ลูกเขยมังกร Royal Dragon Husband - บทที่222 พยัคฆ์ร้าย
บทที่222 พยัคฆ์ร้าย
เฉินเฟิงรู้ดี ว่าตัวเองอยู่ภายใต้สายตาของตระกูลเฉินมาตลอด มันยากที่จะหนีจากการควบคุมสอดส่องของตระกูลเฉิน เพราะอย่างนั้นเขาถึงได้หนีออกมาจากตระกูล
มีเพียงการหลีกหนีจากหูตาของตระกูลเฉินเท่านั้น เขาถึงจะมีโอกาสงัดข้อกับตระกูลเฉินได้
ดูเหมือนว่าตอนนี้ เฉินเฟิงจะทำสำเร็จแล้ว!
เขาหลอกตระกูลเฉินได้แล้ว!
แม้ป้าชิงจะไม่รู้ว่าเขาหลอกคนตระกูลเฉินไปเท่าไหร่แล้วกันแน่ แต่เท่าที่เธอรู้ ผู้อาวุโสของตระกูลเฉินที่ติดต่อกับเธอคนนั้น ถูกเฉินเฟิงหลอกไปแล้ว
ผู้อาวุโสของตระกูลเฉินคนนั้น จนถึงตอนนี้ก็ยังคิดว่า เฉินเฟิงยังหยุดอยู่ที่ระดับสูงของอ้านจิ้ง
ดังนั้นจึงไม่ได้เห็นเฉินเฟิงอยู่ในสายตา
ระดับสูงของอ้านจิ้ง หากอยู่ในยุทธภพ ก็อาจเป็นได้ถึงเจ้าผู้ครองในใต้หล้า แต่ในตระกูลเฉิน ระดับสูงของอ้านจิ้ง ก็เป็นแค่ลูกน้องมือดีสักคนเท่านั้น!
ดังนั้นตระกูลเฉินจึงไม่ได้เกรงกลัวอ้านจิ้ง
แต่ระดับต้นของหั้วจิ้ง! ก็ไม่ธรรมดาแล้ว!
ถึงจะเป็นตระกูลเฉิน ยอดฝีมือระดับหั้วจิ้ง ก็ยังมีไม่มาก แต่ละคนก็ล้วนมีพลังในระดับสูงทั้งนั้น
ถ้าหากตระกูลเฉินเอาแต่คิดว่า เฉินเฟิงยังเป็นระดับสูงอ้านจิ้ง สักวันหนึ่ง ตระกูลเฉินจะต้องเสียท่าให้กับเฉินเฟิงแน่!
หลังออกมาจากลานบ้านของตระกูลเย่ เดิมเฉินเฟิงคิดจะไปบอกลาน้องจูกว่างฉวน แต่เมื่อมองเวลา มันก็ดึกมากแล้ว เฉินเฟิงล้มเลิกความคิดที่จะบอกลา หลังจากให้แผนกต้อนรับเก็บเบอร์ของเขาไว้ให้จูกว่างฉวนแล้ว เฉินเฟิงก็ลงจากเขาไป
หลังเฉินเฟิงจากไป ลานของตระกูลเย่ก็ตกอยู่ในความเงียบ
ผ่านไปไม่นาน ป้าชิงจึงถอนหายใจเบาๆ ก่อนพูดออกมาเป็นคนแรก “คุณหนู หรือจะชอบคุณเฉินกันคะ?”
เย่ไห่ถังดื้อดึงไม่ยอมรับ แล้วถามกลับไป “ชอบแล้วมันยังไงล่ะ?”
ป้าชิงถอนหายใจ “คุณหนูควรจะเข้าใจนะคะ ว่าระหว่างคุณกับคุณเฉิน มันเป็นไปไม่ได้”
“ไม่ต้องพูดถึงที่คุณเฉินแต่งงานแล้ว คุณหนูจึงเข้าไปไม่ได้ ถึงเขาจะยังไม่แต่งงาน แต่จากความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนระหว่างเขากับตระกูลเฉิน คุณหนูกับเขาก็ไม่อาจที่จะเกิดอะไรขึ้นมาได้”
“ป้าชิง ป้าคิดมากไปแล้ว ฉันไม่ได้ชอบเขา ฉันก็แค่…..รู้สึกชื่นชมเขานิดหน่อยเท่านั้นเอง” น้ำเสียงของเย่ไห่ถังออกจะเย็นชาไปเล็กน้อย ก่อนนี้เธอเคยทะนงตนว่าผู้ชายทั้งหมดบนโลกนี้ ก็เหมือนๆ กันหมด แต่วันนี้เมื่อได้เห็นเฉินเฟิง เธอถึงได้เข้าใจ ว่าตัวเองประเมินคนต่ำไป
เฉินเฟิงก็อายุพอๆ กันกับเธอ แต่กลับเป็นถึงปรมาจารย์ศิลปะการต่อสู้ที่ถูกยกย่องเป็นเทพไร้พ่าย มีความสามารถที่จะปกครองอาณาเขตทั่วแดน
แต่คนที่รับการยกย่องว่าเป็นสตรีนางสวรรค์ ผู้เป็นดั่งหงส์มังกรกลางหมู่มนุษย์อย่างเธอ กลับไม่ผ่านแม้แต่ระดับเล็กๆ อย่างหมิงจิ้ง
สิ่งที่น่าขันกว่านั้นก็คือ ระดับสูงหมิงจิ้งอย่างเธอ กลับลำพองใจมาตลอด คิดว่าผู้มีพรสวรรค์บนโลกนี้ก็คงไม่เกินไปกว่านี้
วันนี้เมื่อได้พบเฉินเฟิง เธอถึงได้รู้ตัว ว่าตัวเองเป็นเพียงกบที่อยู่ในบ่อน้ำ
ยอดฝีมือระดับกลางอ้านจิ้งอย่างอู๋จิ่วโย ใช้แค่กลีบดอกไม้ก็ยังสู้ได้!
