ยามดอกวสันต์ผลิบาน - ตอนที่ 556 รับราชการต่างเมือง
ซอยซิ่งหลินมิได้วุ่นวายโกลาหลเหมือนอย่างที่ทุกคนคิด
ลานชั้นนอกนอกจากบ่าวชายเฝ้าเวรยามอยู่หน้าประตูใหญ่แล้วก็ไม่เห็นร่องรอยของผู้ใด
สาวใช้และป้ารับใช้ที่เฝ้าเวรยามอยู่ในเรือนชั้นในต่างไปหลบซ่อนอยู่ตามมุมกําแพง แต่ภายใน
ห้องหนังสือของเรือนชั้นใน เฉิงสวี่และหยวนซื่อยืนเผชิญหน้ากัน ผู้หนึ่งดวงหน้าเต็มไปด้วยความ
เฉยเมย อีกผู้หนึ่งดูเย็นชา ราวกับปกคลุมไปด้วยหมอกเมฆดํา บรรยากาศกดดันยิ่ง
ลานด้านนอกมีลมโชยพัดผ่าน ดอกอวี้หลาน 3011สีขาวที่ปลูกไว้ตรงปากประตูส่งเสียงดังซู่
กลีบดอกไม้เรืองรองระยิบระยับโยกไหวไปตามแรงลม เต็มไปด้วยบรรยากาศของฤดูใบไม้ผลิ
หยวนซื่อทิ้งไม้บรรทัดในมือลงเสียงดัง ปัง หยดนํ้าตาร่วงหล่นลงมาเป็นสาย “นี่ข้าทําผิด
บาปอะไรมา! อุ้มท้องกว่าสิบเดือนกว่าจะคลอดเจ้าออกมา เลี้ยงดูเจ้าให้เติบใหญ่มาอย่าง
ยากลําบาก ไม่ง่ายเลยกว่าจะเรียนจนได้เป็นอั้นโส่ว เจี้ยหยวนมาตลอดทาง พอมาถึงก้าวที่
สําคัญที่สุด เจ้ากลับสอบเอากลับมาได้แค่จิ้นซื่อเฉยๆ เพียงอย่างเดียวเท่านั้น นี่มิใช่ว่าเจ้า
ต้องการชีวิตของข้าหรอกหรือ แต่เจ้าเป็นบุตรชาย ข้าจะทําอะไรได้ ก็ได้ ข้ายอมอดทน แต่เจ้าไม่
คิดจะตั้งใจอ่านหนังสืออยู่ที่บ้านดีๆ สอบบัณฑิตซู่จี๋ซื่อกลับมาให้ข้า ถึงกับมาบอกข้าว่าจะไม่เข้า
ร่วมการสอบคัดเลือกบัณฑิตซู่จี๋ซื่อ? เจ้าไม่ละอายต่อข้า? เจ้าไม่ละอายใจต่อการทุ่มเทบ่มเพราะ
ของตระกูลเฉิง? ไม่ละอายใจต่อท่านย่าของเจ้าที่มีความหวังในตัวเจ้า? ไม่ละอายใจต่อบิดาของ
เจ้าที่คาดหวังในตัวเจ้าหรือ ต่อให้ข้าเลี้ยงแมวตัวหนึ่ง ยามข้ารู้สึกไม่สบายแมวยังรู้จักมาส่งเสียง
ร้องอยู่ตรงหัวเตียงข้าสองสามครั้ง แล้วเจ้าเล่า? เติบโตมาขนาดนี้ นอกจากประชันขันแข่งกับข้า
นอกจากทําให้ข้าโกรธแล้ว เจ้าทําอะไรบ้าง หากรู้เช่นนี้เสียแต่เนิ่นๆ ข้าจะไปขอหยูกขอยาอะไร
1 ดอกอวี้หลาน ดอกแมกโนเลีย5154
ทําไมกัน มิสู้ข้าบีบเจ้าให้ตายไปเสียตั้งแต่แรกจะดีกว่า! วันนี้จะได้ไม่ทําให้ข้าต้องเสียเกียรติ ไม่มี
หน้าออกไปไหน!”
