ลืมรักเลือนใจ - ตอนที่ 627 อย่าแตะมั่วซั่วดีกว่า / ตอนที่ 628 ฉันจะแตะ แล้วจะทำไมเหรอ
ตอนที่ 627 อย่าแตะมั่วซั่วดีกว่า
เผยหนานซวี่ได้ยินแล้วเผยหน้าลำบากใจ “คุณฉู่อย่าพัวพันกับเรื่องนี้ดีกว่า”
“นี่จะเรียกว่ายุ่งได้ยังไงล่ะ? ฉันจริงจังมากเลยนะ!” ฉู่จยาเหยาทำหน้าไม่เห็นด้วย
เผยหนานซวี่ “…”
จะต้องทำยังไงถึงจะห้ามเขาขุดหลุมศพตัวเองได้?
ในขณะเดียวกัน หลินเยียนเห็นสองพี่น้องนั่นไม่เพียงแค่ไม่มีวี่แววจะไปไหน อยู่ๆ มีฉู่จยาเหยาโผล่มาอีกคนซะงั้น
เห็นท่าทางฉู่จยาเหยาแล้ว รู้เลยว่าเขาคงจะอยากจับคู่ระหว่างดาราบริษัทตัวเองและเผยอวี้เฉิง
จงเสี่ยวเวยและจงเสว่หนิงเห็นเถ้าแก่จะเป็นพ่อสื่อให้ เผยสีหน้าดีใจ รู้สึกเหมือนมีคนหนุนหลังให้ จึงจู่โจมมากขึ้น
“คุณฉู่ก็พูดเกินไปค่ะ ไหนๆ เข้ามาในพินนาเคิล ก็คงสร้างความเดือดร้อนให้บริษัทและคุณเผยไม่ได้!” จงเสี่ยวเวยพูดขึ้นด้วยท่าทางอ่อนน้อม
ฉู่จยาเหยายิ้มแล้วพูดต่อ “ก่อนหน้านั้นเสี่ยวเวยชอบพูดถึงบอสกับผมบ่อยๆ บอกว่าอยากได้ลายเซ็นของเถ้าแก่ พวกเธอทั้งสองเป็นเอฟซีของบอสหมดเลยนะ! ไม่คิดว่าจะบังเอิญได้พบกันแบบนี้! ช่างเป็นวาสนาจริงๆ เลยนะ!”
“คนระดับคุณเผย พวกเราต้องชื่นชอบอยู่แล้วค่ะ…” จงเสี่ยวเวยเผยสีหน้าเขินอาย
จู่ๆ จงเสี่ยวเวยพยุงหัวไว้ ร่างกายเอนไปมาเล็กน้อย
วินาทีต่อมา ขณะที่จงเสี่ยวเวยพูดไปด้วย ขาเธออ่อนแรงลงแล้วโน้มตัวไปข้างหน้า
“อร๊าย”
หลินเยียนที่อยู่ในรถเห็นภาพนั้นแล้ว ตาดำบีบตัวอย่างกะทันหัน
บ้าเอ้ย! มันใช่เรื่องหรือเปล่านั่น! เธอยังไม่ตายนะเว้ย!!!
พูดก็พูดไปสิ จะมาแตะเนื้อต้องตัวกันทำไม?
ยังมาแกล้งล้มอีก มุกแป้กๆ แบบนี้เขายังใช้กันอยู่เหรอ?
ในวินาทีที่จงเสี่ยวเวยจะล้มใส่อ้อมกอดเผยอวี้เฉิง เผยหนานซวี่ไหวพริบดีกว่า เขาคว้าตัวจงเสี่ยวเวยไว้ทัน แล้วจับตัวเธอให้ตรง
หลินเยียนเห็นเช่นนั้นแล้ว รู้สึกโล่งอกขึ้นมาทันที
ช่างเป็นไอดอลของเธอจริงๆ ทำได้ยอดเยี่ยมมาก!
“คุณจงไม่เป็นอะไรใช่ไหมครับ” เผยหนานซวี่พูดขึ้นด้วยท่าทางยังคงหวาดเสียวเล็กน้อย
จงเสี่ยวเวยรู้สึกเสียดาย แต่พอได้เห็นหน้าตาหล่อเหลาของเผยหนานซวี่แล้ว สีหน้าดูดีขึ้นมาหน่อย “ไม่…ไม่เป็นไรค่ะ…ขอโทษนะคะ ฉันไม่ระวังตัวเอง…”
จงเสว่หนิงทำเป็นถามด้วยความเป็นห่วง “เสี่ยวเวย เธอไม่เป็นอะไรใช่ไหม? คืนนี้กินเยอะไปหรือเปล่าน่ะ?”
