ศิษย์หลานข้า ระวังอย่าหลงผิด - ตอนที่ 444 งานเลี้ยงการกลับมา
พระอาทิตย์ตกดินทางตะวันตก หลงเหลือไว้เพียงท้องฟ้าสีแดง
อิ้งหลุนและซื่อไป๋ปรากฏอยู่ภายในค่ายกลขนส่ง ลากร่างกายที่สอนหนังสือทั้งวัน อีกทั้งยังถูกลากไปวิจัยอาวุธวิเศษจากต่างแดนกว่าครึ่งวันกลับมาถึงชิงหยาง
เมื่อเดินเข้าประตูก็เผชิญหน้าเข้ากับหญิงชราอ้วนเตี้ยคนหนึ่ง อย่าว่าแต่ซื่อไป๋แม้แต่อิ้งหลุนก็ตอบสนองไม่ทันในเวลาแรก ในขณะที่กำลังสงสัยว่าในดินแดนนี้มีคนสามารถทะลุม่านบ บังตาที่พวกเขาตั้งเอาไว้ในชิงหยางอย่างไร้ร่องรอยนั้น หญิงชราคนนั้นเผยยิ้มสดใสให้กับทั้งสองคนขึ้น ไม่เพียงไม่หลบหลีก อีกทั้งยังเดินเข้าใกล้พวกเขาทั้งสอง โบกมือทักทาย
“เฮ้ย! ชาวสวนอิ้ง พวกเจ้ากลับมาแล้ว!” หญิงชราดีใจ ก่อนจะชี้ไปยังบ่อน้ำด้านข้าง “กะเวลาได้แม่นยำ กำลังจะกินข้าวพอดี! มาๆ รีบมาช่วยล้างถ้วยชาม ถ้วยชามเหล่านี้ไม่ได้ใช้นานเปรอะ ะเปื้อนไปด้วยฝุ่นหมดแล้ว” พูดจบก็หันหลังตักน้ำ ก่อนจะมองไปยังซื่อไป๋ พูดทักทายเสริมขึ้น “ท่านอาวุโสซื่อก็อยู่เหรอ”
ทั้งสองคนทำหน้าฉงน คนนี้…ผู้ใดกัน
โชคดีที่อิ้งหลุนมีปฏิกิริยาไว เขาใช้จิตมองทะลุวิญญาณของอีกฝ่าย นาทีถัดมาร่างของคนตรงหน้าปรากฏเงาที่คุ้นเคย
“ตา…ตาไป๋!” อิ้งหลุนตกใจ เฮ้ย! เขาไปต่างดินแดนเพียงครั้งเดียวเกิดอะไรขึ้น เหตุใดจึงเกิดเป็นหญิงไปแล้ว!
ชายแก่นึกถึงสภาพภายนอกของตนเองขึ้นมาได้ สีหน้าของเขาก็คว่ำลงไปทันที ก่อนจะถอนหายใจยาว “เฮ้อ! ดินแดนทางนั้นเกิดปัญหาเล็กน้อย เรื่องนี้ยากที่จะเล่าภายในระยะเวลาอันสั้น ข ข้าค่อยเล่าให้พวกเจ้าฟังทีหลัง” ล้างถ้วยชามกินข้าวสำคัญที่สุด!
“หรือว่า…ศิษย์ตัวน้อยกลับมาแล้ว?!” อิ้งหลุนตระหนักบางอย่างได้ สีหน้าดีใจ
“อืม กลับมาแล้ว กลับมาแล้ว!” ชายแก่ชี้ไปยังทิศทางของสวนด้านหลัง “นางกำลังทำกับข้าวอยู่ในครัว! ไม่พูดแล้ว ชาวสวนเจ้ารีบช่วยข้าล้างถ้วยชามที เจ้าหนูกำลังรอชามใส่กับข้าว!”
