ศิษย์หลานข้า ระวังอย่าหลงผิด - ตอนที่ 334 อาจารย์พิเศษ
“ร้ายกาจเช่นนี้” ชายแก่สูดลมหายใจเข้าด้วยความตกใจ ก่อนจะพึมพำออกมา “มิน่าชาวสวนถึงไม่ยอมให้เจ้าหนูฝึก” จะตายหลังวางค่ายกล น่ากลัวเสียจริง
อวิ๋นเจี่ยวผงะไปเล็กน้อย เผ่าเทพที่วางค่ายกลดับสูญไปแล้ว เผ่าเทพอื่นออกมาไม่ได้ มิน่าเผ่าชิงหลินถึงถูกขังไว้ในรอยร้าวสามโลก รอเผ่าเทพมาช่วยเหลือนับหลายหมื่นปี ที่แท้ไม่ใช่เพราะพวกเขาจำไม่ได้ แต่เพราะพวกเขาช่วยไม่ได้
เมื่อเป็นเช่นนี้ ราวกับว่าพวกเขา…เข้าใจเผ่าเทพผิด?
อวิ๋นเจี่ยวมองจี้เฟิงด้วยสายตาซับซ้อน ก่อนจะถามขึ้น “จี้เฟิง เจ้าเคยได้ยิน…ชิงหลินหรือไม่”
“เอ๊ะ เจ้ารู้ชื่อของเหล่าท่านเทพได้อย่างไร?!” จี้เฟิงพูดขึ้น พร้อมมองเธอด้วยสายตาเหลือเชื่อ
“ท่านเทพ ท่านเทพอะไร” อวิ๋นเจี่ยวก็ผงะไป อีกทั้งยังเป็น ‘เหล่า?’
“ดินแดนเทำในตอนนี้ ชื่อของท่านเทพที่มีกำลังมากสุดทั้งสิบสองล้วนชื่อชิงหลิน!” จี้เฟิงพูด “พวกท่านร่วมมือกันส่งข้าลงมา”
ฮะ?” ชายแก่เองก็ตกตะลึง ”เทพทั้งสิบสองใช้ชื่อเดียวกัน?” ความชอบอะไรกัน
“อืม” เขาพยักหน้า ก่อนจะพูดขึ้งอย่างลังเล “ข้าเคยได้ยินพวกท่านพูดว่า ก่อนหน้านี้ราวกับ…ไม่ได้ชื่อนี้ เพียงแต่หลังจากสงครามเทพปีศาจแล้ว พวกท่านจึงเปลี่ยนเป็นชื่อนี้ทั้งหมด อวิ๋น...สหายอวิ๋น ท่านรู้ชื่อนี้ได้อย่างไร” เขามีความสงสัย ชื่อขอท่านเทพทั้งสิบสองไม่มีเทพองค์ใดไม่รู้ แต่มนุษย์อย่างอวิ๋นเจี่ยวรู้ได้อย่างไรกัน
“ชิงหลินไม่ใช่เผ่าที่อยู่ในรอยร้าวสาม…” ชายแก่กำลังจะพูดออกมา
“ไม่มีอันใด!” อวิ๋นเจี่ยวรีบพูดขัดขึ้น ก่อนจะเปลี่ยนประเด็นไป “ข้าลืมไปแล้วว่าได้ยินมาจากที่ใด ไม่สำคัญ!”
