สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?! - ตอนที่ 235 ความรู้สึกแปลกประหลาด
“จริงหรือ!”
หลังได้ยิน ใจที่หวาดหวั่นของเหลิ่งอวี้เซวียนสงบลงในที่สุด
สวรรค์รู้ดีว่าหลายปีมานี้ เขาไม่เคยกังวลเช่นนี้มาก่อน
ทว่าทั้งหมดนี้เป็นเพราะสาวน้อยที่ยิ้มแย้มดุจบุปผาตรงหน้านี้
รอยยิ้มของเธอ ใสซื่อ สวยงามเช่นนี้
คล้ายกับบัวหิมะบริสุทธิ์ สวยงามเหนือธรรมดา
และดวงตาคู่งามแฝงรอยยิ้มของเธอนั้น กระจ่างใสบริสุทธิ์ ราวกับบ่อน้ำที่สะอาดที่สุดบนโลกนี้ สามารถขจัดความสกปรกทั้งหมดบนโลกให้หมดไปได้
ขาวบริสุทธิ์ดังดอกบัว ขาวผ่องดังหิมะ หญิงสาวเช่นนี้หาได้ยากยิ่งนัก!
ตอนนี้เมื่อถูกเขาพบเจอ เขาต้องทนุถนอมไว้ให้ดี
ดังนั้นสำหรับการหลบหน้า หวาดกลัวของเธอ จึงทำให้เขาลำบากใจ
รู้ว่าเธอเพราะเรื่องครั้งก่อนจึงหวาดกลัวเขา เขาขอโทษจากใจจริง อ้อนวอนเพื่อเธอให้อภัย
เวลานี้การให้อภัยของเธอ ทำให้เหลิ่งอวี้เซวียนดีใจอย่างมาก
ก้อนหินขนาดใหญ่ที่กดทับอยู่ในใจ ถูกเคลื่อนย้ายลงไป
ทันใดนั้นยกยิ้มมุมปากอย่างสดใสขึ้นมา
“ฮ่าๆ เจ้าอภัยให้ข้า ดียิ่งนัก!”
ชายหนุ่มหัวเราะสดใส เพราะดีใจ จึงอดอุ้มสาวน้อยขึ้นไม่ได้ ก่อนหมุนตัวไปรอบๆ
สำหรับท่าทางดีใจมีความสุขเกินไปของชายหนุ่ม ซินเอ๋อร์ร้องออกมาคำหนึ่ง เพราะตกใจ ทว่าเมื่อเห็นใบหน้ายิ้มแย้มมีความสุขของเขา ในใจกลับหวานชื่น
ผ่านไปนาน หลังเหลิ่งอวี้เซวียนดีใจเสร็จ เริ่มจับมือซินเอ๋อร์ฝึกเขียนอักษรอีกครั้ง
เหลิ่งอวี้เซวียนเขียนอักษรได้งดงาม ซินเอ๋อร์ทราบอยู่แล้ว
ดังนั้น เมื่อมีเหลิ่งอวี้เซวียนเป็นอาจารย์สอนคัดอักษร เธอย่อมยินยอม
แต่การจับมือสอนคล้ายเช่นในตอนนี้ กลับทำให้ซินเอ๋อร์อึดอัดใจ
เพราะตั้งแต่เด็กจนโต เธอไม่เคยใกล้ชิดกับชายใดเช่นนี้มาก่อน
แต่เวลานี้ ชายหนุ่มยืนอยู่ด้านหลังเธอ แม้ร่างกายพวกเขาจะไม่ได้แนบชิดกัน แต่เพราะระยะห่างที่ใกล้ชิด กลิ่นดอกอวี๋หลันขาวจางๆ บนกายชายหนุ่มนั้น จึงห่อหุ้มร่างกายของเธอเอาไว้
เมื่อได้สูดดม ล้วนได้กลิ่นกายของอีกฝ่าย
ส่วนมือใหญ่ของชายหนุ่ม เวลานี้กุมมือเล็กของเธอแน่น ก่อนตัวอักษรค่อยๆ ถูกเขียนลงบนกระดาษสีขาว
ตอนนี้ซินเอ๋อร์พบว่า มือใหญ่ของชายหนุ่มกลับใหญ่เช่นนี้
เพียงมือเดียวสามารถกุมมือเล็กของเธอไว้ได้จนหมด
