ศิษย์หลานข้า ระวังอย่าหลงผิด - ตอนที่ 291 นกกระจอกอยู่หลัง
“อะไรกัน” สิงเย่ไม่เชื่อแม้แต่น้อย เขาสะบัดมือไปมาราวกับรำคาญใจอย่างมาก มังกรเพลิงทั่วทั้งท้องฟ้าไหวตัวขึ้นมาอีกครั้ง ก่อนจะแยกออกมาตัวหนึ่งพุ่งตรงมาทางอวิ๋นเจี่ยว ส่วนตัวอื่นพุ่งตรงลงไปยังสายฟ้าจิ่วเทียนของสิงเหิงฟาดลงมาพร้อมกัน ในขณะที่กำลังจะตกกระทบเข้ากับหมอกสีฟ้าและเมืองอี้ด้านล่าง “วันนี้ข้าไม่มีเวลามาชื่นชมการแสดงของเจ้า เจ้า…พู่!”
พูดยังไม่ทันสิ้นคำ ทั้งสองคนอ้าปากอาเจียนเป็นเลือดออกมา พลังเทพในร่างกายหลุดการควบคุม สายฟ้าและมังกรเพลิงที่เรียกออกมาสลายหายไปอย่างรวดเร็วราวกับไม่เคยปรากฏขึ้นมาก่อน สิ่งสำคัญคือพลังเหล่านี้พวกเขาไม่อาจเก็บกลับมาได้ อีกทั้งยังรับรู้ได้ถึงเส้นลมปราณทั่วทั้งร่างกายกำลังพังทลายลงทีละน้อย
พวกเขาคิดจะใช้พลังปิดกั้นเอาไว้ แต่ก็ไร้ประโยชน์อย่างสิ้นเชิง อีกทั้งยังเร่งให้เส้นลมปราณภายในร่างกายพังทลายรวดเร็วยิ่งขึ้น ราวกับร่างกายกำลังระเบิดออกเป็นเสี่ยง หากมันลามไปถึงตันเถียน…ร่างกายของพวกเขาจะระเบิดตัวเอง!
“เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้?!” สิงเย่เบิกตาโตอย่างเหลือเชื่อ เขาเงยหน้ามองหญิงสาวที่ยืนอยู่กลางอากาศ “เจ้า…เจ้าทำอะไรกับพวกข้า” ตามกำลังของพวกเขา ไม่มีทางควบคุมพลังของตนเองไม่ได้ สิ่งที่แปลกประหลาดเพียงหนึ่งเดียวคือฝ่ามือที่ดูไร้พลังการโจมตีของอีกฝ่ายเมื่อครู่นี้
“อ่อ ไม่มีอะไร” อวิ๋นเจี่ยวพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย แม้แต่เส้นผมก็ไม่ขยับแม้แต่นิดเดียว นางเอ่ยตอบ “ข้าเพียงแค่จุดระเบิดพลังภายในร่างกายของพวกท่านเท่านั้น”
จุดระเบิด…พลัง!
“…”
เป็นไปได้อย่างไร พลังจะถูกจุดระเบิดได้อย่างไร อีกทั้งยังเป็นพลังภายในร่างกายของพวกเขา!
“ไม่…เป็นไปไม่ได้!” ดวงตาของสิงเย่เบิกกว้างยิ่งขึ้น เขาส่ายหัวอย่างแรงราวกับไม่เชื่อ เผ่าพันธุ์มังกรเสวียน มีร่างเทพที่ใช้พลังเทพในการหล่อเลี้ยงขึ้นมาตั้งแต่กำเนิด ดังนั้นทุกอณูในร่างกายของพวกเขาล้วนเต็มไปด้วยพลังเทพ หากนางจุดระเบิดพลังภายในร่างกายของพวกเขาจริง เช่นนั้นพวกเขาคงจะ…แหลกสลายไปทั้งเถ้ากระดูก?!