เฉิงสวี่ไม่ตอบอะไรสักอย่าง ค่อยๆ คุกเข่าลงตรงหน้าหยวนซื่อช้าๆ กล่าวเสียงเบาว่า
“ท่านแม่ เป็นข้าที่ผิดต่อท่าน ทําให้ท่านต้องเสื่อมเสียเกียรติ ท่านทําเสมือนไม่เคยคลอดบุตรชาย
เช่นข้าออกมาก็แล้วกัน! ข้าไปหารองเจ้ากรมหวังที่กรมขุนนางมาแล้ว เขารับปากว่าหลังเสร็จจาก
การสอบบัณฑิตซู่จี๋ซื่อแล้วจะช่วยหาตําแหน่งงานต่างเมืองให้ข้าสักตําแหน่งหนึ่ง…”
“เจ้าหุบปากเดี๋ยวนี้!” หยวนซื่อมองไปรอบด้าน คว้าไม้บรรทัดเล่มนั้นขึ้นมา แต่สุดท้ายยัง
อยากให้เฉิงสวี่เปลี่ยนใจ จึงไม่ได้เอาแต่ตีอย่างไม่ยั้งเหมือนเมื่อครู่ “นี่เจ้าต้องการบีบบังคับให้ข้า
ตายหรือ”
เฉิงสวี่กลับคล้ายกับมองไม่เห็น ก้มหน้าลง กล่าวโดยไม่สนผู้อื่นว่า “ตอนนี้สุขภาพท่าน
แม่ยังดีอยู่ ท่านพ่อก็กําลังอยู่ช่วงที่หน้าที่การงานรุ่งโรจน์ สองสามปีนี้พี่รองต้องมาอยู่เป็นเพื่อน
พี่เขยรองเรียนหนังสือที่จิงเฉิงพอดี หลังจากข้าไปรับราชการต่างเมืองแล้ว ท่านแม่และท่านพ่อยัง
มีคนดูแลอยู่ข้างกาย รออีกสองสามปี ข้าอายุมากขึ้น ท่านกับท่านพ่อก็ชราแล้ว ข้าค่อยมารับพวก
ท่านทั้งสองไปอยู่กับข้า แสดงความกตัญ�ูรู้คุณต่อท่าน…”
หยวนซื่อกระโดดตัวโหยงขึ้นมา
แข็งไม่ได้ผล อ่อนก็ไม่ได้ผล!
ตกลงเขาต้องการทําอะไรกันแน่
“เจ้ามันอกตัญ�ู! หากเจ้าไม่ไปสอบบัณฑิตซู่จี๋ซื่อ ข้าจะไปฟ้องร้องว่าเจ้าอกตัญ�ูต่อ
บิดามารดา!” หยวนซื่อกล่าวอย่างตื่นตระหนกกระวนกระวาย พูดจาไม่ระวังคําพูดเล็กน้อย5155
เฉิงสวี่ได้ยินแล้วนัยน์ตาฉายแววโศกเล็กน้อย กล่าวเสียงเบาว่า “ท่านแม่ ท่านมักจะเป็น
เช่นนี้ ตั้งแต่เล็กจนโต ขอเพียงข้าไม่เชื่อฟังท่าน ท่านก็จะข่มขู่ข้าว่าจะไปฟ้องท่านพ่อ ให้ท่านพ่อ
มาสั่งสอนข้าบ้าง หลอกล่อข้าว่าจะซื้อชุดเครื่องเขียนหรือแม้กระทั่งว่าวและหมากรุกซวงลู่ที่ข้า
อยากได้ให้ข้าบ้าง ท่านไม่เคยคิดจะฟังข้าพูดดีๆ ว่าข้าอยากทําอะไรบ้างเลยหรือ หรือไม่ก็ไม่ต้อง
ข่มขู่และไม่ล่อหลอกข้า แต่คุยกับข้าดีๆ ไม่ได้หรือ”
หยวนซื่อมองเฉิงสวี่อย่างตกตะลึง
เฉิงสวี่ยิ่งกดเสียงตํ่าลง กล่าวว่า “ตอนท่านต้องการให้ข้าเรียนหนังสือเป็นเช่นนี้ ตอน
ต้องการให้ข้าสอบอั้นโส่ว สอบเจี้ยหยวนเป็นเช่นนี้ แม้แต่ตอนแต่งภรรยา…ก็เป็นเช่นนี้…ท่านเป็น
