สลับชะตา ชายามือสังหาร - ตอนที่ 437 เจ้าไม่มีคุณสมบัติในการพบข้า
หลังจากจัวหรานและจัวเซี่ยวได้รับข่าวแล้วจึงรีบออกไปข้างนอก ก็เห็นรถเทียมสัตว์อสูรที่ขโยกขเยกเข้ามาพอดี
รถเทียมสัตว์อสูรมาถึงประตูตระกูลจัวแล้วหยุดลง จัวหรานและจัวเซี่ยวก้าวไปข้างหน้า ก่อนจะคารวะด้วยความเคารพแล้วเอ่ยว่า “ยินดีต้อนรับท่านเจ้าสำนักโจวสู่ตระกูลจัวขอรับ”
ผู้ที่ลงมาจากรถเทียมสัตว์อสูรคือบุรุษหนวดครึ้มปกคลุมถึงข้างแก้มผู้หนึ่ง ซึ่งดูเป็นคนหยาบกระด้าง ประเภทที่ทำได้แค่การต่อสู้อย่างเดียวเท่านั้น
เขาลงมาจากรถเทียมสัตว์อสูรแล้วหมุนกายไปเปิดประตูรถเทียมสัตว์อสูร จากนั้นบุรุษชุดขาวผู้หนึ่งก็ออกมาจากภายในรถเทียมสัตว์อสูร
ถึงแม้ว่าบุรุษผู้นั้นจะสวมอาภรณ์สีขาวตลอดร่าง ก็ยังมิอาจปกปิดความอึมครึมบนร่างเอาไว้ได้เลย
“คารวะท่านเจ้าสำนักโจว” จัวหรานทำความเคารพอีกครั้ง
“อืม” โจวซู่เหรินเชิดจมูกชี้ฟ้าพลางเหลือบมองจัวหรานปราดหนึ่งแล้วเอ่ยว่า “ข้าได้รับคำสั่งให้มาที่นี่เพื่อตรวจสอบกิจธุระของสำนักพยัคฆ์สวรรค์ จะพักอยู่ที่นี่สักสองสามวัน เสียใจด้วยที่ต้องมาอาศัยตระกูลจัวของพวกเจ้า”
“เจ้าสำนักโจวมาพักที่ตระกูลจัวของเรา ถือเป็นโชคดีของพวกเราแล้ว” จัวหรานพูดด้วยรอยยิ้ม
“ข้าได้ยินว่าเรือนที่ดีที่สุดของพวกเจ้าตระกูลจัวยังดีกว่าที่สำนักพยัคฆ์สวรรค์ของข้าเสียอีก ได้ยินว่าชื่ออุทยานบนอะไรสักอย่าง ข้าจะพักที่นั่นแล้วกัน” โจวซู่เหรินพูด
จัวหรานตื่นตระหนกขึ้นมาในใจ ลอบพึมพำว่าเขาเดาถูกจริงๆ โจวซู่เหรินมาที่นี่ จะต้องอยากพักที่อุทยานบนอย่างแน่นอน
โจวซู่เหรินผู้นี้เป็นเพียงแค่เจ้าสำนักย่อยคนหนึ่งเท่านั้น แต่กลับเป็นผู้ที่วางท่าที่สุดในสำนักพยัคฆ์สวรรค์ ทำเรื่องวางอำนาจบาตรใหญ่ไม่น้อยเลย
“ต้องขอโทษท่านเจ้าสำนักโจวจริงๆ ตอนนี้มีแขกท่านหนึ่งพักอยู่ที่อุทยานบนขอรับ” จัวหรานเอ่ย “ตระกูลจัวของเรายังมีเรือนอีกหลัง…”
“อะไรนะ ท่านเจ้าสำนักของพวกเราอยากพักอาศัยที่ตระกูลจัวของพวกเจ้าก็เป็นการไว้หน้าพวกเจ้าแล้ว เจ้ายังกล้าให้เขาไปพักที่อื่นอีกหรือ” เด็กรับใช้ผู้หนึ่งขัดจังหวะคำพูดของจัวหราน แล้วชี้หน้าด่าเขา
“นั่นสิ เจ้าอยากแสดงให้เห็นว่าเจ้าไม่เห็นสำนักพยัคฆ์สวรรค์เราอยู่ในสายตาใช่หรือไม่” เด็กรับใช้อีกคนพูดเสริม
และสารถีผู้นั้นก็จ้องเขาเขม็ง แววโมโหในดวงตาทำให้คนหัวใจสั่นสะท้าน
“เป็นเช่นนี้ใช่หรือไม่” โจวซู่เหรินมองจัวหราน ด้วยท่าทีว่าหากเขากล้าพูดว่าใช่ ก็จะทวงความยุติธรรมจากเขาที่นี่เสียเลย
“หามิได้ๆ พวกเรายังรับการคุ้มครองจากสำนักพยัคฆ์สวรรค์อยู่ จะกล้าทำเรื่องผิดเช่นนั้นได้อย่างไร” จัวหรานเอ่ยอย่างขอโทษขอโพย “เพียงแต่ว่าแขกผู้นี้ได้เข้าไปอาศัยอยู่ตั้งแต่เมื่อหลายวันก่อนแล้ว หากให้เขาจากไปตอนนี้เจ้าสำนักโจวก็ต้องอาศัยอยู่ในสถานที่ที่มีคนอาศัยมาก่อน เช่นนี้จะไม่ผิดต่อเจ้าสำนักโจวหรอกหรือขอรับ”
โจวซู่เหรินรู้สึกว่าที่เขาพูดเช่นนี้ก็ถูก เขาจะไปอาศัยอยู่ในสถานที่ที่มีคนอาศัยมาก่อนแล้วได้อย่างไรกัน
“คนผู้นั้นเป็นใครกัน ถึงได้บังอาจมาอาศัยในสถานที่ที่ท่านเจ้าสำนักของเราอยากจะมาพัก” เด็กรับใช้คนที่พูดในตอนแรกเอ่ยอย่างโกรธแค้น
“เขาคือปรมาจารย์ท่านหนึ่ง เป็นผู้มีพระคุณของตระกูลจัวเรา” จัวหรานเอ่ยตอบ
“ไปเรียกเขามาพบพวกเราที! พวกเราอยากจะเห็นนักว่าเป็นใครกันแน่ จึงได้ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงถึงเพียงนี้!”
จัวหรานสะดุ้ง คิดไม่ถึงว่าตนพูดถึงขนาดนี้แล้วพวกเขาก็ยังไม่ยอมลดราวาศอก แต่เขาก็ไม่กล้าล่วงเกินซือหม่าโยวเย่ว์ จึงบอกปัดไปว่า “ท่านเจ้าสำนักโจว เขากำลังปลีกวิเวกอยู่ หากไปเรียกเขาในตอนนี้ เกรงว่าคงไม่ดีนัก”
“พูดเช่นนี้แสดงว่าเจ้าจะไม่ไปใช่หรือไม่” ถึงแม้ว่าอุปนิสัยของโจวซู่เหรินจะไม่ดี แต่ก็มิใช่คนโง่งม ฟังซ้ำไปซ้ำมาหลายรอบก็รู้ถึงการปกป้องของจัวหรานที่มีต่อซือหม่าโยวเย่ว์แล้ว “ไม่เลวๆ ดูเหมือนว่าพวกเจ้าตระกูลจัวจะยอมล่วงเกินสำนักพยัคฆ์สวรรค์เราเพราะคนนอกคนหนึ่งเสียแล้ว!”
“เจ้าสำนักพูดเกินไปแล้ว! พวกเราจะกล้าล่วงเกินสำนักพยัคฆ์สวรรค์ที่ไหนกัน ต่อให้หยิบยืมความกล้ามาจากสรวงสวรรค์พวกเราก็ยังไม่กล้าอยู่ดี!” จัวหรานรีบอธิบาย
เจ้าสำนักของสำนักพยัคฆ์สวรรค์เป็นระดับสำนักเทพขั้นสูง ว่ากันว่าอีกเพียงก้าวเดียวก็จะเหยียบย่างเข้าสู่ระดับจักรพรรดิเทพแล้ว เป็นผู้ที่มีระดับขั้นสูงที่สุดในอาณาบริเวณแห่งนี้ นอกจากนี้สำนักพยัคฆ์สวรรค์ยังมีคนเป็นจำนวนมาก ถึงแม้ว่าตอนนี้ตระกูลจัวของเขาจะยกระดับพลังยุทธ์ขึ้นมาไม่น้อย พวกเขาก็ยังไม่กล้าเผชิญหน้ากับสำนักพยัคฆ์สวรรค์อยู่ดี
“เฮอะ…ติงซาน เจ้าไปลากตัวคนผู้นั้นออกมาให้เจ้าสำนักอย่างข้าที ข้าอยากจะเห็นนักว่าที่แท้แล้วเป็นคนเช่นไร จึงทำให้ตระกูลจัวปกป้องได้ถึงขนาดนี้” โจวซู่เหรินส่งเสียงเฮอะเย็นชา
“ขอรับ ท่านเจ้าสำนัก” คนที่เอ่ยปากเป็นคนแรกผู้นั้นรับคำ แล้วเดินผ่านจัวหรานเข้าไปภายในบ้านตระกูลจัว
จัวหม่าที่ซ่อนตัวอยู่หลังประตูใหญ่ได้ยินคำพูดด้านนอกแล้วสีหน้าเปลี่ยนแปร ก่อนจะหมุนตัวแล้ววิ่งไปยังอุทยานบน
จัวหรานและจัวเซี่ยวตกใจ ก่อนจะรีบคำนับ “ท่านเจ้าสำนักโจว ที่ตั้งของอุทยานบนค่อนข้างห่างไกล ให้ข้าไปเรียกเขาเองดีกว่า ใต้เท้าติงซานไม่ต้องวิ่งไปเองหรอกขอรับ”
“ไม่ต้องหรอก ข้าว่าให้เจ้าไปเชิญก็ไม่แน่ว่าจะเชิญมาได้ ให้ติงซานไปนั่นแหละ ติงซาน เจ้าไปสิ” โจวซู่เหรินพูดด้วยรอยยิ้มเยียบเย็น
“ขอรับ ท่านเจ้าสำนัก” ติงซานหมุนตัวแล้วเดินต่อไป
“ท่านเจ้าสำนัก ใต้เท้าติงซานไม่เคยมาเยือนบ้านตระกูลจัวมาก่อน เกรงว่าจะหาที่ตั้งของอุทยานบนไม่พบ มิสู้ให้ข้านำทางเขาไปดีกว่าขอรับ” จัวเซี่ยวกล่าว
ติงซานหยุดลงอีกครั้งใช่แล้ว เขาไม่เคยมาที่บ้านตระกูลจัวเลย อุทยานบนที่ว่านั่นตั้งอยู่ที่ไหน เขาก็ไม่รู้เลยจริงๆ
“เช่นนั้นเจ้าก็ไปนำทางเสีย” โจวซู่เหรินพูด
“ขอรับ” จัวเซี่ยวประสานหมัดพูด หลังจากนั้นจึงมาอยู่ด้านหน้าติงซาน แล้วเอ่ยว่า “ใต้เท้าติงซาน เชิญ”
จัวเซี่ยวนำทางติงซาน โดยเลือกอีกเส้นทางที่อ้อมไปยังอุทยานบน เขารู้ว่าพวกจัวหม่าจะต้องไปเตือนซือหม่าโยวเย่ว์ก่อนแล้วอย่างแน่นอน
ผลปรากฏว่าตอนที่พวกเขาไปถึงอุทยานบน ซือหม่าโยวเย่ว์ก็ออกจากการปลีกวิเวกแล้ว
เขาเคาะประตูแล้วพูดว่า “ใต้เท้าโยวเย่ว์ เจ้าสำนักโจวแห่งสำนักพยัคฆ์สวรรค์อยากเชิญตัวเจ้าไปน่ะ”
“เจ้าสำนักโจวแห่งสำนักพยัคฆ์สวรรค์อย่างนั้นหรือ นั่นคือผู้ใดกัน อาศัยสิ่งใดจึงจะมาเชิญตัวข้าไป” เสียงของซือหม่าโยวเย่ว์ดังมาจากภายในห้อง แต่ตัวคนกลับมิได้โผล่หน้าออกมา
น้ำเสียงเย็นชานั้นทำให้สีหน้าติงซานดำทะมึน ไม่เห็นพวกเขาสำนักพยัคฆ์สวรรค์อยู่ในสายตาถึงเพียงนี้เชียวหรือ
“เจ้าเป็นใครกัน ไสหัวออกมาให้ข้าเดี๋ยวนี้นะ!” เขาระเบิดเสียงตะโกน
“เจ้าล่ะเป็นตัวอะไร อยากให้ข้าออกไปก็ต้องออกไปอย่างนั้นหรือ เจ้ามองตัวเองสูงส่งเกินไปแล้วนะ” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด
จัวหม่ายังอยู่ภายในห้องของซือหม่าโยวเย่ว์ เมื่อได้ยินเธอพูดจากับคนของสำนักพยัคฆ์สวรรค์ หัวใจดวงน้อยก็เต้นระรัว
ถ้าหากไปยั่วยุคนของสำนักพยัคฆ์สวรรค์เข้า แล้วเขาจะยังไปใช้ค่ายกลนำส่งของสำนักพยัคฆ์สวรรค์อีกได้อย่างไรกัน
ในขณะนี้ ในใจเธอไม่ได้นึกถึงเลยว่าถ้าหากล่วงเกินสำนักพยัคฆ์สวรรค์เข้า แล้วตระกูลจัวควรจะทำเช่นไรดี
ระหว่างทางกลับมายังตระกูลจัว ซือหม่าโยวเย่ว์ก็ได้รู้ข้อมูลของสำนักพยัคฆ์สวรรค์แล้ว หลังจากที่รู้ว่าพวกเขาลอบทำความชั่ว จึงเกิดความรู้สึกไม่สู้ดีนักต่อสำนักพยัคฆ์สวรรค์
และเมื่อครู่ที่จัวหม่าวิ่งกระหืดกระหอบมาบอกตนว่าคนของสำนักพยัคฆ์สวรรค์ต้องการให้ตนออกไปพบเพียงเพราะตนอาศัยอยู่ที่อุทยานบน เธอจึงยิ่งรู้สึกไม่ดีเข้าไปใหญ่
พวกเขาอยากให้ตนออกไป ตนก็ต้องออกไปอย่างนั้นหรือ พวกเขามองตัวเองสูงส่งเกินไปเสียแล้ว
สำนักพยัคฆ์สวรรค์แห่งนี้มิได้มีระดับสำนักเทพอยู่เพียงแค่คนเดียวหรอกหรือ ต่อให้พลังยุทธ์ใกล้จะถึงระดับจักรพรรดิเทพแล้ว ก็ยังเทียบกับสัตว์อสูรเหนือเทพขั้นสามตอนปลายไม่ได้อยู่ดี
ตระกูลจัวไม่กล้ายั่วยุ แต่มิใช่ว่าเธอจะไม่กล้าด้วยเสียหน่อย!
ติงซานเดือดดาลเพราะคำพูดของซือหม่าโยวเย่ว์เป็นอย่างยิ่ง นับตั้งแต่เข้าสู่สำนักพยัคฆ์สวรรค์ ติดตามโจวซู่เหรินแล้วก็ยังไม่มีใครกล้าพูดจากับตนเช่นนี้เลย เจ้าซือหม่าโยวเย่ว์ผู้นี้ช่างโอหังเกินไปเสียแล้ว!
เมื่อเพลิงโทสะของเขาลุกโชน ก็รวบรวมพลังวิญญาณซัดเข้าใส่ประตูห้องไปด้วย
เดิมทีคิดว่าจะทำให้ประตูพังแล้วเห็นสภาพภายในได้ แต่พลังวิญญาณนั้นกลับถูกบางสิ่งบางอย่างที่ประตูสกัดเอาไว้แล้วสะท้อนกลับมา
จัวเซี่ยวยืนอยู่ด้านหลังตั้งแต่แรก เมื่อเห็นพลังวิญญาณถูกสะท้อนกลับมา เขาจึงรีบถอยออกไปด้านหลัง
แต่ติงซานมิได้มีปฏิกิริยาตอบสนองรวดเร็วเช่นนั้น จึงถูกพลังวิญญาณที่สะท้อนกลับซัดเข้าใส่เต็มๆ
“พลั่ก…”
ติงซานถูกปะทะลอยไปถึงประตูเรือน หงายหลังแขนขาชี้ฟ้า
“อาศัยแค่เจ้า ไม่มีคุณสมบัติพอจะพบข้าหรอก ไสหัวออกไปเรียกเจ้านายของเจ้ามาเสีย” เสียงเรียบเฉยของซือหม่าโยวเย่ว์ลอยมา
……………………………………..