“เป็นไปไม่ได้ บนโลกนี้จะมีวิชาเวทเช่นนี้ได้อย่างไร เจ้าหลอกข้า!” อาจเป็นเพราะรับความจริงไม่ได้ หรืออาจเป็นเพราะไม่อยากเชื่อ เขาปฏิเสธอย่างเสียงดัง แต่เสียงระเบิดที่รุนแรงขึ้นจากภายในร่างกายกลับหลอกคนไม่ได้ เส้นเลือดบนตัวเริ่มแตกขาด สีแดงสดอาบเต็มตัว เขาเริ่มควบคุมร่างกายที่กำลังลอยอยู่เหนืออากาศไม่ได้ และกำลังจะตกหล่นลงไป
สิงเหิงที่อยู่ด้านข้างยิ่งอนาถ กำลังของนางสูงกว่าสิงเย่เล็กน้อย พลังบนตัวมีมากกว่า ทำให้เกิดการระเบิดเร็วกว่า นางกลายร่างเป็นมังกรขนาดใหญ่อย่างควบคุมไม่ได้ ก่อนจะโอดครวญออกมาด้วยความเจ็บปวด
แต่การระเบิดยังไม่ได้หยุดลง เห็นเพียงแต่บนร่างของมังกรนั้นระเบิดออกเป็นหลุมเลือดนับไม่ถ้วน อีกทั้งยังแผ่ขยายไปทั่วทั้งร่างมังกร
ในเวลานั้นท้องฟ้าเหนือเมืองอี้ล้วนกึกก้องไปด้วยเสียงร้องโหยหวนของมังกรสองตัว
อวิ๋นเจี่ยวขมวดคิ้วเล็กน้อย ไฟโกรธภายในใจถึงค่อยๆ มอดดับลง นางมองดูมังกรทั้งสองตัวที่เจ็บปวดอย่างมาก ก่อนจะข่มตาลง
ตั้งแต่วินาทีแรกที่นางเข้าใจหลักการของยันต์ระเบิด นางก็คิดค้นวิชาเวทนี้ขึ้นมา ยันต์ระเบิดใช้วิธีการจุดชนวนพลังลมปราณโดยรอบเพื่อให้เกิดการระเบิดอย่างรุนแรง ถ้ายันต์นี้ปรากฎในร่างกายล่ะ? เช่นนั้นร่างของคนผู้นั้นคงระเบิดจนแหลกละเอียด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเวลาต่อมา นางได้เรียนรู้การวาดยันต์กลางอากาศจากอาจารย์ปู่ ทำให้นางมั่นใจในวิชาเวทนี้มากยิ่งขึ้น
การใช้ร่างกายเป็นกระดาษยันต์ ใช้เส้นลมปราณเป็นหมึก วาดออกมาเป็นยันต์ระเบิด เพียงพอต่อการทำลายร่างกายที่แข็งแรงที่สุดในโลก ยันต์ระเบิดเป็นคาถาระดับต่ำสุด แต่บางครั้งสิ่งที่อันตรายที่สุดก็เป็นเพียงคาถาพื้นฐานที่สุดเท่านั้น ไม่มีคาถาที่อ่อนแอ มีแต่วิธีการใช้ที่อ่อนแอ
เพียงแต่วิธีการนี้โหดเหี้ยมเกินไป คนที่ถูกวิชาเวทนี้ แม้กระทั่งสติสัมปชัญญะก็เสี่ยงต่อการสลาย ดังนั้นนางจึงไม่เคยใช้มาก่อน นอกจากรายงานอาจารย์ปู่แล้ว นางก็ไม่เคยบอกคนอื่นแม้แต่คนเดียว วิชาเวทที่น่ากลัวเช่นนี้ไม่ควรใช้กับมนุษย์
เว้นแต่…อีกฝ่ายจะไม่ใช่มนุษย์!
คนสองคนบนท้องฟ้าแทบจะไม่เหลือร่างมังกรอีกต่อไป บนร่างมังกรขนาดใหญ่ล้วนเต็มไปด้วยหลุมกว้าง ตอนแรกพวกเขายังสามารถกลิ้งจากท้องฟ้าสู่พื้นดินได้ แต่ในเวลานี้ พวกเขาสูญเสียแรงที่จะกลิ้ง เลือดบนตัวหลั่งไหลออกมาเต็มพื้น
นัยน์ตาที่ดูถูกสรรพสิ่งของสิงเย่เต็มไปด้วยความกลัวในเวลานี้ ทางสิงเหิงเริ่มสงบลงเล็กน้อย เห็นเพียงนางส่งเสียงคำรามออกมา ก่อนจะใช้แรงเฮือกสุดท้ายของตนควักตันเถียนและลูกแก้วมังกรในท้องออกมา
ตันเถียนและลูกแก้วมังกรเป็นที่มาของพลัง การกระทำของนางทำให้การระเบิดภายในร่างกายหยุดลง และไม่มีรูเลือดใหม่ปรากฏขึ้นบนร่างกายอีก
สิงเย่เห็นดังนั้น จึงรีบหยิบลูกแก้วมังกรของตัวเองออกมาทันที เพื่อรักษาสติสัมปชัญญะที่หลงเหลืออยู่ แต่มังกรสองตัวที่สูญเสียลูกแก้วมังกรไป กำลังของพวกเขาก็ลดลงอย่างรวดเร็ว ในเวลานี้กำลังของพวกเขายังเทียบกับเทพแห่งพื้นดินไม่ได้ รูปร่างของพวกเขาเล็กลงเหลือเพียงหนึ่งในสิบเท่านั้น