เรื่องชัดเจนมากแล้ว พวกเขาเข้าใจเผ่าเทพผิด อีกฝ่ายไม่ได้ลืมเผ่าชิงหลิน เพียงแต่เนื่องจากกฎเกณฑ์ ทำให้พวกเขาลงมาไม่ได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงไปรับชิงหลินออกมา อีกทั้งมีความเป็นไปได้ว่าเทพที่รู้เรื่องนี้จดจำเรื่องนี้มาโดยตลอด ดังนั้นจึงเปลี่ยนชื่อของตนเองเพื่อเป็นการเตือน
จี้เฟิงไม่รู้เรื่องนี้อย่างแน่นอน ไม่ได้เป็นเพราะเหล่าเทพไม่พูดเรื่องนี้กับเขา แต่เป็นเพราะพวกเขาคาดการณ์กำหนดเวลาการพังทลายผนึกของดินแดนปีศาจ รู้สึกว่าเมื่อรอจนกระทั่งจี้เฟิงลงมา ไม่งั้นเผ่าชิงหลินคงสูญพันธุ์ไปแล้ว ก็คงเป็นสามโลกเกิดความโกลาหล พวกเขาหลบอยู่ภายในรอยร้าวจะปลอดภัยยิ่งกว่า ดังนั้นจึงไม่มีความจำเป็นในการพูดถึง
ตอนนี้เผ่าชิงหลินเริ่มต้นชีวิตใหม่ พวกเขาจะพลิกเรื่องนี้ขึ้นมาอีกทำไมกัน
“เจ้ามาวันนี้เพื่อพูดเรื่องนี้หรือ”
จี้เฟิงผงะไป ทันใดนั้นหน้าแดงก่ำเผยให้เห็นสีหน้าละอายออกมา เขายืนขึ้นพร้อมก้าวถอยหลัง ก่อนจะคารวะไปทางเธอและชายแก่
“วันนี้ข้ามาขออภัยท่านทั้งสอง” สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความละอายใจ ไม่มีทีท่าว่าจะยืนตัวตรงขึ้นมา “ก่อนหน้านี้เป็นเพราะข้ามีสายตาที่คับแคบ ไม่แยกแยะถูกผิด ช่าง…บาปหนายิ่งหนัก ข้าไม่หวังให้ท่านทั้งสองให้อภัย เวลานี้เรื่องใหญ่จบสิ้นลง จี้เฟิงยอมให้ท่านทั้งสองลงโทษได้ตามใจ
อวิ๋นเจี่ยว: ”…”
ชายแก่: ”…”
พวกเขาไม่คิดว่าจี้เฟิงจะมาเพื่อขอโทษ เดิมทีพวกเขายังคิดว่าคนที่มีตาอยู่เหนือหัวแบบเขา คงไม่มีทางก้มหัวให้กับมนุษย์ธรรมดาสองคน ไม่คิดว่าเขาจะก้มหัวได้อย่างเด็ดเดี่ยวเช่นนี้ อีกทั้งท่าทางจริงจังของเขาไม่เหมือนเสแสร้ง เขาเตรียมตัวที่จะรับความตายอย่างไร้ข้อขัดแย้ง
ไป๋อวี้ระอาอย่างมาก ตามหลักแล้วจากการกระทำที่จี้เฟิงให้ท้ายมหาเทพเนี่ยชาง ทำให้เมืองอี้เกือบถูฆ่าล้างเมือง อีกทั้งไล่ล่าเขาและอวิ๋นเจี่ยวหลายครั้ง ช่างไม่น่าให้อภัยเสียจริง หากเขายังคงมีท่าทีเหมือนแต่ก่อนเขาคงอยากจะทุบอีกฝ่ายให้ตายสอนเขาให้เป็นเทพ! แต่ตอนนี้อีกฝ่ายมาขอโทษอย่างจริงจังเช่นนี้ เขาก็รู้สึกว่าอีกฝ่ายยังกอบกู้ได้
โดยเฉพาะการรับมือกับปีศาจเลือดครั้งก่อน อีกฝ่ายปกป้องพวกเขาทั้งสองอย่างสุดความสามารถแล้ว อีกทั้งในสนามรบ เขาเป็นคนกำจัดเผ่าปีศาจมากที่สุด อีกอย่างอีกฝ่ายกลับบ้านไม่ได้แล้ว ช่างน่าสงสารเสียจริง
ดังนั้นเขาจึงหันไปมองอวิ๋นเจี่ยว โยนปัญหายากออกไปด้วยความเคยชิน ทำอย่างไร ลงโทษหรือไม่
อวิ๋นเจี่ยวหน้าดำทะมึน เธอก็ทำไม่ลงเหมือนกัน! จี้เฟิงไม่ใช่คนที่โหดเหี้ยมอำมหิตอะไร ถึงแม้จะทำผิดในบางเรื่อง แต่เมื่อผิดก็รู้แก้ไข ยังคงสั่งสอนได้
“ทำผิดย่อมต้องลงโทษ แต่ความดีความชอบของเขาก็เพียงพอที่จะหักล้างไป ไม่ถึงกับต้องตาย!”