มารดาของข้า มีบุตรชายที่ไหนไม่เชื่อฟังมารดาด้วยหรือ ท่านพูดคุยกับข้าดีๆ ไม่ได้หรือ ไม่ต้อง
เอาแต่ข่มขู่จะตีจะฆ่าไม่ได้หรือ”
หยวนซื่อมองเฉิงสวี่อย่างตะลึงงัน คล้ายกับว่าเพิ่งเคยเห็นเขาเป็นครั้งแรกก็ไม่ปาน
พึมพํากล่าวว่า “นี่เจ้ากําลังกล่าวโทษข้า! เจ้าสอบจ้วงหยวนไม่ได้ เจ้าจึงกล่าวโทษข้า…”
“ท่านแม่!” เฉิงสวี่ไร้หนทางแล้วจริงๆ กล่าวว่า “ข้าไม่ได้กล่าวโทษท่าน! สอบจ้วงหยวน
ไม่ได้ นั่นเป็นข้าที่ไม่ดีเอง เกี่ยวอะไรกับท่านด้วย ข้าจะโทษท่านได้อย่างไร ข้าเพียงไม่อยากให้
ท่านเอาแต่ใช้โน่นใช้นี่มาเป็นข้ออ้าง สุดท้ายแล้วก็เพียงเพราะอยากให้ข้าสอบสามหยวนเพื่อนํา
เกียรติมาให้ท่าน นี่ก็ไม่ใช่อะไร บุตรชายนําเกียรติมาให้มารดาได้ ก็เป็นเรื่องน่ายกย่องเรื่องหนึ่ง
…”
หยวนซื่อฟังไม่เข้าหูแล้ว ตะโกนขึ้นว่า “หากเจ้าไม่ได้โทษข้า เหตุใดถึงไม่ไปสอบบัณฑิตซู่
จี๋ซื่อ” กล่าวถึงตรงนี้ นางจับมือของเฉิงสวี่เอาไว้ กล่างอย่างอ่อนโยนว่า “เจียซ่าน เจ้าฟังแม่ครั้งนี้
สักครั้งดีหรือไม่ ขอเพียงเจ้าสอบบัณฑิตซู่จี๋ซื่อได้ แม่จะไม่ยุ่งเรื่องของเจ้าอีก ดีหรือไม่ แม่พูดได้
ย่อมทําได้…”5156
เฉิงสวี่หลับตาลงอย่างข่มขื่น
ยอมตกลงครั้งนี้แล้ว ก็ยังมีครั้งหน้าอีก
ทุกครั้งล้วนกล่าวเช่นนี้
ความจริงแล้วตราบใดที่เขายังทําตามที่มารดาปรารถนาไม่ได้ เขาก็จะไม่มีวันได้หยุดพัก
เพียงแต่ว่าครั้งนี้ มารดาลงมือกับเขา
เป็นเพราะรู้ว่าคําพูดใช้กับเขาไม่ได้ผลแล้วใช่หรือไม่
ก็เหมือนกับที่ท่านอาสี่พูดเอาไว้ใช่หรือไม่ ที่ว่าเมื่อสอบได้จิ้นซื่อแล้ว จะทําเรื่องอะไรได้
อีกมากมาย
เขาไม่อยากอยู่จิงเฉิงอีกต่อไปแล้ว
ได้เห็นดวงหน้าที่เอิบอาบไปด้วยรอยยิ้มสดใสมีความสุขของโจวเสาจิ่นบ่อยๆ
คล้ายกับเป็นคนละคนกับตอนที่อยู่กับเขาที่มักจะระแวดระวังตัวอยู่เสมอ
ช่างทิ่มแทงหัวใจของเขาให้เจ็บปวดบาดลึกยิ่งนัก
ทําให้เขารู้สึกว่าอากาศของจิงเฉิงล้วนหดหู่เหลือเกิน
เขาอยากไปจากที่นี่ ไม่อยากไปคิดถึงความรู้สึกรักหรือเกลียดชังเหล่านั้นอีก
เหมือนบุรุษผู้หนึ่ง ด้านหนึ่งทําหน้าที่เป็นพ่อเมือง อีกด้านหนึ่งทําเพื่อประโยชน์สุขของ
ปวงชน
บางที เขาอาจจะระบายความเจ็บปวดออกไปจากใจได้อย่างช้าๆ ก็เป็นได้
เขาเองก็สงบลงมาด้วยเช่นกัน5157
“ท่านแม่!” เฉิงสวี่กล่าวหยุดยั้งเอาไว้ “ท่านอย่าพูดอีกเลย ข้าตัดสินใจแล้วว่าจะไม่เข้า
