ลูกเขยมังกร Royal Dragon Husband - บทที่ 21สำนักชายแดนเหมียว
บทที่ 211สำนักชายแดนเหมียว
“วิ่ง!”
ทันใดนั้น ผู้เฒ่าผอมตัดสินใจทันที ว่าเขาต้องวิ่งออกไป
ถึงแม้ว่าระยะห่างระหว่างเมืองชางโจวกับเมืองหนานหนิงนั้น คนที่สามารถข่มขู่เขาได้มีไม่กี่คน แต่เขาก็ไม่อยากที่จะลอง
ถ้าเกิดแพ้ขึ้นมาล่ะ งั้นก็หมายความว่าจบสิ้นชีวิตน้อยๆ นี้ไปแล้ว
ผู้เฒ่าผอมเพิ่งก้าวเท้าหน้าออกไป เฉินเฟิงก็มาถึงในทันที
แล้วเห็นเด็กสาวหน้าซีดที่นอนแผ่หลาอยู่บนพื้น เฉินเฟิงย่นคิ้วหากันทันที พลันความคิดเย็นชาโผล่ขึ้นมาทันที
ที่แท้ก็ฝึกวิชาด้านมืด!
หาเรื่องใส่ตัวจริงๆ!
เฉินเฟิงโมโหเดือดพล่าน แต่ว่าเขายังคงต้องตามแกะร่องรอยผู้เฒ่าผอมมาให้ได้
สำหรับผู้เฒ่าผอมแล้วตอนไหนเขาก็มีโอกาสที่จะจัดการได้เสมอ แต่ว่าสิ่งที่เห็นอยู่ในตอนนี้ จูเจียเหยียนกับเด็กสาวอีกสามคน ถ้าเขาไม่ช่วยชีวิตเอาไว้ เกรงว่าคงไม่พ้นกับคำว่าตายแน่ๆ
เฉินเฟิงย่อตัวลง เพื่อสังเกตอาการของเด็กสาวทั้งสี่คน เลยพบว่าลมปราณของเด็กสาวทั้งสี่คนนั้นมันปั่นป่วนไปหมด
เฉินเฟิงย่นคิ้ว ลมปราณที่ปั่นป่วนนี้ เห็นได้ชัดว่าเป็นผลมาจากการถูกดูดพลังที่มากเกินไป
เป็นวิธีการของดูดพลังของฝ่ายมืด….
เขตชายแดนเหมียว
มันต้องเกี่ยวข้องกับเขตชายแดนเหมียวแน่ๆ!
แววตาของเฉินเฟิงทอประกายแวววาวออกมา เขากับเซียวกั่วจงเคยผ่านยุคสมัยหวาเซี่ยมาด้วยกัน เคยอยู่ร่วมทีมเดียวกับเขตชายแดนเหมียวที่เป็นผู้นำมาก่อน พร้อมทั้งยังเคยเจอเด็กสาวไม่น้อยที่ถูกดูดพลังจนเสียชีวิต
หลังจากตรวจสอบแล้ว เด็กสาวที่ถูกดูดวิญญาณพวกนั้น คือตายด้วยกลุ่มคนเดียวกัน
ตอนนั้นคนเหล่านี้ฝึกวิชาวิทยายุทธคัมภีร์ยู่นูต่างวิ่งพล่านไปทั่วทุกหนแห่งของตามตะเข็บชายแดนเหมียวแต่ว่านิยมชมชอบในการใช้วิชาเดินลมปราณกับเด็กสาว ต่างตกเป็นเหยื่อของพวกเธอทั้งสิ้น
ในตอนนั้นเด็กสาวที่ตายไปกับวิทยายุทธมืดอย่างคัมภีร์ยู่นูเช่นนี้ ก็มีไม่น้อยกว่าร้อยคน!