จงเสี่ยวเวยพยักหน้าด้วยท่าทางอ่อนแอ “น่าจะใช่นะ เวียนหัวหน่อยๆ น่ะ…”
ระหว่างพูดคุยกัน จงเสี่ยวเวยได้ขยับตัวเข้าใกล้ประชิดเผยอวี้เฉิงอย่างแนบเนียน อีกทั้งพยายามโน้มตัวเข้าหาเผยอวี้เฉิงด้วย
หลินเยียน “…”
ในขณะเดียวกัน สายลมยามค่ำโชยมา
ใบไม้จากด้านบนปลิวตกลงมาร่วงลงบนผมและบ่าของเผยอวี้เฉิง
จงเสี่ยวเวยมองดูเผยอวี้เฉิงในยามวิกาลด้วยสายตาลุ่มหลง เธออดใจไม่ไหวเอื้อมมือออกไปหา “คุณเผยคะ บนบ่า…”
นิ้วจงเสี่ยวเวยยังไม่ทันได้แตะตัวเผยอวี้เฉิง วินาทีต่อมา ข้อมือของเธอโดนพลังมหาศาลจับไว้จนขยับตัวไม่ได้
“อ้า! เจ็บจัง!” จงเสี่ยวเวยอุทานขึ้นพลันมองไปตามข้อมือตัวเอง ได้เห็นว่าคนที่จับเธอไว้ก็คือหลินเยียน
หลินเยียนเองก็ไม่รู้ว่าเธอมาตั้งแต่เมื่อไหร่ ขณะนี้เธอกำลังจับมือจงเสี่ยวเวยไว้ด้วยท่าทางสบายๆ ดูเหมือนไม่ได้ออกแรงมากเท่าไหร่ แต่กลับทำให้ขยับตัวไม่ได้เลย
จงเสี่ยวเวยเผยสีหน้าตะลึง “เธอ…หลินเยียน…เธอมาได้ไง! ทำอะไร! ปล่อยมือนะ!”
“คุณจงคะ นั่นไม่ใช่ของของเธอ อย่าแตะมั่วซั่วจะดีกว่านะ”
หลินเยียนยืนจับข้อมือจงเสี่ยวเวยนิ่งๆ อยู่ตรงนั้น พลันเอ่ยปากพูดขึ้นด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง
ตอนที่ 628 ฉันจะแตะ แล้วจะทำไมเหรอ
ขณะนี้หลินเยียนจ้องไปยังจงเสี่ยวเวยด้วยแววตาเยือกเย็น
หลินเยียนปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหัน ทำให้คนที่อยู่ตรงนั้นชะงักกันถ้วนหน้า
เผยหนานซวี่เผยสีหน้าตะลึง ฉู่จยาเหยาเองก็รู้สึกเหนือคาดเช่นกัน
เผยอวี้เฉิงมองดูหญิงสาวสีหน้าเย็นชาตรงหน้า นัยน์ตาที่อยู่หลังเลนส์แว่นนั้นปรากฏอารมณ์ขันเล็กน้อยอย่างเห็นได้ชัด เป็นดั่งสายน้ำในฤดูใบไม้ผลิ กระเพื่อมอยู่ใต้แสงแดดเจิดจ้า
จงเสี่ยวเวยชะงักไปครู่หนึ่งเพราะตกใจกับความเย็นชาในแววตาหลินเยียน ผ่านไปพักหนึ่งถึงตั้งตัวได้ เธอสะบัดมือหลินเยียนออกด้วยความโมโห “หลินเยียน เธอเป็นบ้าเหรอ!”
จงเสว่หนิงก็รีบเดินเข้ามา มองไปทางหลินเยียนด้วยรอยยิ้มจอมปลอม “คุณหลินหมายความว่าไง? คุณหยางเมาแล้วไม่ไปดูแล ดันมาเกาะติดคุณเผยไม่หยุด มันดูไม่ค่อยเหมาะสมหรือเปล่า”
จงเสี่ยวเวยจ้องไปยังหลินเยียน พูดขึ้นด้วยความคับแค้น “หลินเยียน เธอคิดว่าตัวเองเป็นใคร? ยุ่งเรื่องชาวบ้านเกินไปหรือเปล่า! เมื่อกี้เกาะติดคุณเผยไม่เลิกตั้งแต่ในห้องแล้ว ตอนนี้จบงานแล้วยังกล้าตามมาอีก! เธอคิดว่าตัวเองเป็นกาวดักหนูหรือไง”
ฉู่จยาเหยาเห็นสาวๆ ทั้งสามคนทะเลาะกันขึ้นมา รีบพูดขึ้น “เสี่ยวเวย เสว่หนิง พวกเธอใจเย็นก่อน…สะสางเรื่องก่อนค่อยว่ากัน”
จงเสี่ยวเวยโมโหจนกระทืบเท้า “คุณฉู่คะ เมื่อกี้หล่อนตั้งใจหาเรื่องฉันตั้งแต่อยู่ในห้องแล้ว ยึดที่ข้างๆ คุณเผยไว้ไม่ยอมลุกออก ตอนนี้ยังมาดักรอคุณเผยอีก คุณฟังที่หล่อนพูดเมื่อกี้สิ อะไรคือไม่ใช่ของของฉัน อย่ามาแตะมั่วซั่ว ตลกจริงๆ! ฉันจะแตะใคร ก็ไม่ใช่เรื่องของเธอ!”
