สลับชะตา ชายามือสังหาร - ตอนที่ 440 ออกมากันหมดแล้ว
โจวซู่เหรินรู้สึกได้ว่าคำพูดของซือหม่าโยวเย่ว์มีความนัยแอบแฝงอยู่ แต่กลับนึกไม่ออกว่าเหตุการณ์นี้มีสิ่งใดไม่ถูกต้อง
เขาถูกระดับเทพสามคนล้อมเอาไว้ มิใช่ว่าควรจะหวาดกลัวอย่างยิ่งแล้วหรอกหรือ เหตุใดจึงยังยิ้มได้อย่างสงบเช่นนี้อยู่อีกเล่า
ยังมีคำพูดของเขานั่นอีก หมายความว่าอย่างไรกัน เหตุใดจึงต้องขอบคุณที่ตนให้เวลาเขาหลายวันเช่นนี้ด้วยเล่า
เขายังมีไพ่ไม้ตายอะไรซ่อนอยู่อีกอย่างนั้นหรือ คิดแล้วไม่เข้าใจจริงๆ โจวซู่เหรินจึงไม่คิดอีกต่อไปแล้ว ถึงอย่างไรตอนนี้ลูกธนูก็อยู่บนคันธนูแล้ว จะไม่ปล่อยออกไปก็ไม่ได้
“ไป สังหารเขาให้ข้าเสีย!” เขาออกคำสั่ง
พวกติงซานสามคน มีระดับราชาเทพขั้นต้นสองคน ระดับราชาเทพขั้นกลางหนึ่งคน คิดจะจัดการกับระดับราชาเทพขั้นต้น นี่ควรจะเป็นการต่อสู้ที่ไม่ต้องตั้งตารอเลยแม้แต่น้อย
แต่ทั้งสามคนยังไม่ทันเริ่มขยับตัว คนที่จู่ๆ ก็โผล่มาจากกลางอากาศแล้วปรากฏตัวขึ้นในหุบเขานั่นมันเรื่องอันใดกัน
“โอ๊ยๆ ถูกขังมาเนิ่นนานเช่นนี้ ในที่สุดก็ได้เห็นเดือนเห็นตะวันข้างนอกเสียที” เจ้าอ้วนชวีบิดขี้เกียจพลางถอนหายใจด้วยความสบาย “ไม่ได้พบหน้าโยวเย่ว์มาเนิ่นนานเช่นนี้ ช่างคิดถึง เหลือเกิน”
“คนเหล่านี้ก็คือคนของสำนักพยัคฆ์สวรรค์พวกนั้นน่ะหรือ” เป่ยกงถังมองพวกโจวซู่เหริน ในดวงตาเผยแววอาฆาตอย่างไม่ปิดบัง
พวกเขาได้รู้สิ่งที่ซือหม่าโยวเย่ว์ประสบพบเจอในระยะนี้จากสัตว์อสูรผูกพันธสัญญาภายในเจดีย์วิญญาณแล้ว และรู้ว่าโจวซู่เหรินต้องการสังหารซือหม่าโยวเย่ว์ ดังนั้นพอออกมาจึง งล้อมพวกเขาเอาไว้ทันที
“พวกเจ้า พวกเจ้าเป็นใครกัน” โจวซู่เหรินเห็นพวกเว่ยจือฉีแล้วตกใจจนสะดุ้งโหยง
เจ้าคนพวกนี้โผล่ออกมาจากกลางอากาศอย่างนั้นหรือ
การเสกมนุษย์มีชีวิตนั้นเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ นั่นก็หมายความว่าในตัวซือหม่าโยวเย่ว์มีสิ่งที่แปลงเป็นมนุษย์ได้อย่างนั้นหรือ!
สิ่งล้ำค่าชัดๆ! ถ้าหากตนได้มาครอบครองแล้วละก็…
เมื่อเห็นแววละโมบในดวงตาของโจวซู่เหริน ซือหม่าโยวเย่ว์จึงเอ่ยว่า “สิ่งที่ควรรู้ หลายวันนี้ข้าก็ได้รู้หมดแล้ว ตอนนี้พวกเขาไม่มีประโยชน์แล้วละ”
“เช่นนั้นก็รีบจัดการแล้วรีบไปกันดีกว่า” ซือหม่าโยวหลินพูด
พวกซือหม่าโยวหมิงลงมือในทันที คิดจะสังหารน้องชายผู้ล้ำค่าของพวกเขา ช่างรนหาที่ตายโดยแท้!