หลังจากที่เซียวกั่วจงรู้แล้ว ก็เกิดอาการเดือดพล่านทันที ก็พาเฉินเฟิงออกมา คืนนี้ก็เดินทางมาตั้งสามร้อยลี้ เพื่อมาหาสำนักงานใหญ่ของสำนักยู่นู พร้อมทั้งฆ่าคนที่มีตำแหน่งสูงของสำนักยู่นูไปตั้งสิบกว่าคน พร้อมทั้งจัดการลูกน้องจนไม่เหลือซาก
ในช่วงกำลังหั้วจิ้งขั้นกลางนั้นท่านปรมาจารย์สำนักยู่นู ถูกเซียวกั่วจงตัดแขนขาออก จากนั้นก็โยนลงไปในหุบเขาอสรพิษ ทุกข์ทรมานอย่างเจ็บปวดสามวันสามคืนถึงจบชีวิตลง
ตามแนวตะเข็บชายแดนเหมียวที่ได้ยินข่าวต่างตกใจจนขวัญผวา!
เฉินเฟิงคิดว่า สำนักยู่นูปีนั้นถูกเซียวกั่วจงจัดการไปสิ้นซากแล้ว
ถึงแม้ว่าจะมีคนรอดชีวิตออกไปได้สองสามคน ก็ไม่กล้าที่จะปรากฏกายขึ้นมาอีกครั้ง
แต่คาดไม่ถึงว่า วันนี้พลันพบกับคนของสำนักยู่นูที่นี่อีกครั้ง อีกอย่างการที่ได้เห็นคนคนนั้นดูดจิตวิญญาณอย่างรวดเร็ว เห็นได้ชัดว่าเป็นผู้มีวรยุทธแก่กล้าในสำนักยู่นู
อย่างน้อยวรยุทธก็อยู่ในอ้านจิ้งขั้นกลาง
การมีวรยุทธ์อยู่ในอ้านจิ้งขั้นกลางสำหรับเฉินเฟิงในตอนนี้นั้น ไม่มีอะไรหรอก
ในโลกของศิลปะการต่อสู้ของเมืองชางโจวทั้งเมืองนี้ อ้านจิ้งขั้นกลางแต่มันกลับกลายเป็นเหมือนการมีอยู่ที่หายนะ
ตั้งแต่เวลาเมื่อยี่สิบก่อน หลังจากที่ เย่ตงเสี้ยวใช้เลือดล้างโลกบูโด โลกการบูโดในเมืองชางโจว จอมยุทธ์ก็มีเพียงไม่กี่คนที่สามารถกลับมาได้
เฉินเฟิงก็เป็นหนึ่งในนั้น ที่อยู่ในโลกของบูโดของเมืองชางโจว ตอนนี้ก็กลายเป็นจอมยุทธ์ที่เก่งกล้ามากที่สุด อ้านจิ้งขั้นกลางที่สามารถมีชีวิตรอด วรยุทธ์เท่าเทียมกับจอมยุทธ์ดำมืดคนนี้ด้วย
เฉินเฟิงส่ายหน้าไปมา เพื่อสงบสติความคิดที่พันกันยุ่งเหยิงในสมองให้ออกไป
ภารกิจของเขาเร่งรีบ แถมยังต้องช่วยเหลือเด็กสาวที่ถูกดูดจิตวิญญาณไปทั้งสี่คนที่อยู่ตรงหน้านี้อย่างเร่งรีบด้วย
หลังจากสูดลมหายใจเข้าแล้ว เฉินเฟิงก็เริ่มเดินลมปราณภายในทันที
หลังจากเดินลมปราณแล้ว ลมปราณที่อยู่ในร่างกายของเขา กลายเป็นลมปราณที่บริสุทธิ์ จึงสามารถใช้แทนลมปราณในร่างกายของมนุษย์ได้
เด็กสาวสี่คนนี้ถูกดูดลมปราณจากคนของสำนักยู่นูไปไม่น้อย เรียกได้ว่าเกินครึ่งของชีวิตของพวกเธอเลยด้วยซ้ำ
สำหรับเฉินเฟิงแล้ว ลมปราณแค่นี้ แค่เข้าใช้พลังเดินลมปราณไม่ถึงหนึ่งในร้อยด้วยซ้ำ
นี่แหละที่เป็นการจอมยุทธ์หั้วจิ้งที่น่ากลัว
พอถึงจุดต่อสำคัญ อย่าว่าเรื่องอื่น ไม่ว่าจะเป็นลมปราณที่อยู่ภายในร่างกาย จอมยุทธ์หั้วจิ้งถือว่าเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับการมีชีวิตอยู่มาก
ถ้าไม่เกิดเรื่องอื่นขึ้นมา คนที่มีจอมยุทธ์หั้วจิ้งอยู่ภายในนั้น และจอมยุทธ์หั้วจิ้งที่มีความสามารถควบคุมลมปราณเอาไว้ได้ สามารถมีอายุยืนยาวได้ถึง 150 ปี!
