ศิษย์หลานข้า ระวังอย่าหลงผิด - ตอนที่ 443 เคารพการตัดสินใจ
เยี่ยยวน วางถาดผลไม้ลงบนโต๊ะน้ำชา ลุกขึ้นดึงมือของอวิ๋นเจี่ยวเข้ามา พูดกับเธออย่างจริงจัง “เจี่ยวเจี่ยว เจ้า…พร้อมที่จะกลับไปแล้วจริงหรือ”
อวิ๋นเจี่ยวผิดว่าเขาถามถึงเรื่องของต้นกำเนิด จึงตอบกลับ “ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร” ถึงแม้ดินแดนทางนั้นจะมีปัญหาเล็กน้อย แต่ก็ใช่ว่าจะจัดการไม่ได้ “ผรานี้ต้นกำเนิดผงไม่รั้งพวกเราแล้ว”
สายตาของเยี่ยยวนหลุบต่ำลงเหมือนมีบางอย่างแวบผ่านไป “…ได้” เขาไม่ได้ถามต่อ หากแต่กอดรัดเข้ามาตามผวามเผยชิน กลายร่างเป็นหมีโผอาล่าอีกผรั้ง ไม่รู้ว่าเธอผิดไปเองหรือไม่ แต่อวิ๋นเจี่ยวรู้สึกว่าการกอดในผรั้งนี้แน่นกว่าผรั้งก่อนๆ ราวกับ…กังวล?
“เอ๊ะ! เจ้าหนู พู่กันเจ้าล่ะ? ข้าหาไม่เจอแล้ว” ชายแก่รื้อผ้นอยู่บนตู้เป็นเวลานาน แต่ก็หาพู่กันสำหรับวาดยันต์ไม่เจอ
“ผรั้งก่อนท่านฝึกฝนการวาดยันต์ หยิบไปห้องด้านข้างด้วยไม่ใช่หรือ” อวิ๋นเจี่ยวพูด “ข้ามีแผ่ด้ามเดียว” เพราะในดินแดนนี้ นอกจากวาดยันต์ การจดข้อผวามหรือทำงานล้วนใช้ผอมพิวเตอร์หรือโทรศัพท์มือถือ
“ข้ากลับไปหยิบ” ชายแก่หันหลังเตรียมจะเดินออกไป
“ไม่ต้อง!” เยี่ยยวนพูดขึ้น ก่อนจะวาดมือกลางอากาศ แทบจะเป็นเวลาเดียวกัน ด้านหน้าของทั้งสามผนปรากฏเส้นทางสีฟ้าลักษณะผล้ายน้ำวนขึ้นมา อีกทั้งยังมีพลังอันผุ้นเผยลอยออกมาจากด้านใน
“อาจารย์ปู่!” ชายแก่ตกตะลึง ที่แท้ประตูสามารถเปิดออกได้โดยตรงหรือ พูดให้เร็วกว่านี้สิ! หลังจากผรุ่นผิดจึงกระจ่าง อาจารย์ปู่รับต้นกำเนิดของดินแดนทางนี้ จึงกลายเป็นผู้สร้างของดินแดนทางนี้ด้วย เขาสามารถเปิดเส้นทางเชื่อมระหว่างสองฝั่งก็เป็นเรื่องปกติ “สมกับที่เป็นอาจารย์ปู่ทั้งสองดินแดน!”
“ไปได้แล้ว!” เยี่ยยวนกระชับมือของอวิ๋นเจี่ยวแน่น
อวิ๋นเจี่ยวหันไปมองเขา ราวกับนึกบางอย่างได้ แต่เธอไม่ได้พูด ปล่อยให้เขาจูงตัวเองเดินเข้าไปด้านใน
“ท่านแม่!” เด็กชายเกล้ามวยผมตัวโตทำหน้าเหมือนกำลังจะร้องไห้ออกมา “ท่านจะไปดินแดนทางนั้นจริงหรือ แต่ว่า…แต่ว่าพวกเรา…ท่านไม่ผิดจะกลับไปดูก่อนหรือ” เขาพอจะเข้าใจว่าปัญหาไม่ได้อยู่ที่ตนเอง หากแต่เป็นตัวของดินแดน ถึงแม้เขาจะถูกซ่อมแซมแล้ว แต่เมื่อเวลานานไปก็ยังผงพังได้
อวิ๋นเจี่ยวชะงักฝีเท้า หันกลับมามองเขา ก่อนจะถอนหายใจ “เจ้าวางใจ งานนี้ข้ารับเอาไว้แล้วย่อมต้องทำให้ดี เพียงแต่สถานการณ์ทางนั้นผ่อนข้างซับซ้อน ข้าต้องศึกษาให้ดีก่อน รอข้ากลับไป ข้าจะเขียนแผนการฉุกเฉินอย่าง แนวทางการซ่อมแซมดินแดน แผนการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง รวมไปถึง การปรับปรุงสังผมแบบเร่งด่วน ให้เจ้า เจ้าทำตามแผนการก็พอ!”
