ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 2255 เกิดเรื่องแล้ว ตอนที่ 2256 ด้วยกัน
ตอนที่ 2255 เกิดเรื่องแล้ว
“เหตุใดถึงไม่ได้ ความจริงแล้วเจ้าชอบเงินมาก ข้าก็มอบให้เจ้า หรือว่าเจ้าอยากได้มากกว่านี้?”
ไม่ว่าอย่างใดก็ตามตอนนี้นางก็มีเงินไม่ขาดแคลน
เจี่ยนเฟิงฉือกำพัดในมือจนแน่น
“ไม่ว่าอย่างใดก็ไม่ได้”
ฉู่หลิวเยว่เอนกายพิงพนักเก้าอี้
“ข้าบอกแล้วว่าให้เจ้าใจกว้างแล้วปล่อยนางไป แต่เจ้าก็ยังไม่ยินยอม พอข้าให้เงินเจ้าเพื่อซื้อพันธสัญญาของหงอวี่กลับคืนมา เจ้าก็ยังไม่พอใจ นี่เจ้าต้องการอันใดกันแน่? เจี่ยนเฟิงฉือ เจ้าเอาใจยากขนาดนี้ ไม่น่าแปลกใจเลยที่หงอวี่จะหนีไป”
นางเหลือบสายตาไปมองทางเจี่ยนเฟิงฉือ
“ข้าได้ยินมาว่าเจ้าตามหาหงอวี่มานานมากแล้ว ทั้งลงแรงทั้งลงเวลา นี่เจ้าทำอันใดผิดไปอย่างนั้นหรือ?”
เจี่ยนเฟิงฉือแค่นหัวเราะเสียงเย็น
“ฝ่าบาท ข้าปฏิบัติต่อนางอย่างใด ท่านรู้ดีที่สุด อยู่กับข้า นางไม่เคยไม่ได้รับความเป็นธรรมเลยแม้แต่น้อย”
ไม่ว่าอย่างใดเขาก็จะต้องตามหานางออกมาให้ได้
ฉู่หลิวเยว่พูดขึ้นอย่างกะทันหันว่า
“หงอวี่?”
เจี่ยนเฟิงฉือ “อันใดนะ?”
ฉู่หลิวเยว่ชี้ไปทางด้านหลังของเขา
เจี่ยนเฟิงฉือหันหน้ากลับไปมอง
เขาเห็นว่าด้านนอกเรือนนั้น มีระลอกคลื่นหนึ่งปรากฏขึ้นท่ามกลางความว่างเปล่า
จากนั้น เงาร่างหนึ่งก็ออกมาจากภายใน จากนั้นนางก็ล้มลงกระแทกเสาหินที่อยู่ด้านข้าง
มู่หงอวี่กุมหน้าผากของตัวเอง แล้วสูดลมหายใจลึกๆ
เห็นได้ชัดว่านางระมัดระวังมากแล้ว แต่สุดท้ายก็ยังชนเสา!
เจี่ยนเฟิงฉือชะงักค้างไป ภายในสมองของเขามีคำพูดประโยคหนึ่งผุดขึ้นมา
ย่ำจนรองเท้าเหล็กสึกไม่พบพาน ยามได้มากลับไม่เสียเวลาเลย
ที่แท้มันเป็นอย่างนี้นี่เอง!
ทันทีที่ความคิดนี้ปรากฏขึ้น เขาก็สาวเท้าขึ้นไปด้านหน้าโดยไม่รู้ตัวแล้ว
มู่หงอวี่ล้มอยู่บนพื้น มือกำลังลูบหน้าผากตัวเอง ในตอนที่นางกำลังจะพยุงตัวลุกขึ้น นางก็สัมผัสได้ว่ามีใครบางคนเดินเข้ามาใกล้ นางปล่อยหมัดสวนไปทันทีโดยไม่ต้องคิด!
เจี่ยนเฟิงฉือมีสายตารวดเร็วมือไม้ฉับไว เขาสามารถหลบได้ในทันที ในขณะเดียวกันเขาก็กุมมือของนางเอาไว้ แล้วเลิกคิ้วขึ้น
“โอ้ ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ แต่เจ้ากลับมอบของขวัญพบหน้าให้แบบนี้น่ะหรือ?”
มู่หงอวี่ตกใจแล้วรีบหันกลับไปมอง ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนก็เบิกกว้างขึ้นเล็กน้อย
“เจี่ยนเฟิงฉือ? เหตุใดเจ้าถึงอยู่ที่นี่ล่ะ?”