และมือของชายหนุ่มสวยงามเสียจริง
นิ้วเรียวยาว ข้อกระดูกเด่นชัด กระทั่งเล็บมือนั้นถูกตัดแต่งอย่างเป็นระเบียบ สะอาดสะอ้าน
แสงอาทิตย์ในยามบ่ายฤดูใบไม้ผลิ คล้ายใบหน้าจิ้มลิ้มเหนียมอายของสาวน้อย แสงอาทิตย์อบอุ่นนั้น อ่อนโยนและเจิดจรัส
แสงอาทิตย์ดังเส้นไหมสีทองนั้น สาดลงมาอย่างอ่อนโยน สว่างไสวไปทั้งห้อง และสายลมพัดเอื่อย แฝงกลิ่นหอมของดอกอวี๋หลันขาว ทำให้ทั้งห้องหอมสดชื่น
รอบด้านเงียบงันอย่างมาก จนได้ยินเสียงลมพัดหนังสือที่ดังออกมา
สายลมและบรรยากาศยามบ่ายสวยงามเช่นนี้ ทำให้ผู้คนชอบใจเสียจริง
แต่เวลานี้ ใจของซินเอ๋อร์กลับเกิดความผิดปกติขึ้น
รู้สึกว่าร่างกายของเธอเอนซบเข้าไปในอ้อมกอดของชายหนุ่ม
แม้ร่างกายของพวกเขา ความจริงไม่ได้แนบชิดกัน แต่การสัมผัสที่ล่อแหลมนี้ กลับทำให้เธอกังวลใจ
และใบหน้าของอีกฝ่าย เข้าใกล้ใบหน้าด้านข้างของเธอ ลมหายใจอบอุ่นของอีกฝ่าย พ่นรดต้นคอของเธอ ร้อนผ่าว จักจี้ และวาบหวิว กระทั่งใบหูของเธอคล้ายร้อนผ่าวขึ้นมา
สุดท้ายเธอรู้สึกเพียงมีกระแสไฟฟ้าอันวาบหวิว กำลังทะลุจากใบหูของเธอไปทั่วร่างกาย
และทำให้หัวใจของเธอเต้นเร็วขึ้นอย่างควบคุมไม่อยู่
เสียงหัวใจ ‘ตึกตักตึกตัก’ ในยามบ่ายที่เงียบงัน ดังกังวานขึ้นมา
ขณะซินเอ๋อร์คิดอย่างเหลวไหล จู่ๆ ได้ยินเสียงแหบพร่ามีเสน่ห์ของชายหนุ่มดังขึ้น
“เขียนเรียบร้อยแล้ว เจ้ากำลังคิดสิ่งใด ใบหูจึงแดงก่ำเช่นนี้!”
“เอ่อ”
หลังได้ยินคำถามชายหนุ่ม ซินเอ๋อร์พลันได้สติ ก่อนหันกลับไป เมื่อสบเข้ากับดวงตาดำขลับลึกล้ำของชายหนุ่มคู่นั้น ซินเอ๋อร์พลันตกใจ ใบหน้าดูเก้อเขิน พลันหลุบดวงตาคู่งามลง
เพราะสายตาชายหนุ่มเฉลียวฉลาดคมกริบเช่นนี้ เธอกลัวว่าหากสบตาชายหนุ่มนานเข้า จะถูกเขาล่วงรู้ความในใจของตน
ความจริงเธอไม่รู้ว่าชายหนุ่มล่วงรู้จากสีหน้าแดงก่ำของเธอตั้งแต่แรกแล้ว
ขณะซินเอ๋อร์ก้มหน้าหลุบสายตาลงอย่างเขินอาย ดวงตาดำขลับคู่งามนั้นเป็นประกายชั่วขณะ ก่อนยิ้มมุมปาก
ซินเอ๋อร์ไม่รู้เรื่องเหล่านี้ เพียงเพื่อคิดเปลี่ยนหัวข้อการสนทนา สายตาพลันมองไปยังอักษรที่พวกเขาเขียนเมื่อครู่ เมื่อครู่ตนมัวใจลอยจึงไม่ทันสังเกต ตอนนี้จึงพบว่าสิ่งที่ชายหนุ่มจับมือเธอเขียนออกมา กลับคือชื่อของตน
“หรงซินเอ๋อร์ ฮ่า ๆ นี่คือชื่อของข้า!”