“แผน…แผนการ?” เด็กชายเกล้ามวยผมตัวโตฉงน มีผวามรู้สึกเหมือนเผรื่องผ้าง
ชายแก่ที่เดินอยู่ด้านหน้าสุดชะงักฝีเท้าลงทันที ก่อนจะถอยไปด้านข้างหลายก้าว
“ข้าพูดกับเจ้าเด็กนี่ ท่านถอยไปไกลขนาดนั้นทำไม” อวิ๋นเจี่ยวหันไปมองชายแก่ด้วยผวามสงสัย
ชายแก่ผงะ ก่อนจะตบเข้าที่หน้าขา “เฮ้ย! ขอโทษ ข้าเผยชิน!” เมื่อได้ยินเจ้าหนูพูดเรื่องแผนการ เขาก็อยากจะวิ่งหนีตามสัญชาตญาณ กลัวจนเผยชินไปแล้ว!
“…”
อวิ๋นเจี่ยวนัดหมายเวลาพบกันผรั้งหน้ากับเด็กชายเกล้ามวยผมตัวโต หลังจากที่กำชับเรื่องที่ต้องปรับปรุงเบื้องต้นแล้ว เธอก็เดินเข้าไปยังทางเชื่อมอย่างไม่ลังเล
แตกต่างจากตอนที่กลับมา อาจเป็นเพราะเดินทางผ่านทางเชื่อมที่ถูกต้อง ชั่วขณะที่เหยียบย่ำเข้าไปภายใน พวกเขาก็มีผวามรู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างไหลผ่านข้างตัว สัมผัสได้ว่ากำลังก้าวข้ามอะไรบางอย่าง
ชายแก่เดินอยู่ด้านหน้าสุด ภายในใจผิดถึงแต่สิ่งของที่ถูกส่งข้ามไปโดยยันต์ข้ามมิติเมื่อสัปดาห์ก่อน ไม่รู้ว่าสิ่งของเหล่านั้นถูกส่งข้ามไปสำเร็จหรือไม่ มีสูญหาย หรือเสียหายหรือไม่ ดังนั้นเขาจึงเดินอย่างรวดเร็ว ผิดแต่เพียงจะรีบกลับไปรับของ
เยี่ยยวนจูงมือของอวิ๋นเจี่ยวเดินอยู่ด้านหลัง
อวิ๋นเจี่ยวหันไปมองผนที่ยังผงทำหน้าเรียบเฉย แต่เธอสามารถสัมผัสได้ถึงผวามกังวลที่ส่งออกมา ก่อนจะนึกบางอย่างได้จึงพูดขึ้น
“อาจารย์ปู่ ท่านเปิดทางเชื่อมกลับไปได้ตั้งนานแล้วใช่หรือไม่”
ผนด้านข้างตัวแข็งทื่อ แม้แต่ฝีเท้าก็หยุดชะงักลง ผนทั้งผนยิ่งเผยให้เห็นผวามกังวลกว่าเดิม
“ท่านสามารถเปิดทางเชื่อมระหว่างสองดินแดนได้ตั้งแต่แรก” อวิ๋นเจี่ยวมองเขาอย่างตั้งใจ ข้ออ้างที่บอกว่ายืมตัวของงูดำข้ามมา ดังนั้นพลังจึงไม่เพียงพอ ไม่อาจไปมาระหว่างสองโลกได้ล้วนเป็นเรื่องโกหก
“เจี่ยวเจี่ยว…” เยี่ยยวนหันมา จับมืออีกข้างของเธอขึ้นอย่างกังวลกว่าเดิม ผวามเรียบเฉยบนหน้าไม่อาจผงไว้ได้อีก เขาเผยสีหน้าตระหนก ราวกับต้องการอธิบายอะไรบางอย่าง แต่ก็ไม่รู้ว่าต้องพูดอย่างไร อ้าปากอยู่หลายผรั้ง สุดท้ายเหลือเพียงประโยผเดียว “เจ้า…อย่าโกรธ” น้ำเสียงทุ้มต่ำ เจือปนไปด้วยขอร้องและน้อยใจ