เมื่อเห็นใบหน้าตื่นตะลึงของนาง เจี่ยนเฟิงฉือก็กัดฟันกรอด
“คุณชายอย่างข้าก็รอเจ้าอยู่ที่นี่ไง!”
เมื่อเห็นท่าทางดุร้ายของเขา มู่หงอวี่ก็หดคอลงอย่างรู้สึกผิด
เดิมทีเจี่ยนเฟิงฉือต้องการจะสั่งสอนนางสักยก แต่เมื่อเห็นหน้าผากที่ปูดบวมเป็นก้อนซาลาเปา คำพูดเหล่านั้นก็กลืนหายลงไปในลำคอ
มู่หงอวี่รออยู่สักพัก เดิมทีคิดว่าเขาจะต้องลงมือแน่ๆ แต่สุดท้ายเขากลับไม่ได้ทำอันใด
“เจ้าเป็นอย่างใดบ้าง?”
เจี่ยนเฟิงฉือถามขึ้นแล้วระงับโทสะที่อยู่ในอก
มู่หงอวี่มึนงงไป “อันใดหรือ?”
เมื่อเห็นประกายไฟในแววตาของเจี่ยนเฟิงฉือลุกโชนขึ้นอีกครั้ง นางก็ดึงสติกลับคืนมา แล้วชี้ไปที่หน้าผากของตัวเอง
ถ้าเขาไม่ได้มีทักษะการควบคุมอารมณ์ตัวเอง ตอนนี้เขาคงอยากจะแงะสมองของนางดูแล้วว่าด้านในมันมีอันใดอยู่?
“เจ้าอายุเท่าไรกันแล้ว ยังจะบาดเจ็บเพราะเรื่องเช่นนี้อีก?”
มู่หงอวี่มีสีหน้าเก้อกระดาก
“ข้าก็แค่…ช่วงนี้ข้าพยายามทะลวงด่านมาตลอดเลยล่ะ ดังนั้นข้าจึงควบคุมพลังไม่ได้…”
เจี่ยนเฟิงฉือชะงักไป
ฉู่หลิวเยว่เดินเข้ามาหาแล้ว
“หงอวี่”
เมื่อเห็นว่าเป็นฉู่หลิวเยว่ ทันใดนั้นมู่หงอวี่ก็เหมือนเห็นผู้ช่วยชีวิต
“หลิวเยว่! ในที่สุดก็ได้เจอเจ้าแล้ว!”
ฉู่หลิวเยว่เหลือบสายตามองทางเจี่ยนเฟิงฉือ
เจี่ยนเฟิงฉือหัวเราะเสียงเย็นภายในใจ สุดท้ายก็ยอมปล่อยมือ
มู่หงอวี่เดินมาหยุดตรงหน้าฉู่หลิวเยว่
“หลิวเยว่ ข้ามีเรื่องสำคัญที่อยากจะคุยกับเจ้า!”
ฉู่หลิวเยว่มองไปหน้าที่กังวลของนาง แล้วถามขึ้นอย่างสงสัยว่า
“มีอันใดหรือ? ค่อยๆ พูดค่อยๆ จาสิ”
มู่หงอวี่ถามขึ้นอย่างตื่นตระหนก
“เกิดเรื่องขึ้นกับอาจารย์ใช่หรือไม่?”