“ได้!” ไม่รู้ว่านึกถึงเรื่องอะไร ดวงตาของอิ้งหลุนลุกเป็นประกาย ไม่พูดพล่ามทำเพลง ถลกแขนเสื้อขึ้นเดินเข้าไปช่วยล้างชาม ลืมเรื่องที่ตนเองสามารถใช้วิชาเวทย์ไปอย่างสิ้นเชิง
มีเพียงซื่อไป๋คนเดียวที่ยังคงทำหน้าฉงน มองดูคนทั้งสองที่กำลังล้างชามอย่างขะมักเขม้น เกิดอะไรขึ้น เหตุใดเขาจึงไม่เข้าใจ! เหตุใดจึงล้างชามขึ้นมา เวลานี้สิ่งสำคัญคือล้างชามเหรอ อ
ในขณะที่กำลังฉงน เขาก็พบเห็นวิญญาณมังกรที่คุ้นเคยบินเข้ามาจากด้านนอกด้วยสีหน้าประจบ หางของมันมีกระเทียมต้นหอมขึ้นฉ่ายติดมาด้วย “อาจารย์ไป๋ ข้าเด็ดกระเทียมที่ท่านเทพอวิ๋ นต้องการมาแล้ว อีกทั้งล้างสะอาดแล้วสามารถใช้ได้เลย! ข้ายังเด็ดต้นหอม ขิง ขึ้นฉ่ายและพริกมาด้วย ท่านให้ข้านำไปวางบริเวณไหนดี ต้องการให้ข้าหั่นให้หรือไม่”
“อ่อ เสี่ยวหวง เจ้าส่งเข้าไปในห้องครัวได้เลย เจ้าหนูกำลังทำอยู่” ชายแก่ชี้ไปยังทิศทางของห้องครัว
“ได้ขอรับ!” เสี่ยวหวงกำลังจะลอยเข้าไปในห้องครัว
“เอ๊ะ เดี๋ยว!” ชายแก่โบกมือเรียกเขาอีกครั้ง ก่อนจะยกชามที่ล้างเสร็จไปให้ “รบกวนเจ้าส่งชามเหล่านี้เข้าไปด้วย เจ้าหนูต้องการรีบใช้”
“ได้!” เสี่ยวหวงยื่นขาหน้าทั้งสองข้างออกมารับ ก่อนจะลอยไปยังห้องครัวด้านหลังอย่างรวดเร็ว
ซื่อไป๋”…”
ทำไมมีความรู้สึกไม่ได้อยู่ในช่องเดียวกันกับทุกคน
เสี่ยวหวงลอยจากไปไม่นาน ทางห้องครัวก็มีเสียงของอวิ๋นเจี่ยวดังขึ้น “ชายแก่ กินข้าว!”
“มาแล้ว!” คูณสอง!
คู่หูล้างจานตอบรับอย่างพร้อมเพรียง ราวกับเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าตนเองมีวิชาเวทย์มนต์ พวกเขาต่างร่ายวิชาเวทย์ธาตุน้ำออกมา จากนั้นนำชามที่ตนเองล้างเสริมเดินเข้าไปหาต้นเสียง
ซื่อไป๋ทำได้เพียงเดินตามขึ้นไป ทันทีที่ก้าวขาเข้าไปในห้องครัว เขาก็พบกับข้าวเต็มโต๊ะ กลิ่นหอมกรุ่นเตะจมูก ส่วนข้างโต๊ะมีคนที่คุ้นเคยนั่งอยู่ เขานั่งตัวตรงด้วยสีหน้าเรียบ เฉย มือถือชามเปล่า มีเพียงดวงตาที่จ้องมองไปยังบนโต๊ะอย่างไม่กะพริบ
ข้างตัวเขามีร่างที่คุ้นเคยอีกคนยืนอยู่ เธอหยิบชามเปล่าในมือของเขา ก่อนจะตักน้ำแกงส่งคืนไป เธอคืออวิ๋นเจี่ยวศิษย์ตัวน้อยที่ไม่เจอกันนาน บนตัวของเธอยังมีผ้ากันเปื้อนผูก กเอาไว้
“ศิษย์ตัวน้อย!” อิ้งหลุนเรียกออกมาด้วยความดีใจ นึกถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นในหลายวันนี้ ทันใดนั้นก็มีความรู้สึกอยากร้องไห้ “เจ้ากลับมาแล้ว เหตุใดจึงนานเพียงนี้”
“พวกท่านกลับมาแล้วเหรอ!” อวิ๋นเจี่ยวผงะเมื่อเห็นอิ้งหลุนและซื่อไป๋
เยี่ยยวนที่ดวงตาลุกวาวถือชามน้ำแกงอยู่มืดมนลงทันที ร่างทั้งร่างแผ่ไอเย็นออกมา
“ทางนั้นเกิดปัญหาเล็กน้อย ดังนั้นจึงล่าช้า…ข้าค่อยเล่าให้ท่านฟังทีหลัง กินข้าวก่อน!” อวิ๋นเจี่ยวไม่คิดจะอธิบายมาก เธอมองไปยังไป๋อวี้อย่างคุ้นชิน “ชายแก่ชามล้างเสร็จหรือยัง ง รีบไปตักข้าว!”