ฉู่จยาเหยามองไปทางหลินเยียนแล้วพูดขึ้นด้วยความสงสัย “เข้าใจอะไรผิดกันหรือเปล่า”
หลินเยียนไม่ได้มีซัมติงกับเผยหนานซวี่เหรอ
มาเกี่ยวอะไรกับเผยอวี้เฉิงได้ไง
ฉู่จยาเหยาเพิ่งจะพูดจบ หลินเยียนพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง “ไม่ได้เข้าใจผิดอะไรทั้งนั้น”
ฉู่จยาเหยา “…”
เผยหนานซวี่ “…”
หลินเยียนเอ่ยปากพูดที ทำให้ทุกคนตะลึงอีกครั้ง
ส่วนคืนนี้เหมือนเผยอวี้เฉิงจะอารมณ์ดี ไม่ได้เอ่ยปากพูดอะไรเลย ไม่พูดถึงความสัมพันธ์ระหว่างตัวเองกับหลินเยียน ถือว่าให้ความร่วมมือดีมาก
ภายใต้แสงจันทร์ ผู้ชายสวมเสื้อโค้ตสีดำ กระดุมบนเสื้อเชิ้ตสีขาวติดยันเม็ดสุดท้าย แววตาหลังแว่นขอบทองนั้นสะท้อนทิวทัศน์ยามวิกาล แต่กลับดูลึกล้ำราวกับทะเลที่ไม่สิ้นสุด
หลินเยียนเพิ่งจะใจเย็นลงมาหน่อย แต่ในวินาทีที่ได้เห็นหน้าเย้ายวนของชายหนุ่ม ในหัวมีแต่ภาพที่จงเสี่ยวเวยอ่อยยั่วสุดตัว
จงเสี่ยวเวยไม่ทันได้สังเกตไฟที่ลุกโชนในแววตาหลินเยียน เธอยังเอ่ยปากพูดต่อ “คุณฉู่ คุณเผย ได้ยินแล้วใช่ไหมคะ! เธอเองก็ยอมรับแล้ว! เธอคิดไม่ดีกับคุณเผยจริงด้วย! ตัวตลกที่เรียนมัธยมปลายไม่จบ กล้าคิดเกินเลยกับคุณเผย! เอาความมั่นใจมาจากไหนเนี่ย!”
จงเสว่หนิงพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง “คุณหลิน ยังไม่พูดถึงเรื่องที่เธอไม่มีสิทธิ์มายุ่งเรื่องเสี่ยวเวย จะว่าไปแล้ว เธอไม่มีความเกี่ยวข้องอะไรกับคุณเผยด้วยซ้ำ เธอจะเปรียบเขาเป็นสิ่งของก็ว่าไปอย่าง แต่เธอมีสิทธิ์อะไรมาห้ามคนอื่นเข้าใกล้เขากันล่ะ”
จงเสี่ยวเวยทำเสียง ‘หึ’ แล้วพูดขึ้น “นั่นน่ะสิ! เธอเป็นอะไรกับคุณเผย ถึงได้มายุ่งวุ่นวายขนาดนี้! คุณเผยยังไม่ได้พูดอะไรเลย! เธอเป็นใครมาจากไหน เกาะกระแสจนเสพติดแล้วสินะ! เธอคิดว่าคนอย่างคุณเผย ผู้หญิงอย่างเธอจะแตะต้องได้เหรอ!”
“อ้อ…แตะไม่ได้เหรอ…”
ฟังคำประชดประชันของจงเสี่ยวเวยแล้ว หลินเยียนพยักหน้าแล้วค่อยๆ เดินไปตรงหน้าเผยอวี้เฉิง วินาทีต่อมา เธอเอื้อมมือเกี่ยวคอผู้ชายแล้วจูบเข้าที่ริมฝีมือปากอย่างไม่รีรอ
“ฉันแตะไปแล้ว ทำไมเหรอ”