกิดอาการบาดเจ็บไม่น้อย แต่สำหรับลู่เซิ่งไม่นับเป็นอะไร ผลพิเศษของวิชาพยัคฆ์ดำกระเรียนหยกคือหยุดเลือด ปราณภายในหยุดอาการบาดเจ็บภายในและเส้นเลือดที่เพิ่งฉีกขาด ภายหลังขอแค่รักษาตัวสักหลายวันก็จะหายดี ไม่แตกต่างอะไรกับการกัดนิ้ว
ถ้าไม่ใช่กลัวว่าจะสิ้นเปลืองพลังมากเกินไป ทำให้ไม่มีแรงในภายหลัง ลู่เซิ่งคงใช้ดาบพยัคฆ์คำรามกระเรียนร้องตั้งแต่แรก แค่ดาบเดียวก็กำจัดวิญญาณศพตัวนี้ได้แล้ว
“ลูกพี่! หนีเร็ว!” ต้วนเหมิ่งอันที่อยู่ไกลออกไปหันมาตะโกน พวกเขาฉวยโอกาสหนีไปได้ค่อนข้างไกลแล้ว กำลังจะอ้อมหนีไปยังลานหลักด้านหน้า
ลู่เซิ่งกระแทกฝ่ามือใส่วิญญาณศพจนกระเด็นออกไป ไม่รอให้มันหายตัวไป ก็ถีบเท้าใส่พื้นดังเปรี้ยง อาศัยแรงดีดลอยตัวไล่ตามไปด้านหน้า
สองสามก้าวก็ไล่ตามทันคนทั้งสาม พวกเขาวิ่งตะบึงไปยังประตูหมู่บ้าน
“ทำไมต้องไปประตูใหญ่ กระโดดข้ามกำแพงเลยไม่ได้หรือ นิ่งซานถามเสียงเร่งร้อน
“ไม่ได้! นี่เป็นค่ายกลผี กระโดดข้ามกำแพงออกไป ก็จะกลับไปอยู่ที่ชั้นใต้ดินในครัว นั่นเป็นแกนกลางค่ายกลผี! รีบทำลายต้นไม้!” หลี่ซุ่นซีพอไปถึงลานหลัก ก็ชี้ไปที่ต้นไม้แห้งที่อยู่ข้างสะพานหินตรงกลางพลางร้องบอก
เปรี้ยง!
ต้วนเหมิ่งอันใช้แรงทั้งหมดพุ่งชนต้นไม้แห้ง ต้นไม้แห้งสีดำขนาดเท่าปลายแขนคน ถูกเขาชนจนหักเอียงลงมา
ต้วนเหมิ่งอันถูกดีดกลับจนหัวหมุน นิ่งซานคว้าตัวเขาไว้พร้อมกับพุ่งไปยังประตูหมู่บ้าน
ลู่เซิ่งพลิกดาบ ฟันคนคุ้มกันผีที่ไล่ตามหลังมาจนกลิ้งไปกับพื้น
“กรี๊ด!” เสียงร้องแหลมแว่วมาจากภายในลาน
เด็กสาวซ่งอวิ๋นจวนถูกผีที่ปล่อยผมสยายตัวหนึ่งไล่ตาม วิ่งมาทางประตูใหญ่
“ช่วยด้วย!” ซ่งอวิ๋นจวนใบหน้าขาวซีด เกือบสะดุดล้มระหว่างวิ่งหนี ใบหน้ามีแต่น้ำตาน้ำมูก
“เป็นแม่นางน้อยในหมู่บ้านคนนั้น!” หลี่ซุ่นซีชะงักเท้า แสดงท่าทีอดไม่ได้ เขามองภูตผีที่อยู่ด้านหลัง เห็นว่ายังอยู่ไกล เทียบกับระยะห่างระหว่างแม่นางน้อยกับพวกเขา สามารถช่วยคนได้ แล้วค่อยหนีไปก็ยังทัน
“พวกท่านไปก่อน!” เขาแข็งใจกล่าวเสียงทุ้ม
ต้วนเหมิ่งอันกับนิ่งซานถลึงมองเขา
“ลูกพี่เร็วกว่าพวกเรา ถ้าท่านถูกไล่ทันก็ไม่มีคนช่วยแล้ว!”