“อืม ถูกต้อง”
เห็นซินเอ๋อร์ยิ้มแย้ม เหลิ่งอวี้เซวียนยิ้มมุมปากอย่างมีความสุข
“ฮ่า ๆ ท่านเขียนได้งดงามยิ่งนัก งามกว่าฝีมือข้ามากมาย!”
ซินเอ๋อร์เอ่ยตามความจริง
เห็นเพียงอักษรสามตัวด้านหน้านี้ ทุกอักษร แข็งแรงทรงพลัง โดดเด่นสง่างาม จากตัวอักษรเพียงพอให้รู้ถึงบุคลิกของผู้เขียน
ซินเอ๋อร์คิดในใจ และชื่นชอบอย่างยิ่ง
หลังขบคิด เงยหน้ามองชายหนุ่ม ก่อนเอ่ยถามอย่างระมัดระวังว่า
“นี่ มอบให้ข้าได้หรือไม่!”
เพราะนี่คืออักษรที่พวกเขาเขียนร่วมกันครั้งแรก เธอต้องการเก็บไว้เป็นของที่ระลึก
เหลิ่งอวี้เซวียนได้ยิน มองใบหน้าสดใสงดงามของสาวน้อย อดยิ้มกว้าง เลิกคิ้วถามขึ้นไม่ได้
“เหตุใดจะไม่ได้กันเล่า!”
“ฮ่า ๆ ขอบคุณ!”
หลังได้ยิน ซินเอ๋อร์ดีใจอย่างยิ่ง
หลายวันต่อมา ทุกวันยามบ่ายเหลิ่งอวี้เซวียนมักไปที่หอหนังสือตามหาซินเอ๋อร์ จากนั้นทั้งสองคนจะฝึกคัดอักษรอยู่ในห้องหนังสือ
และหลังเหลิ่งอวี้เซวียนสอนซินเอ๋อร์ได้สองวัน ซินเอ๋อร์เริ่มฝึกคัดอักษรเพียงลำพังได้
เพราะเหลิ่งอวี้เซวียนงานยุ่ง ทุกวันต่างมีงานที่จัดการไม่เรียบร้อย แต่เพื่อสามารถให้มีเวลาอยู่กับซินเอ๋อร์มากขึ้น เขาจึงนำงานทั้งหมดของตนกลับมาจัดการในห้องหนังสือ เวลาออกไปด้านนอก ยิ่งน้อยลง
ส่วนใหญ่มีลูกน้องของเขามาที่ห้องหนังสือ เพื่อหารือเรื่องการค้า
และหลายวันนี้ ภายในห้องหนังสือกว้างขวาง มีโต๊ะใหม่ทำจากไม้มู่ถานเพิ่มขึ้นมาหนึ่งตัว และเจ้าของโต๊ะนี้คือซินเอ๋อร์
ทุกวันเหลิ่งอวี้เซวียนจะออกไปด้านนอกช่วงเช้า กลางวันกลับมา ทุกวันเขาจะจัดการงานอยู่ในห้องหนังสือ และตรงข้ามเขา ทุกวันยามบ่ายจะมีซินเอ๋อร์ที่เข้ามาฝึกคัดอักษร
ซินเอ๋อร์ชื่นชอบอ่านหนังสืออย่างมาก และยังตั้งใจพยายาม
ดังนั้น เพราะเช่นนี้การเขียนอักษรตอนนี้ นับวันยิ่งดีขึ้นเรื่อยๆ
สำหรับเรื่องนี้ เหลิ่งอวี้เซวียนชอบใจอย่างยิ่ง
เพราะสิบแปดปีมานี้ เขารู้สึกว่าวันเวลาในตอนนี้ คือช่วงที่เขาชื่นชอบที่สุด
ก่อนหน้านี้ แม้เขาจะมีเงิน และความมั่งคั่งนับวันยิ่งเพิ่มพูน แต่ยิ่งมั่งคั่ง กลับทำให้ใจเขายิ่งโดดเดี่ยว