ตอนที่ 2256 ด้วยกัน
อาจารย์ที่มู่หงอวี่พูดถึงคือ ผู้อาวุโสลำดับห้า
คิ้วเรียวดุจก้านหลิวของมู่หงอวี่ขมวดแน่นขึ้น
“ก่อนหน้านี้ตอนที่ข้าบำเพ็ญเพียรแล้วประสบกับปัญหา ดังนั้นข้าจึงไปหาอาจารย์ที่ทะเลทรายจันทราสีชาด แต่หลังจากที่ข้าไปที่นั่นแล้ว กลับพบว่ามันถูกปิดกั้นด้วยม่านพลังสีแดง ไม่สามารถเข้าใกล้ได้เลยแม้แต่น้อย ค่าทดลองอยู่หลากหลายวิธี แต่ก็ไม่สามารถเข้าไปได้เลย ทำได้เพียงออกมาหาเจ้าเท่านั้น”
ทะเลทรายจันทราสีชาดเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ เกรงว่าทุกสถานที่จะเต็มไปด้วยอันตราย
“อีกทั้ง ก่อนหน้านี้ข้าสามารถติดต่ออาจารย์ได้ตลอดเวลา แต่ตอนนี้ไม่สามารถติดต่อได้แล้ว”
นี่สิถึงเป็นสิ่งที่มู่หงอวี่กังวลมากที่สุด
ผู้อาวุโสลำดับห้าปฏิบัติกับนางเป็นอย่างดี ถ้าไม่ได้เกิดเรื่องอันใดขึ้น เขาไม่มีทางขาดการติดต่อไปเช่นนี้แน่นอน
ฉู่หลิวเยว่เม้มริมฝีปากขึ้น
“เรื่องนี้จะเล่าไปแล้วมันคงยาว แต่ตอนนี้…ผู้อาวุโสลำดับห้าไม่ได้อยู่ที่ทะเลทรายจันทราสีชาดอีกต่อไปแล้ว”
นางยกมือขึ้นแล้วชี้ไปทางสะพานสีเงินที่แขวนอยู่กลางอากาศในระยะไกล
“ตอนนี้ พวกเขาอยู่ที่นั่น”
เพราะว่ามู่หงอวี่ปิดด่านฝึกมานานเกินไป ดังนั้นจึงไม่รู้เรื่องราวภายนอกมากนัก
หลังจากได้ยินฉู่หลิวเยว่อธิบายจนจบ ในที่สุดนางถึงเข้าใจอันใดบางอย่างขึ้นมา
“นั่นก็หมายความว่า…ตอนนี้อาจารย์และคนอื่นๆ ถูกคุมขังอยู่ในพระราชวังมายาศักดิ์สิทธิ์หรือ?”
มู่หงอวี่พึมพำเสียงต่ำด้วยความตกใจ
ในแววตาของฉู่หลิวเยว่มีประกายลังเลขึ้นมาเล็กน้อย
ตอนนี้ตู๋กูโม่เป่าถูกขังอยู่ภายในพระราชวังมายาศักดิ์สิทธิ์แน่นอน แต่ผู้อาวุโสลำดับห้าอยู่ใต้ก้นบึ้งลึกของมหาสมุทรที่อันตรายและแปลกประหลาด
ส่วนหลานเซียวนั้น จนถึงตอนนี้นางยังไม่ได้รับเบาะแสอันใดเลย ดังนั้นนางจึงไม่กล้ามั่นใจ
แต่สุดท้ายแล้วนางก็ไม่ได้พูดอันใดออกไป
มู่หงอวี่จับมือของนาง
“ช่วงนี้ข้าเพิ่งทะลวงด่านแล้วพอดี น่าจะมีคุณสมบัติเข้าไปได้ใช่หรือไม่?”
ฉู่หลิวเยว่ตกตะลึงไปเล็กน้อย
“เจ้าทะลวงด่านแล้ว?”
ลมปราณบนร่างกายของนางยังคงเป็นเทพขั้นสูง ไม่ใช่เทพศักดิ์สิทธิ์
“ที่ข้าพูดถึงนั้นไม่ใช่ระดับการบำเพ็ญเพียร แต่เป็นร่างซวีหยวนของข้าต่างหาก!”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ มู่หงอวี่ก็มีความสุขมาก
“เดิมทีข้าต้องการมาตามหาอาจารย์ เพราะข้าติดอยู่ที่คอขวด ไม่สามารถทะลวงด่านไปได้ แต่คิดไม่ถึงเลยว่า ระหว่างนั้นข้าได้บังเอิญชนกับอันใดบางอย่าง สัมผัสบานประตูของการเลื่อนขั้น จนสามารถทะลวงด่านได้อย่างราบรื่น!”
“จริงหรือ?”
ฉู่หลิวเยว่ไม่ค่อยรู้เรื่องเกี่ยวกับร่างซวีหยวน ท้ายที่สุดแล้วร่างซวีหยวนภายในอาณาจักรเสิ่นซวี่ก็หายสาบสูญไปเป็นเวลาพันปีแล้ว อีกทั้งยังไม่เคยมีใครฝึกถึงระดับสุดยอดเลยสักคน
ยกเว้นผู้อาวุโสลำดับห้าเป็นกรณีพิเศษ
มู่หงอวี่พยักหน้า “หลิวเยว่ เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าเดินทางมาจากที่ใด?”
หัวใจของฉู่หลิวเยว่สั่นระรัว และคาดเดาขึ้นมาอย่างลับๆ
“ทะเลสาบกระจก!”
