ลูกเขยมังกร Royal Dragon Husband - บทที่190 เสี้ยเมิ่งเหยาสวยขนาดนั้นเลย
บทที่190 เสี้ยเมิ่งเหยาสวยขนาดนั้นเลย
ทันทีที่ได้ยินคำว่ายายแก่ที่บ้านคำนี้แล้ว สีหน้าของหวังฉีซานก็ได้เปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด เขายังกลัวคนของตระกูลหลี่อยู่ แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าของคังไห่โปอย่างนี้ หวังฉีซานก็ไม่อาจยอมแพ้ได้ แน่นอนว่าปากก็ต้องพูดออกไปด้วยความเด็ดเดี่ยวขึ้นอีกหน่อยว่า “ยายแก่คนนั้น ถ้าหากว่ากล้ามีปัญหา ฉันก็จะจัดการให้หล่อนหยุดเอง”
“ฮ่าๆ จัดการให้หล่อนหยุด? หล่อนไม่จัดการนายก็นับว่าดีแล้ว นายยังจะจัดการไปหล่อน” คังไห่โป หัวเราะเยาะเสียงดังออกมา หวังฉีซานนี่ไว้ใจไม่ได้ ปากแข็งเสียจริง คนตระกูลหลี่ เป็นคนที่แกนึกอยากจะจัดการก็จัดการได้งั้นหรอ?
“คังไห่โป คุณอย่ามาแส่หาเรื่องใส่ตัวหน่อยเลย!” หวังฉีซานพาลโกรธเป็นฟืนเป็นไฟขึ้นมา ภายในห้องยังมีหญิงสาวอยู่ตั้งมากมาย คังไห่โปทำให้เขาต้องตกอยู่ในสถานการณ์ที่น่าอับอายขึ้นมา ความจริงมันก็ค่อนข้างจะเกินไปหน่อย
“แส่หาเรื่องใส่ตัว? หวังฉีซาน ถ้าไม่ใช่เพราะนายแส่หาเรื่องขึ้นมาก่อน บิดาจะแส่หาเรื่องขึ้นมาหรอ?” คังไห่โปเองก็โมโหขึ้นมาบ้างแล้วเช่นเดียวกัน คนก็เป็นเขาที่หมายตาเอาไว้ก่อน แต่ผลสุดท้ายแกหวังฉีซานคิดจะสอดมือเข้ามายุ่ง นี่มันเรื่องอะไรกัน?
หวังฉีซานยังคิดจะแก้ตัวออกไปอีกหน่อย แต่ในตอนนั้นเองเย่หมิงเหวินย่นคิ้วพร้อมเอ่ยออกมาว่า “เจ้าตัวเขายังไม่มาเลย จะเถียงอะไรกันนักหนา?”
ทันทีที่เย่หมิงเหวินพูดออกไป ทั้งสองคนหยุดเถียงกันออกมาทันที หน้าตาของเย่หมิงเหวิน พวกเขายังต้องไว้หน้าเขาอยู่บ้าง ถึงอย่างไรตระกูลที่อยู่เบื้องหลังพวกเขายังอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าตระกูลเย่นัก
“เสี้ยเมิ่งเหยาคนนั้น สวยขนาดนั้นเลย?” เย่หมิงเหวินเกิดความสงสัยขึ้นมา เมื่อก่อนเขาก็เคยได้ยินชื่อของเสี้ยเมิ่งเหยามาบ้าง หญิงงามอันดับหนึ่งแห่งเมืองชางโจว แต่ก็ไม่มีโอกาสเจอเลยสักครั้ง เพราะว่าเขาคิดว่าเรื่องนี้มีความเป็นไปได้สูงที่จะเป็นการสร้างกระแสขึ้นมา ถ้าเสี้ยเมิ่งเหยาสวยขนาดนั้นจริง ก็คงได้แต่งเข้าตระกูลเศรษฐีไปนานแล้ว แทนที่จะมาแต่งกับไอ้เศษสวะไร้ค่าผู้นั้น