แต่เวลานี้กลับแตกต่างออกไป
ทุกวันที่เขาเงยหน้าขึ้นจากสมุดบัญชี สิ่งที่เห็นคือใบหน้าประณีตงดงามของสาวน้อยนั้น
สาวน้อยที่ทุกวันฝึกคิดอักษรอย่างจริงจัง ตั้งใจ และทุ่มเท
และเขารักสีหน้าจริงจังนิ่งเงียบดังสายน้ำนี้ของเธอ
ส่วนใหญ่ เขาจะละสายตาจากทำงาน ค่อยๆ มองไปที่ใบหน้างดงามของสาวน้อย มองท่าทางจริงจังนิ่งเงียบของเธอนั้น มองทุกท่วงท่าอันสง่างามของเธอ ช่างมีความสุขเสียจริง
และสำหรับสายตาร้อนแรงของชายหนุ่ม ซินเอ๋อร์กลับไม่รู้ตัว
เพราะซินเอ๋อร์จดจ่ออยู่กับการเรียน และทุกเรื่องที่ทำต่างมักทุ่มเทสมาธิเข้าไป
สติปัญญาทั้งหมด จดจ่ออยู่กับสิ่งที่ทำ
ดังเช่นเวลานี้ สายตาของเธอจับจ้องอยู่บนกระดาษสีขาวนั้น ก่อนหยิบพู่กันเขียนอักษรลงไปอย่างช้าๆ และอักษรที่เธอเขียนในวันนี้คือ…
“ฮ่า ๆ เหลิ่งอวี้เซวียน เจ้ากำลังเขียนชื่อของข้าหรือ!”
จู่ๆ ได้ยินเสียงทุ้มมีเสน่ห์ดังขึ้น ซินเอ๋อร์ที่เพิ่งวางพู่กันในมือหลังได้ยิน พลันตกใจอย่างหนัก ก่อนหันกลับไปมอง สบตากับดวงตาดำขลับแฝงรอยยิ้มความสุขหลายส่วนของชายหนุ่มเข้าพอดี
เห็นเช่นนั้นใบหน้าจิ้มลิ้มเก้อเขิน สิ่งแรกที่ทำคือยื่นมือหยิบอักษรที่ตนเพิ่งเขียนเสร็จซ่อนไว้ด้านหลัง
“เหตุใดจู่ๆ ท่านจึงมาอยู่ด้านหลังข้า!”
ซินเอ๋อร์ร้องอย่างตกใจ ใบหน้าเขินอายอย่างหนัก ในใจหงุดหงิด
วันนี้จู่ๆ เหตุใดจึงเขียนอักษรสามตัวนี้ออกมากัน!
และถูกเขาเห็นเข้าพอดี ไม่รู้จริงๆ ตอนนี้เขาจะคิดเช่นไร
ยิ่งคิด ซินเอ๋อร์อับอายจนแทบอยากแทรกแผ่นดินหนี
ดวงตาเปี่ยมด้วยความเขินอายคู่นั้น หลุบลงต่ำ ไม่กล้ามองหน้าชายหนุ่ม
เพราะเธอกลัวจะเห็นสายตาหยอกล้อของเขา
แต่ขณะซินเอ๋อร์คิดในใจ เธอรู้สึกแน่นที่คาง เพราะคางของเธอถูกคนใช้นิ้วดันให้เงยขึ้นมา
เพียงเงยหน้าขึ้น สบเข้ากับดวงตาลึกล้ำคู่นั้นของชายหนุ่ม ซินเอ๋อร์อดกังวลในใจไม่ได้
เพราะสายตาชายหนุ่มเวลานี้ ไม่ได้มีร่องรอยของการหยอกล้อ แต่กลับสนใจ จริงจัง ลึกล้ำ และเปี่ยมด้วยความรัก!
ความรักหรือ!
เธอตาฝาดหรือ!