“อ่อ” ชายแก่รีบถือชามเดินไปทางหม้อข้าว
อิ้งหลุนและซื่อไป๋เดินตามขึ้นไป ยังเดินไปไม่ถึงรัศมีสามเมตรจากโต๊ะกินข้าว กำแพงที่มองไม่เห็นปรากฏขึ้นตรงหน้า กีดขวางทั้งสองคนเอาไว้อยู่ด้านนอก
ทั้งสองคนไม่ทันสังเกตจึงเดินชนเข้าไปอย่างจัง ส่งเสียงดังก้อง
“เฮ้ย เยี่ยยวน เจ้าทำอะไร” ซื่อไป๋คลำหัวถูกชนจนเจ็บ ก่อนจะหันมาถลึงตาใส่คนบางคน “หมายความว่าอย่างไร อยากมีเรื่องเหรอ!” คนกลับมาแล้ว จะกีดขวางเขาทำไม
สีหน้าของเยี่ยยวนดำทะมึน พลังอาฆาตในร่างกายหลั่งไหลออกมา “ไปให้พ้น!” คนเห็นแก่กินมาเพิ่มอีกสองคน!
ซื่อไป๋หน้าแดงก่ำ ก่อนจะระเบิดทันที ชี้ไปยังเขาด้วยความขุ่นเคือง “เฮ้ย เจ้าพอแล้ว! ข้าขอโทษแล้ว เจ้าคิดว่าข้าอยากอยู่ที่นี่เหรอ ถ้าไม่ใช่เจ้าเสียสติขึ้นมาอย่างกะทันหัน ข้ากลับ บดินแดนเทพไปนานแล้ว ตอนนี้คนกลับมาแล้ว เจ้าพอได้แล้ว!”
สีหน้าของเยี่ยยวนเย็นชากว่าเดิม แต่ก็เปิดปากพูดเพียงคำเดียว “ไปให้พ้น!”
ซื่อไป๋ก็ขุ่นเคืองขึ้นมาเหมือนกัน เขาแสดงสีหน้าไม่ใยดีออกมา “ฮึ! ไปก็ไป! พวกข้าก็ไม่ได้อยากอยู่ที่นี่มาก! อิ้งหลุน พวกเรา…”
“ข้าอยาก!” เขายังพูดไม่ทันจบ อิ้งหลุนรีบยกมือขึ้นข้างหนึ่ง ก่อนจะขายเพื่อนร่วมทีมอย่างเด็ดเดี่ยว เขาตะโกนออกมาเสียงดัง “เมื่อกี้ข้ายังช่วยล้างจาน!” พูดจบก็เดินออกไปด้า านข้างหนึ่งก้าวใหญ่ เขาเดินห่างจากซื่อไป๋ทันที ใช้การกระทำแสดงให้เห็นถึงความประสงค์ของเขา!
“จริงๆ นะ ศิษย์ตัวน้อย! ชามข้าเป็นคนล้างกับตาไป๋ ไม่เชื่อเจ้าถามเขาได้!” ข้าไม่กินข้าวเสียเปล่า เขาแตกต่างจากซื่อไป๋
อวิ๋นเจี่ยว “…”
ชายแก่ “…”
ซื่อไป๋ “…” เฮ้ย! ข้าล่ะ?
อวิ๋นเจี่ยวปากกระตุก ก่อนจะถอนหายใจมองไปยังเยี่ยยวน “อาจารย์ปู่…” ช่างเถิด อย่างน้อยผักก็มาจากทางอิ้งหลุน อย่างน้อยไว้หน้าเขาเสียหน่อย
เยี่ยยวนเก็บสายตากลับมา ก่อนจะยกชามขึ้นดื่มน้ำแกง แต่กำแพงด้านหน้าของอิ้งหลุนหายไปแล้ว เขานั่งลงบนโต๊ะได้สำเร็จ มีเพียงซื่อไป๋ที่ยังถูกรั้งเอาไว้!
ครานี้ไม่เพียงแต่อิ้งหลุน อวิ๋นเจี่ยวก็ไม่ออกเสียง เพราะเรื่องที่ถูกจับครั้งก่อนเธอยังจำได้! เธอไม่ใช่คนนิสัยดีอะไร
ดังนั้นทั้งสี่คนเริ่มกินข้าวขึ้นมาต่อหน้าใครบางคน
“…” รู้สึกเหมือนตนเองถูกกีดกัน!