ถึงแม้ว่าพวกเขาจะมีกันเพียงแค่สี่คน แต่เพราะมีระดับราชาเทพขั้นกลางอยู่ด้วย เพียงแค่คนผู้นี้ก็กดดันอีกฝ่ายได้มากแล้ว
ดังนั้นพวกซือหม่าโยวเล่อจึงพากันเข้าไปหมด ถึงแม้ว่าพวกเขาจะยังมิได้เลื่อนไปถึงระดับราชาเทพขั้นกลาง แต่ก็ได้ดูดซับพลังวิญญาณจากภายในเจดีย์วิญญาณไปไม่น้อย และเพราะพลังวิญ ญญาณอันหายากภายในมณีผลึก พวกเขาจึงอยู่ห่างจากการเลื่อนระดับไปอีกไม่ไกลแล้ว พลังการต่อสู้ก็ขาดอีกไม่เท่าไร
ยามปกติพวกติงซานมักอาศัยชื่อของสำนักพยัคฆ์สวรรค์ในการเขียนเสือให้วัวกลัว พลังอำนาจนี้เป็นของปลอม ส่วนพลังการต่อสู้ก็มิได้แข็งแกร่ง ตอนนี้มาเห็นคนที่จู่ๆ ก็โผล่ออกมา ในใ ใจจึงยอมจำนนแล้ว
คนสี่คนถูกคนสิบเอ็ดคนล้อมเอาไว้ จึงพ่ายแพ้อย่างรวดเร็ว ซือหม่าโยวเย่ว์ก็ไม่ให้โอกาสพวกเขาได้พูด ล้างผลาญพวกเขาสี่คนในทันที เปลวเพลิงสุดท้ายทำให้พวกเขาสูญสลายกลายเป็นเถ้าถ่า าน
พอจัดการแมลงหวี่แมลงวันพวกนั้นเสร็จเรียบร้อยแล้วทุกคนจึงค่อยมีกะจิตกะใจพูดคุยกับซือหม่าโยวเย่ว์
ซือหม่าเลี่ยมาที่ข้างกายซือหม่าโยวเย่ว์แล้ววางมือลงบนหัวไหล่เธอพลางมองเธอขึ้นๆ ลงๆ ครั้งแล้วครั้งเล่า ก่อนจะถามว่า “โยวเย่ว์ เจ้าไม่เป็นไรใช่หรือไม่”
ซือหม่าโยวเย่ว์ส่ายหน้าพลางเอ่ยว่า “ท่านปู่ ข้าไม่เป็นไร”
“อาการบาดเจ็บของเจ้าหายดีแล้วหรือ” ซือหม่าเลี่ยถามอย่างไม่วางใจ
“หายดีหมดแล้ว ท่านดูสิว่าเจดีย์วิญญาณฟื้นฟูกลับมาเช่นปกติ ก็หมายความว่าข้าไม่เป็นอะไรแล้ว” ซือหม่าโยวเย่ว์ผายมือออกเป็นเชิงว่าตนไม่เป็นอะไรแล้วจริงๆ
“น้องห้า เจ้าอย่าหาว่าพวกเราต่อความยาวสาวความยืดเลยนะ ตอนที่เจดีย์วิญญาณสูญเสียการเชื่อมต่อกับเจ้า ทำเอาท่านปู่ตกใจแทบตายแน่ะ กังวลอยู่ตลอดว่าเจ้าอาจจะ… แต่เห็นพวกเจ้าคำรามน้ อยยังอยู่กันหมด จึงค่อยสบายใจขึ้นมาบ้าง” ซือหม่าโยวหรานพูด
“นั่นสิ เห็นว่าเจ้าติดต่อไม่ได้แม้กระทั่งสัตว์อสูรผูกพันธสัญญา พวกเราจึงรู้ว่าเจ้าต้องได้รับบาดเจ็บสาหัสมากอย่างแน่นอน ถ้าไม่เห็นกับตาว่าเจ้าหายดีแล้วพวกเราก็ไม่สบายใจหรอก” ซือหม่าโยวหมิงพูด
ซือหม่าโยวเย่ว์ย่อมเข้าใจความรู้สึกของพวกเขาดี จึงพิสูจน์กับพวกเขาว่าตนฟื้นฟูกลับมาแข็งแรงสมบูรณ์แล้วจริงๆ ทุกคนจึงไม่ถามถึงอาการของเธออีก
“ใช่แล้ว โยวเย่ว์ ตอนนี้พวกเราอยู่ที่ไหนกันหรือ” เจ้าอ้วนชวีถาม
ซือหม่าโยวเย่ว์เล่าสถานการณ์เขตรอบนอกของดินแดนโบราณให้พวกเขาฟัง ทุกคนมีสีหน้าขมขื่นขึ้นมาในทันที
“พูดเช่นนี้ การใช้ชีวิตในเขตรอบนอกนี้ก็ยังสู้ดินแดนเบื้องล่างไม่ได้เลยน่ะสิ!” ซือหม่าโยวเล่อพึมพำ
มิอาจเหาะเหินเดินอากาศ มิอาจใช้ค่ายกลนำส่งได้ตามใจชอบ แม้กระทั่งสัตว์อสูรวิเศษก็ยังมิอาจทำพันธสัญญาได้ตามอำเภอใจ ย่ำแย่กว่าดินแดนเบื้องล่างมากมายนัก!
“สันเขาพยัคฆ์สวรรค์อยู่ภายในเจ็ดแคว้นใต้ เป่ยกง เจ้ารู้จักที่นี่หรือไม่” ซือหม่าโยวเย่ว์ถาม
“ใช่แล้ว เป่ยกง บ้านเจ้าก็อยู่ที่เขตรอบนอกนี่ เจ้าคงจะค่อนข้างคุ้นเคยกับเขตรอบนอกสินะ” เจ้าอ้วนชวีพูด
เป่ยกงถังส่ายหน้าแล้วเอ่ยว่า “ข้าเคยได้ยินชื่อเจ็ดแคว้นใต้มาก่อน แต่ก็แค่เคยได้ยินคนในตระกูลพูดถึงเพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น”
“บ้านของเจ้าอยู่ที่ไหนหรือ” เว่ยจือฉีถาม
“บ้านของข้าอยู่ที่แดนชั้นกลาง เป็นอาณาบริเวณที่ใหญ่ที่สุดของเขตรอบนอก”
“เขตรอบนอกนี้มีอาณาเขตใหญ่อยู่สิบแห่ง เจ็ดแคว้นเหนือ ห้าทะเลเหนือ สามมณฑลตะวันออก สิบสุสานตะวันออก ทะเลทรายตะวันตก แดนแล้งตะวันตก เจ็ดแคว้นใต้ พันหุบเขาใต้ แดนชั้นกลาง แ และแคว้นกลาง” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด “ภายใต้แต่ละอาณาเขตก็จะมีอาณาเขตแบ่งย่อยลงไปอีกนับไม่ถ้วน”
“ดินแดนโบราณนี้ช่างยิ่งใหญ่นัก เพียงแค่เขตรอบนอกก็ใหญ่โตถึงเพียงนี้แล้ว” เจ้าอ้วนชวีจุ๊ปากแล้วเอ่ยพึมพำ
“ก็ใช่ ถ้าพวกเราอยากไปที่เขตชั้นกลาง ดูเหมือนว่าจะต้องไปที่อาณาเขตที่ใหญ่หน่อยเหล่านั้นเสียแล้วละ” เว่ยจือฉีพูด
ซือหม่าโยวเย่ว์มองเป่ยกงถังพลางเอ่ยว่า “ไม่อย่างนั้นพวกเราไปที่แดนชั้นกลางกันก่อนเถิด”
เป่ยกงถังร่างกายแข็งเกร็ง ต้องกลับไปแล้วอย่างนั้นหรือ
ตั้งแต่จากมาจนถึงตอนนี้ นางคิดอยากกลับไปมาโดยตลอด แต่วันนี้เมื่อมาถึงที่นี่จริงๆ แล้วนางกลับหวาดกลัวอยู่บ้างเสียแล้ว
นางกลัวว่าพอกลับไปแล้วไม่เห็นมารดาและน้องชาย ถ้าหากเป็นเช่นนั้นนางก็ไม่รู้ว่าตนเองจะเป็นเช่นไรบ้าง
ซือหม่าโยวเย่ว์ก้าวเข้าไปตบบ่านางพลางเอ่ยว่า “ไม่ต้องกลัวนะ พวกเราทั้งหมดจะอยู่กับเจ้าด้วย”
เป่ยกงถังเห็นแววให้กำลังใจในดวงตาของซือหม่าโยวเย่ว์ จึงพยักหน้าแล้วพูดว่า “เช่นนั้นพวกเราไปที่แดนชั้นกลางกันก่อนเถิด”
ถ้าหากพวกท่านแม่ยังอยู่นางก็จะช่วยพวกเขาออกมา แล้วหาตัวผู้ที่ลงมือในตอนนั้นมาแก้แค้นเสีย
ถ้าหากพวกเขาไม่อยู่แล้ว… เช่นนั้นนางก็จะทำลายล้างทั้งตระกูลเป่ยกงอย่างแน่นอน!
“เช่นนั้นตอนนี้พวกเราไปยังเมืองหงที่เป็นที่ตั้งของสำนักพยัคฆ์สวรรค์กันก่อนดีกว่านะ”
ซือหม่าโยวเย่ว์เรียกตัวเจ้าวิหคน้อยออกมา พร้อมกับเรียกซางมู่อวี่ผู้เป็นมารดาของโอวหยางเฟยและเสี่ยวถูออกมาด้วย ทุกคนออกมากันหมดแล้ว ถ้าหากให้พวกเขาอยู่ภายในนั้นกันสองคน นก็คงจะน่าเบื่อเกินไป
เมืองหง มีลักษณะคล้ายคลึงกับเมืองหลวงอยู่บ้าง เพราะเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดในสันเขาพยัคฆ์สวรรค์
ว่ากันว่าคนส่วนใหญ่ภายในเมืองนี้ล้วนเป็นคนของสำนักพยัคฆ์สวรรค์ เพียงแต่เป็นศิษย์ของเขตรอบนอกเท่านั้น มีเพียงแค่ศิษย์ของเขตชั้นในเท่านั้นที่มีสิทธิ์พักอาศัยภายในสำนักพยัค คฆ์สวรรค์
และถ้าผู้ที่ไม่ใช่คนของสำนักพยัคฆ์สวรรค์นึกอยากจะลงหลักปักฐาน ก็จำเป็นต้องจ่ายค่าคุ้มครองเช่นเดียวกันกับตระกูลเหล่านั้น มีเพียงแค่การจ่ายค่าคุ้มครองเท่านั้นที่จะเปิดประตูทำการ รค้าภายในเมืองแห่งนี้ได้
ตอนที่พวกซือหม่าโยวเย่ว์มาถึงเมืองหงก็เป็นเวลาสองวันให้หลังแล้ว พอพวกเขาเข้าไปก็รู้สึกได้ว่าบรรยากาศทั้งเมืองออกจะแปลกประหลาดอยู่บ้าง คล้ายกับว่าตกตะลึงอย่างยิ่งที่พวกเข ขามาถึงที่นี่ได้
พวกเขาหาโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่ง คิดจะเข้าไปพักก่อน แต่ยังไม่ทันได้พูดกับผู้ดูแล ก็มีบุรุษที่สวมชุดเหมือนกันกลุ่มหนึ่งกรูกันเข้ามาจากด้านนอก แต่ละคนดูโหดร้ายป่าเถื่อน
พวกเขาเห็นพวกซือหม่าโยวเย่ว์แล้วจึงเดินเข้ามา จมูกเชิดชี้ฟ้า พลางเอ่ยถามอย่างดูแคลนว่า “พวกเจ้าคือคนกลุ่มใหม่ที่เพิ่งเข้าเมืองมาเหล่านั้นใช่หรือไม่”