อย่าว่าแต่การดูดซับพลังดินแดนลับ การกลับดินแดนสวรรค์ยังเป็นเรื่องยากสำหรับพวกเขา
“เจ้าหนู…” ลูกศิษย์เสวียนเหมินจำนวนมากวิ่งมาจากระยะไกล สำนักเทียนซือและสำนักต่างๆ มาถึงในเวลานี้ ชายแก่วิ่งนำหน้าอยู่เป็นคนแรก เขามองเห็นอวิ๋นเจี่ยวที่กำลังลดตัวลงมาจากกลางอากาศ “ข้าตกใจแทบแย่ จู่ๆ เจ้าก็หายไป โชคดีที่ไม่เป็นไร เอ๊ะ? นี่ใคร”
เมื่อเดินเข้าใกล้ เขาถึงพบว่าอวิ๋นเจี่ยวกำลังประคองคนผู้หนึ่งอยู่ อีกฝ่ายตัวไหม้เกรียมจนมองไม่ออกว่าเป็นใคร
“ถังเฉิน!” อวิ๋นเจี่ยวตอบ ก่อนจะวางถังเฉินลงในบริเวณที่ปลอดภัย จากนั้นนางหันมาพูดกับเขา “ชายแก่ ท่านพกยาคืนวิญญาณมาด้วยหรือไม่”
“ยาคืนวิญญาณ?” ชายแก่ผงะ ก่อนจะพยักหน้าอย่างแรง “มีๆๆ ยาช่วยชีวิต ข้าพกติดตัวเอาไว้ตลอด” พูดจบ เขารีบหยิบยาสีทองออกมาหนึ่งเม็ด ยานี้ใช้วัตถุดิบที่หลงเหลือจากการหลอมยารักษาร่างอรหันต์ของอาจารย์อาหยวนครั้งที่แล้ว อีกทั้งยังมีการกำกับดูแลจากอาจารย์ปู่ เพียงแค่คนกินยังมีเสี้ยวพลังชีวิตก็สามารถช่วยกลับมาได้ ยานี้มีทั้งหมดสามเม็ด
อวิ๋นเจี่ยวรับยามา ก่อนจะป้อนถังเฉินให้กินลงไป เมื่อเห็นว่าพลังชีวิตบนตัวของเขาเริ่มเสถียรแล้ว นางถึงได้โล่งใจ
“อาจารย์อวิ๋น อาจารย์ถัง…เกิดอะไรขึ้น” เจ้าสำนักสวีมองดูถังเฉินที่อยู่บนพื้นด้วยสีหน้าตกตะลึง ก่อนจะมองร่างของเทพเซียนที่กองอยู่เต็มพื้น รวมไปถึงร่างยาวขนาดใหญ่ที่ถูกเหล่าลูกศิษย์รั้งไว้ “นี่…เหตุใดจึงมีมังกรน้ำสองตัว?”
มังกรน้ำ?
อวิ๋นเจี่ยวผงะ ก่อนจะหันกลับไปมอง พบว่าทั้งสองคือสิงเหิงและสิงเย่ที่สูญเสียลูกแก้วมังกรไป ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายกลายเป็นมังกรน้ำตั้งแต่ตอนไหน ดังนั้นนางจึงอธิบาย “พวกเขาคือท่านมหาเทพอุดรสวรรค์และประจิมสวรรค์”
ท่าน…ท่านมหาเทพ!!
ทุกคน “…”
(⊙_⊙)
ท่านกำลังหลอกข้า?! ท่านมหาเทพสภาพอนาถเช่นนี้?
“เจ้าสำนักสวี เหล่าท่านอาวุโสคนอื่นล้วนตกลงไปในหมอกสีฟ้านั้น เวลาคับขัน พวกเราวางค่ายกลขับไล่หมอกสีฟ้าเหล่านี้เถิด!” อวิ๋นเจี่ยวพูด
“ได้ๆ !” เจ้าสำนักสวีรับปาก ก่อนจะหันไปกำชับท่านอาวุโสและเจ้าสำนักคนอื่นที่อยู่ด้านหลัง
ขณะที่กำลังจะลงมือ เสียงลมพัดดังขึ้นบนท้องฟ้า แสงสีขาวปรากฏขึ้น มีลมขนาดใหญ่ร่วงหล่นลงมาจากบนท้องฟ้าทะลุผ่านหมอกสีฟ้าบนพื้นไป ทำให้เกิดรอยร้าวบนพื้นยาวหลายลี้แยกเมืองอี้ออกเป็นสองส่วน ค่ายกลป้องกันแตกออกเป็นเสี่ยง
“ฮ่าๆๆๆ …” เสียงหัวเราะของเด็กดังขึ้นจากท้องฟ้า “สิงเหิง สิงเย่ ขอบใจที่พวกเจ้าช่วยเปิดทางให้ข้า ช่วยข้าพิชิตดินแดนลึกลับนี้” ทุกคนยังไม่ทันได้ตอบสนองว่าอีกฝ่ายเป็นใคร ร่างหลายสิบร่างก็หายลับเข้าไปภายในดินแดนลับอย่างรวดเร็ว
สิงเย่และสิงเหิงที่เกือบจะหมดสติไปด้วยความเจ็บปวด ดวงตาแดงก่ำทันที
นั่นคือ…ท่านมหาเทพองค์ใหม่แห่งทักษิณสวรรค์…สิงชาง!