วางแผนในกระโจม เผชิญหน้ายักษ์ใหญ่อันดับหนึ่งในแผ่นดินก็ไม่หวั่น!
ไม่ว่าจะเป็นพละกำลังหรือจิตใจ เฉินเฟินก็ล้วนนำหน้าเธอไปเป็นร้อยเท่า
นอกจากนี้นิสัยของเฉินเฟิง ก็ยังทำให้เธอรู้สึกเทียบไม่ติดเลยแม้แต่น้อย
อยู่ในตระกูลเสี้ยสามปี ถูกคนมากมายมองเป็นลูกเขยที่ไร้ประโยชน์ ต้องทนกับสายตาถากถางและเยาะเย้ยดูถูก ถ้าหากเปลี่ยนเป็นเธอ คงจะทนไม่ไหวจัดการกับตระกูลเสี้ยไปนานแล้ว แต่ในสามปีมานี้ เขากลับไม่เคยแสดงความแข็งแกร่งของตัวเองออกมาเลยสักครั้ง
เพียงแค่ความอดกลั้นนี้ ก็พอที่จะกลายเป็นพยัคฆ์ร้ายแล้ว!
“ชื่นชมงั้นเหรอคะ….” ป้าชิงถอนหายใจ และไม่ได้พูดอะไรอีก ความจริงหากมองจากนิสัยที่เย่อหยิ่งของเย่ไห่ถัง ความชื่นชม จริงๆ แล้วก็เป็นความชอบอย่างหนึ่ง เพียงแต่ เป็นไปได้ว่าแม็แต่ตัวเธอเองก็ยังไม่พบ ความเปลี่ยนแปลงของความรู้สึกที่ละเอียดอ่อนนี้
เช้าวันต่อมา จูกว่างฉวนตื่นขึ้นมาเช้ามาก แล้วมายังห้องของเฉินเฟิง เมื่อเห็นว่าในห้องว่างเปล่า จูกว่างฉวนก็ชะงัก
“หมอนั่นไม่กลับมาทั้งคืนเลยเหรอ?”
“เขาคงไม่ได้พาราชินีเย่เข้านอนหรอกใช่มั้ย?” จูกว่างฉวนเอ่ยเสียงกระซิบ ในความคิดของเขา เฉินเฟิงไม่ได้กลับมาทั้งคืนแบบนี้ ดูท่าจะมีอยู่ทางเดียว ก็คือนอนอยู่กับเย่ไห่ถัง
จูกว่างฉวนเพิ่งจะพูดจบ ก็รู้สึกหนาวสั่นวาบที่หลัง ราวกับว่าถูกจ้องมองอยู๋อย่างนั้น
“พี่….”ในตอนนั้นเอง น้ำเสียงเจื้อยแจ้วของจูเจียเหยียนก็ดังขึ้น
“น้องสาวพี่ ทำไมเธอ….” จูกว่างฉวนหันตัวไปจูเจียเหยียนมาทำอะไรที่นี่ ใบหน้าสวยที่ปกคลุมด้วยหยาดน้ำใสปรากฏให้เห็นทำให้คำพูดของเขาถูกกลืนลงไปในลำคอ
“เย่… ราชินีเย่…” จูกว่างฉวนเริ่มลิ้นพันกัน เขาไม่นึกว่าจะไม่ได้มีเพียงจูเจียเหยียนที่มา แม้แต่เย่ไห่ถังก็มาด้วย เมื่อเห็นใบหน้าสวยแสนเย็นชานั่นแล้วก็รู้ได้ว่าคงได้ยินเสียงกระซิบเมื่อกี้นี้แล้ว
จูกว่างฉวนยิ้มเหยเก ขณะกำลังคิดว่าจะอธิบายกับเย่ไห่ถังยังไงดี เย่ไห่ถังกลับพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาขึ้นมาก่อน “เฉินเฟิงไปแล้ว ก่อนเขาไป เขาฝากเบอร์โทรศัพท์เอาไว้ ให้ตอนที่นายมีเรื่องอะไรก็ให้โทรหาเขา”
“พี่เฉินเฟิงไปแล้ว?!” จูกว่างฉวนอ้าปากกว้าง ในตอนนี้เขาไม่มีอารมณ์จะสนเรื่องของเย่ไห่ถังแล้ว เขาอยากรู้มากกว่าว่าทำไมเฉินเฟิงถึงไปอย่างกะทันหัน
“ไปเมื่อคืนนี้ เบอร์โทรศัพท์อยู่ที่เคาน์เตอร์” เย่ไห่ถังพูดเย็นชาหน่อยๆ หลังพูดจบ ก็หันตัวออกจากห้องไปโดยไม่หันกลับมามอง
พี่ชายน้องสาวจูกว่างฉวนมองหน้า ผ่านไปสักพัก จูกว่างฉวนจึงพูดออกมาอย่างสงสัย “พี่เฉินเฟิง ทำไมเขาถึงไปไม่ลากันเลย? กลัวจะทำให้พวกเราเดือดร้อนงั้นเหรอ?”