แต่วันนี้ตัวเสี้ยเมิ่งเหยายังไม่ทันจะมา คังไห่โปและหวังฉีซานได้แย่งเสี้ยเมิ่งเหยากันจนหน้าดำหน้าแดง ทั้งสองคนก็นับว่าเป็นผู้ที่ผ่านโลกมาเยอะทั้งนั้น ขนาดดาราเบอร์เล็กๆพวกเขาก็ยังเล่นมาแล้วทั้งนั้น น้อยครั้งมากที่เย่หมิงเหวินจะเห็นทั้งสองคนกลายเป็นอย่างนี้เพียงเพราะผู้หญิงเพียงคนเดียว ทำเอาเย่หมิงเหวินอดไม่ได้ที่จะไม่อยากรู้อยากเห็นขึ้นมา
“ผู้จัดการเย่ เสี้ยเมิ่งเหยา เธอสวยมากจริงๆครับ” หลังจากที่ลังเลอยู่สักพัก หวังฉีซานก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยออกไป ความสวยของเสี้ยเมิ่งเหยาแผ่กระจายออกมาจากภายในสู่ภายนอก ความงามที่พระเจ้าสรรค์สร้าง บางทีเมื่อได้มองออกไปในครั้งแรก อาจจะไม่ได้น่าตกตะลึงเท่าไหร่นัก แต่เมื่อยิ่งมองแล้วนั้น กลับยิ่งชอบขึ้นมา และจะยิ่งตกตะลึงไปกับความงามดั่งเทพเซียนนั้น ถึงขนาดที่ในท้ายที่สุดจะเกิดอาการเหมือนหลอนไปเองบางอย่างขึ้นมา ที่ว่าผู้หญิงคนนี้ควรจะต้องอยู่บนท้องฟ้าเท่านั้น จะมาได้ยินอยู่บนโลกอย่างนี้ได้ยังไงจำพวกนั้นขึ้นมา
“ในเมื่อหล่อนก็สวยเสียขนาดนั้นแล้ว ทำไมถึงตอนนี้หล่อนยังเป็นสาวน้อยที่ไร้ประสบการณ์อยู่อีกล่ะ” เย่หมิงเหวินอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามออกไป เสี้ยเมิ่งเหยาและเฉินเฟิงแต่งงานมาสามปีแล้ว แต่เธอก็ยังเป็นหญิงพรหมจรรย์อยู่ ซึ่งเรื่องนี้มันไม่ใช่ความลับอะไรในสังคมภายนอกมาตั้งนานแล้ว และยังเป็นเรื่องที่น่าขันที่สุดของเฉินเฟิงเช่นเดียวกัน มีหลายคนสงสัยกันว่าตรงส่วนนั้นของเฉินเฟิงน่าจะมีปัญหา
“เพราะว่าสามีของเธอเป็นแค่เศษสวะยังไงล่ะครับ” คังไห่โปเบ้ปากออกมาเล็กน้อย นอกจากเฉินเฟิงจะเป็นเศษสวะไร้ค่าแล้วนั้น เขาก็นึกถึงสาเหตุอื่นที่สามารถนำมาอธิบายเรื่องนี้ไม่ออกเลย
“อืม” หวังฉีซานยากที่จะคล้อยตามคังไห่โปไปอีกครั้ง เวอร์ชันที่เขาได้ยินมานั้น ก็คือเสี้ยเมิ่งเหยานั้นรังเกียจเฉินเฟิง ก็เลยไม่ยอมมีอะไรเกินเลยกับเฉินเฟิงมาโดยตลอด
เย่หมิงเหวินพยักหน้าออกมาเล็กน้อย กำลังนึกอยากจะพูดบางอย่างออกไป แต่ทันใดนั้นเอง ประตูห้องแห่งนั้นก็ได้ถูกผลักเข้ามา
เสี้ยเมิ่งเหยาในชุดสูทสีดำเดินเข้ามา ด้านหลังของเธอยังตามมาด้วยอาเหา
นาทีที่เสี้ยเมิ่งเหยาเดินเข้ามานั้น ทั้งห้องแห่งนั้นเงียบสนิทไปโดยทันที
เย่หมิงเหวินและคังไห่โปต่างก็เคยเจอเสี้ยเมิ่งเหยากันมาบ้างแล้ว ดวงตาทั้งสองคนไม่กะพริบออกมาเลยสักครั้ง แววตาเต็มไปด้วยความปรารถนาเผยออกมา
คังไห่โปยิ่งรู้สึกว่าส่วนล่างของเขานั้นได้ร้อนขึ้นมาอย่างควบคุมเอาไว้ไม่อยู่
เอวคอดนี้ สะโพกผายนี้ ขาสวยเรียวยาวนี้…
สาวสวยงามล้นเย้ายวนใจ!
