ศิษย์หลานข้า ระวังอย่าหลงผิด - ตอนที่ 282 โชคดี
“แม่หญิงเป็นลูกศิษย์ชิงหยางหรือ?!” สีฝานกวาดตามองเธอขึ้นลง เมื่อเขาคิดว่ามีความเป็นไปได้เช่นนี้ ดวงตาของเขาก็ลุกเป็นประกายในทันที “เช่นนั้นแม่หญิงช่วยแนะนำข้าให้อาจารย์อวิ๋นได้หรือไม่”
“ข้าบอกแล้วว่านางไม่รับลูกศิษย์” อวิ๋นเจี่ยวขมวดคิ้วเล็กน้อย
“ไม่เป็นไรเพียงแค่ได้เจอนาง ข้ารับรองว่านางต้องเปลี่ยนความคิดเป็นแน่” เขาพูดด้วยสีหน้ามั่นใจ
“…” เจ้าเอาความมั่นใจมาจากไหนกัน
“แม่หญิงไม่รู้อะไร…” เขาหันไปมองรอบด้าน ก่อนจะกระซิบเสียงเบาอย่างลึกลับ “ถึงแม้ข้าจะไม่มีข้อดีอะไร แต่ข้าเป็นคนโชคดีอย่างมาก เพียงแค่อาจารย์พบข้า นางต้องรับข้าเป็นศิษย์แน่”
“…” นี่มันเกี่ยวอะไรกับโชคชะตาเหรอ
อวิ๋นเจี่ยวกำลังจะอธิบาย ด้านหน้าก็มีเสียงของชายแก่ดังขึ้น “เจ้าหนู ข้ากลับมาแล้ว”
ชายแก่ถือข้อสอบที่เขียนเสร็จแล้วเดินออกมาจากสวนด้านหลัง ก่อนจะเอ่ยปากถาม “ทำไมเจ้ามาอยู่หลังเขา จะไปเด็ดผักหรือ เรียกเสี่ยงหวงมาส่ง...เอ๊ะ?” เขาพูดไปได้เพียงครึ่งเดียว ก่อนจะเห็นสีฝานที่อยู่ด้านข้างอวิ๋นเจี่ยว เขาผงะไปเล็กน้อย “นี่ใคร”
อวิ๋นเจี่ยวกำลังจะอธิบาย ชายแก่กลับนึกบางอย่างขึ้นได้ เขากวาดตามองอีกฝ่ายขึ้นลงด้วยความตกตะลึง ก่อนจะดึงเธอเข้ามากระซิบ “ไม่ใช่เจ้าหนู ถึงแม้ห้าปีจะยาวนานไปหน่อย ข้าเองก็รู้สึกว่าอาจารย์ปู่เดรัจฉานไปบ้าง แต่เจ้าไม่ต้องลดมาตรฐานต่ำถึงเช่นนี้หรือไม่”
“ฮะ?”
“ไม่ต้องพูดถึงกำลัง เขานอกจากอายุน้อยแล้ว แม้แต่ใบหน้ายังเทียบอาจารย์ปู่ไม่ได้!” พูดจบยังส่งสายตาเป็นเชิงถามว่าเธอนอกใจหรือไม่?!
“…” อะไรกัน
อวิ๋นเจี่ยวมุมปากกระตุก “เขาขึ้นมาเพื่อฝึกฝนทางเต๋า” คิดอะไรอยู่
“ฝึกฝนทางเต๋า?” ชายแก่ผงะ ก่อนจะพูดขึ้น “ฝึกฝนทางเต๋าเหตุใดไม่ไปสำนักเทียนซือ เดี๋ยว…เจ้าบอกว่าขึ้นมา?!” เขาเพิ่งเข้าใจความนัยในคำพูดของเธอ
เข้าใจเสียที? อวิ๋นเจี่ยวอยากจะกรอกตาใส่เขา แต่ไร้ผลเธอจึงถามเสียงทุ้ม “เมื่อวานตอนที่ท่านตรวจดูค่ายกล ท่านลืมเปิดมันใช่หรือไม่”
“ค่ายกล…” ชายแก่ก้มหน้าครุ่นคิด ก่อนที่สีหน้าจะเปลี่ยนไป ราวกับว่า…ลืมจริงๆ
“กลับไปคัดรูปค่ายกลสิบรอบ!”
“ไม่เอานะ เจ้าหนู…” ชายแก่มือสั่นขึ้นมาในทันที เขาเพิ่งลอกเสร็จ…ไม่ ถกเถียงการบ้านของวันนี้เสร็จ!