ร่วมการสอบคัดเลือกบัณฑิตซู่จี๋ซื่อและจะออกไปรับราชการต่างเมือง ท่านฟังข้าครั้งนี้สักครั้งเถิด
…”
“เจียซ่าน เจียซ่าน!” หยวนซื่ออ้อนวอนเฉิงสวี่อย่างขมขื่น “เจ้าจะทําเช่นนี้ไม่ได้! เจ้ารู้
หรือไม่ว่า หากเจ้าสอบบัณฑิตซู่จี๋ซื่อไม่ผ่าน ก็ไม่อาจเข้าสํานักฮั่นหลิน ไม่อาจเป็นขุนนางในหก
กรม ต่อให้เจ้ามีความสามารถ ต่อให้เจ้าเก่งกาจเพียงใด เจ้าก็ไม่อาจเป็นราชบัณฑิตหลวงได้ ก็
เหมือนท่านอาสี่ของเจ้า เป็นคนเฉลียวฉลาดมีความสามารถเพียงนั้น สุดท้ายก็เป็นได้แค่
เจ้าหน้าที่ในกรมการตรวจตรา ท้ายที่สุดก็ไปได้สูงสุดแค่ที่เจ้ากรมการตรวจตราฝ่ายขวาหรือฝ่ าย
ซ้ายยศขั้นสองบนผู้หนึ่งเท่านั้น เจ้าไม่อาจเลอะเลือนอย่างเช่นเขาได้!”
ต่อให้เป็นเช่นนั้นแล้วมีอะไรไม่ดีอย่างนั้นหรือ
เฉิงสวี่ลอบกล่าวอยู่ในใจ
มีภรรยาที่อบอุ่นอ่อนโยน มีบุตรชายที่เฉลียวฉลาด ภายใต้โลกหล้านี้ยังมีเรื่องที่ดีกว่านี้
อีกหรือ
เฉิงสวี่ยังไม่คล้อยตาม
หยวนซื่อเห็นท่าทางเฉยชาของเขาแล้ว ก็กรุ่นโกรธขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ กล่าวว่า “เจ้า
หมายความว่าอย่างไร”
เฉิงสวี่วิงวอนนาง “ข้าโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว เรื่องของข้า ท่านอย่ายุ่งอีกเลยขอรับ!”
“นี่เจ้ารังเกียจที่ข้ายุ่งเรื่องของเจ้าอย่างนั้นหรือ” หยวนซื่อเบิกดวงตาโต สีหน้าที่มอง
บุตรชายทั้งเสียใจและประหลาดใจ “แต่ถ้าหากไม่มีข้า เจ้าจะมีวันนี้ได้หรือ เจ้าเพิ่งเริ่มพูดได้ ข้าก็
เริ่มสอนเจ้าให้รู้จักตัวอักษร เจ้าเพิ่งจับตะเกียบได้ ข้าก็สอนให้เจ้าเขียนหนังสือ ตอนเจ้าเข้าร่วม5158
การสอบระดับท้องถิ่น ข้าเฝ้าอยู่หน้าประตูรอเจ้าออกมา ตอนเจ้าสอบระดับภูมิภาค เจ้าหาความ
เรียงจากจิงเฉิงส่งไปให้เจ้าไกลเป็นพันหลี่ แต่เจ้าก็ดี เพื่อโจวเสาจิ่นคนเดียวแล้วกลับไม่พอใจข้า
ทะเลาะกับข้า ทําตัวเหินห่างข้า ผลสุดท้ายเล่า? นอกจากตําแหน่งสามหยวนดีๆ ตําแหน่งหนึ่งจะ
ถูกเจ้าทําจนไม่มีเหลือแล้ว สุดท้ายยังถึงกับจะไปรับราชการต่างเมืองอีก? สมองของเจ้าถูกเตะ
กระทบกระเทือนไปแล้วหรือ มิใช่สิ ตอนนี้เจ้ายังคิดถึงโจวเสาจิ่นผู้นั้นอยู่ใช่หรือไม่…”
“ท่านแม่! ท่านโวยวายพอหรือยัง!” ดวงหน้าเฉิงสวี่กรุ่นโกรธ “ท่านจะต่อว่าข้าก็ว่าแค่ข้าก็