“อย่าพร่ำพิไร รีบไป! อาศัยตอนนี้ที่ค่ายกลหายไป” หลี่ซุ่นซีตัดสินใจ เขาข่มใจมองแม่นางน้อยที่อายุน้อยขนาดนี้ตายในหมู่บ้านอันตรายแห่งนี้ไม่ได้
ต้วนเหมิ่งอันกับนิ่งซานมองเด็กสาวนางนั้น ลังเลเล็กน้อยเช่นกัน
“ช่วยด้วย! ท่านพี่! พี่ใหญ่!” ซ่งอวิ๋นจวนขณะกำลังวิ่ง ก็สะดุดหินแหลมก้อนหนึ่งล้มลงกับพื้น ผีหญิงด้านหลังพลันพุ่งเข้าใส่
“กรี๊ด!”
นางอดหลับตาลง ร้องแหลมไม่ได้
เปรี้ยง!
ในเสียงกระแทกทึมทึบ ลู่เซิ่งถลันมาจากด้านหลัง มือหนึ่งคว้าศีรษะของผีหญิงไว้ พลังฝ่ามือสีแดงร้อนแรงเผาศีรษะมันส่งเสียงซี่ๆ ควันขาวลอยขึ้นมา
เขาโยนมันไปด้านหลัง แล้วกระแทกมันไปให้ห่างๆ
ซ่งอวิ๋นจวนรอดพ้นจากอันตราย ค่อยเงยหน้าขึ้นมองลู่เซิ่ง ดวงตาซาบซึ้งเหลือคณา
“ขอบคุณท่าน…”
เปรี้ยง!
ลู่เซิ่งถีบใส่ ซ่งอวิ๋นจวนลอยออกไปกระแทกกับเสาหมู่บ้านต้นหนึ่ง กระดอนกลับมากลางอากาศ
ฉัวะ!
ประกายดาบสาดขึ้น ซ่งอวิ๋นจวนถูกบั่นเอวเป็นสองท่อน เลือดกระจายเต็มพื้น ดวงตางามเบิกขึ้น เหมือนกับไม่เข้าใจว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น
“ลูกพี่…!” ต้วนเหมิ่งอันกับนิ่งซานใบหน้าตกตะลึง
หลี่ซุ่นซีก็อ้าปากตาค้าง คิดไม่ถึงจะเกิดผลลัพธ์เช่นนี้
ลู่เซิ่งไม่สนใจพวกเขาแม้แต่น้อย พุ่งตัวอีกสองสามก้าวถึงหน้าประตู ฟันดาบออกไปเพื่อทำลายประตูใหญ่
โครม!
ประตูไม้แหลกลง ลู่เซิ่งโถมตัวออกไปก่อน จากนั้นพวกหลี่ซุ่นซีค่อยมีปฏิกิริยา วิ่งตามออกไป
เพิ่งออกไปได้ คนทั้งสามกลับมีสีหน้างงงันสับสน
เห็นผู้คนแน่นขนัดล้อมอยู่ด้านนอกหมู่บ้าน มีมากกว่าร้อยคน
ลู่เซิ่งวิ่งไปถึงด้านหน้าทุกคน รับคบเพลิงมาอันหนึ่ง
“เผาซะ!” เขาหันกลับไปตวาด
“เผา!” หัวหน้าพรรควาฬแดงคนหนึ่งตะโกน
ทันใดนั้นพลพรรคกลุ่มใหญ่ล้วงเอาลูกศรเพลิงออกมา เล็งไปที่หมู่บ้านตระกูลซ่ง
ฟิ้วๆๆ!