มู่หงอวี่ไม่รอให้นางคาดเดา แต่พูดคำตอบขึ้นมาเองโดยแทบจะปิดไม่ไหว ในแววตาเปล่งประกายยินดี
ฉู่หลิวเยว่ตกใจสะดุ้งโหยง
“นั่นมันคนละฟากกันเลยนะ!”
“ถูกต้อง!”
มู่หงอวี่พยักหน้าอย่างแรง
ทันทีที่สิ้นเสียง ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ก็รู้สึกตกตะลึงอย่างมาก
จากม่านฟ้าอีกฟาก จากภายนอกอาณาจักรเสิ่นซวี่จนเข้ามาสู่ภายใน
นอกจากม่านพลัง ผู้บำเพ็ญเพียรไม่มีทางเดินทางทะลวงผ่านแบบนี้ได้แน่นอน
แต่ตอนนี้ มู่หงอวี่กลับพูดว่า นางสามารถเดินทางได้โดยตรง?
นั่นหมายความว่านางไม่จำเป็นจะต้องพึ่งพาประตูเขตแดนอีกต่อไปแล้ว อีกทั้งยังสามารถเข้าออกอาณาจักรเสิ่นซวี่ได้อย่างอิสระ!
ทันใดนั้นฉู่หลิวเยว่ก็นึกขึ้นได้ว่า ช่วงนี้มีประตูอาณาจักรใหม่กำเนิดขึ้น ซึ่งสิ่งนี้ดึงดูดการแข่งขันของตระกูลจำนวนมากที่อยู่ภายในอาณาจักรเสิ่นซวี่
แต่เรื่องนี้สำหรับมู่หงอวี่…
นางไม่จำเป็นจะต้องแข่งขันเลยด้วยซ้ำ
จินตนาการไม่ออกเลยว่า หากมู่หงอวี่สามารถควบคุมมิติ นางจะมีพลังแข็งแกร่งขนาดไหน!
เมื่อเห็นว่าฉู่หลิวเยว่นิ่งเงียบไปนาน มู่หงอวี่จึงพูดขึ้นมาอีกว่า
“หลิวเยว่ เจ้าวางใจได้เลยนะ แม้ตอนนี้ข้าจะเดินทางได้เพียงคนเดียว แต่หากเวลาผ่านไป ความแข็งแกร่งของข้าเพิ่มมากขึ้น ข้าจะต้องสามารถพาคนไปด้วยได้อย่างแน่นอน!”
ฉู่หลิวเยว่สูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วยกนิ้วโป้งให้กับมู่หงอวี่
“หงอวี่ เจ้าสุดยอดมากจริงๆ”
มิน่าล่ะ ตอนที่ผู้อาวุโสลำดับห้าได้ยินว่ามู่หงอวี่มีร่างซวีหยวน เขาจึงมีความสุขอย่างมากที่ได้รับนางเป็นศิษย์
ด้วยร่างกายเช่นนี้…หากใช้คำว่า “อัจฉริยะ” มาอธิบายก็คงได้
แม้ว่าตอนนี้นางจะอยู่ในระดับเทพศักดิ์สิทธิ์ และมีความแข็งแกร่งเหนือคนหลายคน แต่นางก็ยังไม่กล้าเมินเฉยต่อประตูของเขตแดน ข้ายังไม่สามารถเดินทางไปไหนมาไหนได้ตามใจชอบเช่นนี้
เจี่ยนเฟิงฉือที่อยู่ด้านข้างก็หางตากระตุกไป ความรู้สึกผ่อนคลายอย่างเช่นตอนแรกจางหายไปหมดแล้ว
ตอนนี้เขารู้สึกเศร้าสลดมาก
เขาสู้ฉู่หลิวเยว่ไม่ได้ก็ช่างเถอะ ท้ายที่สุดแล้วตลอดหลายปีที่ผ่านมาเขาก็ไม่เคยชนะอีกฝ่ายเลย แต่ประเด็นสำคัญ…แม้กระทั่งความแข็งแกร่งของมู่หงอวี่ก็ก้าวกระโดดขึ้นมา?
คนที่ติดตามฉู่หลิวเยว่ ล้วนอยู่ในระดับสุดยอดจนบ้าคลั่งขนาดนี้?
คนแบบนั้นมีมากมาย แต่เหตุใดเขาถึงไม่เป็นเช่นนั้นอีกคนเล่า?