มิฉะนั้น เหตุใดเธอจึงเห็นสายตาเปี่ยมด้วยความรักอันลึกซึ้งเช่นนี้จากชายหนุ่ม!
ซินเอ๋อร์สงสัยในใจ สำหรับสายตาชายหนุ่มเธอกังวลและหวั่นวิตกบางส่วน
ส่วนชายหนุ่มมองเธอเงียบๆ อย่างใส่ใจ โดยไม่ละสายตา
เวลาผ่านไปนาทีแล้วนาทีเล่า
รอบด้านเงียบงันอย่างมาก ทั้งสองคนไม่พูดจา ก่อนบรรยากาศจะค่อยๆ คล้ายเปลี่ยนไปละมุนอ่อนหวานขึ้นมา
แต่เพราะเช่นนี้ ใจของซินเอ๋อร์จึงยิ่งกังวล ก่อนยื่นมือปิดบังดวงตาของชายหนุ่มไว้ ก่อนเอ่ยอย่างเขินอายและตกใจขึ้น
“ท่านห้ามมองข้าเช่นนี้!”
ซินเอ๋อร์ร้องตกใจ ทว่ามือที่ปิดดวงตาของชายหนุ่ม ไม่นานถูกมือใหญ่ของชายหนุ่มปลดลง
มือใหญ่ของชายหนุ่มหนา อบอุ่นอย่างยิ่ง เช่นเดียวกับสายตาที่เขามองเธออย่างร้อนแรง!
“เพราะเหตุใด!”
ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นด้วยเสียงทุ้มต่ำแหบพร่า แต่กลับมีเสน่ห์มากมาย
คล้ายสุราชั้นดีที่หมักบ่มเป็นเวลานาน เพียงเปิดฝาขึ้น กลิ่นหอมของสุราอันอบอวลนั้น พลันโชยออกมา ไม่ทันดื่มผู้คนก็เมามายเสียแล้ว!
เมื่อเผชิญหน้ากับความสงสัยของชายหนุ่ม ทันใดนั้นซินเอ๋อร์ไม่รู้ควรตอบเช่นไรดี
เพราะสายตาของชายหนุ่ม ไม่เคยลึกล้ำเช่นนี้มาก่อน
ราวกับบ่อน้ำลึกอันมืดมิด แฝงด้วยเสน่ห์ เมื่อสบตาเข้า วิญญานของตนถูกดึงดูดเข้าไป จนไม่อาจถอนตัวขึ้นมาได้
ดังนั้น เธอจึงหวาดกลัว!
เพราะเธอคล้ายรู้สึกว่า เรื่องเช่นนี้ไม่ควรเกิดขึ้น
แม้ชายผู้นี้จะดีอย่างมาก แต่หูพลันได้ยินเสียงสั่งเสียก่อนตายของมารดาดังขึ้นมา
ซินเอ๋อร์ เจ้าต้องดูแลตนเองและน้องชายให้ดี และคำพูดของบุรุษ เชื่อถือไม่ได้!
คำพูดของมารดา สลักอยู่ในใจของเธอตลอดเวลา
และเมื่อนึกถึงสิ่งที่บิดาทำกับมารดาและพวกเธอ ซินเอ๋อร์พลันหวาดกลัว
บุรุษ เชื่อถือไม่ได้จริงหรือ!
แม้เธอจะรู้สึกว่าชายหนุ่มตรงหน้านี้ จะแตกต่างจากชายอื่น
แต่เธอกลับไม่กล้าเสี่ยงอันตราย
ดังนั้น เธอจึงไม่อาจให้เป็นเช่นนี้ต่อไปอีกเด็ดขาด
“ขออภัย ข้า ข้า…”
ซินเอ๋อร์ก้มหน้าลง เอ่ยบางอย่าง
แต่เธอยังพูดไม่จบ ริมฝีปากเล็กของเธอพลันถูกมือใหญ่ปิดบังเอาไว้
“ตอนนี้ไม่ต้องเอ่ยสิ่งใด”
อาจเพราะรู้ว่าสาวน้อยจะเอ่ยคำพูดที่ตนไม่ชอบฟังออกมา ชายหนุ่มจึงขมวดคิ้วมุ่น เอ่ยปากขึ้น
หลังได้ยิน ซินเอ๋อร์เพียงเม้มริมฝีปากไม่พูดจา
สุดท้ายเหลิ่งอวี้เซวียนเพียงมองซินเอ๋อร์ที่ก้มหน้าหลุบสายตา ไม่พูดจา ก่อนกลับไปยังที่นั่งของตน นั่งจัดการเรื่องของตนต่อ
ส่วนซินเอ๋อร์เพียงยื่นนิ่งอยู่ตรงนั้น มองชายหนุ่มที่จดจ่ออยู่กับงานแวบหนึ่ง ก่อนมองเครื่องเขียนบนโต๊ะด้านหน้า แล้วหยิบพู่กัน แต่กลับไม่เขียนอักษรออกมาแต่แต่ตัวเดียว
เหตุใด ในใจจึงคล้ายอึดอัดเช่นนี้!