ลูกศรเพลิงหลายสิบดอกพุ่งเข้าไปในหมู่บ้านเหมือนดาวตกหลายสิบดวง ครู่เดียวก็เริ่มเผาไหม้หมู่บ้าน
ดวงไฟสีแดงจากขนาดเล็กกลายเป็นขนาดใหญ่ ไม่ทันไรก็รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
ลู่เซิ่งพลิกตัวขึ้นหลังม้า ดวงตาเย็นชามองหมู่บ้านที่ค่อยๆ ถูกเผาไป ใบหน้าไม่เปลี่ยนแปลง ไม่ขยับเขยื้อน
เพลิงค่อยๆ โชติช่วงขึ้นในสายตาของทุกคน
“คุณชาย จุดฟืนทั้งสี่ด้านแล้ว” รองหัวหน้าคนหนึ่งเลียริมฝีปาก ขึ้นมารายงาน
“ยิงลูกศรเพลิงต่อไป!” ลู่เซิ่งกล่าวเสียงเย็น
“ขอรับ!”
พลพรรคง้างเกาทัณฑ์พาดลูกศร จุดถุงน้ำมันที่อยู่บนหัวลูกศรอย่างรวดเร็ว
ฟิ้วๆๆ!
ลูกศรเพลิงอีกระลอกถูกยิงออกไป ตกใส่หมู่บ้าน
กรรซ์!
ทันใดนั้น ในกองเพลิงตรงประตูหมู่บ้าน เงาร่างเล็กจุ๋มจิ๋มสายหนึ่งโผล่ขึ้นมา ถึงกับเป็นซ่งอวิ๋นจวนเด็กสาวผู้นั้น
เปลวไฟลุกท่วมร่าง คำรามอย่างดุร้ายน่ากลัว ใส่ทุกคนที่อยู่ด้านนอก
เสียงคำรามนั้นไม่เหมือนมนุษย์ เหมือนสัตว์ร้ายปริศนา
ในกองเพลิง เด็กหญิงพลันพุ่งตัวจะออกมาด้านนอกหมู่บ้าน พลันกระแทกใส่กำแพงที่ไร้รูปดังโครม ไม่อาจออกมาได้
นางกรีดร้องใส่ทุกคน ใบหน้าน้อยๆ ค่อยๆ ละลายคล้ายเทียนไข สองตากับปากกลายเป็นรูใหญ่สีดำสามรู ยังคงคำรามไม่หยุด
กรรซ์!
ตูม!
ดาบยาวที่เคลื่อนไหวด้วยความเร็วสูง กระแทกใส่เด็กสาวจนกระเด็นกลับเข้าไปในกองเพลิงภายในหมู่บ้าน
ลู่เซิ่งลดมือลง ตวาดเสียงจริงจัง
“ยิงต่อไป! จนกว่าจะยิงหมด!”