สาวสวยที่น่า**
ถ้าสามารถควบร่างสาวสวยอย่างนี้อยู่ใต้ร่างแล้วสอดใส่เข้าไปอย่างบ้าคลั่งได้ล่ะก็ จะให้เขามีชีวิตอยู่น้อยลงสิบปีเขาก็ยินดี!
เย่หมิงเหวินเองก็กระหายปากแห้งคอแห้งขึ้นมาเช่นเดียวกัน ในตอนนี้เขาไม่มีเวลาคิดถึงเรื่องที่ว่าทำไมคนที่มานั้นไม่ใช่เฉินเฟิง แต่เป็นเสี้ยเมิ่งเหยาไปได้
เขามีเพียงแค่ความคิดเดียว นั่นก็คือไม่ว่าอย่างไร ไม่ว่าจะต้องใช้วิธีไหนก็ตาม เขาจะต้องได้ครอบครองเสี้ยเมิ่งเหยามาให้ได้!
สาวสวยน่าหลงใหลอย่างนี้ไปแต่งให้กับไอ้เศษสวะอย่างเฉินเฟิงผู้นั้น มันช่างเสียของโดยเปล่าประโยชน์เสียจริง!
“คุณเสี้ย สวัสดีครับ ผมเย่หมิงเหวินครับ” เย่หมิงเหวินลุกขึ้นมาก่อนใครเพื่อน พร้อมทั้งยื่นมือออกไป
จากนั้นหวังฉีซานและคังไห่โปก็ได้รีบลุกขึ้นตาม พร้อมทั้งยื่นมือออกไปด้วยรอยยิ้มกรุ้มกริ่ม
คิ้วโก่งสวยของเสี้ยเมิ่งเหยาขมวดเข้าหากันเล็กน้อย เธอไม่ชอบสายตาหื่นกามของทั้งสามคนนี้อย่างมาก แต่เธอรู้ดี ในเมื่อเลือกที่มาเผชิญหน้าคนเดียวแล้ว ในภายภาคหน้าสถานการณ์จำพวกนี้จะต้องมีมาไม่น้อยแน่ ไม่ช้าก็เร็วเธอก็จะต้องเผชิญหน้ากับสถานการณ์อย่างนี้
ดังนั้นเสี้ยเมิ่งเหยาจึงจำต้องยื่นมือออกไปจับมือกับสามคนอย่างไม่เต็มใจทีละคนแล้วรีบปล่อยไปอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็นั่งลง
“ผู้จัดการเย่ ผู้จัดการหวัง ผู้จัดการคัง ที่ฉันมาในครั้งนี้…” เสี้ยเมิ่งเหยาเอ่ยพูดออกไปอย่างไม่อ้อมค้อม คิดอยากจะบอกจุดประสงค์ไปตามตรง แต่ไหนเลยจะรู้ว่าในตอนที่เธอไม่ทันจะพูดออกมาจนจบ ก็ได้ถูกเย่หมิงเหวินเอ่ยขัดออกมาอย่างยิ้มๆว่า “คุณเสี้ย เรื่องงานพวกเราอย่าเพิ่งพูดกันก่อนเลย พวกเรามาดื่มไวน์กันก่อน ดื่มกันจนอารมณ์ดีแล้ว พวกเราค่อยมาคุยเรื่องงานกันอีกที”
ในระหว่างที่พูดออกไปเย่หมิงเหวินก็ได้รินไวน์แดงใส่แก้วเรียบร้อยแล้วทั้งยังดันไปยังด้านหน้าของเสี้ยเมิ่งเหยา
“ผู้จัดการเย่ ฉันดื่มไม่ได้ค่ะ” เสี้ยเมิ่งเหยาขมวดคิ้วเครียดพร้อมเอ่ยออกไป
“ดื่มไม่ได้?” เย่หมิงเหวินหัวเราะเฮฮาดังออกมา จากนั้นก็เอ่ยออกไปว่า “คุณเสี้ย กำลังล้อผมเล่นใช่มั้ยครับเนี่ย? สมัยนี้ยังมีคนดื่มไม่ได้อีกหรอ?”