ชายแก่กำลังจะร้องขอความเมตตา เฟิงเสี่ยวหวงก็ลอยลงมาพร้อมเม็ดเกาลัดเต็มตะกร้า “ท่านเทพ เกาลัดมาแล้ว”
“ขอบใจ” อวิ๋นเจี่ยวรับตะกร้าในอุ้งเท้าของมันมา ก่อนจะพูดกับชายแก่ “ค่ายกลข้าเปิดใหม่แล้ว รูปค่ายกลส่งให้ข้าพรุ่งนี้เช้า คนส่งต่อให้ท่านดูแล” พูดจบเธอก็แบกตะกร้าเกาลัดเดินกลับไป
“เจ้าหนู…” ชายแก่อยากร้องไห้ ร่างทั้งร่างห่อเหี่ยวลง ก่อนจะมองไปยังสีฝานที่อยู่ด้านข้าง “เจ้า…เจ้าน่ะ มาฝึกฝนทางเต๋าใช่หรือไม่ ข้าส่งเจ้าไปสำนักเทียนซือ”
“ไม่ๆ” สีฝานรีบส่ายหัวอย่างแรง “ท่านนักพรตเข้าใจผิดแล้ว ข้ามาฝากตัวเป็นศิษย์ในสำนักชิงหยาง ท่านเป็นลูกศิษย์ของสำนักชิงหยางใช่หรือไม่ ท่านแนะนำให้ข้าเข้าพบอาจารย์อวิ๋นได้หรือไม่ ข้าขอพบหน้านางครั้งเดียวก็พอ”
“อาจารย์อวิ๋น?” ชายแก่ผงะ ก่อนจะพูดออกมา “เมื่อกี้เจ้าพบแล้วไม่ใช่หรือ”
“อ๋า?”
“เจ้าหนูไง!” เขาชี้ไปยังอวิ๋นเจี่ยวที่กำลังเข้าอาราม
“อะไรนะ!” สีฝานเบิกตาโพลง สีหน้าเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ แม่หญิงคนนั้นคือ…อาจารย์อวิ๋นแห่งเสวียนเหมิน เขาตั้งสติได้จึงรีบสาวเท้าวิ่งตามขึ้นไป “อาจารย์อวิ๋น ช้าก่อน…”
เขาสาวเท้าเดินเร็วขึ้น ก่อนจะรั้งไว้ด้านหน้าของอวิ๋นเจี่ยวที่กำลังจะเข้าอาราม เขาคุกเข่าลงทันที
“สีฝานตาไม่ดี ไม่รู้ว่าท่านคืออาจารย์ หวังอาจารย์ยกโทษให้ อาจารย์ได้โปรดรับข้าเป็นศิษย์ด้วยเถอะ!”
อวิ๋นเจี่ยวขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาช่างดื้อรั้นเสียจริง “ข้าบอกแล้วว่าข้าไม่รับศิษย์!”
“อาจารย์แค่เพียงรับข้าเป็นศิษย์ ข้าจะฝึกฝนอย่างตั้งใจไม่ทำให้ท่านต้องเสียชื่อเสียงอย่างแน่นอน”
อวิ๋นเจี่ยวถอนหายใจ “เจ้าตั้งใจแค่ไหนก็ไม่มีประโยชน์ ข้าไม่รับลูกศิษย์จริงๆ
“รู้สึกว่าวันที่ไม่ต้องเลี้ยงอาจารย์ปู่ แม้แต่กำลังการหาเงินก็หมดไปแล้ว!
“อาจารย์…”
“ข้าว่าพ่อหนุ่ม…” ชายแก่ทนดูต่อไปไม่ได้ เขาเดินขึ้นหน้าพูดโน้มน้าว “เจ้าหนูยุ่งมาก นอกจากออกข้อสอบ แม้แต่เวลาการถ่ายทอดวิชายังไม่มี นางจะรับลูกศิษย์ได้อย่างไร อีกอย่าง ลูกศิษย์เสวียนเหมินมีจำจวนมากเช่นนี้ เพียงแค่เจ้าหนูยอม อย่าว่าแต่เจ้า ข้าว่าเจ้าสำนักคงจะแย่งชิงมาฝากตัวเป็นศิษย์ไม่ว่าลูกศิษย์แบบไหนนางก็สามารถหาได้ ถึงแม้ลูกศิษย์ก่อนหน้านี้ต่างมีจุดเด่นของตนเอง บ้างเชี่ยวชาญค่ายกล บ้างเชี่ยวชาญการหลอมอาวุธ บ้างเชี่ยวชาญการทำนาย อีกทั้งยังมีบางคนที่มีฝีมือการรักษาที่ล้ำเลิศ เจ้ามีจุดเด่นอะไร”
“ข้า…ข้า…” สีฝานร้อนรน สักพักเขาเค้นออกมาหนึ่งประโยค “ข้าโชคดีมาก!”
อวิ๋นเจี่ยว: “…”
ชายแก่: “…”
นี่มันจุดเด่นอะไรกัน ขาข้าก็ยังดีมากเหมือนกัน!