ทุกคนตกใจแทบตาย รูปขบวนเกือบเสีย ตอนนี้อึ้งไปเพราะเสียงตะโกนของลู่เซิ่ง ค่อยกำคันเกาทัณฑ์ในมือแน่น ลังเลเล็กน้อย แล้วยิงใส่หมู่บ้านระลอกแล้วระลอกเล่า
หลังจากยิงไปหลายระลอก เพลิงในหมู่บ้านในที่สุดก็ปกคลุมบ้านทุกหลังไว้โดยสมบูรณ์
เสียงฟู่มดังขึ้น เงาคนที่ตัวดำเกรียมพุ่งออกจากประตูหมู่บ้าน กลิ้งลงบนพื้นหลายตลบ ไฟบนร่างคนผู้นี้ดับลงอย่างรวดเร็ว ส่งเสียงร้องโหยหวนไม่หยุด
พลพรรคสะดุ้ง มีคนเล็งเกาทัณฑ์ไปที่ร่างนั้นเตรียมยิง
“รอเดี๋ยว! ลู่เซิ่งยกมือขึ้นห้ามพลพรรค ไม่ให้เคลื่อนไหว
เขาเร่งฝีเท้าเดินไปดู คนบนพื้นถึงกับพอจะจดจำได้ เป็นบัณฑิตที่เขาเคยเห็นตอนผ่านหมู่บ้านเมื่อก่อนหน้า
บัณฑิตผู้นี้โดนเผาจนทั่วตัวพุพอง ใบหน้ามีแผลไฟไหม้ กลับยังคงมองออกว่าเขากำลังหัวเราะ ทั้งยังหัวเราะดังลั่น
เห็นลู่เซิ่งเข้ามาใกล้ บัณฑิตที่หมอบอยู่บนพื้น ใช้มือเขียนอักษรเป็นคำโย้เย้ ‘ข้าเป็นคน’
“พาเขาไปรักษา นี่เป็นคนไม่ใช่ผี” ลู่เซิ่งสั่งเสียงทุ้ม
คำสั่งมาแล้ว แต่คนรอบๆ ไม่กล้าเข้าไป
รอสักพัก จึงมีพลพรรคใจกล้าสองสามคนเข้าไป ประคองบัณฑิตผู้นี้ ตรวจสอบอย่างละเอียด
“รอเดี๋ยว ลิ้นเขาถูกตัด พูดไม่ได้” พลพรรคผู้เฒ่าคนหนึ่งกลืนน้ำลาย กล่าวอึกอัก
ลู่เซิ่งมองออกจากการแต่งตัวของเขา ทราบว่าคนผู้นี้เป็นบัณฑิตที่เขาเคยเห็นมาก่อน
เขาแยกแยะผีกับคนอย่างง่ายๆ หลักๆ คืออาศัยประสาทสัมผัสอันปราดเปรียว ลู่เซิ่งมีวิชากำลังภายในสามวิชา ทุกวิชาจำเป็นต้องใช้การฝึกฝนอย่างลำบากเป็นอย่างน้อยหลายสิบปีของคนธรรมดาจึงค่อยบรรลุ สามวิชาเมื่อรวมกัน เขาเทียบกับอยู่ในกระบวนการอันยิ่งใหญ่ที่คนธรรมดาต้องพากเพียรมากกว่าร้อยปีจึงค่อยไปถึง
พลังฝึกปรือกำลังภายในเช่นนี้ทำให้เขาได้รับการยกระดับในด้านประสาทสัมผัสที่น่ากลัวสุดขีด ในระยะสิบหมี่ ถึงขั้นแม้แต่เสียงหัวใจเต้นและเสียงลมหายใจก็ได้ยินอย่างชัดเจน
นี่เป็นกุญแจสำคัญที่เขาพบว่าพวกกงหรูชิงเป็นผีในหมู่บ้าน
หลังจากพบความจริงนี้ รวมกับรอยเท้าที่เหลือไว้ก่อนหน้า ในนี้มีแค่รอยเท้าของพวกเขาสามคนกับหลี่ซุ่นซีนั่น คนที่เหลือถึงกับไม่มีรอยเท้าเลย
ถึงแม้จะอยู่ในราตรีที่มืดมิด ทุกอย่างดำสนิท แต่ยังคงขัดขวางไม่ให้สายตาอันแข็งกล้าของลู่เซิ่งสังเกตถึงรายละเอียดนี้ได้
ทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลังสรุปรวมแล้ว เขาจึงคาดเดา หลังจากพิจารณาแต่ละสิ่งอย่างละเอียด ยังได้กลิ่นตัวพวกกงหรูชิง กลิ่นที่เบาบางที่สุดเหมือนกับเด็กสาวซ่งอวิ๋นจวนไม่มีผิด
ผลลัพธ์ย่อมเป็นแปดเก้าส่วนในสิบส่วนแล้ว
………………………………………….