“ใช่ คุณเสี้ย อยากมาคุยเรื่องโครงการนั้นกับพวกเรา จะไม่แสดงความจริงใจออกมาสักหน่อยเลยได้ยังไงกันครับ” คังไห่โปเอ่ยออกมาด้วยใบหน้ายิ้มกริ่ม คนที่แจ้งให้พวกเขามา เป็นเฉินเฟิง แต่พอมาถึงสถานที่จริง เฉินเฟิงกลับไม่มา แต่กลับให้ภรรยาของตัวเองมาแทนเสียอย่างนั้น
ความหมายโดยนัยของเรื่องนี้มันก็ชัดเจนแล้ว ในความคิดของพวกเขานั้นคิดว่าเฉินเฟิงจะต้องเลือกที่จะสละภรรยาของตัวเอง ให้ภรรยาของตนมาเจรจากับพวกเขาบนเตียงเป็นแน่
ดังนั้นแล้วการกระทำที่เสี้ยเมิ่งเหยาแสดงออกมานี้ จะต้องเป็นการกำลังแกล้งทำเป็นถือตัวอย่างไม่ต้องสงสัยอย่างแน่นอน
เสี้ยเมิ่งเหยารู้สึกลำบากใจขึ้นมาเล็กน้อย จากนั้นก็ยกไวน์แดงบนโต๊ะขึ้นมาดื่มจนหมดในอึกเดียว
เธอไม่อยากอยู่ภายใต้การปกป้องของเฉินเฟิงไปตลอดชีวิต และเธอก็อยากมีความสามารถที่จะยืนด้วยตัวคนเดียวได้ ถึงแม้ว่าเฉินเฟิงจะเคยพูดเอาไว้ว่าจะไม่ให้เธอต้องเสียใจแม้นเพียงครึ่งเดียวก็ตาม แต่การมีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ โดยที่ไม่ได้รับความรู้สึกเสียใจเลยได้ยังไง?
“ฮ่าๆ คุณเสี้ยนี่ได้อย่างใจจริงๆ!” เย่หมิงเหวินหัวเราะเฮฮาออกมา จากนั้นก็รินไวน์แล้วดันไปด้านหน้าของเสี้ยเมิ่งเหยาอีกแก้วนึง
มีอาเหาที่อยู่ข้างๆคอยจ้องนิ่งเข้ามา เขาไม่มีทางทำเรื่องกระจอกๆอย่างการวางยาลงไปหรอก แต่การมอมเสี้ยเมิ่งเหยาให้เมานั้นเป็นเรื่องที่สามารถทำได้แน่
รอจนเสี้ยเมิ่งเหยาเมา จากนั้นค่อยหาเหตุผลไล่อาเหาออกไป ต่อไปไม่ใช่ว่าเสี้ยเมิ่งเหยาก็จะสามารถจูงจมูกได้โดยง่ายอย่างนั้นหรอ?
“ผู้จัดการเย่ แก้วนี้ ฉันดื่มได้” เสี้ยเมิ่งเหยามองเย่หมิงเหวินไปด้วยสีหน้าเรียบตึง พร้อมทั้งเอ่ยออกไปอีกว่า “แต่เย่หมิงเหวินช่วยให้คำตอบที่ชัดเจนกับฉันด้วยนะคะ”
“คุณเสี้ยต้องการคำตอบอะไรล่ะ?” เย่หมิงเหวินยิ้มจางๆออกมา
“โครงการพวกนั้นที่เสี้ยห้าวขายให้กับคุณไป ฉันอยากได้คืนค่ะ” เสี้ยเมิ่งเหยาเอ่ยออกไปอย่างสงบนิ่ง
“เอากลับ? คุณเสี้ยนี่มันค่อนข้างจะทำให้ผมลำบากใจอยู่บ้าง โครงการพวกนั้น ผมล้วนแล้วแต่จะใช้เงินทองจำนวนมากซื้อมาจากเสี้ยห้าวทั้งนั้น สัญญาที่เป็นลายลักษณ์อักษรก็เซ็นกันไปแล้ว มาตอนนี้คุณเสี้ยจะมาขอกลับไปง่ายๆ เกรงว่า…มันคงไม่ง่ายขนาดนั้นหรอกมั้ง” เมื่อพูดถึงตรงนี้แล้ว เย่หมิงเหวินก็ได้หยุดไปสักพักนึง ไม่ได้พูดต่อออกมา แต่ความหมายที่เขาต้องการสื่อนั้นกับชัดเจนออกมาอย่างมาก
“ผู้จัดการเย่มีเงื่อนไขอะไร ก็พูดออกมาได้เลยค่ะ” เสี้ยเมิ่งเหยาสูดหายใจระงับอารมณ์ แล้วเอ่ยออกไป เธอรู้ดีแก่ใจอยู่แล้วว่าไม่มีทางที่จะอาศัยเพียงแค่คำพูดเพียงไม่กี่คำมาทำให้เย่หมิงเหวินมอบโครงการพวกนั้นกลับมาได้