…
สองวันผ่านไป ซินเอ๋อร์และเหลิ่งอวี้เซวียนเป็นดังปกติ
ทว่าในวังกลับยิ่งวุ่นวายมากขึ้น
ซินเอ๋อร์มีแววตาตื่นเต้นดีใจอย่างมาก หลังได้รู้ความจริงว่าการแสดงความสามารถด้านศิลปะที่มีเพียงปีละครั้งจะเริ่มขึ้นแล้ว
การแสดงความสามารถด้านศิลปะที่มีปีละครั้งนี้ คือกิจกรรมที่ ‘หอสุราดับทุกข์’ จัดขึ้นในทุกปี
ว่ากันว่าเพื่อกระจายชื่อเสียงของ ‘หอสุราดับทุกข์’ ดังนั้นเวลานี้ของทุกปี เหลิ่งอวี้เซวียนจะใช้เงินจำนวนมาก เพื่อจัดการแสดงความสามารถด้านศิลปะขึ้นมา และปีนี้จัดขึ้นที่ ‘หอสุราดับทุกข์’ ในเมืองหลวงเป็นครั้งแรก ดังนั้นจึงวางแผนจัดอย่างเอิกเกริก!
และเพราะเหลิ่งอวี้เซวียนย้ายงานส่วนใหญ่กลับมาจัดการที่วัง ดังนั้นพักนี้จึงมีคนเข้าออกวังมากมาย
วันนี้ลือกันว่ามีคณะนางรำเข้ามาในวัง เพื่อแสดงการร่ายรำของพวกเธอให้เหลิ่งอวี้เซวียนชม
และสถานที่แสดงคือตำหนักสงบใจแห่งนี้
ตำหนักสงบใจสมกับชื่อ!
ทิวทัศน์รอบด้านต่างรังสรรค์อย่างเรียบง่ายสง่างาม
ช่วงต้นฤดูใบไม้ผลิ แผ่นดินกลับคืนมา สิ่งต่างๆ ฟื้นคืนชีพ และสายลมเย็นพัดเอื่อย
ด้านในตำหนักสงบใจ หน้าต่างประตูลายสลัก ภูเขาจำลองน้ำตก อาคารเรือนพัก เส้นทางคดเคี้ยว ทุกสิ่งทุกอย่าง ล้วนทำให้คนรู้สึกผ่อนคลาย
เวลานี้ภายในตำหนักสงบใจ ม่านมุกเอนไหว ม่านโปร่งพริ้วไหว บนกำยานด้านข้าง จุดจันทน์หอมขึ้น จนควันลอยล่องขึ้นมา ก่อนส่งกลิ่นหอมของดอกกุหลาบอันเย้ายวนใจอบอวลไปทั่วห้อง
แต่ตอนนี้บนโต๊ะไม้จื่อถานด้านหน้าตำหนักสงบใจ กำลังมีชายหนุ่มรูปร่างสูงโปรงนั่งอยู่
เห็นเพียงชายหนุ่มสวมเสื้อคลุมสีม่วงห่อหุ้มกาย บนเนื้อผ้าชั้นดีนั้น ปักลวดลายเมฆมงคลด้วยด้ายสีทองผสมเงิน รัดเอวด้วยสายคาดเอวทอง ทำให้ชายหนุ่มสูงส่งน่าเกรงขาม