เหมือนอายุจะยืนยาวกว่าบุคคลธรรมดาไปอีกหนึ่งเท่าตัว!
หลายนาทีต่อมา สีหน้าของจูเจียเหยียนกับเด็กสาวทั้งสามคนนั้น เริ่มมีเลือดฝาดขึ้นมา
พอเห็นว่าทั้งสี่คนไม่มีปัญหาหนักหนาอะไรแล้ว เฉินเฟิงหยุดมือลงทันที
จูเจียเหยียนเมื่อลืมตาขึ้นเป็นครั้งแรก ก็เห็นเฉินเฟิง นัยน์ตางดงามของเธอ มีแต่ความประหลาดใจเต็มเปี่ยม “คุณเฉิน คุณมาที่นี่ได้ยังไง?”
“คุณโดนคนจับตัวมา” เฉินเฟิงถอนหายใจออก เขาก็ไม่อยากบอกความจริงจูเจียเหยียนกับตรงๆ เพราะว่าจูเจียเหยียนไม่สามารถรับมันไหว จอมยุทธ์ด้านมืดฝีมืออ้านจิ้งขั้นกลางสำหรับจูเจียเหยียนแล้ว เกรงว่ามันคงน่ากลัวกว่าตระกูลเติ้งเล็กน้อย
“ถูกจับตัวมาเหรอ!” จูเจียเหยียนตกใจ จากนั้นพลันมองสำรวจบริเวณโดยรอบ จนใบหน้าขาวซีดลงทันที
“คุณเฉิน นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น?”
“คุณจำได้ไหม ว่าคุณเองเป็นคนเดินขึ้นเขามาด้วยตัวเองหรือเปล่า?” เฉินเฟิงถามไถ่ สถานที่ที่เขาอยู่กับจูเจียเหยียนในเวลานี้ ในอยู่ห่างจากโรงแรมที่พักไปประมาณ 7-8 กิโลเมตร ระยะทางที่ไกลขนาดนี้ ถ้าจูเจียเหยียนเดินมาจริงๆ เธอน่าจะพอจดจำได้
“จำไม่ได้” จูเจียเหยียนได้แต่ส่ายหน้าไปมา เหมือนไม่รู้เรื่องราวอะไร
“เหมือนว่า มีพนักงานคนหนึ่งของโรงแรมเข้ามาในห้องของฉัน แล้วมาวางสิ่งของบางอย่างในห้องของฉัน จากนั้นฉันก็จำอะไรไม่ได้ พอตื่นขึ้น ฉันก็เห็นคุณเฉินนี่แหละ” จูเจียเหยียน ตอบคำถาม
“โอเค ผมเข้าใจแล้ว” เฉินเฟิงพยักหน้าให้ เห็นได้ชัดว่า คนในสำนักยู่นู มีหนอนบ่อนไส้อยู่ในโรงแรม
เฉินเฟิงคาดการณ์ไว้ว่า จูเจียเหยียนกับเด็กสาวอีกสามคนที่อยู่ตรงหน้านั้น คงไม่ใช่ผู้เสียหายกลุ่มแรก
นอกจากพวกเธอแล้ว ก่อนหน้านี้อาจจะมีคนเคยเจอกับพวกคนร้ายมาแล้ว แต่ว่า ไม่มีคนแจ้งเท่านั้นเอง
หลายนาทีต่อมาก จูกว่างฉวนก็พาคนขึ้นเขาอย่างรีบร้อน พอเห็นว่าจูเจียเหยียนไม่เป็นไร ถึงกลับถอนหายใจโล่งอกไปที