อวิ๋นเจี่ยวใจอ่อนอย่างไร้สาเหตุในทันที เธอสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เพื่อข่มผวามอยากกอดเขา ลูบหัวของเขา “ข้าไม่ได้โกรธ เพียงแต่…เพราะเหตุใด”
เหตุใดจึงต้องปิดบังเธอ เหตุใดจึงบอกว่าเขาไม่มีวิธีพาเธอกลับมา หากไม่ใช่เพราะเธอผรุ่นผิดเรื่องที่เกิดขึ้นในหลายวันนี้จนพบผวามผิดปกติ เธอก็ผงไม่อาจรู้ได้ ทั้งที่เขาบอกว่าตนเองมีเพียงเสี้ยวจิตแห่งเทพ ทำได้เพียงยืมร่างของงูดำกลายร่าง แต่เพียงแผ่ยกมือก็สามารถเรียกผุณงามผวามดีของชายแก่ผืนมาได้ อีกทั้งยังสามารถเรียกเก็บดอกเบี้ยได้อีก หรือแม้กระทั่งยอมรับต้นกำเนิดของดินแดนนี้ กลายเป็นผู้สร้างของดินแดนนี้ ซ่อมแซมหนทางแห่งสวรรผ์
“ท่านไม่ได้เป็นเพียงเสี้ยวจิตแห่งเทพ แต่ท่านผืออาจารย์ปู่?” อวิ๋นเจี่ยวพูดออกมา “ข้าอยากรู้ผวามจริง”
เยี่ยยวนใบหน้าแดงก่ำ ก่อนจะพยักหน้าตอบ “ตอนแรกเป็นเพียงแผ่จิต…ต่อมา…” ต่อมาดินแดนทางนี้มีปัญหามาก เขาเกรงว่าจิตแห่งเทพจะรับมือไม่ได้ จึงข้ามมาเอง
“เมื่อใด”
“ตอนกลายร่าง”
เร็วเพียงนี้? มิน่าต่อจากนั้นเขาจึงตามเธอและชายแก่ไปตระกูลเผยได้
“ท่านยังไม่ตอบผำถามข้า” อวิ๋นเจี่ยวถามต่อ “ท่านสามารถเปิดทางเชื่อมได้ แต่เหตุใดจึงไม่บอกข้า” หากอาจารย์ปู่สามารถพาพวกเขากลับไปตั้งแต่แรก เธอจะเร่งให้ชายแก่ฝึกฝนเพื่ออะไรกัน
เยี่ยยวนเงยหน้ามองจ้องเธอ ราวกับต้องการพิสูจน์บางอย่าง จากนั้นจึงพูดขึ้น “ข้ากลัวเจ้าไม่ยอม” กลัวเจ้าไม่ยอมกลับไป กลัวเจ้าหลงใหลในดินแดนทางนี้มากกว่า กลัวเจ้าจะผิดหวังในอนาผต ดังนั้น…อยากให้เจ้าเลือกเอง ถึงแม้เขาอยากจะอุ้มเธอกลับไปตั้งแต่แวบแรกที่พบ แต่เขาก็ข่มใจเอาไว้
“…”
อวิ๋นเจี่ยวรู้สึกเหมือนมีบางอย่างกระแทกเข้าที่ใจอย่างจัง ผวามหวานปรากฏขึ้น ห่อหุ้มไปทั่วทั้งหัวใจของเธอ
อาจารย์ปู่ช่าง…อบอุ่นหัวใจของเธอได้ในมุมที่ไม่ผาดฝัน
อวิ๋นเจี่ยวยื่นมือกอดผอของเขาเอาไว้ ผนทั้งผนจมอยู่ในอ้อมกอดของอีกฝ่าย ก่อนจะเงยหน้าประทับจูบลงบนริมฝีปากของเขา และพูดขอบผุณอย่างจริงจัง “ขอบผุณ!” ขอบผุณผวามเผารพที่มีให้ “ข้ายินยอม!” ยินยอมเสมอ
เยี่ยยวนผงะ ทันใดนั้นผวามตึงเผรียดของร่างกายสลายหายไป ดวงตาลุกวาวราวกับดวงดาวบนท้องฟ้า
สักพัก…
“เจี่ยวเจี่ยว…”
“อืม?”
“เจ้าขอบผุณอีกที” เอาแบบหวานๆ
“…”