พอ เอ่ยถึงผู้อื่นเพื่ออันใด ทุกคนต่างมีชีวิตของตัวเองอย่างดีไปแล้ว ท่านกล่าวเช่นนี้ดีแล้วหรือ
ท่านรังเกียจที่บ้านหลังนี้ยังวุ่นวายไม่พออย่างนั้นหรือ”
คําพูดของเขาทําให้หยวนซื่อเดือดดาล
“ดียิ่ง! ข้ารู้อยู่แล้วว่าในใจของเจ้ายังคิดถึงนางอยู่!” ความโกรธที่นางกักเก็บเอาไว้ในใจ
มาโดยตลอดนับตั้งแต่ที่โจวเสาจิ่นแต่งเข้าตระกูลเฉิงเป็นต้นมาปะทุขึ้นราวภูเขาไฟระเบิด นาง
กล่าวอย่างดุดันว่า “ไม่แปลกใจที่เจ้าไม่ฟังคําของข้า ไม่แปลกใจที่เจ้าอยากโกรธเกลียดข้า
ทั้งหมดล้วนเป็นเพราะนางนี่เอง! ในเมื่อวันนี้พวกเราแม่ลูกพูดมาถึงตรงนี้แล้ว ข้าเองก็ขอบอกเจ้า
ตามตรง ตั้งแต่ต้นจนจบ ข้าไม่เคยมีความคิดจะให้โจวเสาจิ่นมาเป็นบุตรสะใภ้ของข้า ตอนแรกที่
ข้ารับปากเจ้าก็เพียงเพราะต้องการให้เจ้าตั้งใจเข้าร่วมการสอบระดับภูมิภาค ข้ารับปากว่าจะช่วย
สู่ขอโจวเสาจิ่นให้เจ้าตามที่เจ้าปรารถนา นั่นก็เพียงเพื่อให้เจ้ามีจิตใจสงบ ให้เจ้าตั้งใจสอบระดับ
ภูมิภาคดีๆ ก็เท่านั้น สตรีทําลายล้างบิดามารดาอย่างนาง อย่าแม้แต่จะคิดจะมาเป็นบุตรสะใภ้
ของข้า…”
เฉิงสวี่นึกถึงภาพเหตุการณ์ตอนเป็นเด็กยามตนหกล้มแล้วมารดากอดปลอบเขาอยู่ใน
อ้อมกอดอย่างอบอุ่นอ่อนโยน นึกถึงภาพเหตุการณ์ที่มารดานั่งอยู่ข้างๆ มองเขาคัดอักษรตาม5159
เส้นแดงอย่างยิ้มแย้ม นึกถึงภาพเหตุการณ์ที่มารดาตื่นขึ้นมาตรวจการบ้านอยู่ใต้แสงตะเกียงให้
เขากลางดึก…เขากุมหน้าอกเอาไว้อย่างเจ็บปวด
ตอนแรกมิใช่ว่าเขาไม่เคยสงสัย มิใช่ว่าไม่เคยคิดจะไปตั้งคําถามกับมารดามาก่อน แต่ก็
อย่างที่มารดากล่าวมา เรื่องราวมาถึงขั้นนี้แล้ว หากเขาสร้างเรื่องวุ่นวายต่อไป มีแต่จะทําให้
ตระกูลหมิ่นและตระกูลเฉิงทั้งสองตระกูลผิดใจกัน ทําให้โจวเสาจิ่นยากจะเป็นคนต่อไปได้
นอกจากนี้หากพูดกันอย่างจริงจังแล้วเรื่องนี้ล้วนเป็นความผิดของเขาทั้งหมด หากมิใช่เพราะเขา
คิดว่าตัวเองถูก หากมิใช่เพราะเขาไร้ความกล้าหาญ ระหว่างเขาและโจวเสาจิ่นจะเข้ากันไม่ได้
ประหนึ่งนํ้ากับไฟได้อย่างไร
แต่เขาคิดไม่ถึงว่า ตอนที่มารดากล่าวเช่นนี้ เขายังคงรู้สึกเจ็บปวดราวกับถูกมีดทิ่มแทง
อยู่ก็ไม่ปาน
“ท่านแม่ ท่านอย่าพูดอีกเลย!” เฉิงสวี่กล่าวด้วยดวงหน้าซีดเผือด “นี่ท่านต้องการให้