“น้องชายเฉินเฟิง คุณหาจูเจียเหยียนเจอได้ยังไง?” จูกว่างฉวนถามขึ้นมาอย่างอดไม่ เขาใช้คนมากมาย แม้แต่เงาของจูเจียเหยียนก็ยังไม่เห็น แต่พอเฉินเฟิงลงมือหา แต่กลับหาเจออย่างง่ายได้ แถมยังอยู่บนเขาที่มีระยะทางมากกว่า7-8 กิโลเมตร ช่างอัศจรรย์จริงๆ
“ผมก็ไม่รู้ว่าหาเจอได้ยังไง อาศัย…แค่อาศัยความรู้สึกเท่านั้นเอง” เฉินเฟิงหัวเราะให้ เขาไม่สามารถบอกจูกว่างฉวนได้ตรงๆ เขาอาศัยจิตวิญญาณในการจอมยุทธ์หั้วจิ้งในการหาเจอ ขืนพูดไปแบบนั้นคงทำให้จูกว่างฉวนตกใจจนสติแตกไป
“ฮ่าๆ น้องชายเฉินเฟิงนี่ คุณนี่มันเยี่ยมยอดจริงๆ” จูกว่างฉวนหัวเราะร่า แล้วถามขึ้น “ใช่สิ น้องชายเฉินเฟิง คนร้ายที่จับตัวเจียเหยียนกับเด็กสาวสามคนนี้มาด้วยล่ะ?”
“ผมก็ไม่เห็น” เฉินเฟิงส่ายหน้าไปมา แล้วบอกว่า “ตอนที่ผมขึ้นเขา ก็เห็นเจียเหยียนกับพวกเธอนอนอยู่ที่นี่แล้ว”
“ไอ้พวกเปรตพวกนี้ อย่าให้คนอย่ากูเจอตัวนะ” จูกว่างฉวนอดไม่ได้จนต้องสบถด่าออกมา
“น้องชายเฉินเฟิง คำพูดขอบคุณของฉันคงไม่ต้องพูดต่อแล้ว บุญคุณใหญ่หลวงครั้งนี้ไม่ได้มีแค่คำขอบคุณ จากนี้ไปฉันติดหนี้ชีวิตคุณไว้ครั้งหนึ่ง น้องชายเฉินเฟิงอยากได้อะไร ก็บอกฉันมา ฉันก็จะใช้วิธีหามา เพื่อทำให้คุณได้สมดังหวัง” จูกว่างฉวนพูดอย่างจริงจัง คำพูดที่พูดออกมาจากปากเขานั้นมันออกมาจากก้นบึ้งหัวใจ ไม่มีคำโกหกมดเท็จเลยสักนิด หลังจากที่เจอกับเฉินเฟิงมาหลายครั้งแล้ว เฉินเฟิงก็ช่วยเขามาไม่น้อย นี่ยังไม่นับที่ช่วยชีวิตจูเจียเหยียนเอาไว้ บุญคุณนี้ เขาทำได้แค่เอาชีวิตเข้าไปใช้คืนเท่านั้นเอง
“นี่ก็พูดเกินไป ไอ้จูพี่น้องกันเอง พูดชีวิตอะไรก็ไม่รู้” เฉินเฟิงยิ้มให้ตอนพูด ตั้งแต่ที่จูกว่างฉวนยืนหยัดต่อสู้กับเติ้งซื่อชีกับเขาในวินาทีนั้น เขาก็เหมารวมว่าจูกว่างฉวนเป็นญาติสนิทไปแล้ว ไม่ว่าจูกว่างฉวนจะพบเจอปัญหาอะไรก็ตาม เขาก็จะยื่นมือเข้าไปช่วย