อวิ๋นเจี่ยวครุ่นคิด ก่อนจะตัดสินใจ “หรือไม่ เจ้าอยู่สอนหนังสือที่นี่?” อย่างไรเขาก็กลับไปไม่ได้
“สอน…หนังสือ?” จี้เฟิงผงะ หมายความว่าอย่างไร
“เวลานี้ลูกศิษย์เสวียนเหมินบรรลุจำนวนมาก ดังนั้นในไม่ช้านี้คงจะมีลูกศิษย์ใหม่เข้ามาอีกมาก เมื่อถึงเวลานั้นคนย่อมไม่พอ ท่านเป็นเผ่าเทพอยู่มานานมีความรู้มาก ท่านเป็นคนสอนพวกเขาก็เหมาะสม”
อีกทั้งยังสามารถประกาศอาจารย์พิเศษทำนองนี้ เธอวางแผนภายในใจก่อนจะพูดขึ้น “ถึงแม้วิชาเวทของเผ่าเทพจะแตกต่างจากเสวียนเหมินอยู่บ้าง แต่รู้มากดีกว่าไม่รู้”
“ความหมายของสหายคือ…ให้ข้าอยู่ใน…เสวียนเหมิน?” จี้เฟิงเบิกตาโตอย่างเหลือเชื่อ
“หรือว่าเจ้าอยากไปดินแดนสวรรค์?” ทางนั้นก็มีคนเช่นเดียวกัน
“ไม่…ไม่ใช่!” เขาไม่ได้หมายความว่าเช่นนี้!
“เช่นนั้นก็ดี” อวิ๋นเจี่ยวกำชับต่อ “แต่ว่าเสวียนเหมินมีกฎของเสวียนเหมิน ถึงแม้ท่านจะเป็นเผ่าเทพก็ไม่อาจทำลายกฎได้ ใบอนุญาตการสอนยังต้องสอบ แต่ท่านไม่ต้องเป็นกังวลระดับความยาก ข้าจะให้ชายแก่เตรียมข้อสอบให้ท่าน ใบอนุญาตสอบปีละครั้ง ครั้งต่อไปคือหลังจากนี้สามเดือน ข้าเชื่อมั่นใจตัวท่าน!”
“…” ไม่ใช่ ทำไมถึงมาถึงจุดนี้ได้ สอนหนังสือเขาเข้าใจ! แต่…ใบอะไรกัน ข้อสอบอะไรกัน หมายความว่าอย่างไร!
จี้เฟิงยังคงทำหน้าฉงน ก่อนจะพบว่าชายแก่หยิบตำราเล่มหนาออกมาอย่างจริงจัง ก่อนจะยัดใส่มือของเขา “ท่านดูพวกนี้ไปก่อน รอข้าอีกสองสามวัน ข้าจะจัดเตรียมให้ท่าน”
“ยังมีอีก?!” จี้เฟิงมองดูตำราสูงหนึ่งบนมือ พูดออกมาอย่างตกตะลึง
“จริงสิ ท่านยังไม่มีที่อยู่ใช่หรือไม่” ชายแก่พูดต่อ “หรือไม่ท่านอยู่ในชิงหยางไปก่อน รอข้าจัดเตรียมตำราเสร็จ ค่อยส่งท่านไปยังสำนักเทียนซือ ต่อจากนี้เป็นคนกันเองแล้ว อย่างเกรงใจ!” พูดจบเขาก็ส่งสายตาเข้าใจให้เขา
จี้เฟิงที่ฟังไม่เข้าใจแม้แต่น้อย: ”…”
จี้เฟิงมองตำราบนมือไปมา ก่อนจะมองไป๋อวี้ที่ทำหน้ากระตือรืนร้น ผงะไปเป็นเวลานาน พวกเขา…ให้อภัยเขาแล้ว นอจากไม่สนใจความผิดก่อนหน้านี้แล้ว ยังคิดจะหาที่อยู่ให้เขาที่กลับไปไม่ได้อีก
จี้เฟิงรู้สึกอบอุ่นใจขึ้นมา ดินแดนมนุษย์มีความเมตตาเช่นนี้หรือ ดวงตาของเขาร้อนผ่าว ภายในดวงตาเต็มไปด้วยความตื้นตัน ทันใดนั้นก็รู้ว่าการกลับดินแดนเทพไม่ได้ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร