สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?! - ตอนที่ 295 พบหน้าครอบครัวฝ่ายชาย (รีไรท์)
หลังกลับมาที่ตำหนักเฟยหลง เพียงนั่งลง ก็มีขันทีเดินเข้ามาเอ่ยบางสิ่งกับเหลิ่งอวี้เซวียน หลังได้ยินเหลิ่งอวี้เซวียน พลันดีใจ รีบหันหน้ากล่าวยิ้มๆ กับซินเอ๋อร์ว่า
“ซินเอ๋อร์ เสด็จพ่อและเสด็จแม่ของข้ามาถึงแล้ว ไป ข้าจะพาเจ้าไปพบพวกท่าน!”
เหลิ่งอวี้เซวียนเอ่ยถึงตรงนี้ ใบหน้าหล่อเหลาตื่นเต้นดีใจอย่างที่สุด
ตรงข้ามกับความตื่นเต้นดีใจของเหลิ่งอวี้เซวียน ซินเอ๋อร์หลังได้ยินหัวใจกลับพลันกังวลขึ้นมา
เสียงหัวใจเต้น ‘ตึกตักตึกตัก’ อย่างรุนแรง คล้ายจะทะลุออกมาจากหัวใจของเธอ
เพราะนี่คือครั้งแรกที่เธอจะได้พบกับเสด็จพ่อและเสด็จแม่ของเหลิ่งอวี้เซวียน
รวมทั้งพวกเขาไม่ใช่คนธรรมดา หากเซวียนคือราษฎรธรรมดา ซินเอ๋อร์อาจรู้สึกดีกว่านี้เล็กน้อย
แต่เพียงนึกถึง พวกเขาเป็นถึงท่านอ๋องและพระชายา ซินเอ๋อร์ตกใจจนหัวใจเต้นผิดจังหวะ
เลือดทั้งร่างกายก็บีบแน่นขึ้นมา
ใบหน้าอ่อนช้อยนั้นเต็มไปด้วยความหวาดวิตก
เพราะเธอหวาดกลัว
อาจเพราะเพียงมองก็รับรู้อารมณ์ของซินเอ๋อร์ เหลิ่งอวี้เซวียนจึงชะงัก ก่อนมีสีหน้าอ่อนโยนลง กุมมือของซินเอ๋อร์ขึ้นจุมพิตเบาๆ ก่อนเอ่ยขึ้น
“ซินเอ๋อร์ เจ้าไม่ต้องกังวล เสด็จพ่อและเสด็จแม่ของข้าไม่ได้กินคน ดูเจ้าตกใจจนสีหน้าซีดเซียวหมดแล้ว นอกจากนี้เสด็จพ่อของข้าค่อนข้างเงียบขรึม แต่เสด็จแม่สดใสอย่างยิ่ง ประเดี่ยวเสด็จแม่ของข้าเห็นเจ้า ต้องชื่นชอบเจ้ามากแน่นอน”
“จริงหรือ เสด็จแม่ของท่านจะชอบข้าจริงหรือ!”
หลังได้ยินคำพูดของเหลิ่งอวี้เซวียน ซินเอ๋อร์ที่กังวลใจ อดสงบใจลงไม่ได้ ทันใดนั้นคล้ายฉุกคิดขึ้นมาได้ จึงเอ่ยถามขึ้น
“หากเสด็จแม่ของท่านชอบข้า แต่เสด็จพ่อของท่านไม่ชอบข้าเล่า!”
พอคิดถึงตรงนี้ ซินเอ๋อร์ตกใจจนแทบจะร้องไห้ออกมา
“เช่นนั้น ข้า ข้ายังไม่ต้องเจอเสด็จพ่อและเสด็จแม่ของท่านได้หรือไม่ ข้ากลัว…”
“ฮ่า ๆ เด็กโง่ของข้า ไม่หรอก เสด็จพ่อของข้าต้องชื่นชอบเจ้าเช่นกัน และความจริงเพียงเสด็จแม่ข้าชื่นชอบ เสด็จพ่อย่อมคล้อยตามไปด้วย”
เพียงนึกถึงบิดาและมารดาที่รักผูกพันกันคู่นั้น เหลิ่งอวี้เซวียนอดเผยสีหน้าอบอุ่นออกมาไม่ได้
เพราะกำเนิดเป็นเชื้อพระวงศ์ จะมีผู้คนมากน้อยเพียงใดที่รู้สึกถึงความสุข
ชายหนุ่มมีอำนาจฐานะพวกนั้น ส่วนใหญ่ต่างมีอนุภรรยามากมาย บุตรสาวบุตรชายเป็นกลุ่ม ขับเคี่ยวกันทุกวิถีทาง เพื่อให้ตายกันไปข้าง ทำให้ครอบครัวเปลี่ยนไปวุ่นวาย ไม่สงบสุข
แต่บิดามารดาของเขากลับไม่ใช่เช่นนั้น
ตั้งแต่เด็ก เหลิ่งอวี้เซวียนเห็นบิดาตนรักใคร่มารดาดุจของล้ำค่า หลายปีผ่านไป ความรักที่บิดามีต่อมารดา เสมอต้นเสมอปลายดังวันแรก
แม้พวกเขาที่เป็นบุตรธิดา ต้องยืนอยู่ด้านข้าง
ดังนั้น เหลิ่งอวี้เซวียนจึงอิจฉาบิดามารดามาตั้งแต่เด็ก และตั้งปณิธานว่าวันหน้าต้องเป็นดังบิดา ตามหาสตรีที่ตนชื่นชอบให้ได้
เพราะรักคนผู้หนึ่ง ต้องมอบความสุขให้แก่เธอ มิใช่หรือ!
ขณะเหลิ่งอวี้เซวียนคิดในใจ สายตาที่มองซินเอ๋อร์ อ่อนโยนคล้ายสามารถไหลรินเป็นสายน้ำออกมา
เมื่อเห็นสายตาอ่อนโยนอย่างที่สุดของเหลิ่งอวี้เซวียน ซินเอ๋อร์ที่กังวลใจ อดเขินอายไม่ได้
ความไม่สบายใจ พลันสลายลงไปไม่น้อย
เพราะเธอเลือกที่จะเชื่อในคำพูดของเซวียน
และหากบิดามารดาของเขาไม่ชื่นชอบเธอ เช่นนั้น ไม่ว่าวันหน้าจะยากลำบากเพียงใด เธอจะไม่กลัว เธอล้วนจะอยู่กับเหลิ่งอวี้เซวียน ไม่แยกจาก ไม่ทอดทิ้ง!
พอคิดถึงตรงนี้ สายตาที่ซินเอ๋อร์มองเหลิ่งอวี้เซวียน แฝงไปด้วยความหนักแน่นอย่างที่สุด
เห็นชัดว่าเหลิ่งอวี้เซวียนมีความสุขกับสายตาเช่นนี้ของซินเอ๋อร์อย่างยิ่ง ก่อนอดกล่าวยิ้มๆ กับซินเอ๋อร์ไม่ได้
“มา เสด็จพ่อและเสด็จแม่ของข้าอยู่ที่ศาลาว่านเชียน ตอนนี้พวกเราไปทักทายพวกท่านกันเถิด”
“อืม ตกลง”
…
ศาลาว่านเชียน ตั้งอยู่บนทะเลสาบใสสะอาด
เวลานี้คือช่วงเที่ยงวัน ทะเลสาบแวววาว สายลมเย็นพัดเอื่อย จนทะเลสาบกระเพื่อมไปมา
ด้านนอกศาลาว่านเชียน บุปผานานาพันธ์กำลังเบ่งบาน ต้นหญ้าเชียวชอุ่ม ทำให้ทั่วศาลาว่านเชียนสวยงามดังบทกวีภาพวาด
เหลิ่งอี้เซวียนพาซินเอ๋อร์มาถึงด้านนอกศาลาว่านเชียน แม่นมสองคนที่ยืนอยู่ด้านนอกไกลๆ เห็นเหลิ่งอวี้เซวียน พลันรีบเข้าไปรายงานในศาลาว่านเชียนอย่างดีใจ
ไม่นาน สาวงามที่แต่งงานแล้ว รูปร่างอรชร สวมเสื้อผ้าสวยงามผู้หนึ่ง เดินออกมาจากศาลาว่านเชียน
เห็นเพียงหญิงผู้นี้ น่าจะมีอายุราวสามสิบกว่าปี และยังทำทรงผมหญิงที่ออกเรือนไปแล้ว
บนศีรษะเพียงปักปิ่นหยกประณีตด้ามหนึ่ง ทั่วร่างมองเห็นถึงความสูงส่งน่าเกรงขาม สง่าเลิศล้ำ
อวัยวะทั้งห้าบนใบหน้านั้น งามดุจหยก รังสรรค์ขึ้นมาอย่างประณีตสวยงาม โดยเฉพาะดวงตาคู่งามกลมโตและแวววาวนั้น ยามแลซ้ายมองขวา น่าหลงใหลยิ่งนัก!
และหลังจากสาวงามนั้นเดินออกมาจากศาลา ชายร่างสูงใหญ่ พลันเดินออกมาอยู่เคียงข้างกายหญิงสาว
ชายรูปร่างสูงใหญ่ สวมเสื้อคลุมหมางผาวสีดำ ขับเน้นให้เขาน่าเกรงขามและสูงส่งยิ่งขึ้น
ใบหน้านั้นดุจเทพสวรรค์รังสรรค์ออกมาอย่างประณีตสวยงาม เค้าโครงใบหน้าเด่นชัด หล่อเหลาเหนือผู้อื่น
เพียงเดินเข้ามา จึงพบว่าชายผู้นี้ใบหน้าคล้ายคลึงกับเหลิ่งอวี้เซวียนห้าหกส่วน
เห็นเช่นนั้น ซินเอ๋อร์ตะลึงงัน คล้ายคาดเดาได้ถึงสถานะของชายหญิงรูปงามคู่นี้
ในใจแปลกใจ มารดาของเหลิ่งอวี้เซวียน อายุดูยังวัยเยาว์ยิ่งนัก
หากไม่ใช่เธอมีสีหน้าคล้ายคลึงกับเหลิ่งอวี้เซวียนหลายส่วน และเซวียนไม่เคยเอ่ยถึงว่าเขามีน้าหรือพี่สาว เธอต้องคิดว่าหญิงผู้นี้คือพี่สาวของเซวียนแน่นอน
ขณะซินเอ๋อร์สำรวจชายหญิงที่อยู่ในศาลาคู่นั้น
คนด้านในเมื่อเห็นเหลิ่งอวี้เซวียน สายตาต่างมองมายังซินเอ๋อร์เช่นกัน
ชายหนุ่มและหญิงสาวตะลึงงันเล็กน้อย ทันใดนั้นใบหน้าของหญิงสาวเผยรอยยิ้มดีใจออกมา
เมื่อซินเอ๋อร์และเหลิ่งอวี้เซวียนเดินเข้าไปด้านในศาลา เหล่าขันทีและบ่าวไพร่ต่างน้อมทักทายและถอยออกไป ก่อนเหลิ่งอวี้เซวียนจะเอ่ยยิ้มให้แก่บิดารมารดา
“เสด็จพ่อ เสด็จแม่ นี่คือซินเอ๋อร์ที่ลูกกล่าวถึงในจดหมาย ซินเอ๋อร์ มา มาทักทายเสด็จพ่อและเสด็จแม่ของข้าเร็วเข้า!”
เมื่อได้ยินคำพูดของเหลิ่งอวี้เซวียน ซินเอ๋อร์พลันย่อกายให้แก่รุ่ยอ๋องและพระชายา ก่อนเอ่ยขึ้น
“ซินเอ๋อร์คารวะรุ่ยอ๋องแลพระชายาเพคะ”
“ฮ่า ๆ ถือเป็นคนในครอบครัวเดียวกัน ไม่ต้องเกรงใจ”
หลังได้ยินท่าทางหยาดเยิ้ม แฝงความเขินอาย กังวลหลายส่วนของซินเอ๋อร์นั้น มารดาของเหลิ่งอวี้เซวียน ก็คือเล่อเหยาเหยา ยื่นมือออกมากุมมือสาวน้อยด้านหน้า ก่อนยิ้มแย้ม
เห็นชัดว่าเล่อเหยาเหยาพอใจกับสายตาของบุตรชายตนอย่างมาก
เห็นเพียงสาวน้อยตรงหน้า ใบหน้าเรียวเล็กดังพระจันทร์เสี้ยวในฤดูใบไม้ร่วง อวัยวะทั้งห้าบนใบหน้าสวยงาม สะโอดสะอง ผิวเกลี้ยงเกลาดังหยก ราวกับเดินออกมาจากภาพวาด
สิ่งสะดุดตาที่สุดคือ ดวงตากระจ่างใส สวยงามของสาวน้อยคู่นั้น เพียงมองก็รู้ว่าคือคนที่มีจิตใจใสซื่อบริสุทธิ์
เห็นเช่นนั้น เล่อเหยาเหยาย่อมชื่นชอบอย่างยิ่ง
สายตาที่มองซินเอ๋อร์นั้น ระยิบระยับ คล้ายมองเห็นทอง
แต่กลับทำให้ซินเอ๋อร์ละอายใจ ใบหน้าเล็กขาวผ่องสวยงามแดงก่ำ เมื่อถูกเล่อเหยาเหยามอง จนมีสีสันขึ้นมา
เห็นเช่นนั้น เหลิ่งอวี้เซวียนด้านข้างจึงอดยิ้มมุมปาก พร้อมเอ่ยขึ้นไม่ได้
“เสด็จแม่ อย่ามองซินเอ๋อร์เช่นนี้สิพ่ะย่ะค่ะ ซินเอ๋อร์ขี้อาย เขินอายง่าย”
“ฮ่า ๆ ท่านพี่ฟังสิ บุตรชายที่เติบโตแล้ว ลืมเลือนมารดาจริงๆ ข้าเพียงมองลูกสะใภ้ในอนาคตของข้า แต่บุตรชายกลับปวดใจเช่นนี้!”
เล่อเหยาเหยาแสร้งทำสีหน้าเสียอกเสียใจ แต่ความจริงรอยยิ้มที่ดวงตานั้น กลับเผยความในใจของเธอออกมา
เหลิ่งอวี้เซวียนได้ยิน เพียงส่ายหน้าอย่างหมดคำพูด
ส่วนซินเอ๋อร์หลังได้ยินคำพูดของเล่อเหยาเหยา ใจที่หวาดหวั่นพลันสงบลง ก่อนเปลี่ยนไปดีใจ
เพราะมารดาของเซวียนกลับเอ่ยว่า ลูกสะใภ้ในอนาคต!
สวรรค์ นี่แสดงว่ามารดาของเซวียนยอมรับเธอแล้วหรือ!
นี่…นี่ง่ายดายเกินไปแล้ว!
ความจริงเธอยังกังวล หวาดกลัวสุดชีวิต เพราะเซวียนไม่ใช่คนธรรมดา ครอบครัวเขามีอำนาจสูงส่ง ต้องยอมรับหญิงไร้ฐานะไร้เกียรติเช่นเธอเป็นลูกสะใภ้ จะง่ายดายเช่นไร!
เดิมทีคิดว่ารุ่ยอ๋องและพระชายาจะไม่ชื่นชอบเธอ เพราะสถานะของเธอ แต่ตอนนี้ดูแล้วเธอคงคิดมากเกินไป
ขณะซินเอ๋อร์คิดในใจ เหลิ่งอวี้เซวียนด้านข้างคล้ายพยาธิในท้องเธอ ล่วงรู้ความในใจของเธอ พลันยิ้มมุมปาก ก่อนเอ่ยขึ้น
“ฮ่า ๆ ข้าบอกแล้ว เสด็จพ่อและเสด็จแม่ของข้าต้องชื่นชอบเจ้า ตอนแรกเจ้ายังหวาดกลัวสุดชีวิต”
“เซวียน”
เมื่อได้ยินเหลิ่งอวี้เซวียนเอ่ยเช่นนี้ต่อหน้าทุกคน ซินเอ๋อร์ทั้งเขินอาย และทำตัวไม่ถูก เพียงใบหน้านั้นแดงก่ำคล้ายจะหลั่งเลือดออกมา
ทุกคนเห็นต่างพากันหัวเราะ
ต่อมาหลังซินเอ๋อร์และเหลิ่งอวี้เซวียนนั่งลงในศาลา ซินเอ๋อร์สนทนากับแม่สามีในอนาคตอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนเสียงหัวเราะดีใจของเด็กน้อย พลันดังขึ้นมา
ซินเอ๋อร์ได้ยิน อดมองตามไปไม่ได้
เห็นเพียงเด็กน้อยสวมชุดหรูหราสวยงาม รูปโฉมประณีตหลายคน ท่ามการดูแลของเหล่านางกำนัลหลายคน หัวเราะ วิ่งซุกซน รีบร้อนเข้ามาในศาลาว่านเชียน
ซินเอ๋อร์เพ่งมอง เห็นเพียงหนึ่งในกลุ่มเด็กน้อยนี้ อายุมากที่สุดเพียงสิบเอ็ดสิบสองปี เล็กที่สุดอายุเพียงเจ็ดแปดขวบเท่านั้น
ทุกคนต่างดุจเทพ เด็กชายหญิงหน้าตางดงาม น่ารักจนทำให้คนชื่นชอบเพียงมอง
ซินเอ๋อร์เพียงเห็นก็รู้ทันทีว่าเด็กน้อยสี่คนนี้ คือน้องชายและน้องสาวของเหลิ่งอวี้เซวียน
“คารวะเสด็จพ่อ เสด็จแม่”
“ฮ่า ๆ เจ้าเด็กดื้อพวกนี้ ไปเล่นสนุกที่ใดกันมาหรือ ดูพวกเจ้าเล่นจนหน้าผากชุ่มเหงื่อ ระวังจะจับไข้เอาได้”
เพียงเห็นบุตรตัวน้อยที่แสนซุกซนของตน เล่อเหยาเหยามีสีหน้าเอ็นดู ซ้ายมือคือบุตรคนที่สอง ขวามือคือบุตรคนที่สาม ตรงกลางยังอุ้มบุตรคนที่ห้าเอาไว้
สุดท้ายบุตรคนที่สี่ที่ถูกทอดทิ้ง อดใช้ดวงตาคู่งามที่เหมือนกับเล่อเหยาเหยา มองเธออย่างน่าสงสาร
“เสด็จแม่ เช่นนั้นข้าเล่า!”
เด็กชายเอ่ยอย่างน่าสงสารที่สุด ใบหน้าเล็กประณีตดังหยกแกะสลักนั้น ผิวเนียนนุ่ม กลมมน ดูคล้ายซาลาเปาลูกหนึ่ง ทำให้คนที่เห็นอยากเข้าไปกัดสักคำ
เห็นชัดว่าคือเด็กชายอายุเก้าขวบ แต่กายเป็นบุรุษ รูปโฉมกลับคล้ายสตรี หากสวมกระโปรง รับรองว่าคนที่เห็นต้องคิดว่าคือเด็กสาวผู้หนึ่งแน่!
เล่อเหยาเหยาได้ยินคำพูดบุตรคนที่สี่ของตน พร้อมเห็นท่าทางน่าสงสารของเขานั้น ปวดศีรษะอย่างที่สุด
…………………………………………………………………………………..