ตระกูลเฉิงเสื่อมเสียชื่อเสียงหรือ ท่านต้องการบีบคั้นให้ข้าตายหรือ ท่านอยากให้ฝ่ ายร้องเรียน
ของราชสํานักฟ้องร้องท่านพ่อหรือ ท่านรู้สึกว่าให้เรื่องนี้เป็นที่กล่าวขวัญไปทั่วทั้งถนนท่านถึงจะ
พอใจอย่างนั้นหรือ”
หยวนซื่ออยากจะกล่าวอะไรแต่ก็หยุดไป
หมิ่นเจียกลับหมุนกายไปดึงแม่นมของตัวเองด้วยสีหน้าตื่นตระหนกและออกไปจากเรือน
หลักอย่างร้อนรน เมื่อยืนนิ่งอยู่ใต้ต้นทับทิมหลังเรือนแล้วขาทั้งสองข้างถึงได้อ่อนยวบ นั่งลงบน
โต๊ะม้านั่งหินใต้ต้นไม้
ที่แท้แล้ว…หยวนซื่อหลอกลวงเฉิงสวี่ ด้านหนึ่งบอกว่าขอเพียงเฉิงสวี่สอบจวี่เหรินได้ก็จะ
ช่วยสู่ขอโจวเสาจิ่นให้เขา ทว่าอีกด้านหนึ่งกลับไปทาบทามเรื่องงานแต่งกับตระกูลหมิ่นที่ฝูเจี้ยน!5160
ดวงหน้าของนางพลันแดงกํ่า ไม่รู้ว่าอับอายมากกว่าหรือว่ากรุ่นโกรธมากกว่ากันแน่
ไร้ยางอายขนาดนี้ได้อย่างไร!
ไม่เพียงทําร้ายนาง ยังทําร้ายโจวเสาจิ่น ทําร้ายเฉิงสวี่!
หากมิใช่เพราะคนข้างกายของหยวนซื่อล้วนไม่กล้าเข้าใกล้ จึงมาขอให้นางช่วยไปดูสัก
หน่อยว่าจะเกลี้ยกล่อมสักสองประโยคได้หรือไม่ล่ะก็ เกรงว่านางคงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นไปตลอด
ชีวิตแล้ว!
นางพานพบกับแม่สามีเช่นนี้ได้อย่างไร
หมิ่นเจียสับสนว้าวุ่น กว่าครู่ใหญ่ถึงสงบลงมาได้ เมื่อสงบสติอารมณ์ลงมาได้แล้วก็ยํ้า
กําชับแม่นมของนางว่า “เรื่องเช่นนี้เจ้าไม่อาจแพร่งพรายออกไปแม้แต่ครึ่งประโยค ไม่อย่างนั้น
หากตระกูลเฉิงจบสิ้น คุณชายใหญ่จบสิ้น พวกเราเองก็จบสิ้นตามไปด้วยเช่นกัน!”
หลานชายกับอาสะใภ้มี…ความสัมพันธ์คลุมเครือกัน…ไม่ว่าจะตกไปอยู่บ้านผู้ใดก็ไม่
อาจแบกรับเรื่องอื้อฉาวเช่นนี้ได้!
แม่นมของนางเองก็อยู่ในสภาพที่ยังไม่หายจากอาการหวาดหวั่น รีบกล่าวสาบานว่า
“หากข้าแพร่งพรายออกไปแม้เพียงคําเดียว ขอให้สวรรค์ลงโทษฟ้าผ่าข้า ให้ทั้งครอบครัวไม่ได้
ตายดี!”
หมิ่นเจียถึงได้สงบใจลงได้
ชั่วขณะนั้นพลันรู้สึกเห็นใจเฉิงสวี่ขึ้นมาเล็กน้อย
มีมารดาเช่นนี้คนหนึ่ง อนาคตที่ดีเพียงใดก็สูญสลายได้!5161
ตอนแรกนางยังโกรธที่เฉิงสวี่ไม่รู้ความ เพราะฉะนั้นตอนที่ข้ารับใช้มาขอร้องนางนั้นนาง
ยังคิดจะไปเกลี้ยกล่อมจริงๆ ตอนนี้ดูทีแล้ว ไปรับราชการต่างเมืองก็ดีเหมือนกัน จะได้ไม่ถูกแม่
สามีวิปลาสผู้นี้ทําร้ายจนตาย