เหมือนสัมผัสได้ถึงสายตาที่เต็มไปด้วยความโศกเศร้าของเจี่ยนเฟิงฉือ ฉู่หลิวเยว่จึงหันศีรษะกลับมามอง
“หื้อ? เจี่ยนเฟิงฉือ เมื่อครู่นี้เจ้าพูดว่าอย่างใดนะ? เจ้าอยากจะพามู่หงอวี่ไปอย่างนั้นหรือ?”
ใบหน้าของนางคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม
“ในสถานการณ์เช่นนี้…เจ้ายังจะพานางไปอีกหรือไม่?”
มิน่าล่ะเวลาผ่านไปนานขนาดนี้แล้ว แต่เจี่ยนเฟิงฉือก็ไม่สามารถตามมู่หงอวี่ได้ทัน
มู่หงอวี่แทบจะสามารถควบคุมมิติได้ตามต้องการ เจี่ยนเฟิงฉือจะเป็นคู่ต่อสู้ของนางได้อย่างใด?
พรึ่บ!
เจี่ยนเฟิงฉือกางพัดออก จากนั้นก็พัดให้กับตัวเอง
มู่หงอวี่ “เจ้าร้อนหรือ?”
เจี่ยนเฟิงฉือ “ไม่ร้อน ข้าอยากสงบใจ”
เขาอยากจะหมุนตัวหันหลังกลับไปยิ่งกว่าเดิมเสียอีก
ยิ่งไปกว่านั้นคนผู้นี้อยู่ตรงหน้าแล้ว เขาจึงไม่สามารถขยับตัวได้เลยแม้แต่ครึ่งก้าว
ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงยืนอยู่ตรงนี้อย่างทุกข์ทรมาน
ฉู่หลิวเยว่มองใบหน้าหงุดหงิดที่หาได้ยากของเขา มุมปากก็ยกยิ้มขึ้น
ความจริงแล้ว ทักษะด้านการแพทย์ของเจี่ยนเฟิงฉือถือว่าเป็นเอกเหนือบุคคลทั่วไป
ไม่อย่างนั้นก่อนหน้านี้ที่เทียนลิ่ง นางคงไม่ตอบตกลงประลองกับเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ท้ายที่สุดแล้วเจี่ยนเฟิงฉือก็เป็นฝ่ายแพ้อยู่เสมอ แต่ทุกครั้งนั้นเขาก็ไม่ได้แพ้อย่างหมดรูปมากเกินไป
ยิ่งไปกว่านั้นด้วยอายุของเขาในปัจจุบัน หากสามารถทะลวงเข้าสู่ระดับมหาปรมาจารย์โอสถได้ ต่อให้อยู่ภายในสำนักหลิงเซียว เขาก็ยังอยู่ในลำดับต้นๆ
ต่อให้เปรียบเทียบกับอัจฉริยะในตระกูลอันดับหนึ่งของอาณาจักรเสิ่นซวี่ เขาก็ไม่มีทางด้อยกว่าคนอื่น
แต่ว่าเขาค่อนข้างโชคร้ายที่เขามาเปรียบเทียบกับนางและมู่หงอวี่
ไม่ต้องพูดถึงนาง เพียงแค่ร่างซวีหยวนของมู่หงอวี่ ภายในหมื่นคนอาจจะปรากฏสักคน อีกทั้งคนที่สามารถฝึกสำเร็จได้ในระดับนี้ก็มีจำนวนน้อยนิดดั่งขนหงส์เขากิเลน*
ไม่น่าแปลกใจที่เขาได้รับบาดเจ็บอย่างนี้
แต่ขอเพียงแค่ให้เวลาเขา ท้ายที่สุดแล้วเขาก็สามารถพัฒนาฝีมือตัวเองต่อไปได้
ส่วนตัวแล้วฉู่หลิวเยว่คิดว่า เจี่ยนเฟิงฉือมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับทักษะการแพทย์เป็นอย่างดีไม่ได้ด้อยไปกว่าเหลียงเหอเลย
เมื่อคิดถึงตรงนี้ นางก็พูดขึ้นมาว่า
“เจี่ยนเฟิงฉือ เจ้าไปกับพวกเราเถอะ”
*ขนหงส์เขากิเลน สำนวนเปรียบเทียบถึงของมีค่าที่หาได้ยากยิ่ง ของล้ำค่าซึ่งมีน้อย
………………..