“จริงๆ นะอาจารย์ ข้าเหมาะกับการฝึกฝนทางเต๋ามาก” สีฝานเงยหน้าขึ้น ก่อนจะบอกด้วยสีหน้าจริงจัง “ข้าโชคดีมาตั้งแต่เด็ก ทุกคนล้วนบอกว่าข้าได้รับการคุ้มครองจากฟ้า เกิดมาเพื่อฝึกฝนทางเต๋า ท่านลองพิจารณารับข้า…เอ๊ะ? อาจารย์ ท่านจะไปไหน”
อวิ๋นเจี่ยวไม่มีท่าทีอยากจะฟังต่อไป เธอเดินอ้อมเขาเข้าไปภายในอาราม อาหารมื้อเที่ยงยังไม่ได้ทำ!
“อาจารย์ ท่านรอก่อน ข้า…” สีฝานรีบลุกขึ้นเตรียมตัวจะตามเข้าไป อาจเป็นเพราะรีบร้อนเกินไป ขาซ้ายพันขาขวา เพิ่งลุกขึ้นมาก็พุ่งตัวล้มลงไปด้านหน้า
“ระวัง!” ชายแก่ตะลึง หากเขาล้มลงไปในตำแหน่งตรงนี้ เขาต้องชนเข้ากับค่ายกลหน้าประตูอย่างแน่นอน
แต่ว่าไม่ทันการแล้ว ในขณะที่กำลังจะชนเข้าไป มือทั้งสองข้างสีฝานวาดวงกลมกลางอากาศอย่างตื่นตระหนก ก่อนจะพยุงเข้ากับกำแพงด้ายซ้ายของประตูไว้พอดี อีกทั้งบริเวณตรงนั้นเป็นใจกลางของค่ายกลที่อวิ๋นเจี่ยวเปิดก่อนหน้านั้น
สีฝานไม่ได้ถูกค่ายกลกระแทกให้ลอยออกไป แต่ได้ยินเพียงเสียงบางอย่างดังขึ้น จากนั้นมีแสงส่องสว่างออกมาจากค่ายกล ทันใดนั้นกวาดไปยังด้านบนของชิงหยาง ค่ายกลเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นมา กำแพงที่ปิดกั้นคนนอกเอาไว้บริเวณหน้าประตูสลายไปในทันที สีฝานล้มตัวกลิ้งเข้าไปภายในประตูทันที
ยังไม่จบ ไม่รู้ว่าสีฝานกระตุ้นถูกอะไรบนใจกลางของค่ายกล เสียงดังบริเวณโดยรอยยังไม่สลายหายไป แต่กลับดังยิ่งขึ้น นาทีถัดมาราวกับปฏิกิริยาลูกโซ่ กระแสไฟสีขาวรั่วไหลออกมา ทะลุผ่านกำแพงสีขาวพุ่งตรงไปยังใจกลางค่ายกลของประตูคลังอาวุธที่อยู่ทางซ้าย
ได้ยินเพียงเสียงหนึ่งดังขึ้น อาวุธสวรรค์นับพันที่เก็บอยู่ด้านในหล่นลงมาเต็มพื้น อาวุธเล่มหนึ่งในนั้นดีดตัวขึ้นมากระแทกเข้ากับผนึกบนประตูคลังสมบัติฝั่งตรงข้ามเข้าพอดี ประตูถูกดีดกะทันหัน ก่อนจะมีกองเงินและตั๋วเงินล่วงหล่นลงมา เงินก้อนหนึ่งกลิ้งไปยังห้องเก็บยาและยันต์ที่อยู่ในสวนอีกแห่งหนึ่ง
จากนั้นกระแทกเข้ากับใจกลางค่ายกลปิดกั้นที่ซ่อนเอาไว้บนกำแพงห้องเก็บยาและยันต์ ค่ายกลบนประตูดับลงไปทันที ประตูที่ถูกปิดกั้นเอาไว้ปิดออกในทันที เผยให้เห็นยาวิเศษชั้นดีที่เรียงรายเป็นแถว พร้อมกับยันต์ที่ส่องแสงสีทองอร่าม
จากนั้น ยาวิเศษขวดหนึ่งล่วงหล่นลงมา ก่อนจะกลิ้งหายไปจากสายตาของคนทั้งสาม…
ถึงแม้จะมองไม่เห็น แต่ทุกคนได้ยินเสียงของค่ายกลถูกทำลายดังขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าราวกับไพ่โดมิโน
การล้มของสีฝานในครั้งนี้ใช้เวลาไม่ถึงสามลมหายใจ แต่อาวุธ ยาวิเศษ ยันต์…และอาหารเหลือในห้องครัวล้วนถูกรื้อออกมาจนหมด
อวิ๋นเจี่ยว: “…”
ชายแก่: “…”
เสี่ยวหวง: “…”
( ̄△ ̄;)