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน” จูเจียเหยียนส่ายหน้า แล้วถอนหายใจอีกรอบ “พี่ ฉันกำลังคิดว่า หลังจากกลับบ้านไปแล้ว จะบอกกับคุณลุงกับคุณอายังไง แล้วยังท่านปู่อีก เรื่องที่พี่ไปยั่วโมโหตระกูลซูนกับตระกูลเติ้งน่ะ”
เพียงได้ยินชื่อตระกูลซูนกับตระกูลเติ้ง จูกว่างฉวนก็เริ่มปวดหัวขึ้นมานิดๆ
“จะยังอธิบายยังไงได้อีก คงได้แต่สละตำแหน่งผู้สืบทอดของตระกูลจูแล้วล่ะ” จูกว่างฉวนพูดอย่างหดหู่ ตอนขึ้นเขามา เขาก็รีบมุ่งหาเพื่อนให้ได้สักสองสามคน เพื่อที่จะแก้ปัญหาเงินกู้ธนาคารของตระกูลจู สุดท้ายเขาก็หาเพื่อนได้ แต่เพื่อนคนนี้ ไม่เพียงแต่แก้ปัญหาของตระกูลจูไม่ได้ กลับกันยังทำให้ตระกูลจูตกอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้ายอีก
แต่จูกว่างฉวนก็ไม่เสียใจ ต่อให้เขาเลือกได้อีกครั้งหนึ่ง เขาก็ยังเลือกที่จะเป็นเพื่อนกับเฉินเฟิง ระหว่างเฉินเฟิงกับเติ้งซื่อชี เขาก็เลือกเฉินเฟิง
“กลัวว่า การสละตำแหน่งผู้สืบทอดตระกูลจู ก็คงแก้ปัญหานี้ไม่ได้หรอก” จูเจียเหยียนถอนหายใจ ถ้าหากจูกว่างฉวนไปยั่วโมโหแค่ตระกูลซูนอย่างเดียว ก็แล้วไป แต่ดันไปยั่วเติ้งซื่อชีเข้าซะอีก เติ้งซื่อชี สามตระกูลใหญ่แห่งหนานหนิง ตระกูลเติ้งมีทรัพย์สินในตระกูลกว่าห้าหมื่นล้าน ไม่ใช่ผู้ที่ตระกูลจูจะไปหาเรื่องด้วยได้อยู่แล้ว
หาเรื่องเติ้งซื่อชีแล้ว ผู้อาวุโสของตระกูลจูจะต้องโมโหแน่ ความโกรธของพวกเขา ลำพังจูกว่างฉวนแค่คนเดียวก็รับมือไม่ได้แน่
“พวกเขาจะฆ่าฉันได้ยังไง?” จูกว่างฉวนเบะปาก ทหารมาใช้ขุนพลต้านรับ น้ำมาใช้ดินต้าน เขาไม่เชื่อหรอกว่า ตระกูลจูจะทำอะไรเขาได้จริงๆ
จูเจียเหยียนพูดไม่ออก “พี่ พี่คิดว่าพวกเขาไม่กล้าฆ่าพี่จริงๆ เหรอ? ถ้าฆ่าพี่แล้ว แล้วได้รับการอภัยจากตระกูลเติ้ง พวกเขาต้องไม่ออมมือแน่”
“ไม่หรอกน่า น้องพี่ พวกท่านปู่จะไปโหดร้ายขนาดนั้นเลยเหรอ?” จูกว่างฉวนสะดุ้งตกใจ
“พี่ว่าไงล่ะ?” จูเจียเหยียนกลอกตา “พี่คิดว่าชีวิตพี่แค่คนเดียว จะสำคัญกว่าชีวิตคนทั้งตระกูลเลยเหรอ?”